เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ธันวาคม 22, 2025, 07:07:17 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 [2] 3
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: จำเป็นไหมที่ไถ่ชีวิตโค-กระบือแล้วต้องเลิกรับประทานเนื้อ  (อ่าน 8815 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Narin CZ
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #15 เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2007, 08:30:13 PM »

Smiley ไม่ทานเนื้อวัวมาสิบกว่าปีแล้วครับ เพราะจะไม่กินพวกเดียวกัน เอ๊ย...ไม่ใช่ ที่ไม่ทานเพราะคิดว่าเค้าให้น้ำนมแก่เราแล้ว ก็ไม่อยากกินเนื้อเค้าอีก
แต่แหม....ผมว่าเบ็ญจภาคีของคุณ Watt ที่อยู่ด้านใต้น่าทานกว่าตั้งเยอะ.. น้ำลายหก
บันทึกการเข้า
toygun
Hero Member
*****

คะแนน 194
ออฟไลน์

กระทู้: 3027



« ตอบ #16 เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2007, 08:40:12 PM »

ผมทานทุกอย่างครับที่ปรุงมาเสร็จ  ไม่บาปหรอกครับถ้าไม่ได้เป็นคนฆ่าเอง มันอยู่ที่ใจครับ ผมเองก็ใช้คนอื่นเชือดไก่ ทุบหัวปลา เพื่อปรุงอาหารตลอดครับ แบบว่าสบายใจที่ไม่ได้ทำเองแค่นั้นเอง อันที่จริงมันก็เป็นอาหารของเรานั่นแหละครับคิดอย่างนี้สบายใจ จนเพื่อน ๆ บ่นตลอดเวลาเชือดไก่ต้มแกล้มเหล้า มันบอก บาปอยู่ที่คนทำแต่กรรมขอให้อยู่ที่คนกิน อิ..อิ..
บันทึกการเข้า
coda
None of us is as smart as all of us.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1081
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20779



เว็บไซต์
« ตอบ #17 เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2007, 08:45:57 PM »

...ว่าจะเลิกกินสัตว์ใหญ่เหมือนกันครับ  กำลังเริ่มจากการลด  Wink
บันทึกการเข้า

Check your monitor:

https://www.facebook.com/StudioCoda

"ยึดปืนคนดี  อัปรีย์จะครองเมือง"
rockguns
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #18 เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2007, 11:12:05 PM »

ผู้ใหญ่ที่เป็นผู้หญิงอายุมากเชื่อในทางพระมากไม่รู้เหตุผลที่เรียกกันว่างมงาย ผมเชื่อว่าพี่ๆ ทั้งหลายที่บวชเรียนมาก็คงจะเข้าในกุโศลบาย หรืออุบายธรรมดีนะครับ คำสั่งสอนต่างๆในพุทธศาสนาก็เกิดจากเหตุต่างๆที่ทำให้คนเดือดร้อน นักบวชที่มีคุณธรรมสูงจึงคิดอุบายธรรมให้คลายจากความเดือดร้อน พระพุทธเจ้านิพพานมา 2,500ปีแล้วหาบันทึกไม่ได้มีแต่คำบอกกล่าวกันมาในหมู่สงฆ์ คำกล่าวใดทำให้สังคมสงบสุขก็ควรปฏิบัติ  เชื่ออย่างมีเหตุผล คุณ POINT-BLANK ทำถูกครับ ที่ไม่ขัดใจผู้ใหญ่  ที่ทำให้วงอาหารไม่แตก แต่ถ้าคุณกินเนื้อก็ไม่เห็นเดือดร้อนใคร  ผมไม่กินเนื้อเพราะไม่อยากทำบาปอีก โดยคิดว่าไม่กินก็ไม่ตาย ทว่าถ้าไม่มีอะไรกินแล้วเราต้องตาย เนื้อก็กินดีกว่าอดตาย............ ใครว่าโง่เป็นควาย ควายเป็นสัตว์มีคุณ ควายเหลือน้อย กำลังสูญพันธ์ ตอนนี้มีพิพิธภัณฑ์ควาย ศูนย์อนุรักษ์พันธ์ควาย ใครคิดบ้างว่าจะมีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในบ้านเรา
บันทึกการเข้า
ทิดเป้า
Hero Member
*****

คะแนน -1181
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 11916



« ตอบ #19 เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2007, 11:49:52 PM »

