ผมซื้อรถคันนี้เมื่อราวปี ๒๐๐๑
สมัยนั้น ถึงจะมีฐานันดรกว่าลูกจ้างชั่วคราวและพนักงานสัญญาจ้าง แต่ก็เป็นแค่ลูกเบ๊ชั้นผู้น้อย
เงินเดือนหนึ่งหมื่นสองพันสี่ร้อยบาท(ทำบัตรเครดิตกรุงไทยยังไม่ได้เลย ได้แต่บัตรเงินสดมาใบนึง เท่ห์แหลกลาญ)
ตอนนั้น รถกระบะออกใหม่รุ่นล่าสุด โตโยต้ายังเป็นไทเกอร์ เครื่อง 2L,5L ดีแมกซ์ยังใช้เครื่องก้านกระทุ้งวาล์วอยู่เลย
ผมมีเงินเก็บอยู่ก้อนนึง อยากหารถยนต์มาขับ ถึก ๆ อย่างเรา ต้องรถกระบะอยู่แล้ว
ถ้ากระบะ ต้องอีซูสุ...ยี่ห้อนี้ยี่ห้อเดียวเท่านั้น ที่เป็นกระบะของจริง ยี่ห้ออื่นไม่ใช่กระบะ เป็นแค่ลังไม้ฉำฉา
เพื่อนคนหนึ่ง งัดข้อกับผมอยู่เนือง ๆ มันขับคันโน้นคันนี้มาอวด....
เอาอีซูสุ ดราก้อนอาย ตัวท็อป ปี๙๗ มาขับ แล้วบอกผมว่า เอาม้าย เค้าจะขายให้สามแสนห้า....
รถเทพในอุดมคติของผมเลยนะนั่น

ผม...ตกลงแทบจะทันที แต่เงินขาดอยู่ร่วมแสน....บอกขอหาเงินเพิ่มสักเดี๋ยว.....ทั้งที่ยังไม่รู้จะไปหาที่ไหน
มันก็บอกขายผมทุกวัน บอก มีสามแสนห้าก็เอากุญแจกับเล่มโอนลอยไปเลย....
มันพูดเสียงดังต่อหน้าคนด้วย....เป็นการประกาศให้คนรู้ ว่าไอ้บ่าวนี่ อยากได้รถกรู แต่มรันไม่มีเงินเอา....
แสบดีมั๊ยล่ะ

ผมตัดสินใจ ขายไม้จำปาต้นใหญ่ในสวนยางไปต้นหนึ่ง (เสียดายสุด ๆ ไม้ดงหิน เนื้อแกร่ง) ได้มาสี่หมื่น หยิบยืมพี่ ๆ ได้มาอีกพอควร
ก็ยังขาดอยู่ราวสองหมื่น กะว่าจะเอาแล้ว ขอค้างมันไว้ก่อนสักอาทิตย์ มันคงยอม (ตอนนั้น อยากได้เดี้ยนแล้ว)
ผล....มันฉีกหน้าผมต่อหน้าคนเป็นสิบเลย....
มันบอก ให้โอกาสตั้งหลายวันแล้ว หาเงินมาได้ไม่ครบมันขายให้ไม่ได้หรอก....
อีกอย่าง คันนี้มีคนจองแล้ว พรุ่งนี้เขาจะให้เอารถไปส่ง เขาจ่ายเงินครบทีเดียวเลย
.........
เป็นที่วิพากย์กันทั่วทั้งที่ทำงาน เนื่องด้วยเรามีตำแหน่งที่ต้องติดต่อคนทั่วทั้งองค์กร
ก็เลยเป็นที่รู้จักไปทั่ว ซ้ำยังปากหมานิด ๆ ด้วย ก็เลยกลายเป็นคนดัง....
ไปไหนใครก็คุย ก็ถามเรื่องนี้ (สมัยนั้น พนักงานร้อยคน มีรถยนต์สัก สามสิบกว่าคนได้มั๊ง)
ผมก็แฮงก์สิ.........
ยิ่งมารู้ทีหลังว่า รถคันนั้นเป็นของพี่มันให้ยืมมาใช้ ขายไม่ได้ ก็ยิ่งเจ็บใจ
ก็เลยกะจะดาวน์รถกระบะใหม่เลย (จองฟอร์ด ๘ รู หลังตัว ๑๒ วาล์วเอาไว้ มัดจำแล้วด้วย)
ก็มาโม้ไว้พอควร กรูจะออกเจ้าตัวแรงมาขับแล้ววุ้ย เครื่องเทอร์โบออกตัวล้อลั่นอี๊ยด....
