เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ธันวาคม 22, 2025, 04:07:30 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พ.ร.บ. รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร...ไปถึงไหนแล้วครับ  (อ่าน 5021 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สหายเล็กน้อย
ความรักเป็นเรื่องตลก...อกหักเป็นเรื่องขำ ๆ
Hero Member
*****

คะแนน 2113
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 11510


...มีแต่ตัวกับหัวใจ... เธอจะรักฉันไหม ... !!!


« เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2007, 04:19:49 PM »

 Smiley Smiley Smiley...จากที่มีมติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบผ่านร่าง พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.... ซึ่งขณะนี้อยู่ที่กฤษฎีกา และเตรียมเข้าสู่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)...ไม่ทราบว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง...ทำไมให้อำนาจ กอ.รมน. มากมายขนาดนั้น...ขอความรู้ความคิดเห็นด้วยครับ... Smiley Smiley Smiley
บันทึกการเข้า



...ล้มแล้วจงลุกใหม่...จนกว่าลูกแกะจะกลายเป็นราชสีห์...
สหายเล็กน้อย
ความรักเป็นเรื่องตลก...อกหักเป็นเรื่องขำ ๆ
Hero Member
*****

คะแนน 2113
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 11510


...มีแต่ตัวกับหัวใจ... เธอจะรักฉันไหม ... !!!


« ตอบ #1 เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2007, 04:51:57 PM »

 Smiley Smiley Smiley...รายละเอียดครับ...

หมายเหตุ - เป็นรายละเอียดร่างพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร พ.ศ..... ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน เห็นชอบในหลักการ และเสนอให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา ก่อนนำเข้าสู่สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป


หลักการ ให้มีกฎหมายว่าด้วยการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร

เหตุผล โดยที่ปัจจุบันมีปัญหาเกี่ยวกับความมั่นคงจากบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่มีหลากหลาย มีความรุนแรง รวดเร็วสามารถขยายตัวจนส่งผลกระทบเป็นวงกว้างและมีความสลับซับซ้อน จนอาจกระทบต่อเอกราชและบูรณภาพแห่งอาณาเขต ก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในประเทศ และเป็นภยันตรายต่อความสงบสุขของประชาชน ดังนั้น เพื่อให้สามารถป้องกัน และระงับภัยที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที จึงสมควรกำหนดให้มีหน่วยปฏิบัติงานหลักเพื่อรับผิดชอบดำเนินการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร ตลอดจนบูรณาการและประสานการปฏิบัติร่วมกับทุกส่วนราชการ ส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและรักษาความมั่นคง รวมทั้งเสริมสร้างความเข้มแข็งในท้องถิ่นของตน เพื่อป้องกันภยันตรายที่เกิดขึ้นตั้งแต่ในยามปกติ และในยามที่เกิดสถานการณ์อันเป็นภัยต่อความมั่นคงในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง และกำหนดให้มีมาตรการและกลไกควบคุมการใช้อำนาจเป็นการเฉพาะตามระดับความรุนแรงของสถานการณ์เพื่อให้สามารถแก้ไขสถานการณ์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นเอกภาพ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้

โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร เพื่อคุ้มครองความปลอดภัย และรักษาความมั่นคงของประเทศชาติและประชาชน

มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร พ.ศ....."

มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา 3 ในพระราชบัญญัตินี้

"การรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร" หมายความว่า

(1) การดำเนินการเพื่อให้ประชาชนมีวิถีชีวิตความเป็นอยู่อย่างปกติสุข มีความภาคภูมิใจในความเป็นไทย มีความรักและหวงแหนวัฒนธรรมและผืนแผ่นดินไทย ดำรงไว้ซึ่งเอกราชและการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตลอดจนให้ประชาชนและทุกๆ องค์กรมีความสามัคคี เข้มแข็งพร้อมที่จะเผชิญภยันตรายต่อความมั่นคงของรัฐที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ทั้งในภาวะปกติและภาวะไม่ปกติ

(2) การดำเนินการป้องกันและปราบปราม เพื่อให้สามารถควบคุมสถานการณ์อันเกิดจากการกระทำอันเป็นภัยต่อความมั่นคงในราชอาณาจักรให้กลับสู่ภาวะปกติ

"การกระทำอันเป็นภัยต่อความมั่นคงในราชอาณาจักร" หมายความว่า การกระทำใดๆ อันเป็นการมุ่งทำลาย หรือทำความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สินของประชาชน หรือของรัฐไม่ว่าจะเป็นการจารกรรมการก่อวินาศกรรม การก่อการร้าย การก่ออาชญากรรมข้ามชาติ การบ่อนทำลาย การโฆษณาชวนเชื่อ การยุยง การปลุกปั่นการใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีเจตนามุ่งหมายให้เกิดความไม่สงบสุข ในชีวิตของประชาชน หรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของรัฐ

"หน่วยงานของรัฐ" หมายความว่า ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรมหาชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานอื่นภายใต้การกำกับดูแลของรัฐ

"เจ้าหน้าที่ของรัฐ" หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน และลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐ

"เจ้าพนักงาน" หมายความว่า ผู้ซึ่งผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้

มาตรา 4 การรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักรต้องดำเนินการโดยมีเอกภาพในการปฏิบัติงานระหว่างหน่วยงานของรัฐ มีลำดับขั้นตอนในการแก้ไขปัญหาตามความหนักเบาของสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่อย่างเหมาะสมและมีระบบตรวจสอบถ่วงดุลการใช้อำนาจมีการติดตาม ประเมินผลการปฏิบัติงานเพื่อดำรงไว้ซึ่งความผาสุกของประชาชน สังคม และความมั่นคงของประเทศ

มาตรา 5 ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

หมวด 1

คณะกรรมการรักษาความมั่นคงภายใน

มาตรา 6 ให้มีคณะกรรมการรักษาความมั่นคงภายในคณะหนึ่ง ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นรองประธานกรรมการปลัดกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงยุติธรรม ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ อัยการสูงสุด ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นกรรมการ และเสนาธิการทหารบกเป็นกรรมการและเลขานุการ

มาตรา 7 ให้คณะกรรมการรักษาความมั่นคงภายใน มีอำนาจหน้าที่ ดังนี้

(1) กำหนดแนวทางการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามนโยบาย และยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงภายในของรัฐตามที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ คณะรัฐมนตรี หรือนายกรัฐมนตรีมอบหมาย

(2) วินิจฉัยสถานการณ์ เสนอแนะมาตรการ และลำดับขั้นตอนการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร ต่อคณะรัฐมนตรี

(3) กำหนดวิธีการตรวจสอบ ติดตาม และประเมินผลการปฏิบัติงานของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในตามแผนแม่บท และแผนปฏิบัติการในการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร

(4) กำกับ ดูแลการจัดทำรายงานประจำปีของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในเดือนเสนอต่อคณะรัฐมนตรี

(5) ออกระเบียบเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้

(6) แต่งตั้งคณะกรรมการรักษาความมั่นคงภายในภาค

(7) แต่งตั้งคณะบุคคล หรือบุคคลเป็นที่ปรึกษาในการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน หรือเป็นผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้

( 8 ) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ หรือคณะทำงานเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย

(9) ปฏิบัติการอื่นๆ ตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจ และหน้าที่ของคณะกรรมการ

