25 เรื่องที่ผิดๆของคนใช้รถ
--------------------------------------------------------------------------------
เอามาฝากกันครับ ประดับความรู้
ผิด 1. "สตาร์ทแล้วออกรถได้เลยไม่ต้องอุ่นเครื่อง"
ถูก...อุ่นเครื่องยนต์สักหน่อยก่อนออกรถจะดีกว่า
เมื่อเครื่องยนต์ทำงานขณะที่ยัง "เย็น" อยู่ เช่น ขณะออกรถจากบ้านไปทำงานตอนเช้า
หรือติดเครื่องยนต์เมื่องานเลิกเพื่อกลับบ้าน ไอของเชื้อเพลิงที่เข้มข้นจะเกาะผนังกระบอกสูบ
และละลายปนกับฟีล์มน้ำมันเครื่องที่ฉาบผนังอยู่ ทำให้การหล่อลื่นแหวนลูกสูบกับผนังกระบอกสูบไม่เพียง พอ สร้างความสึกหรอในเครื่องยนต์มากกว่าปกติ
นอกจากนี้ทั้งเชื้อเพลิงที่ระเหยไม่หมด และไอน้ำที่เกิดจากการเผาไหม้ขณะเครื่องยังเย็นนี้
ยังละลายปนอยู่ในน้ำมันเครื่อง ทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพเร็วขึ้นอีกด้วย
--------------------------------------------------------------------------------
ผิด 2. "รถใหม่สมัยนี้ ไม่ต้อง รันอิน"
ถูก...รถใหม่ทุกรุ่นทุกยี่ห้อ ต้องรันอิน
รถรุ่นใหม่ๆ แม้จะมีการควบคุมคุณภาพอย่างดีแล้วก็ตาม แต่เครื่องยนต์ใหม่ควรต้องผ่านการรันอิน
และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องสักครั้งก่อนที่จะใช้งาน อย่างเต็มที่ เพราะเศษโลหะที่ตกค้างอยู่ในระบบจะได้ถูกชะล้างออกไป
การรันอินนั้นทำได้ไม่ยาก โดยในช่วง 1,000 กม. แรก ไม่เร่งเครื่องยนต์อย่างรุนแรง
หรือใช้รอบเครื่องยนต์ที่สูงมากๆ ถ้าใช้รอบเครื่องไม่เกิน 3,000 รตน. ได้ก็จะดีและเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะที่ผู้ผลิตกำหนด
--------------------------------------------------------------------------------
ผิด 3. "ยกขาก้านปัดน้ำฝนขณะจอดช่วยยืดอายุใบปัด"
ถูก...สปริงในก้านที่ปัดน้ำฝนจะอ่อน และเสียเร็วขึ้น
ส่วนสำคัญที่ทำให้ที่ปัดน้ำฝนทำงานได้อย่างเต็มประสิ ทธิภาพประกอบด้วย ใบปัด
แผ่นยางซึ่งทำหน้าที่รีดน้ำจากกระจกบังลมหน้า ปกติจะมีอายุการใช้งานประมาณ 1 ปี
หากใช้นานกว่านั้นเนื้อยางจะแข็งตัวหรือมีการฉีกขาด ไม่ว่าจะยกไว้หรือไม่ก็ตาม
อีกส่วนคือ ก้านใบปัด ที่มีสปริงคอยดึงให้ใบปัดแนบสนิทกับกระจก ซึ่งรับแรงจากคันโยก และมอเตอร์
ตัวนี้มีราคาสูงกว่าใบปัด การยกก้านเมื่อจอดตากแดด สปริงจะถูกดึงให้ยืดออกตลอดเวลา
อายุการใช้งานสั้นลง ทำให้ต้องจ่ายแพงกว่าเดิมหลายเท่าถ้าต้องเปลี่ยนทั้ง ชุด
--------------------------------------------------------------------------------
ผิด 4. "รถติดไฟแดงค้างเกียร์ D ไว้ดีกว่าเปลี่ยนเกียร์ว่าง"
ถูก...หยุดรถก็โอเค แต่ถ้าติดไฟแดงนานก็ต้องระวังชนคันหน้า
ในกรณีรถติดไฟแดง ผู้ขับรถที่ใช้เกียร์ธรรมดาจะปลดเกียร์ว่าง และเหยียบเบรคป้องกันรถไหล
คงจะไม่มีใครเหยียบคลัทช์ และเบรค ใส่เกียร์คาไว้ ให้เมื้อยขา ขณะที่ผู้ขับรถเกียร์อัตโนมัติ
กลับมีพฤติกรรมที่แตกต่างกัน
กลุ่มแรก เหยียบเบรคโดยค้างเกียร์ไว้ที่ตำแหน่ง "D"
กลุ่มที่ 2 เบรคเหมือนกัน แต่เลื่อนตำแหน่งคันเกียร์มาที่เกียร์ว่าง "N" กลุ่มสุดท้าย ดันคันเกียร์มาอยู่ที่ "P"ไม่เหยียบเบรค
ถ้าติดไฟแดงนานๆ กลุ่มแรก ต้องระวังมากที่สุด เพราะถ้าขยับตัวแล้วเท้าหลุดจากแป้นเบรค
