
ใครที่เคยรู้จักตำนานของ "จดหมายลูกโซ่" ไหมครับ ...
สมัย 7-8 ปีนั้นเป็นที่เลื่องลือมาก กับจดหมายที่ไม่ระบุชื่อผู้ส่ง ภายในเนื้อความมีการบ่งบอกถึงเคราะห์กรรมต่างๆ ซึ่งสุดท้ายแล้วมักจะระบุข้อความในลักษณะที่ว่า
"หากท่านได้รับจดหมายฉบับนี้แล้ว โปรดเขียนจดหมายแล้วส่งต่อไปยังบุคคลอื่นอีก 20 ฉบับ เพื่อความเป็นสิริมงคล"
คนที่งมงายก็ต่างพากันเขียนจดหมายฉบับนี้ส่งไปยังบุคคลอื่นอีกจำนวนมาก จนแพร่ระบาดในขณะนั้น และบุคคลที่มีชื่อกล่าวถึงกันในจดหมายคือ "พระครูธรรมโชติ" แม้จะไม่ทราบว่ามีตัวตนจริงหรือไม่ แต่ในหนังสือการ์ตูนในเครือ "ขายหัวเราะ" นำไปเขียนเป็นมุขการ์ตูนมาแล้ว
2550 ปีแห่งการสู้รบปรบมือทางการเมือง เรามักจะพบใบบอกตามที่ชุมนุมต่างๆ และอย่างล่าสุดกับใบบอกเกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากลของร่างรัฐธรรมนูญ มีการระบุถึงการเรียกร้องให้ส่งบทความฉบับนี้ไปให้บุคคลอื่น โดยระบุด้านล่างว่า
"หากเห็นด้วยกับบทความนี้ หากเห็นด้วยที่จะหยุดยั้งขบวนการตุลาการภิวัฒน์ ขอความกรุณาเผยแพร่บทความชิ้นนี้ไปยังบุคคลที่ท่านรู้จักให้มากที่สุด เพื่อจะได้เห็นและตระหนักถึงภัยอันตรายที่ซ่อนซุกและหมกเม็ดไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ 2550 อย่างทั่วถึงและกว้างขวางทั้งประเทศ"
ตู้ไปรษณีย์ที่บ้านในช่วงเวลานี้ อาจจะมีจดหมาย "ไม่ได้รับเชิญ" ส่งถึงบ้าน หรืออาจจะมี "ใบบอก" แบบไม่ใส่ซองเหน็บตามประตูรั้ว
พูดง่ายๆ "อภินันทนาการ" ถึงบ้านคุณ ...
ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่สามารถเข้าถึงข้อมูล ความคิด อารมณ์และความรู้สึกโดยที่ไม่จำเป็นต้องเห็นหน้า หรือพิสูจน์ด้วยตนเอง หากมองในแง่ที่ว่าเป็นดาบสองคม ความรวดเร็วในการรับรู้กันแบบ "ฉาบฉวย" ทำให้ผู้บริโภคข่าวสารในปัจจุบันต่างรับรู้สิ่งเหล่านั้นได้อย่างรวดเร็ว แต่ขาดซึ่งความไตร่ตรองและชั่งใจถึง "ความน่าจะเป็น" ของเหตุการณ์นั้นเป็นอย่างไร
และสารที่ได้รับมีความ "น่าเชื่อถือ" เพียงพอหรือไม่
อินเตอร์เน็ต บล็อก คลิปวีดีโอ ไฟล์เสียง ฟอร์เวิร์ดเมล ข้อความสั้น SMS รวมทั้งการโทรศัพท์หาถึงกันอย่างใกล้ชิด ถือได้ว่าเป็นการเปิดโลกทัศน์ที่มีมุมมองหลากหลายออกไป ซึ่งรายละเอียดอาจจะมากกว่าสื่อกระแสหลักที่ยังมีข้อจำกัด และความกระชับในการนำเสนอ
แต่ใครจะไปรู้ว่า จากสิ่งที่เราไม่เห็นหน้า หรือพิสูจน์ไม่ได้มีความน่าเชื่อถือมากแค่ไหน เรื่องไหนเป็นเรื่องจริง เรื่องไหนเป็นเรื่องสมมติ จะแต่งขึ้นเพื่อความสนุกสนาน เพื่อมุ่งหวังโจมตีผู้อื่น หรือเพื่อประโยชน์ของฝ่ายตนเอง
คงต้องเป็นหน้าที่ของผู้อ่านที่จะต้องทำหน้าที่ตั้งสติเพื่อพิจารณาสารที่ได้รับ และสื่อให้คนรอบข้างเข้าใจว่า ในวันนี้บ้านเราเป็นอย่างไร เพราะความเข้าใจโดย "เชื่อกันคนละอย่าง" หากมีบางเรื่องที่เกิดความรู้สึกกระทบกระเทือนถึงจิตใจ แน่นอนว่าอารมณ์ต้องเกิดขึ้นก่อนการฉุกคิดเป็นแน่
และหากเกิดกระแสจนยากที่จะควบคุม ความเสียหายไม่ใช่แค่เรา แค่คนรอบข้าง แต่ยังกระเทือนไปจนถึงสังคมและประเทศชาติเป็นแน่แท้
หลักการง่ายๆ หลังรับรู้ข่าวสารก็ คือ ต้องถามไถ่ให้แน่ใจว่า "ข่าวนี้มาจากไหน" ไม่ใช่แค่เพียงคำว่า "จริงเหรอ (วะ)..."