เอาเรื่องลุงถิดกับแม่วัวนะ
เรื่องนี้ ออกตัวก่อนนะครับ ว่า ฮาก็จริง แต่...มีคนตาย...!!!
ตัวละคร ก็เป็นญาติฝ่ายพ่อผมเสียส่วนใหญ่ เหตุเกิดนานแล้ว แต่ครั้งผมยังเด็กน้อย
พ่อแม่ไปทำธุระที่บนเขาหลายปี เอาผมไปฝากให้ย่าเลี้ยงที่หลังมหาลัยวลัยลักษณ์
สมัยนั้น (ราวปี ๒๕๒๐-๒๕๒๔ ก่อนสมโภชน์กรุง)บ้านเรือนมีน้อยหลัง แต่ละหลังก็รู้จักกันถ้วน
แต่มันจะมีอยู่อย่าง ที่คนทุกวันนี้ไม่ค่อยมี คือ เรื่องความบาดหมางระหว่างบ้าน....
อย่างบ้านปู่ผม ก็จะหมางกันกับบ้านไข่แลน เรื่องเหมือง....
ไข่แลนแกอยู่ต้นน้ำ ปักหลักกั้นให้น้ำเข้านาแกจนน้ำเหมืองต่ำ ปู่ไปขอแกก็ไม่ให้ ปู่เลยตีเอากับไม้ไผ่ผ่าซีกปางตาย
......
คนฝ่ายโน้นจารปราชเห็นว่าไงครับ สมัยนี้กะสมัยก่อน(เอาง่ายๆรุ่นผมกะจานปราชวัยรุ่น) มุทะลุ ใจร้อน จุดเดือดต่ำ การมีเรื่องจะไม่จบง่ายๆ
สังคมเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นมากมั้ยครับ พอคนมีต้นทุนชีวิตมากขึ้น ทำไรก็ยั้งคิดมากขึ้น

ผมว่าไม่ใช่ต้นทุนชีวิตนะ เอ หรือว่าใช่
คือ..เรื่องน้ำเหมืองนี่มันเรื่องใหญ่ของคนสมัยนั้น สมัยที่ยังวิดปลากันด้วยโพงปี๊บ เพราะไม่มีปั๊มน้ำ
อาชีพเขาทำนา น้ำเหมืองเป็นความจำเป็นยิ่งยวด ข้าวจะงอกอยู่แล้วยังเอาน้ำเข้านาไม่ได้ ก็จบ...
สมัยนั้น ทนายไม่มี ถึงมีก็ไกลตัว ....แจ้งความก็ไกลตัวอีกเหมือนกัน ก็เลยตัดสินกันเอง...
เรื่องที่เป็นเรื่อง มักเป็นเรื่องเขตแดน เรื่องวัวควายเข้าลุยนา เรื่องเหมืองน้ำ เรื่องผิดลูกผิดเมีย
ซึ่งนับถึงทุกวันนี้ เรื่องเขตแดน จบด้วยโฉนด...
เรื่องวัวควายเข้าลุยนา...หาควายให้ได้สักตัวก่อนดีมั๊ย
เรื่องเหมืองเรื่องน้ำ สมัยนี้มีปั๊มน้ำ มีไฟฟ้ามอเตอร์ จะเอากี่คิวต่อนาทีล่ะ
ส่วนเรื่องผิดลูกผิดเมีย ยุคศีลธรรมตกต่ำ เรื่องสวิงกิ้งเป็นเรื่องธรรมดา คงไม่ถือกันเท่าไหร่แล้วมั๊ง