มาตรา 8 เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หรือคณะทำงานผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในอาจขอให้หน่วยงานของรัฐ บุคคลหรือนิติบุคคลใดแล้วแต่กรณี ส่งเอกสารข้อมูล และชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อประกอบการพิจารณาได้ตามความจำเป็น

หมวด 2

กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน

มาตรา 9 ให้จัดตั้งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน เรียกชื่อโดยย่อว่า "กอ.รมน." เป็นหน่วยงานในสำนักนายกรัฐมนตรี ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนนรี โดยมีผู้บัญชาการทหารบกเป็นผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน มีหน้าที่รับผิดชอบบังคับบัญชาข้าราชการ การดำเนินงานของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน และอนุมัติแผนแม่บทหรือแผนปฏิบัติการในการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร

มาตรา 10 ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในมีบทบาทเป็นองค์กรกลางในการอำนวยการและประสานการปฏิบัติ ในการนำนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงภายในของรัฐ และวาระเร่งด่วนแห่งชาติไปสู่การปฏิบัติ

การแบ่งงานภายในของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในให้จัดทำเป็นกฎกระทรวง

มาตรา 11 ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน มีภารกิจในการวางแผน อำนวยการ ประสานงานและกำกับดูแลการดำเนินการตามนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงภายในของรัฐ ดำเนินการแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงในราชอาณาจักร ตามที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ คณะรัฐมนตรี หรือนายกรัฐมนตรีมอบหมาย

มาตรา 12 ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบ ดังนี้

(1) ติดตาม ตรวจสอบ ประเมินแนวโน้มภัยคุกคามด้านความมั่นคงในราชอาณาจักรเพื่อสนับสนุนให้เกิดการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม

(2) อำนวยการ ประสานงาน กำกับดูแล และเสริมการปฏิบัติของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการจัดระเบียบความมั่นคงในพื้นที่ทั่วประเทศ ทั้งทางบกและทางทะเลให้เกิดความมั่นคงอย่างยั่งยืน

(3) เสริมสร้างความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ สร้างความรักความสามัคคีของคนในชาติ ด้วยการผนึกพลังมวลชน รวมทั้งส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่กระทบต่อความมั่นคงในราชอาณาจักร และความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ภาคในประเทศ

(4) ดำเนินการอื่นๆ ตามที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ คณะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีมอบหมาย

มาตรา 13 ให้จัดตั้งสำนักเลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน เรียกโดยย่อว่า "สน.ลธ.รมน." เป็นหน่วยงานภายในกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ทำหน้าที่เป็นสำนักงานฝ่ายอำนวยการในการวางแผนอำนวยการ ประสานงาน และกำกับดูแลการปฏิบัติงานในสายงานกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน โดยมีเลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน เรียกโดยย่อว่า "ลธ.รมน" เป็นหัวหน้าฝ่ายอำนวยการรับผิดชอบควบคุมการดำเนินงานของสำนักเลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ทั้งนี้ ให้เสนาธิการทหารบกเป็นเลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน

มาตรา 14 ให้ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในมีอำนาจทำนิติกรรม ฟ้องคดี และดำเนินการทั้งปวงเกี่ยวกับคดีอันเกี่ยวเนื่องกับภารกิจของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน โดยกระทำในนามของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

หมวด 3

คณะกรรมการรักษาความมั่นคงภายในภาค

มาตรา 15 ให้มีคณะกรรมการรักษาความมั่นคงภายในภาค ในกองทัพภาค โดยมีแม่ทัพภาคเป็นประธานกรรมการ มีคณะกรรมการประกอบด้วยผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด หรือหน่วยงานอื่นตามที่แม่ทัพภาคเห็นสมควร รวมจำนวนกรรมการทั้งสิ้นไม่เกินสิบห้าคน

มาตรา 16 ให้คณะกรรมการรักษาความมั่นคงภายในภาค มีอำนาจหน้าที่ ดังนี้

(1) จัดทำแผนปฏิบัติงานเกี่ยวกับการดำเนินการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร ในระดับภาค

(2) ตรวจสอบ ติดตาม ประเมินผลการปฏิบัติการของกองอำนวยการรักษาความมั่นภายในภาค

(3) พิจารณาข้อเสนอแนะ และวินิจฉัยวางลำดับขั้นตอนในการแก้ไขสถานการณ์ที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ เสนอต่อคณะกรรมการรักษาความมั่นคงภายใน

(4) กำหนดแนวทางการส่งเสริม และพัฒนาให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักรในระดับภาค

(5) แต่งตั้งคณะกรรมการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด และคณะกรรมการรักษาความมั่นคงภายในกรุงเทพมหานคร

(6) แต่งตั้งคณะบุคคล หรือบุคคลเป็นที่ปรึกษาในการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน หรือเป็นผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่

(7) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ หรือคณะทำงานเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย

( 8 ) ปฏิบัติการอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการรักษาความมั่นคงภายในมอบหมาย

มาตรา 17 ให้จัดตั้งกองอำนวยการรักษความมั่นคงภายในภาคเรียกโดยย่อว่า "กอ.รมน.ภาค" ขึ้นในทุกกองทัพภาค เป็นหน่วยงานขึ้นตรงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน โดยมีแม่ทัพภาคเป็นผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค เรียกโดยย่อว่า "ผอ.รมน.ภาค" มีหน้าที่รับผิดชอบในงานราชการของคณะกรรมการรักษาความมั่นคงภายในภาค และมีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบบังคับบัญชาข้าราชการ การดำเนินงานของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค รวมทั้งมีอำนาจหน้าที่ในการศึกษา วิเคราะห์ วิจัย เสนอแนะ รายงานผลการดำเนินการ จัดทำแผนงานการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร ภายในเขตพื้นที่รับผิดชอบ หรือปฏิบัติการอื่นใดตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในมอบหมาย

หมวด 4

คณะกรรมการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด

มาตรา 18 ให้มีคณะกรรมการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด ในแต่ละจังหวัดโดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานกรรมการ มีคณะกรรมการประกอบด้วยผู้แทนหน่วยงานของรัฐจากฝ่ายพลเรือน ฝ่ายตำรวจ ฝ่ายทหารฝ่ายองค์กรบริหารราชการส่วนท้องถิ่น ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเสนอให้ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาคแต่งตั้งอีกจำนวนไม่เกินสามคน รวมจำนวนกรรมการทั้งสิ้นไม่เกินสิบห้าคน

มาตรา 19 ให้คณะกรรมการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด มีอำนาจหน้าที่ดังนี้

(1) จัดทำแผนปฏิบัติงานเกี่ยวกับการดำเนินการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร ในระดับจังหวัด

(2) ตรวจสอบ ติดตาม ประเมินผลการปฏิบัติงานของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด

(3) พิจารณาข้อเสนอแนะ และวินิจฉัยวางลำดับขั้นตอนในการแก้ไขสถานการณ์ที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ เสนอต่อคณะกรรมการรักษาความมั่นคงภายในภาค

(4) กำหนดแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาให้ประชาชนมีส่วนรวมในการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร ในระดับจังหวัด

(5) เสนอรายชื่อคณะบุคคลหรือบุคคลเป็นที่ปรึกษาในการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน หรือเป็นผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่ ให้กับผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาคเพื่อแต่งตั้ง

(6) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ หรือคณะทำงานเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย

(7) ปฏิบัติการอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการรักษาความมั่นคงภายในภาคมอบหมาย

มาตรา 20 ให้จัดตั้งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด เรียกโดยย่อว่า "กอ.รมน.จว." เป็นหน่วยงานขึ้นตรงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด เรียกโดยย่อว่า "ผอ.รมน.จว." มีหน้าที่รับผิดชอบในงานราชการของคณะกรรมการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด และมีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบบังคับบัญชาข้าราชการ การดำเนินงานของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด เพื่อจัดระเบียบความมั่นคงในจังหวัด รวมทั้งการปฏิบัติงานตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาคมอบหมาย

หมวด 5

คณะกรรมการรักษาความมั่นคงภายในกรุงเทพมหานคร

มาตรา 21 ให้มีคณะกรรมการรักษาความมั่นคงภายในกรุงเทพมหานคร ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยมีผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นประธานกรรมการ มีคณะกรรมการประกอบด้วยผู้แทนหน่วยงานของรัฐจากฝ่ายพลเรือน ฝ่ายตำรวจ ฝ่ายทหาร ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเสนอให้ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาคหนึ่งแต่งตั้งอีกจำนวนไม่เกินสามคน รวมจำนวนกรรมการทั้งสิ้นไม่เกินสิบห้าคน

มาตรา 22 ให้คณะกรรมการรักษาความมั่นคงภายในกรุงเทพมหานคร มีอำนาจหน้าที่ ดังนี้

(1) จัดทำแผนปฏิบัติงานเกี่ยวกับการดำเนินการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร

(2) ตรวจสอบ ติดตาม ประเมินผลการปฏิบัติการของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในกรุงเทพมหานคร

(3) พิจารณาข้อเสนอแนะ และวินิจฉัยวางลำดับขั้นตอนในการแก้ไขสถานการณ์ที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ เสนอต่อคณะกรรมการรักษาความมั่นคงภายในภาคหนึ่ง

(4) กำหนดแนวทางการส่งเสริม และพัฒนาให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร

(5) เสนอรายชื่อคณะบุคคล หรือบุคคลเป็นที่ปรึกษาในการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงานหรือเป็นผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่ ให้กับผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาคหนึ่ง เพื่อแต่งตั้ง

(6) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ หรือคณะทำงานเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย

(7) ปฏิบัติการอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการรักษาความมั่นคงภายในภาคหนึ่งมอบหมาย

มาตรา 23 ให้จัดตั้งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในกรุงเทพมหานครเรียกโดยย่อว่า "กอ.รมน.กทม." เป็นหน่วยงานขึ้นตรงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาคหนึ่ง โดยมีผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในกรุงเทพมหานคร เรียกโดยย่อว่า "ผอ.รมน.กทม." มีหน้าที่รับผิดชอบในงานราชการของคณะกรรมการรักษาความมั่นคงภายในกรุงเทพมหานคร และมีอำนาจ เพื่อจัดระเบียบความมั่นคงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร รวมทั้งการปฏิบัติงานตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาคหนึ่งมอบหมาย

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 11, 2007, 05:01:39 PM โดย ALEX_AMSS7 » บันทึกการเข้า



...ล้มแล้วจงลุกใหม่...จนกว่าลูกแกะจะกลายเป็นราชสีห์...
สหายเล็กน้อย
ความรักเป็นเรื่องตลก...อกหักเป็นเรื่องขำ ๆ
Hero Member
*****

คะแนน 2113
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 11510


...มีแต่ตัวกับหัวใจ... เธอจะรักฉันไหม ... !!!


« ตอบ #2 เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2007, 04:53:58 PM »

 Smiley Smiley Smiley...ต่อครับ...

หมวด 6

การแก้ไขสถานการณ์อันเป็นภัยต่อความมั่นคงในราชอาณาจักร

มาตรา 24 เมื่อปรากฏว่ามีการกระทำอันเป็นภัยต่อความมั่นคงในราชอาณาจักร ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในมีภารกิจในการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร และให้มีอำนาจบังคับบัญชาหน่วยงานของรัฐเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการป้องกัน แก้ไข ปราบปราม ระงับ ยับยั้งการกระทำอันเป็นภัยต่อความมั่นคงในราชอาณาจักร การฟื้นฟู และการช่วยเหลือประชาชน

ให้ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในมีอำนาจแต่งตั้งบุคคลเป็นเจ้าพนักงานเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร และอาจมีคำสั่งแต่งตั้งคณะบุคคล หรือบุคคลเป็นที่ปรึกษาในการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน หรือเป็นผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร

ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในอาจมอบหมายให้ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค หนือผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด หรือกรุงเทพมหานครเป็นผู้ใช้อำนาจตามวรรคสองแทน และให้ถือว่าเป็นผู้บังคับบัญชาเจ้าพนักงานที่เกี่ยวข้อง

ให้หน่วยงานของรัฐ และเจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมทั้งประชาชนในพื้นที่ให้การช่วยเหลือสนับสนุน หรือกระทำการใดๆ เมื่อได้รับการร้องขอจากเจ้าพนักงาน

มาตรา 25 ในกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อให้การกระทำอันเป็นภัยต่อความมั่นคงในราชอาณาจักรยุติลงได้โดยเร็ว หรือป้องกันมิให้เกิดเหตุร้ายแรงมากขึ้น ให้ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในมีอำนาจออกข้อกำหนดดังต่อไปนี้

(1) ห้ามบุคคลใดนำอาวุธที่กำหนดในกฎกระทรวงออกนอกเคหสถาน

(2) ห้ามการใช้เส้นทางคมนาคม หรือการใช้ยานพาหนะ หรือกำหนดเงื่อนไขการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะ

(3) ห้ามมิให้มีการชุมนุม หรือมั่วสุมกัน ห้ามการแสดงมหรสพ ห้ามการโฆษณา เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่าจะเป็นการชักชวนหรือยั่วยุให้มีการกระทำความผิดตามกฎหมาย

(4) ห้ามให้บุคคลใดออกนอกเคหสถานภายในระยะเวลาที่กำหนด เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน หรือเป็นบุคคลซึ่งได้รับการยกเว้น

(5) ให้บุคคลใดนำอาวุธที่กำหนดในกฎกระทรวงมามอบไว้เป็นการชั่วคราวตามความจำเป็นโดยการส่งมอบ การรับมอบ และการดูแลรักษาอาวุธดังกล่าวให้กำหนดหลักเกณฑ์การปฏิบัติงานที่เห็นสมควร

(6) ให้เจ้าของกิจการ หรือผู้จัดการ หรือผู้รับผิดชอบในกิจการ หรือการจัดการทุจริต ซึ่งมีพนักงาน หรือลูกจ้าง หรือบุคคลอื่นที่มีส่วนร่วมในการดำเนินกิจการ หรือการจัดการธุรกิจ จัดทำและเก็บประวัติและแจ้งการย้ายเข้า การย้ายออก การเลิกจ้าง และแจ้งพฤติการณ์ของบุคคลดังกล่าวให้เจ้าพนักงานทราบ

(7) ออกคำสั่งให้การซื้อขายใช้ หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งอาวุธ สินค้า เวชภัณฑ์เครื่องอุปโภคบริโภค เคมีภัณฑ์ หรือวัสดุอุปกรณ์อย่างหนึ่งอย่างใด ซึ่งอาจใช้กระทำการอันเป็นภัยต่อความมั่นคงในราชอาณาจักรต้องรายงาน หรือได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน หรือปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในกำหนด

( 8 ) ออกคำสั่งให้ใช้กำลังทหารเพื่อช่วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง หรือตำรวจระงับเหตุการณ์ร้ายแรง หรือควบคุมสถานการณ์ให้เกิดความสงบโดยด่วน ทั้งนี้ ในการปฏิบัติหน้าที่ของทหารให้มีอำนาจเช่นเดียวกับอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานตามพระราชบัญญัตินี้ โดยการใช้อำนาจหน้าที่ของทหารจะกระทำได้เพียงใดให้เป็นไปตามเงื่อนไข และเงื่อนเวลาที่ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในกำหนด แต่ต้องไม่เกินกว่ากรณีที่มีการใช้กฎอัยการศึก

ข้อกำหนดตามวรรคหนึ่ง จะกำหนดเงื่อนเวลาในการปฏิบัติตามข้อกำหนด หรือเงื่อนไขในการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน หรือมอบหมายให้เจ้าพนักงานกำหนดพื้นที่ และรายละเอียดอื่นเพิ่มเติม เพื่อมิให้มีการปฏิบัติที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนเกินสมควรแก่เหตุก็ได้

เมื่อการกระทำอันเป็นภัยต่อความมั่นคงในราชอาณาจักรยุติลง ให้ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในประกาศยกเลิกข้อกำหนดตามมาตรานี้โดยเร็ว

มาตรา 26 เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้มีประสิทธิภาพ ให้ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในออกประกาศให้เจ้าพนักงานมีอำนาจดังต่อไปนี้

(1) จับกุม และควบคุมตัวบุคคลที่สงสัยว่าเป็นผู้ร่วมกระทำการให้เกิดการกระทำอันเป็นภัยต่อความมั่นคงในราชอาณาจักร หรือเป็นผู้ใช้ ผู้โฆษณา ผู้สนับสนุนการกระทำเช่นว่านั้น หรือปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำอันเป็นภัยต่อความมั่นคงในราชอาณาจักร ทั้งนี้ เท่าที่มีเหตุจำเป็นเพื่อป้องกันมิให้บุคคลนั้นกระทำการหรือร่วมมือกระทำการใดๆ อันจะทำให้เกิดการกระทำอันเป็นภัยต่อความมั่นคงในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้เกิดความร่วมมือในการระงับการกระทำเช่นว่านั้น

(2) ดำเนินการปราบปรามบุคคล กลุ่มบุคคล หรือกลุ่มองค์กรที่ก่อให้เกิดการกระทำอันเป็นภัยต่อความมั่นคงในราชอาณาจักร

(3) ออกหนังสือสอบถาม หรือออกคำสั่งเรียกบุคคลใดมารายงานตัวต่อเจ้าพนักงาน หรือมาให้ถ้อยคำ หรือส่งมอบเอกสาร หรือหลักฐานใด เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทำอันเป็นภัยต่อความมั่นคงในราชอาณาจักร

(4) ตรวจค้น บุคคล ยานพาหนะ เคหสถาน สิ่งปลูกสร้าง หรือสถานที่ใดๆ ตามความจำเป็นเมื่อมีเหตุสงสัยตามสมควรว่ามีทรัพย์สินซึ่งมีไว้เป็นความผิด หรือได้มาจากการกระทำความผิด หรือได้ใช้ หรือจะใช้ในการกระทำอันเป็นภัยต่อความมั่นคงในราชอาณาจักร

(5) เข้าไปในเคหสถาน หรือสถานที่ใดๆ เพื่อตรวจค้น เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีบุคคลที่ต้องสงสัยว่าจะก่อให้เกิดการกระทำอันเป็นภัยต่อความมั่นคงในราชอาณาจักรหลบซ่อนอยู่ หรือมีทรัพย์สินซึ่งมีไว้เป็นความผิด หรือได้มาจากการกระทำความผิด หรือได้ใช้ หรือจะใช้ในการกระทำเช่นว่านั้นหรืออาจใช้เป็นพยานหลักฐานลงโทษผู้กระทำผิดได้ เมื่อมีเหตุอันเชื่อได้ว่าหากไม่รีบดำเนินการบุคคลนั้นจะหลบหนี หรือทรัพย์สินจะถูกโยกย้าย ซุกซ่อน ทำลาย หรือทำให้เปลี่ยนสภาพไปจากเดิม

(6) ยึดหรืออายัดทรัพย์สิน เอกสาร หรือพยานหลักฐานที่เกี่ยวกับการกระทำอันเป็นภัยต่อความมั่นคงในราชอาณาจักร

ในการตรวจค้นตาม (4) หรือ (5) ให้ข้าราชการฝ่ายพลเรือนตั้งแต่ระดับ 3 หรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารซึ่งมียศตั้งแต่ร้อยตรี เรือตรี หรือเรืออากาศตรี หรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายตำรวจซึ่งมียศตั้งแต่ร้อยตำรวจตรีขึ้นไป เป็นหัวหน้าในการตรวจค้น และหากดำเนินการไม่แล้วเสร็จให้สามารถกระทำการในเวลากลางคืน หรือนอกเวลาทำการปกติของสถานที่นั้นได้เท่าที่จำเป็น เพื่อให้การกระทำอันเป็นภัยต่อความมั่นคงในราชอาณาจักรยุติลง หรือป้องกันมิให้เกิดการกระทำเช่นว่านั้น

ในการตรวจค้นตาม (4) หรือ (5) ให้เจ้าพนักงานแสดงความบริสุทธิ์ก่อนเข้าตรวจค้น และให้จัดทำรายงานเหตุผล และผลของการตรวจค้นเป็นหนังสือรายงานต่อผู้บังคับบัญชา และจัดทำเหตุผลในการตรวจค้นเป็นหนังสือมอบไว้แก่ผู้ครอบครองเคหสถาน หรือสถานที่ที่ตรวจค้น แต่ถ้าไม่มีผู้ครอบครองสถานที่ในเวลาที่ตรวจค้นให้เจ้าพนักงานส่งมอบสำเนาหนังสือนั้นแก่ผู้ครอบครองทันทีที่สามารถกระทำได้

ในการตรวจค้นตาม (4) เจ้าพนักงานต้องไม่กระทำการอันมีลักษณะเป็นการข่มขู่ และให้ดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

ในการตรวจค้นตาม (5) ให้เจ้าพนักงานร้องขอต่อศาลที่มีเขตอำนาจ หรือศาลอาญาเพื่อขออนุญาตดำเนินการ เว้นแต่จะมีเหตุอันควรได้เชื่อว่าหากไม่รีบดำเนินการเอกสาร หรือพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดจะถูกยักย้าย ซุกซ่อน ทำลาย หรือทำให้เปลี่ยนสภาพไปจากเดิม ให้เจ้าพนักงานดำเนินการค้นยึด หรืออายัดเอกสาร หรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องได้โดยไม่ต้องมีหมาย แต่ต้องดำเนินการตามวิธีการค้นในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และจะดำเนินการในเวลากลางคืนมิได้ เว้นแต่เป็นเวลาทำการปกติของสถานที่นั้นสำหรับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารให้เป็นไปตามกฎ ระเบียบ หรือข้อบังคับเกี่ยวกับการใช้กำลังทหาร