รถอาจพุ่งไปชนคันหน้า กลุ่มที่ 2 เบาหน่อยแค่เมื่อย ส่วนกลุ่มสุดท้าย สบายใจได้
แต่อาจจะไม่สะดวกกับการใช้งาน วิธีดีที่สุด คือ ใช้เกียร์ว่าง และดึงเบรคมือ
--------------------------------------------------------------------------------
ผิด 5. "เดินทางไกลลมยางอ่อนดีกว่าแข็ง"
ถูก...ลมน้อย ยางมีโอกาสระเบิดได้มาก
ผู้ใช้รถควรเติมลมยางตามมาตรฐานที่ผู้ผลิตรถยนต์กำหน ดไว้ และให้เพิ่มแรงดันลมยางให้สูงขึ้นอีก 2-3 ปอนด์
เมื่อต้องเดินทางไกลลมยางที่อ่อนกว่ามาตรฐานกำหนด นอกจากจะทำให้หน้ายางด้านนอกสึกมากกว่าด้านในแล้ว
ยังอาจส่งผลเสียกับโครงสร้างยางได้ และมีโอกาสเกิด "ยางระเบิด"มากกว่าหรือใกล้เคียงกับยางที่มีแรงดันลมยางเกินกำหนด เพราะอุณหภูมิความร้อนที่เกิดจากการเสียดสี
--------------------------------------------------------------------------------
ผิด 6. "ฝนตกใส่ขับ 4 ล้อเกาะกว่า...2 ล้อ"
ถูก...อย่าใช้ระบบขับเคลื่อนผิดประเภท จะได้ไม่ต้องเสียใจ
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อนั้นอาจจะช่วยให้รถเกาะถนนมากกว่าระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ
แต่สำหรับรถที่ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบพาร์ทไทม์หรือ "ตามต้องการ" ในรถพิคอัพ หรือพีพีวี
ที่มีชุดส่งกำลังแยกเพื่อส่งกำลังไปยังล้อหน้า กำลังจากล้อหลังจะถูกแบ่งมายังล้อหน้า อาการท้ายปัด
หรือล้อหลังฟรีก็จะน้อยลง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเกาะถนนดี เมื่อต้องเลี้ยวในความเร็วสูง
ล้อหน้าที่ถูกล๊อคให้หมุนจะเลี้ยวได้น้อยลง ทำให้ต้องใช้วงเลี้ยวที่กว้างขึ้น
จึงมีรถประเภทนี้หลุดโค้งให้เห็นกันเป็นประจำ
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบพาร์ทไทม์มีไว้เพื่อช่วยให้รถสามารถผ่านทางทุรกันดานได้ง่ายขึ้น
ต่างกับพวกที่เป็นฟูลล์ไทม์หรือ "ตลอดเวลา" ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการยึดเกาะถนน
--------------------------------------------------------------------------------
ผิด 7. "ตั้งศูนย์ล้อหน้าอย่างเดียวก็พอ"
ถูก...ทุกล้อมีความสำคัญ ตั้งศูนย์ล้อควรทำทั้ง 4 ล้อ
เชื่อหรือไม่ว่า ศูนย์ล้อหลังมีความสำคัญพอๆ กับศูนย์ล้อหน้า หรืออาจจะมากกว่า
เพราะมุมที่ล้อหลังเอียงไปเพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้รถเสียสมดุลเมื่อเบรค หรือเลี้ยวและทำให้รถเลี้ยวไปมากกว่าที่คิด
รถยนต์ส่วนใหญ่จะปรับตั้งศูนย์ล้อได้หน้า/หลัง ยกเว้นรถขับเคลื่อนหน้าบางรุ่นที่ปรับได้แต่เฉพาะล้อ หน้าเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถตั้งศูนย์ล้อหลัง ก็ต้องทำใจ
--------------------------------------------------------------------------------
ผิด 8. "ต้องเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินเวลาข้ามแยก"
ถูก...เวลาข้ามแยก รอให้รถว่าง และไม่ควรเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉิน
ถ้าคุณเปิดไฟฉุกเฉิน รถทั้งด้านซ้าย/ขวา ต่างก็จะเห็นสัญญาณไฟเลี้ยวเพียงด้านใดด้านหนึ่งเท่า นั้น