คิดตามประสาคนเพี้ยนๆ ...และใช้ชีวิตอย่างไร้สาระครับ

หนึ่งตัว ก็คือ หนึ่งชีวิต...จะเป็นมด หรือช้าง ก็ หนึ่งชีวิต....หนึ่งชีวิตที่ รักตัวกลัวตายเหมือนกัน
คน....สัตว์ประเสริฐ ก็ หนึ่งชีวิต
ยุง ...ก็หนึ่ง ชีวิต....แต่มันมารบกวนสัตว์ประเสริฐ....เอ ...หรือจะให้มันเลี้ยงสัตว์ไว้เพื่อดูดเลือดกินเอง...สัตว์เลี้ยงของมัน ก็คงจะโวยอีกว่า ยุงรังแก
วัว - ควาย ก็หนึ่งชีวิต...ดีหน่อย รบกวนเราน้อย....แถมไถนา ให้มีข้าวกิน

คน ...กินข้าว วันละ 3 มื้อ เป็นเนื้อ ไม่เกินวันละ 1 กก. เนื้อวัว - ควาย 1 ตัว ....กินเป็นเดือนๆ
คน ..ตบยุง..บี้มด...ฉีดไบก้อน...ตายวันนึง นับร้อย

อีกอย่าง มังสัง 10 อย่าง ...ไม่ได้ห้ามไว้

อยู่ และ เดิน ตามทางสายกลาง....รู้จักแบ่งปัน...รู้จักปรับปรุง...รู้จักปลง...รู้จักเปลี่ยนแปลง....ไม่ทำให้เพื่อนร่วมโลกเดือดร้อนภายใต้ขอบเขตของความเป็นจริง... ควร หรือไม่ควร....การกระทำที่คนอื่นทำแล้วผมไม่ชอบ ผมจะไม่ทำสิ่งนั้น...สิ่งใดที่ผู้อื่นทำ แล้วผมชอบ ชื่นชม ...จะพยายาม ทำสิ่งนั้น




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 31, 2007, 12:17:53 AM โดย เป้า » บันทึกการเข้า

o/uboy
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #20 เมื่อ: กรกฎาคม 31, 2007, 01:50:18 AM »

ผมขอยกพุทธภาษิตมาหน่อยนะครับ Grin

 การถือไม่กินปลาไม่กินเนื้อก็ดี การประพฤติเป็นชีเปลือยก็ดี ความมีศีรษะโล้นก็ดี การมุ่นมวยผมเป็นชฎาก็ดี การอยู่คลุกฝุ่นธุลีก็ดี การบำเพ็ญตบะต่างๆมากมายในโลกก็ดี พระเวทก็ดี การบวงสรวงสังเวยก็ดี การบูชายัญก็ดี จะชำระสัตว์ผู้ยังข้ามไม่พ้นความสงสัย ให้บริสุทธิ์ได้ ก็หาไม่.

ตามหลักของพุทธแล้ว สอนให้เรากินง่ายอยู่ง่ายครับ อย่าเลือกกิน และกินแบบ โภชเนมัตตัญญตา แปลว่า ความรู้จักประมาณหรือรู้จักพอดีในการกิน เท่านั้นครับ ฉนั้นการไม่กินเนื้อวัว-ควาย ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรในการกระทำทั้งสิ้นครับ. กินต่อไปครับของอร่อยเลิกทำไม น้ำลายหก
บันทึกการเข้า
CyberMan
สมาชิกลำดับที่ 75
Full Member
***

คะแนน 9
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 485



« ตอบ #21 เมื่อ: กรกฎาคม 31, 2007, 01:57:38 AM »

สวัสดีครับ ที่บ้านก็นับถือเจ้าแม่กวนอิมครับ แต่จะทานเนื้อก็ต้องไปทานข้างนอกบ้านครับ

ทางบ้านผมก็ถือเรื่องนี้ ดูเหมือนว่าบรรดาญาติๆ ก็ไม่มีใครทานเนื้อกันเลยครับ... โดยส่วนตัวผม
เวลาอยู่เมืองไทยก็ทานไม่ได้ รู้สึกว่ามันมีกลิ่นและกลืนไม่ลงครับ  แต่แปลกที่เวลาอยู่เมืองนอก
กลับทานได้ค่อนข้างสนิทปาก คงเพราะความจำเป็น และเนื้อวัวที่นี่มีกลิ่นน้อยกว่าเนื้อหมูอีก..
บันทึกการเข้า
สหายเล็กน้อย
ความรักเป็นเรื่องตลก...อกหักเป็นเรื่องขำ ๆ
Hero Member
*****

คะแนน 2113
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 11510


...มีแต่ตัวกับหัวใจ... เธอจะรักฉันไหม ... !!!