เพราะมันเป็นเทอร์โบของจริง
ไม่ใช่เทอร์โบของเด็กเล่นอย่างดราก้อนอาย.... 
พนักงานที่นั่น ชอบเรื่องเพื่อนครับ.....
ไม่เว้นทั้งอาจารย์ ผู้บริหาร นักวิจัย ไปจนแล็บบอย หรือแม่บ้าน คนขับรถ กระทั่งแม่ค้าที่ศูนย์อาหาร
ได้เรื่องเพื่อนสักเรื่อง ให้ลงเวรแทนเพื่อนก็ยอม แต่เรื่องเพื่อนต้องต่อเนื่อง อย่าให้ขาดตอน
.................
เรื่องที่ผมจองรถใหม่ ก็แพร่เร็วปานไฟลาม
แต่แพร่เร็วกว่า แรงกว่า ก็คือเรื่อง เพื่อนคนนั้น....จองดีแม็กซ์
ซึ่งขณะนั้น อีซูสุเพิ่งโดน GM เทคโอเวอร์ไป และปรับพลิกโฉมกระบะตัวใหม่ ฉีกรูปแบบเหลี่ยม ๆ เดิมทิ้ง
แล้วก็ยังนำเอายี่ห้อในเครืออีกตัวมาลงคู่ขนานในไทยด้วย....เชฟโรเล็ต....!!
มันเป็นการหักเหลี่ยม ฟันเชิงกันอย่างงี่เง่าได้เหลือเชื่อ กับอารมย์เราในตอนนั้น
ปากกัดตีนถีบด้วยกันทั้งนั้น แต่พยายามสร้างภาพว่า กูรวย กูมี กูหรอย กู กู ฯลฯ
เพื่อนได้รับรถดีแมกซ์แล้ว คันแรกของที่นั่น คันที่สามของเมืองคอน .....
ท่ามกลางข่าวลือว่า กู้สหกรณ์จนเต็มวงเงินเพื่อเอามาดาวน์รถ....ส่วนผม ไม่ได้เป็นสมาชิกสหกรณ์
ระหว่างรอรถฟอร์ด....มรสุมแห่งความพ่ายแพ้ก็เข้ามา....
พ่อผมเป็นมะเร็ง....กว่าจะทราบก็เลยระยะหวังผลมาไกลแล้ว....
พวกเราพี่น้องทั้งสี่ มาประชุมสุมหัวกัน....เรารู้แล้วว่า ยังไงก็ต้องเสียพ่อไป...
แต่พี่คนหนึ่งบอกว่า ที่เราทำงานเก็บเงินอยู่ทุกวันนี้ ก็เพื่อการนี้ไม่ใช่หรือ......
...เท่านั้นแหละ เงินเก็บของสี่พี่น้องก็ถูกทยอยลงมายังกองกลาง เพื่อยื้อให้พ่ออยู่ต่อให้นานที่สุด
แล้วผมก็เหลือเงินแค่แสนกว่าบาท หลังลงขันและจ่ายหนี้ให้พี่ที่ยืมมาวันก่อน
เวรหนักเข้าไปอีก เมื่อภาระต้องใช้รถยนตฺเกิดขึ้น ผมต้องผลัดเวรพาพ่อไปฉายแสงที่ มอ.
....เอาไงล่ะทีนี้....
คิด ๆ เครียด ๆ ขับรถเทน่ากลับบ้านตอนเย็น เจอรถฟอร์ด สีแดง สภาพ "เก่าและทรุดโทรม" ติดป้ายขาย
ก็แวะเข้าไปคุย ไม่ได้อยากได้หรอก รถที่กระบะผุทะลุเป็นรูขนาดนี้ ....
แกขายแสนสอง....(แพงชิบ..ห่..) กับสภาพภายนอกขนาดนั้น ภายในจะขนาดไหน
ก็เลยทำท่าจะขอลา...แกก็คะยั้นคะยอให้ผมลองขับรถขี้หนิมของแกให้ได้.....
....ผมก็ เอาก็เอาวะ....