มาตรา 27 ในการจับกุมและควบคุมตัวบุคคลที่ต้องสงสัยตามประกาศในมาตรา 26(1) ให้เจ้าพนักงานร้องขอต่อศาลที่มีเขตอำนาจ หรือศาลอาญาเพื่อขออนุญาตดำเนินการ เมื่อได้รับอนุญาตจากศาลแล้วให้เจ้าพนักงานจับกุม และควบคุมตัวได้ไม่เกินเจ็ดวัน และต้องควบคุมไว้ในสถานที่ที่กำหนดไว้ซึ่งไม่ใช่สถานีตำรวจ ที่คุมขังทัณฑสถาน หรือเรือนจำ โดยจะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นในลักษณะเป็นผู้กระทำความผิดมิได้ ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องควบคุมตัวต่อเพื่อประโยชน์ในการแก้ไขกระทำกันเป็นภัยต่อความมั่นคงในราชอาณาจักร ให้เจ้าพนักงานร้องขอต่อศาล เพื่อขยายระยะเวลาการควบคุมตัวต่อได้อีกคราวละเจ็ดวัน แต่รวมระยะเวลาควบคุมตัวทั้งหมดต้องไม่เกินกว่าสามสิบวัน เมื่อครบกำหนดแล้วหากจะควบคุมตัวต่อไปให้ดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้เจ้าพนักงานจัดทำรายงานเกี่ยวกับการจับกุม และควบคุมตัวบุคคลนั้นเสนอต่อศาลที่มีคำสั่งอนุญาตตามวรรคหนึ่ง และจัดทำสำเนารายงานนั้นไว้ ณ ที่ทำการของเจ้าพนักงานเพื่อให้ญาติของบุคคลนั้นสามารถขอดูรายงานดังกล่าวได้ตลอดระยะเวลาที่ควบคุมตัวบุคคลนั้นไว้

การร้องขออนุญาตต่อศาลตามวรรคหนึ่ง ให้นำบทบัญญัติเกี่ยวกับวิธีการขอออกหมายอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาใช้บังคับโดยอนุโลม

มาตรา 28 ข้อกำหนด ประกาศ และคำสั่งตามมาตรา 25 มาตรา 25 มาตรา 26 และมาตรา 27 เมื่อมีผลใช้บังคับแล้วให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาด้วย

มาตรา 29 เมื่อการกระทำอันเป็นภัยต่อความมั่นคงในราชอาณาจักรมีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงเพิ่มมากยิ่งขึ้น หรือการกระทำอันเป็นภัยต่อความมั่นคงในราชอาณาจักรเกิดจากการก่อการร้ายที่มีความรุนแรงหรือการก่อการร้ายสากล ให้ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในรายงานสถานการณ์ต่อนายกรัฐมนตรี และให้นายกรัฐมนตรีมอบภารกิจในการแก้ไขสถานการณ์ให้กับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง โดยทันที

มาตรา 30 เพื่อประโยชน์ในการรวบรวมข่าวสาร หรือป้องกันการกระทำอันเป็นภัยต่อความมั่นคงในราชอาณาจักร ให้ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด หรือผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในกรุงเทพมหานคร มีอำนาจแต่งตั้งเจ้าพนักงานร่วมฟังการสอบสวน หรือเรียกสำนวนการสอบสวนคดีอาญามาตรวจดูได้

การดำเนินการตามวรรคหนึ่ง หากอยู่ในอำนาจการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในมีอำนาจแต่งตั้งเจ้าพนักงานเข้าร่วมฟังการสอบสวน หรือเรียกสำนวนการสอบสวนคดีอาญามาตรวจดูได้

มาตรา 31 ในกรณีที่มีการกระทำอันเป็นภัยต่อความมั่นคงในราชอาณาจักร ถ้าพนักงานสอบสวนเห็นว่าผู้ต้องหาคนใดได้กระทำความผิดดังกล่าวเพราะหลงผิด หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือมีเหตุที่ไม่สมควรดำเนินคดีกับผู้ต้องหาคนใด ให้พนักงานสอบสวนส่งสำนวนสำหรับผู้ต้องหาคนนั้น พร้อมทั้งความเห็นไปยังผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน

ถ้าผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในเห็นชอบด้วยกับความเห็นของพนักงานสอบสวนว่าไม่สมควรดำเนินคดีกับผู้ต้องหา ให้ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ต้องหาปฏิบัติแทนการถูกฟ้องคดีโดยให้ผู้ต้องหาดังกล่าวเข้ารับการอบรม ณ สถานที่ที่กำหนดเป็นเวลาไม่เกินหกเดือน และจะกำหนดเงื่อนไขให้มารายงานตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นครั้งคราวตามที่กำหนดภายหลังการอบรมแล้วด้วยก็ได้ แต่จะกำหนดระยะเวลาที่ให้มารายงานตัวเกินหนึ่งปีไม่ได้

การกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ต้องหาปฏิบัติแทนการฟ้องคดีตามวรรคสอง จะกระทำได้ต่อเมื่อผู้ต้องหายินยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขแล้ว และเมื่อผู้ต้องหาได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขครบถ้วนแล้ว จะฟ้องเป็นผู้ต้องหาสำหรับการกระทำที่ต้องหานั้นอีกไม่ได้

มาตรา 32 การรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักรต้องใช้มาตรการที่ส่งผลกระทบต่อสิทธิ เสรีภาพของบุคคลที่เกี่ยวข้องน้อยที่สุด โดยให้คำนึงถึงการปกป้อง คุ้มครองสิทธิเสรีภาพ และความสงบเรียบร้อยของประชาชนเป็นหลัก

มาตรา 33 การใช้อำนาจของเจ้าพนักงานตามพระราชบัญญัตินี้ ไม่เป็นการลบล้างอำนาจของฝ่ายทหารตามกฎอัยการศึกษาหรือตามกฎ ระเบียบ หรือข้อบังคับที่ได้ประกาศไว้

มาตรา 34 กรณีที่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีพฤติกรรมว่าจะเป็นภัยต่อความมั่นคงในราชอาณาจักร ให้ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด หรือผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในกรุงเทพมหานคร โดยความเห็นชอบของผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ส่งให้เจ้าหน้าที่ของรัฐดังกล่าวออกจากพื้นที่ที่กำหนด และห้ามมิให้เข้าไปปฏิบัติหน้าที่อีกภายในระยะเวลา หรือเงื่อนไขที่กำหนด แล้วให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในแจ้งหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ผู้นั้นสังกัดทราบพร้อมด้วยเหตุผล

เจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งได้รับคำสั่งให้ออกจากพื้นที่ตามวรรคหนึ่ง ให้ไปรายงานตัวยังหน่วยงานของรัฐที่ตนสังกัด ในการนี้ให้หน่วยงานของรัฐเจ้าสังกัดดำเนินการออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นพ้นจากตำแหน่งหน้าที่หรือพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ตามวรรคหนึ่ง

มาตรา 35 เมื่อปรากฏว่ามีการกระทำใดๆ ที่อาจกระทบต่อความมั่นคงในราชอาณาจักร หรือพบว่ามีการกระทำความผิดอาญาที่อาจเชื่อมโยง หรือเกี่ยวพันกับการกระทำอันเป็นภัยต่อความมั่นคงในราชอาณาจักร ให้เจ้าพนักงานแจ้งให้หน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าพนักงานที่ของรัฐที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการป้องกันและปราบปรามการกระทำดังกล่าว