« ตอบ #22 เมื่อ: กรกฎาคม 31, 2007, 02:17:18 AM »

 Cheesy Cheesy Cheesy...อร่อยครับ...หากเป็นพะวง...ก็ทานไปด้วยแผ่เมตตาไปด้วยสิครับ... Cheesy Cheesy Cheesy
บันทึกการเข้า



...ล้มแล้วจงลุกใหม่...จนกว่าลูกแกะจะกลายเป็นราชสีห์...
ตะบันไฟ
Hero Member
*****

คะแนน 47
ออฟไลน์

กระทู้: 1283



« ตอบ #23 เมื่อ: กรกฎาคม 31, 2007, 03:52:07 PM »

นานาจิตตัง  บ้านผมไม่ทานเนื้อกันครับ   ผมก็เลยพลอยได้อานิสงฆ์
ไม่ได้ทานกับเขาไปด้วย   

แต่ส่วนตัว ถามว่าทานได้ไหม  ทานได้ครับ   แต่ก็ไม่ค่อยได้ไปทาน
ชอบกินเนือปลามากกว่าครับ เพราะไม่มีคลอเรสเตอรอล  หรือมีก็น้อยกว่า
บันทึกการเข้า

ปืนคือเพื่อนแท้  ปืนคือเพื่อนตาย  ปืนคือเพื่อนร่วมทาง
ปืนมันพูดไม่ได้  แต่มันก็ซื่อสัตย์  จริงใจ  ไม่ทรยศหักหลังเรา
นี่แหละนิยามของคำว่าปืน
แจ็ค
"กำบ่มีอย่าไปอู้...กำบ่ฮู้อย่าได้จ๋า"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 461
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 7529


« ตอบ #24 เมื่อ: กรกฎาคม 31, 2007, 04:03:23 PM »


....... ไม่จำเป็น ....... การปล่อยสัตว์ชนิดใดไม่จำเป็นต้องงดทานสัตว์ชนิดนั้น  ต่างกรรม  ต่างวาระ  เป็นการบอกกล่าวของคนเฒ่าคนแก่สมัยก่อน  สำหรับผมแล้วไม่จำเป็นครับผม  ส่วนตัวผมนั้นไม่ทานเนื้อสัตว์ใหญ่มาเป็น 10 กว่าปีแล้ว ......
บันทึกการเข้า

... เมื่อความกลัวถึงขีดสุด  มันจะเกิดเป็นความกล้าที่บ้าบิ่น ...
carrera
กินลูกเดียวเที่ยวสองลูก
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2329
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 84478


« ตอบ #25 เมื่อ: กรกฎาคม 31, 2007, 04:21:20 PM »

หลากหลายความเห็นจริงๆ Grin Grin Grin  น่าสนใจมากเลย เรื่องนี้พอกับกินเจไหมครับ

แต่ตอนนี้อยากกินฟิเลมิยอง กับมันบด ผักต้ม
บันทึกการเข้า

เนื้อร้ายตัดทิ้ง
www.ipscthailand.com
Machine_1
เรา รัก ใน หลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 8
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1224



« ตอบ #26 เมื่อ: กรกฎาคม 31, 2007, 04:28:15 PM »

 Grin จำเป็นหรือไม่จำเป็นผมคิดว่าทุกอย่างอยู่ที่ใจเราครับ  ถ้าเรากินแล้วไม่สบายใจก็อย่ากินครับ งดเสีย ทางพระท่านว่าไม่ควรกินสัตว์อยู่ไม่กี่ประเภทหรอกครับ อย่างเนื้อเสือ และช้างเป็นต้น สัตว์อื่นผมจำไม่ได้ ส่วนตัวผมเองเลือกที่จะเดินทางสายกลาง มีก็กิน ไม่มีก็ไม่กิน กินอยู่อย่างพอเพียง หลงรัก
บันทึกการเข้า
rute - รักในหลวง
Forgive , But not Forget .
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1960
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 22591


"ผลิดอกงามแตกกิ่งใบ..."


« ตอบ #27 เมื่อ: กรกฎาคม 31, 2007, 05:02:18 PM »

ผมมีความเห็นว่าเราควรอยู่โดยเบียดเบียนผู้อื่นให้น้อยเท่าที่จะทำได้ครับ...

สัตว์ที่ผมบริโภคผมเลือกกินสัตว์ที่เลี้ยงเพื่อเป็นอาหาร...

เช่น หมู เห็ด(ไม่รู้เป็นสัตว์อะไร) เป็ด ไก่...

