
จิตแพทย์วิเคราะห์อาการ "นายกัณฑ์พิทักษ์" เป็นไปได้ทั้งบันดาลโทสะ หรือมีอาการทางจิตจริง เบื้องต้นไม่พบประวัติการรักษาพยาบาลโรงพยาบาลจิตเวชเด็ก ระบุกลุ่มที่โมโหจนระงับอารมณ์ไปอยู่ความอดทนต่ำเพราะถูกเลี้ยงตามใจ สปอย ยกกรณีรถเฉียวกันแล้วถึงกับยิงก็มีให้เห็น ระบุคนเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจิตเวชไม่ได้เป็นโรคจิตเสมอไป
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน จิตแพทย์และ โฆษกกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีนายกัณฑ์พิทักษ์ ปัจฉิมสวัสดิ์ อายุ 20 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ลูกชายนางสาวิณี ปัจฉิมสวัสดิ์ อดีตนางสาวไทยปี 2527 ก่อเหตุขับรถเบนซ์พุ่งชนผู้โดยสารรถเมล์สาย 513ว่า ขณะนี้ที่ข้อมูลที่ได้รับยังไม่ชัดเจนแต่ในเบื้องต้นวิเคราะห์ได้ 2 แนวทางคือ การเกิดบันดาลโทสะ เนื่องจากไม่สามารถระงับอารมณ์ตัวเองได้ ซึ่งกลุ่มนี้เป็นได้ทั้งป่วยเป็นโรคทางจิตและไม่ได้ป่วย และการมีอาการเจ็บป่วยทางจิต โดยได้มีการตรวจสอบฐานข้อมูลผู้ป่วยจิตเวชเด็กในสถานพยาบาลของรัฐแต่ไม่พบข้อมูลประวัติแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ขณะนี้ไม่ทราบว่า มีประวัติการเจ็บป่วยทางจิตในโรงพยาบาลผู้ใหญ่หรือไม่ อย่างไรก็ดีหากข้อมูลมาจากญาติพี่น้องที่มีความใกล้ชิดแจ้งว่าเข้ารับการรักษาอาการทางสมองที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ก็สามารถี่จะนำหลักฐานมายืนยันได้ แต่แพทย์จะไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลของคนไข้ โดยทางด้านการสืบสวนสอบสวนหากมีการประสานสงสัยจะมีอาการทางจิตโดยให้แพทย์ทำการตรวจยืนยัน ทางโรงพยาบาลก็จะประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลตรงนี้ โดยขอคำสั่งศาลให้เปิดเผยข้อมูลด้วย
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า อาการเจ็บป่วยทางจิต มี 3 ทาง คือ 1.การเจ็บป่วยทางสมอง เช่น เกิดเนื้องอกที่ไปกดเส้นประสาทการควบคุมตัวเองทำให้ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ หรือเป็นโรคลมชัก 2.โรคทางจิตประสาทหลอนหูแว่วและ 3 ติดสารเสพติด พบบ่อยในกลุ่มที่ติดยาบ้าหุนหันพลันแล่นไม่มีสติ อย่างไรก็ตาม กรณีที่เหตุรุนแรงจากการบันดาลโทสะพบบ่อยที่สุด และมีให้เห็นอยู่มากมาย อย่างกรณีรถที่เบียด แซง เฉียว ชน กัน แล้วออกจากรถมาเท้าเอวด่า ชกต้อย จนถึงขั้นใช้ปืนยิงกันตาย ซึ่งกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้มีอาการป่วยทางจิตแต่มักเป็นเพราะการบันดาลโทสะ
อย่างไรก็ดี การผู้ป่วยเคยเข้าไปรักษาโรคทางจิตเวชก็ไม่ได้หมายความว่า เป็นโรคจิตเสมอไป เพราะการรักษาโนโรงพยาบาลจิตเวชมีหลายๆ แขนง อาจเป็นการให้คำปรึกษา ปวดหัว นอนไม่หลับแล้วไปรับยานอนหลับ การเป็นไมเกรน หรือไม่สบายเข้าโรงพยาบาลทางจิตเมื่อ 10 ปี ที่แล้วแล้วไปหาหมอครั้งเดียวแล้วไม่ไปอีกเลยหรืออาจจะหายแล้ว ดังนั้น จะต้องตรวจสภาพอาการ หรือสถาวะการณ์ขณะนั้นด้วยว่ามีอาการทางจิตหรือไม่ นพ.ทวีศิลป์กล่าว
นพ.ทวีศิลป์กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มปกติ ที่ใจร้อน หุนหันพลันแล่น เป็นกลุ่มที่มีปัญหาการควบคุมอารมณ์ ไม่มีความอดทน สามารถระเบิดอารมณ์ได้ทุกเมื่อ หรือ มีเรื่องหรือมีปัญหาเล็กน้อยก็ทำให้เป็นเรื่องใหญ่เป็นไปได้อย่างมากที่เกิดมาจากการเลี้ยงดูอย่างตามใจ สปอยเป็นคุณหนู ไม่เคยถูกขัดใจ ไม่มีการฝึกความอดทนตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งวิธีการป้องกันคือพ่อแม่จะต้องฝึกลูกในช่วง อายุ 2-5 ปี ซึ่งถือเป็นโอกาสทองที่จะช่วยให้ลูกรู้เท่าทันอารมณ์ตนเอง และสามารถควบคุมอารมณ์ได้ และเมื่อโมโหหรือโกรธก็รู้จักระบายออกอย่างสร้างสรรค์