มาตรา 36 ข้อกำหนด ประกาศ คำสั่งหรือการกระทำตามพระราชบัญญัตินี้ ไม่อยู่ในบังคับของกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง และกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง

มาตรา 37 เจ้าพนักงาน และผู้มีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับเจ้าหนักงานตามพระราชบัญญัตินี้ ไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่งทางอาญา หรือทางวินัย เนื่องจากปฏิบัติหน้าที่ในการระงับ หรือป้องกันการกระทำผิดกฎหมายหากเป็นการกระทำที่สุจริตไม่เลือกปฏิบัติ และไม่เกินสมควรแก่เหตุ หรือไม่เกินกว่ากรณีจำเป็น แต่ไม่ตัดสิทธิผู้ได้รับความเสียหายที่จะเรียกร้องค่าเสียหายจากทางราชการตามกฎหมายว่าด้วยความรับผิดชอบทางละเมิดของเจ้าหน้าที่

มาตรา 38 การปฏิบัติของเจ้าพนักงานในการปราบปรามตามพระราชบัญญัตินี้ เป็นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อป้องกันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ และเป็นการกระทำอันจำเป็นเพื่อรักษาความมั่นคงของชาติ ในกรณีที่เจ็บป่วย เสียชีวิต ทุพพลภาพ พิการ หรือสูญเสียอวัยวะ นอกจากจะได้รับสิทธิประโยชน์ตามที่กฎหมายกำหนดแล้วให้ได้สิทธิประโยชน์ตามคำสั่ง ระเบียบ และประกาศของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในโดยได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลังด้วย

หมวด 7

บทกำหนดโทษ

มาตรา 39 ผู้ใดฝ่าฝืนข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่งที่ออกตาม มาตรา 25 มาตรา 26 มาตรา 27 หรือ ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน ตามมาตรา 26 มาตรา 27 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 11, 2007, 05:02:59 PM โดย ALEX_AMSS7 » บันทึกการเข้า



...ล้มแล้วจงลุกใหม่...จนกว่าลูกแกะจะกลายเป็นราชสีห์...
สหายเล็กน้อย
ความรักเป็นเรื่องตลก...อกหักเป็นเรื่องขำ ๆ
Hero Member
*****

คะแนน 2113
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 11510


...มีแต่ตัวกับหัวใจ... เธอจะรักฉันไหม ... !!!


« ตอบ #3 เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2007, 04:55:31 PM »

 Cheesy Cheesy Cheesy...ค่อย ๆ อ่านนะครับ...มันเยอะ...เดี๋ยวตาลาย....
บันทึกการเข้า



...ล้มแล้วจงลุกใหม่...จนกว่าลูกแกะจะกลายเป็นราชสีห์...
andaman
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: กรกฎาคม 12, 2007, 01:06:50 AM »

ป้าดดด...คือดู๋พิมพ์แท้ หรือว่าก๊อปจากเว็บ    นี่ขนาดผมยังตาลายขี้เกียจจะอ่าน แล้วพี่น้องผมที่ออกไปทำไร่ไถนา ทุกวัน จะเอาเวลาไหนมาก่าน แล้วจะอ่านเข้าใจมั๊ย 
บันทึกการเข้า
มะขิ่น
Hero Member
*****

คะแนน 2453
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17813


"ทหารแก่ไม่มีวันตาย แต่จะค่อยๆเลือนหายไป"


« ตอบ #5 เมื่อ: กรกฎาคม 12, 2007, 08:46:37 AM »

ความเห็นส่วนตัวนะครับ................

ประการแรก.................เกือบทุกประเทศในโลกนี้...........มี กฎหมายความมั่นคงฯ แม้แต่ สหรัฐอเมริกา ก็มี....................

ผมทำงานอยู่ในหน่วยงานความมั่นคง ช่วงรัฐบาลชวน ...............ที่มีการยกเลิก พ.ร.บ.ป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ฯ .................ซึ่งจริงๆคือ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯดั้งเดิมนั่นแหละ แต่ไม่ยอมแก้ไขชื่อ.....................

ครั้งนั้นมีการเสนอยกร่าง พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ มาทดแทน...............แต่ไม่ได้รับความสนใจ โดยอ้างว่า กม.อาญาทั่วไปมีอยู่แล้ว...................

ในสมัยที่ประเทศไทย ต่อสู้กับลัทธิคอมมิวนิสต์................ต้องใช้ กม. ฉบับนี้สำหรับให้อำนาจเจ้าหน้าที่..............ซึ่งเป็นไปตามยุคสมัยนั้น ที่จะต้องทำ.................ซึ่งสุดท้ายเราก็ต่อสู้สำเร็จ.............แต่ กม.ฉบับนี้ไม่ได้รับการแก้ไขในบางมาตราที่ล้าสมัยและให้อำนาจเจ้าหน้าที่มากเกินไป....................

ที่ผ่านมาก่อนยกเลิก พ.ร.บ.คอมมิวนิสต์ฯ................กม.ฉบับนี้มักจะถูกเจ้าหน้าที่ นำไปใช้ในลักษณะกลั่นแกล้งคนบริสุทธิ์.............โดยเฉพาะ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ในพื้นที่ที่อดีตเคยถูกกำหนดว่าเป็นพื้นที่สีแดงและสีชมพู เช่น ก่อนยกเลิกแต่ 5 เดือน.....ปลัด อ.น้ำปาด สั่งกักรถส่งน้ำมันเชื้อเพลิง.............ไม่ให้เข้าไปในพื้นที่ โดยอ้างว่าเป็นสินค้าควบคุม ตาม กม.นี้ เพียงเพราะขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์กับปั๊มน้ำมันในอำเภอ....................ทำให้พรรครัฐบาลตอนนั้น ยิ่งโหมโรง เพื่อยกเลิก กม.ฉบับนี้ โดยไม่ยอมแก้ไข..............

คนที่จุดชนวนคือ นาย ถ...ว ..  เสน.......และ นาย ถว...   ไพ.....ส.... ซึ่งเขาทำสำเร็จ รัฐบาลนายกฯชวน มีมติยกเลิก พ.ร.บ.คอมฯ...........

กม.ความมั่นคง จะแปลกกว่า กม.อาญาทั่วไป.................ซึ่งหลักใหญ่ต้องการป้องกันเหตุที่จะเกิด  ไม่ให้เกิด............เพราะถ้าเกิดแล้วจะเป็นผลเสียต่อประเทศชาติมาก............ไม่เหมือน กม.อาญาทั่วไป ซึ่งต้องให้ความผิดเกิดก่อน...........ซึ่งเกิดแล้วจะเสียหายแบบแก้คืนไม่ได้ คนทำผิดก็ถูกลงโทษไป แต่ความเสียหายกู้คืนไม่ได้...............กม.ความมั่นคง ให้อำนาจการระงับก่อนมิให้เกิด............

