ลูกสุดกตัญญู
สองคนตายาย อายุน่าจะซัก 60 เมียนั่งบนวีลแชร์ ผัวคนเข็นให้ วันนี้ คนไข้เยอะ ผู้ช่วยเหลือคนไข้มีแค่ 3 คน
วิ่งกันให้วุ่นไปหมด หลังจากพบหมอ ตรวจ - รับยาเสร็จ ผัวเข็นวีลแชร์ให้เมีย เพื่อจะลงทางลาด ไปขึ้นรถที่ลูกชาย
นำมาจอดคอยอยู่แล้ว แต่คงไม่กล้าเข็นลงทางลาด กลัวเมียหน้าคะมำ เลยแนะนำว่า ถอยหลังลงครับ ยึก ๆ ยัก ๆ อยู่พักนึง
ก็นำเมียลงไปขึ้นรถไม่ได้ซักที
คงจะทนกับลูกชายสุดที่รักไม่ไหวแล้ว ลงไปเคาะกระจกเรียกลูก
"มึงวางซักทีได้มั๊ย กับไอ้โทรศัพท์เนี่ย" พอลูกลงจากรถ แกก็ตบหัวไปทีนึง "โทร.หาอะไรนักหนา มาช่วยแม่มึงบ้าง"
ลูกชาย อายุกว่ายี่สิบแล้ว ใส่กางเกงขาสั้น เสื้อยืด คีบแตะ คงจะทำธุรกิจ ระดับพันล้าน ถึงต้องนั่งโทรศัพท์ตลอดเวลา
ไม่มีเวลาลงมาช่วยแม่มันขึ้นรถ
ต้องแบบพี่หรอยสิครับ...จับโทรศัพท์มาควัดทิ้งเลย

สวัสดีครับ ควัดไม่พอ ต้องเอาแบตฯ มาทุบทิ้งดว้ย เผื่อเดียวไปซื้อรุ่นเดิมกลับมาใช้อีก.....อิ อิ
ไม่รู้ว่า มันจะโทร.อะไรกันนักกันหนาเลยครับ วันนี้ เจอเยอะครับ จากตอนสาย ๆ ที่ไปถึง
วันนี้ ได้นั่งในห้องแอร์ คอยการซักประวัติจากพยาบาลเพื่อเตรียมการคัดกรองส่งคุณหมอ เก้าอี้แถวหลัง นั่งได้หกคน
เห็นมีคนป่วย ที่ถือบัตรคนไข้อยู่ 2 คน อีก 4 คน เป็นญาติ นั่งประกบข้างคนไข้ ก้มหน้าก้มตา กดโทรศัพท์
แถวหน้า ก็เช่นเดียวกัน แต่เป็นคนไข้ซะตั้ง 4 คน โดยหนึ่งในสี่คนนั้นสงสัยจะเป็นโรคนิ้วกุด กดแม่งแต่โทรศัพท์อยู่นั่นแหละ
กดไป กดมา ก็ลุกไปถามพยาบาล "อีกนานมั๊ยคะ คิวหนู โทรศัพท์แบตเริ่มอ่อนแล้ว จะขอออกไปเอาแบตสำรองในรถก่อน"
โถ ... น้องหอย เองป่วยมาจะมารักษา แต่ยังห่วงแบตหมด

หลังจากผ่านการคัดกรอง ได้ไปนั่งคอยพบคุณหมอในห้องตรวจ - รักษา มีเก้าอี้ให้นั่งคอยได้ครั้งละ 6 คน ... คนไข้ล้วน ๆ ไม่มีญาติ
นึกว่าจะสงบ หนึ่งคน นั่งโทรศัพท์อยู่นั่นแหละ ส่งเสียงเจี้อยแจ้วแข่งกับอีกสามนางที่คุยกัน วินิจฉัยโรคกันเอง แข่งกับเสียงคุณหมอ
ที่กำลังตรวจรักษาคนไข้
ผมก็เลยควักโทรศัพท์ออกมากดบ้าง ให้มีไฟสว่างแวบขึ้นมาให้คนเห็น จากนั้น ... "สวัสดีครับ อ๋อ กำลังอยู่ในห้องตรวจ คุยไม่สดวกนะครับ
เกรงใจคนไข้ที่นั่งข้าง ๆ อีกครึ่งชั่วโมงโทร.มาใหม่นะครับ"
ได้ผลแฮะ มนุษย์โทรศัพท์ ทำตาประหลับประเหลือกสองสามที ... แล้วก็ "เท่านี้ก่อนนะ" จากนั้น ก็เก็บโทรศัพท์ยัดใส่กระเป๋า
ส่วนอีกสามนาง ยอมลดวอลลุ่มลงมาคนละนิด คนละหน่อย ... เฮ้อ