ส่วนเนื้อวัว ผมถือว่าวัวที่เอามาฆ่าเป็นวัวเนื้อที่เลี้ยงเพื่อการบริโภคครับ...Grin
บันทึกการเข้า
lekkkk
Newbie
*

คะแนน 0
ออฟไลน์

กระทู้: 10


« ตอบ #28 เมื่อ: กรกฎาคม 31, 2007, 06:27:28 PM »

เลิกได้เลิก เลิกไม่ได้ก็เบิ้ลไปเลย Grin Grin Grin

ทำให้ป้ายิ้มได้ก็ดีแล้วครับ น่ารักมาก
สนับสนุนครับ     อย่ายึดติดกับความคิดของคนอื่น     ผมทำได้เท่าไหร่ก็เท่านั้นไม่คิดมาก   กินผักวันละ1มื้อตอนเช้า     นอกนั้นก็แล้วแต่สะดวก
บันทึกการเข้า
Narin CZ
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #29 เมื่อ: กรกฎาคม 31, 2007, 10:13:36 PM »

ฝากให้คุณ Point Blank และทุกๆท่านครับ... Grin


 อานิสงค์ของการไถ่ชีวิตโคกระบือ
 
ได้มีการบันทึกหรือเล่าต่อกันมาในคัมภีร์พระพุทธศาสนา
ในเรื่องของสามเณร ซึ่งเป็นศิษย์ในสำนักของพระสารีบุตร พระอัครสาวกเบื้องขวาของพระพุทธเจ้า ซึ่งสามเณรท่านนี้ได้รับการพยากรณ์จากพระสารีบุตรว่า " ชะตาถึงฆาต" จะต้องมรณภาพ ภายใน ๗ วันขอให้ปลงอายุสังขารเสีย พอสามเณรได้ฟังดังนั้น ในฐานะนักปฎิบัติธรรม ท่านก็มิได้สะทกสะท้าน หรืออาลัยในชีวิตแต่อย่างใด ไหน ๆ ก็จะละสังขารแล้ว ก็ใคร่จะขออำลาพระอาจารย์ไปโปรดโยมบิดา มารดาสัก ๓ วัน เพื่อเป็นการตอบแทนพระคุณเป็นครั้งสุดท้าย

เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว ก็ออกเดินทาง กะว่าจะใช้เวลาไปกลับให้ทันก่อนกำหนด เพื่อฟังธรรมจากพระสารีบุตรเป็นครั้งสุดท้าย ในระหว่างการเดินทาง เนื่องจากในช่วงเวลานั้นเป็นหน้าแล้ง น้ำในลำธาร ห้วยหนอง เหือดแห้ง สามเณรได้เห็นปลาน้อย จำนวนหนึ่ง ดิ้นกระแด่ว ๆ ใกล้จะถึงเวลาตายอยู่ในบ่อน้ำที่กำลังแห้งเหือด ด้วยจิตที่เป็นเมตตา ท่านได้นำจีวรช้อนตักปลาฝูงนั้น ไปปล่อยในแม่น้ำสายใหญ่ แล้วจึงเดินทางต่อไป หลังจากโปรดโยมบิดามารดาและเดินทางกลับมายังสำนักแล้ว

พอครบกำหนดตามที่พระสารีบุตรพยากรณ์เอาไว้ ก็เข้าไปกราบลาเพื่อขอฟังธรรมก่อนละสังขาร แต่พระสารีบุตรกลับไม่แสดงธรรมโปรด และได้กล่าวกับสามเณรว่า "กรรมดีที่เณรได้ช่วยชีวิตฝูงปลา ซึ่งบังเอิญเป็นเจ้ากรรมของเณรแต่อดีตชาติ ประกอบกับบุญกุศลที่เณรได้ทำไว้ด้วยการถือเพศบรรพชิตในปัจจุบัน ทำให้เจ้ากรรมนายเวรเกิดความปีติ ทั้งสองฝ่ายได้ยินยอมให้กรรมหนักถึงตายของเณรหลุดพ้น ด้วยการ "อโหสิกรรม" ต่อกัน

เณรได้พ้นกรรมบัดนี้แล้ว" จากเรื่องดังกล่าว จึงทำให้มีการทำบุญสะเดาะเคราะห์ด้วยการปล่อยนก ปล่อยปลา หรือให้ทานชีวิตสัตว์อื่น ๆ เช่น ไถ่ชีวิตโคกระบือ ฯลฯ ในพุทธศาสนาแต่นั้นมา ดังนั้นการแก้กรรมเมื่อชะตาถึงฆาต โหราจารย์ก็จะแนะนำให้แก้กรรมด้วยการให้ทานชีวิตสัตว์เป็นดีที่สุด



 
 
 
 



บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.058 วินาที กับ 20 คำสั่ง