ทั้งนี้ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับว่าหน่วยงานที่มีอำนาจ...........จะใช้เกินขอบเขต...........เพราะการบริหารจัดการมีอยู่.............ศาลปกครองก็มีอยู่..........รวมทั้งการคุ้มครองอื่นๆมีเยอะ สมัยนี้

ทราบหรือไม่ว่า.............เมื่อ พ.ร.บ.คอมฯถูกยกเลิกไปแล้ว...............เหตุการเรื่องการปะทะต่างๆ ที่เป็นเรื่องความมั่นคงของประเทศนั้น................เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน ยังต้องขึ้นศาลให้การกันอยู่เลย..............เพราะต้องใช้ กม.อาญา.............
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 12, 2007, 08:48:12 AM โดย มะขิ่น » บันทึกการเข้า

อย่าดึงฟ้าต่ำ  อย่าทำหินแตก  อย่าแยกแผ่นดิน
Ro@d - รักในหลวง
รักเธอ.. ประเทศไทย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4088
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20186


1 คัน 1 ชีวิตที่อิสระ มี G23 กาแฟอีก 1 เป็นเพื่อน


« ตอบ #6 เมื่อ: กรกฎาคม 12, 2007, 10:12:40 AM »

ปัญหาความขัดแย้งที่รุนแรง กระทำผิดกฎหมาย ปฎิเสธอำนาจรัฐ .
ที่อาจก่อความเสียหายแก่สังคม เป็นภัยแก่ความมั่นคงของประเทศชาติ
ควรต้องมีกฎหมาย พิเศษ เช่นนี้

เมื่อระบอบฯ ได้มีการสร้างสรร ให้เกิดความเป็นธรรม มีการถ่วงดุลอำนาจ
เราควรต้องมีกฎหมายพิเศษ ไว้เพื่อป้องกัน ปราบปราม คน.. กลุ่มคนที่เลว 
ไม่ใช่เพื่อกำจัดคนที่มีความเห็นทางการเมืองที่แตกต่าง 
แต่เพื่อจัดการกับพวกที่มีความคิดทางการเมืองที่เป็นปฎิปักษ์
และกระทำร้าย เป็นภัยแก่ชาติบ้านเมือง  ต่อการปกครองระบอบ

"ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริษ์ทรงเป็นประมุข"

กฎหมายนี้มิใช่เพื่อเอื้อแก่ กลุ่มคนใด  ไม่ใช่กฎหมายเฉพาะกาล 

ผมเห็นด้วย ที่จะผ่านกฎหมายฉบับนี้ มาใช้บังคับ.  Smiley
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 12, 2007, 12:34:47 PM โดย Ro@d » บันทึกการเข้า

andaman
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #7 เมื่อ: กรกฎาคม 12, 2007, 12:05:01 PM »

...กฎหมายนี้จะทำให้เหตุการณ์ทางใต้สงบลงหรือเปล่าครับ....


...การแก้ไขกฎหมายหลายๆครั้ง แม้แต่เรื่อง พ.ร.บ. รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรนี่ นักการเมืองมักมองไปที่ฐานเสียงของตัวเอง 
บันทึกการเข้า
มะขิ่น
Hero Member
*****

คะแนน 2453
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17813


"ทหารแก่ไม่มีวันตาย แต่จะค่อยๆเลือนหายไป"


« ตอบ #8 เมื่อ: กรกฎาคม 12, 2007, 01:56:19 PM »

...กฎหมายนี้จะทำให้เหตุการณ์ทางใต้สงบลงหรือเปล่าครับ....


...การแก้ไขกฎหมายหลายๆครั้ง แม้แต่เรื่อง พ.ร.บ. รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรนี่ นักการเมืองมักมองไปที่ฐานเสียงของตัวเอง

ผมถามกลับ............แล้วคุณคิดว่า กม.ฉบับนี้จะทำให้ภาคใต้สงบลงหรือเปล่าครับ............
บันทึกการเข้า

อย่าดึงฟ้าต่ำ  อย่าทำหินแตก  อย่าแยกแผ่นดิน
MadFroG
Si vis pacem para bellum
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 46
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1985


Father and Son


« ตอบ #9 เมื่อ: กรกฎาคม 12, 2007, 03:22:00 PM »

กม.ความมั่นคง จะแปลกกว่า กม.อาญาทั่วไป.................ซึ่งหลักใหญ่ต้องการป้องกันเหตุที่จะเกิด  ไม่ให้เกิด............เพราะถ้าเกิดแล้วจะเป็นผลเสียต่อประเทศชาติมาก............ไม่เหมือน กม.อาญาทั่วไป ซึ่งต้องให้ความผิดเกิดก่อน...........ซึ่งเกิดแล้วจะเสียหายแบบแก้คืนไม่ได้ คนทำผิดก็ถูกลงโทษไป แต่ความเสียหายกู้คืนไม่ได้...............กม.ความมั่นคง ให้อำนาจการระงับก่อนมิให้เกิด............

แนวคิดนี้น่าสนใจครับพี่ ผมว่าผมยอมรับในแนวคิดนี้ได้

เพียงแต่เรียนตามตรงว่า ยังไม่มั่นใจในเรื่องการบังคับใช้อำนาจ
ว่าจะเกินเลยไปแค่ไหน เป็นเรื่องของความไม่ไว้วางใจ ความไม่เชื่อใจน่ะครับ

เพราะอำนาจขนาดนี้ กลไกการตรวจสอบ และควบคุม มักจะไม่กล้าแตะต้อง
กว่าจะรู้ก็ ทำกันไปแล้วทั้งนั้น
แถมยังทำได้โดยไม่ผิดอยู่ดี

อย่างไรก็ตาม เราก็ไม่มีสิทธิที่จะออกเสียงว่าจะรับ หรือไม่รับ
ไม่ใช่หรือครับ
บันทึกการเข้า

เมื่อเกิดวงเล็บ จึงเกิดการก้าวกระโดดทางตรรกะ
มะขิ่น
Hero Member
*****

คะแนน 2453
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17813


"ทหารแก่ไม่มีวันตาย แต่จะค่อยๆเลือนหายไป"


« ตอบ #10 เมื่อ: กรกฎาคม 12, 2007, 03:51:54 PM »

รับไม่รับ นั่นเป็นการออกเสียงสำหรับ........ร่างรัฐธรรมนูญไม่ใช่หรือครับ

พ.ร.บ.นี้ เป็น กม.ลูก............

ผมว่าอย่ากังวลเกินไปเลยครับ.............. กม.ฉบับนี้ สำหรับความมั่นคงแห่งรัฐ เป็นหลักครับ ไม่เกี่ยวกับการเมือง หรือการละเมิดสิทธิพื้นฐานของประชาชน................การละเมิดสิทธิของประชาชน สมัยนี้ยากครับ...........

ผมบอกตรงๆ.............ที่วุ่นวายมาจนบัดนี้เพราะ ไม่มี กม.แบบนี้ใช้ ตั้งแต่ปี 42 ที่ รัฐบาล ปชป.ยกเลิก แทนที่จะแก้ไข.......................