พอลองขับ....ฟิลลิ่งของเครื่องยนต์อีซูสุมังกรทองก็จริง แต่มันคนละเรื่องกันเลย
รถคันนั้น เครื่องดีเหลือเชื่อ ตอบสนองได้ดีราวกับเครื่องรถใหม่
แล้วก็ลองพิสดารอีกอย่าง....คือทดสอบช่วงล่างด้วยวิธีระห่ำ...
ขับมาด้วยความเร็วราว ๘๐ ถนนโล่ง ๆ ว่าง ๆ ปล่อยมือจากพวงมาลัย หาอะไรคว้าให้มั่น...
แล้วกระทืบเบรคสุดแรง (จินตนาการว่า ไดโนเสาร์ ที.เร็กซ์ วิ่งตัดหน้ากระชั้นชิด)
รถที่ไม่สมบูรณ์ เจอยังงี้ต้องแกว่ง และออกอาการให้เห็น แต่คันนี้ ไม่เลย ล้อดริ๊ป แต่หน้ายังไปตรงแหน๋ว
วิธีนี้ ถูกผิดไม่รู แต่ผมเชื่อแล้ว ว่า แสนสอง ไม่แพงเกินไป
วั่นรุ่งขึ้น มันก็ได้มานอนชายคาบ้านผม
ย้อนกลับไปที่ทำงานผม สหายปากลังตังของผม ขับดีแม็กซ์ป้ายแดงแปร๊บบบ
แล้วหันมาดูไอ้เถือกคู่ปรับนี่สิ....ขับรถยี่ห้อถ่อย ๆ (ไม่ได้ล่วงเกินใครนะ มันรู้สึกกันยังงี้จริง ๆ)
แล้วแลสภาพทีต่ะ ยังกะรถขนข้าวหมู....
มันจ้องจะถากถางผมอยู่นานแล้วแหละ แต่ถ้าไม่ใช่ต่อหน้าคน มันไม่ทำ....

วันหนึ่ง เคราะห์ก็เกิดแก่ผม ผอ. กับเลขา และคณะเลียนับสิบ เดินไปโรงอาหาร ผ่านทางโรงรถ....
ผมจอดรถเสร็จแล้ว กำลังจะล็อก ดีแม็กซ์ก็พรวดมาจอดชิดทันที
แล้วก็ลุกลี้ลุกลน เปิดประตูมายกมือใหว้ ผอ. แล้วเปรยดัง ๆ ว่า....
"เก่งจริง ลูกน้อง ผอ. ซื้อรถมาไม่กี่วัน หลุดแล้ว" ผมก็ ปรี๊ดดดด ขึ้นหน้า.....
โดยความหมายตรง ๆ คือ ซื้อรถมาไม่กี่วันก็"หลุด"คุ้มทุนแล้ว เพราะซื้อมาในราคาถูก อะไรเทือกนั้น
แต่ความหมายโดยนัย คือ หลุดเป็นชิ้น เป็นแผ่น ล่อนออกมาจากตัวรถเพราะความเก่านั่นแหละ

วลีเด็ดคำนั้น....แพร่ผ่านระบบสารบรรณเรื่องเพื่อนภายในครึ่งวัน ก็ทั่วองค์กร
.....
จนเพื่อนอีกคน ที่อยู่คนละหน่วยงานมาถาม.....
ผมกำลังปรี๊ดสุด ๆ กับเรื่องนี้ ก็ใส่ออกไปทั้งอารมย์ปรี๊ด
". เออแล่ะ...!! รถกูหลุดแล้ว ไม่ต้องมาผ่อนทั้งสหกรณ์ทั้งไฟแนนท์เปรตอยู่"
........
ยัง....ยังไม่หนำใจ ความแค้นที่ไม่ได้ชำระให้สาแก่ใจ เหมือนหนามกำตำฝ่าตีน....
ผมไปร้านพรรคพวก ชื่อร้านนิวสติกเกอร์ ให้ช่วยตัดสติ๊กเกอร์ข้อความนี้ให้ที....
ติดเอาไว้หลังรถ ใครอ่านเจอ จะต้องมีคำถาม.....
....แล้วผมก็ไม่เบื่อที่จะตอบเสียด้วยสิ
ข้อความว่า
"เราหลุดแล้ว...แต่ท่านสิ ยังไม่หลุด"
ว่าซัยนอนหลับไม่ใคร่ทิ่น ก้าแล้วยังเรื่องเพื่อนให้ติดตามนี่เอง
ยังสักเรื่องเหลยหม้ายครับ