http://www.matichon.co.th/khaosod/khaosod_detail.php?s_tag=03p0103280750&day=2007/07/28§ionid=0301จอดงีบริมวิภาฯ-โดนชิงโตโยต้าวิช
"โจรจยย." ปลุกลงรถ เพื่อนโดด ขับหนีดื้อๆ
อุทาหรณ์จอดรถงีบริมถนน ทนายความหนุ่มใหญ่ง่วงขับรถกลับบ้านไม่ไหว จอดโตโยต้าวิชหลับริมถนนวิภาวดีฯ ตี 5 ตกใจตื่นมีเด็กหนุ่ม 3 คนขี่จยย.มาเคาะกระจก ทำเป็นพลเมืองดีอ้างขับรถชนท้ายให้ลงมาเจรจาค่าเสียหาย ระหว่างงัวเงียเปิดประตูเดินไปท้ายรถ ปรากฏว่าหนึ่งในสามคนร้ายโดดเข้าไปในรถแล้วขับรถหนีไปต่อหน้าต่อตา เรียกแท็กซี่ไล่ตามแต่ไม่ทัน ผู้เสียหายเผยเป็นเจ้าของเต็นท์รถด้วย เพิ่งซื้อมาใช้ยังไม่ถึงเดือน มีทรัพย์สิน-เอกสารหลายอย่างติดไปในรถด้วย
เมื่อเวลา 05.15 น. วันที่ 27 ก.ค. นายเทพประสิทธิ์ เมฆานุพักตร์ อายุ 47 ปี อาชีพทนายความและเจ้าของเต็นท์รถเทพทอง คลอง 12 อยู่บ้านเลขที่ 19/17 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. เข้าแจ้งความกับร.ต.ท.ณัฐ สะอาดเอี่ยม ร้อยเวรสน.พหลโยธิน ว่า ถูกคนร้ายจำนวน 3 คน ทำทีมาเคาะประตูรถยนต์ที่จอดนอนอยู่ข้างทาง ก่อนที่หนึ่งในคนร้าย รอจังหวะที่ตนลงมาจากรถวิ่งเข้าไปขับรถตนเองหนีไปต่อหน้าต่อตา โทรศัพท์แจ้งทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และสถานีวิทยุ สวพ.91 เพื่อสกัดจับแล้ว แต่ไร้ร่องรอย
นายเทพประสิทธิ์ เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนขับขี่รถยนต์โตโยต้า วิช สีบรอนซ์ ทะเบียน กน-4754 นนทบุรี บนถนนวิภาวดี-รังสิต กลับบ้านย่านรังสิตในเวลา 03.00 น. รู้สึกง่วงนอนมากเนื่องจากเมื่อ 2 วันก่อนพักผ่อนไม่เพียงพอ ไม่สามารถขับรถต่อได้ จึงตัดสินใจจอดรถไหล่ทางริมถนนวิภาวดี-รังสิต แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. ขาออก ก่อนถึงแยกบางเขนประมาณ 300 เมตร เพื่อนอนพักผ่อนสายตา และล็อกประตูรถทุกบาน เปิดกระจกด้านหน้ารถเพียงเล็กน้อยเท่านั้น กระทั่งเวลา 05.00 น.โดยประมาณ มีชายอายุประมาณ 30-35 ปี จำนวน 3 คน มาเคาะกระจกรถ บอกตนว่าขับขี่รถจักรยานยนต์ชนไฟท้ายเสียหาย ให้ลงมาจากรถเพื่อตกลงค่าเสียหายด้วย
นายเทพประสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ขณะนั้นรู้สึกว่าตนอยู่ในอาการง่วงนอนมาก พยายามเดินตามชายคนที่มาเคาะกระจกรถปลุกตนมาบริเวณท้ายรถ เพื่อดูความเสียหาย จังหวะนั้นเห็นผู้ชายที่มาด้วยกันอีกคน ที่นั่งคร่อมรถจักรยานยนต์ ไม่ทราบยี่ห้อ สี รุ่น สตาร์ตเครื่องยนต์อยู่หน้ารถยนต์ของตนเอง จังหวะนั้นคนร้ายอีกคนวิ่งอ้อมหน้ารถ พร้อมเปิดประตูรถขึ้นไปนั่งในตำแหน่งผู้ขับขี่แล้วขับรถของตนหลบหนีไป แล้วคนร้ายอีก 2 คนก็ขับขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์หลบหนีไปเช่นกัน
ผู้เสียหาย กล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุ ตกใจมากจนหายง่วง ตาสว่างขึ้นมาทันที หลังจากเริ่มตั้งสติได้ จึงรีบโบกรถแท็กซี่ที่ขับผ่านมา เพื่อให้ขับรถติดตาม แต่ปรากฏว่าโชเฟอร์แท็กซี่คันแรกที่จอดรับตน บอกกับตนว่าต้องรีบไปส่งกะ ไม่สามารถติดตามรถและกลุ่มคนร้ายให้ได้ ตนลงจากรถแท็กซี่คันดังกล่าวบริเวณแยกบางเขน จึงได้โบกรถแท็กซี่อีกคัน เพื่อขึ้นตามไปแต่ก็ไม่สามารถตามได้ทัน คนขับรถแท็กซี่จึงแนะนำให้โทรศัพท์แจ้งไปยังตำรวจ 191 และสถานีวิทยุ สวพ.91
นายเทพประสิทธิ์ เปิดเผยด้วยว่า เพิ่งซื้อรถยนต์คันดังกล่าวต่อจากคนอื่นในราคา 740,000 บาท เมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา เพื่อใช้เป็นพาหนะเดินทางติดต่อธุรกิจ และใช้ส่วนตัว โดยมีทรัพย์สินและเอกสารหลายอย่างติดไปกับรถด้วย เช่น คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ มูลค่า 30,000 บาท และเอกสารทางธุรกิจเต็นท์รถ