เรื่องที่ รพ.ศูนย์ราชบุรี...........ตอนนี้เจ้าหน้าที่ยังขึ้นศาลกันอยู่เลย ตอนนั้นไม่มี กม.ความมั่นคงฯ การแต่งตั้งเจ้าหน้าที่เข้าไปทำงาน ไม่มี กม.ใดรองรับเลย...............คนแต่งตั้งฉลาด และรู้ดี โยนกลองให้ฝ่ายทหาร ทั้งๆที่ไม่มีอำนาจดำเนินการเรื่องภายใน...............เลยต้องขึ้นศาลกันอยู่



บันทึกการเข้า

อย่าดึงฟ้าต่ำ  อย่าทำหินแตก  อย่าแยกแผ่นดิน
babor
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #11 เมื่อ: กรกฎาคม 12, 2007, 03:58:22 PM »

สำหรับผม  ถ้ามีศาลปกครอง  ผมเห็นด้วยที่จะให้กฎหมายนี้มีอยู่ครับ....  เพราะผมมาอยู่ใน 3 จชต. เข้าใจหัวอกเจ้าหน้าที่พอสมควรเมื่อปฏิบัติงานแล้วโดนขึ้นศาลทั้ง ๆ ที่สิ่งเหล่านั้นควรกระทำ....  เจ้าหน้าที่จะได้ทำแบบเต็มกำลังมีเกราะคุ้มครอง
บันทึกการเข้า
andaman
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #12 เมื่อ: กรกฎาคม 12, 2007, 04:59:47 PM »

ผมบอกตรงๆ.............ที่วุ่นวายมาจนบัดนี้เพราะ ไม่มี กม.แบบนี้ใช้ ตั้งแต่ปี 42 ที่ รัฐบาล ปชป.ยกเลิก แทนที่จะแก้ไข.......................

..อิอิอิ  ปชป. ยกเลิกไป ไม่เป็นไร โอนความผิดพลาดไปให้ท่านแม้วก็แล้วกันครับ....

หลายๆอย่างเรามองว่ามันดี แต่นั่นแหละ ถ้ากลุ่มอำนาจในยุคต่อไปอาจมองว่าไม่ดี ก็คงต้องมีการแก้ไขกันอีก..........เอ...สรุปแล้วนี่มันวุ่นวายเพราะการเมื่องใช่มั้ยเนี่ย
บันทึกการเข้า
สหายเล็กน้อย
ความรักเป็นเรื่องตลก...อกหักเป็นเรื่องขำ ๆ
Hero Member
*****

คะแนน 2113
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 11510


...มีแต่ตัวกับหัวใจ... เธอจะรักฉันไหม ... !!!


« ตอบ #13 เมื่อ: กรกฎาคม 12, 2007, 06:40:21 PM »

 Smiley Smiley Smiley...ผมมองว่ามันควรจะเป็นเรื่องของหน่วยงานหลายฝ่าย...ที่จะต้องนำไปปฏิบัติ/ไปร่วมกันพิจารณา...มิใช่...มอบอำนาจให้หน่วยงานใด..หน่วยงานหนึ่ง...โดยเฉพาะเจาะจง...อนาคตมันอาจจะกลายเป็นเครื่องมือของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง...ที่ใช้สิทธิเหนือกฎหมายเหนือสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตย...ควรมีการตรวจสอบและคานอำนาจได้...อย่าลืม..กฎหมาย...รัฐธรรมนูญหลัก...เป็นเพียงแค่แนวทาง...เป็นแค่ตัวหนังสือ...ฉีกกันก็บ่อย....ตีความไปทางไหนก็ได้เมื่อมีอำนาจอยู่ในมือ...

          ...ที่ผมติดใจก็คือ...ทำไมมีอำนาจมากนัก...ถึงขนาดเอาผิดไม่ได้...ได้รับความคุ้มครองอีกตะหาก...
          ...ตามที่...ท่านผู้การมะขิ่น...ได้อธิบายมาเป็นความรู้เพิ่มเติมที่ผมพึ่งทราบ...ขอแสดงความขอบคุณมาก ๆ ครับ...ผมเห็นด้วยหลาย ๆ ส่วน...แต่หากเราระแวงไว้บ้างจะเป็นการดีกว่ามิใช่หรือ...เพราะถ้าหากรัฐธรรมนูญผ่าน...กฎหมายลูกต่าง ๆ ที่สร้างสรรค์กันขึ้นมาในขณะนี้ย่อมมีผลตามไปด้วย...อาจจะยังมีแนวทางให้แก้ไขได้...แต่ก็มิใช่การง่าย...ดังนั้น...เมื่อมีโอกาส..ขณะนี้...ควรที่จะศึกษาและหาแนวทางออกที่ดูดีกว่านี้ครับ...ด้วยความเคารพ... Smiley Smiley Smiley
บันทึกการเข้า



...ล้มแล้วจงลุกใหม่...จนกว่าลูกแกะจะกลายเป็นราชสีห์...
มะขิ่น
Hero Member
*****

คะแนน 2453
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17813


"ทหารแก่ไม่มีวันตาย แต่จะค่อยๆเลือนหายไป"


« ตอบ #14 เมื่อ: กรกฎาคม 12, 2007, 06:53:15 PM »

ผมบอกตรงๆ.............ที่วุ่นวายมาจนบัดนี้เพราะ ไม่มี กม.แบบนี้ใช้ ตั้งแต่ปี 42 ที่ รัฐบาล ปชป.ยกเลิก แทนที่จะแก้ไข.......................

..อิอิอิ ปชป. ยกเลิกไป ไม่เป็นไร โอนความผิดพลาดไปให้ท่านแม้วก็แล้วกันครับ....

หลายๆอย่างเรามองว่ามันดี แต่นั่นแหละ ถ้ากลุ่มอำนาจในยุคต่อไปอาจมองว่าไม่ดี ก็คงต้องมีการแก้ไขกันอีก..........เอ...สรุปแล้วนี่มันวุ่นวายเพราะการเมื่องใช่มั้ยเนี่ย

ขอโทษนะครับ...................ที่ผมกล่าวเป็นความจริงในสมัยนั้น ที่ พ.ร.บ.คอมฯ ถูกยกเลิกในสมัยรัฐบาล ปชป.

ไม่ได้เกี่ยวข้องกับรัฐบาล ทรท. แต่อย่างใด?

การที่คุณบอกว่า "ปชป. ยกเลิกไป ไม่เป็นไร โอนความผิดพลาดไปให้ท่านแม้วก็แล้วกันครับ" .......นั่นเป็นความคิดของคุณเอง ไม่ใช่ความคิดหรือความหมายที่ผมกล่าว

ดังนั้น กรุณาอย่าตีความหมายว่าผู้อื่น จะต้องคิดหรือมีความมุ่งหมายตามที่คุณคาดคะเน.............อย่าพยายามโยงให้ผู้อ่านคนอื่นคิดว่าผมจะเป็นไปตามที่คุณกล่าว..............

บางเรื่อง บางอย่างที่กล่าว..............หากรู้ไม่จริงก็ไม่ควรกล่าว เพราะจะทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิด หรือไม่ก็มีคนที่อ่านเจอแล้วคิดว่าคนกล่าวมีระดับความหยักมากน้อยแค่ไหน..............

โดยเฉพาะเอาความรู้สึกของตัวเองมาจับ.............แล้วพยายามโยงเรื่องยิ่งไม่สมควร

มีข้อคิดข้อหนึ่ง ในกองทัพเยอรมันกล่าวไว้ว่า

คนที่ฉลาด และ ขยัน ควรให้เป็นแม่ทัพนายกอง

คนที่ฉลาด แต่ ขี้เกียจ ควรให้เป็นฝ่ายเสนาธิการ

คนที่โง่ และ ขี้เกียจ ควรให้เป็นพลทหาร

คนที่โง่ แต่ ขยัน ควรเอาไปยิงเป้า (เพราะจะขยันแต่เรื่องโง่ๆ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 12, 2007, 06:54:54 PM โดย มะขิ่น » บันทึกการเข้า

อย่าดึงฟ้าต่ำ  อย่าทำหินแตก  อย่าแยกแผ่นดิน
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.104 วินาที กับ 21 คำสั่ง