รถทางขวาอาจจะจอดให้ไป แต่สำหรับทางซ้ายอาจคิดว่าคุณจะเลี้ยวซ้ายจึงไม่หยุด ให้ อุบัติเหตุจึงเกิดขึ้น
ด้วยความเข้าใจผิด จากการใช้สัญญาณไฟแบบผิดที่...ผิดทาง
--------------------------------------------------------------------------------
ผิด 9. "ฝนตกหนัก หรือหมอกลงจัดต้องเปิดไฟฉุกเฉิน"
ถูก...อาจสร้างความสับสนให้ผู้ร่วมทาง ไฟฉุกเฉินใช้เวลาจอดฉุกเฉิน
ในสภาพอากาศที่ไม่ดี และมีทัศนวิสัยแย่มาก จนมองแทบไม่เห็นรถคันหน้า การชะลอความเร็ว
เปิดไฟหน้า และทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากขึ้น เป็นสิ่งที่ควรทำแต่การใช้สัญญาณไฟฉุกเฉิน
ทำให้ที่วิ่งสวนทางมาเข้าใจผิดคิดว่ามีรถจอดเสียอยู่ ทางซ้ายริมถนนและหักหลบไปทางขวา
ซึ่งเป็นไหลทางกว่าจะเห็นอาจจะสายเกินไป ไม่ลงไปข้างทางก็อาจพุ่งข้ามช่องทางมาชน หรือถ้าหยุดรถก็ขวางทาง
และเกิดอุบัติเหตุ
การใช้ สัญญาณไฟฉุกเฉิน หรือไฟผ่าหมาก ควรใช้เฉพาะเวลาที่รถเสีย และต้องจอดอยู่ริมถนน
เพื่อบอกให้เพื่อนร่วมทางที่สัญจรผ่านไปมา ใช้ความระมัดระวัง และชะลอความเร็วในจุดที่รถจอดเสียอยู่
--------------------------------------------------------------------------------
ผิด 10. "ผ้าเบรคแข็ง หรือ ผ้าเบรคเนื้อแข็ง ไม่ดี"
ถูก...ไม่แน่เสมอไป ขึ้นอยู่กับความต้องการ
ความเข้าใจผิดๆ เรื่อง "ผ้าเบรค" ที่ว่าผ้าเบรคอ่อนดีกว่าแข็งเกิดจากบรรดาช่างซ่อมรถที่ไม่ได้อธิบายให้เจ้าของรถเข้าใจ
การผสมเนื้อผ้าเบรคให้ใช้งานได้ดี เป็นศาสตร์ชั้นสูง ใช้วัสดุนานาชนิด และมีสัดส่วนที่แตกต่างกัน
ซึ่งจะมีผลต่อคุณสมบัติของผ้าเบรค และมักจะขัดแย้งกันเอง ถ้าเน้นข้อดีข้อใดขึ้นมา
ก็มักจะมีข้ออื่นด้อยลงไป เช่น การใช้ส่วนผสมที่เบรคหยุดดี ก็จะกินเนื้อจานเบรคมาก หรือร้อนจัด
หรือไม่เนื้อผ้าเบรคก็สึกเร็ว พอทำให้สึกช้า ก็แข็ง เบรคไม่ค่อยอยู่ หรือมีเสียงรบกวน
ส่วนผ้าเบรค"เนื้ออ่อน" ที่มีจุดเด่นเรื่องไม่กัดกินเนื้อจานเบรค ก็จะมีข้อด้อยตรงจุดอื่น
--------------------------------------------------------------------------------
ผิด 11. "เอนนอนขับแบบนักแข่ง...สบายที่สุด"
ถูก...นั่งขับแบบไม่ต้องชะเง้อ จะได้ไม่เมื่อย และไม่อันตราย
ท่าขับแบบนักแข่ง ตัวจริง ต่างกับการปรับเบาะเอนนอนขับมาก
การนั่งท่านี้จะรู้สึกว่าจะหลุดจากเบาะนั่งทุกครั้งท ี่เบรคแรงๆ แขนที่เหยียดตึงตลอดเวลา
นอกจากจะทำให้เมื่อยล้า ยังต้องยกตัวขึ้นเมื่อถึงเวลาที่ต้องเลี้ยว เพราะไม่มีแรงหมุนพวงมาลัยและมองทางข้างหน้าไม่เห็น
เช่นเดียวกับเวลาถอยหลังจอด สายเข็มขัดนิรภัยที่อยู่ในตำแหน่งสูงกว่าการนั่งขับแ บบปกติ อาจจะรั้งคอแทนที่จะเป็นไหล
เมื่อเกิดอุบัติเหตุ
ท่านั่งที่ถูกต้องเอาหลังพิงพนักจนสนิทแล้วเหยียดแขน ข้างใดข้างหนึ่ง
ไปวางบนส่วนบนสุดของพวงมาลัยแล้ว ตรงกับข้อมือ ขาต้องสามารถเหยียบแป้นคลัทช์จนจม
โดยไม่ต้องเหยียดข้อเท้าสุดแบบนักบัลเลท์ ส่วนใต้ของขาอ่อนดันกับเบาะนั่งส่วนหน้า
จนรู้สึกว่าน้ำหนักตัวที่ลงตรงสะโพกพอดี และยังสัมผัสกับพนักพิง
--------------------------------------------------------------------------------
ผิด 12. "นั่งชิดพวงมาลัยเพื่อให้มองเห็นหน้ารถ"
ถูก...อันตราย ตัวอาจกระแทกกับพวงมาลัยบาดเจ็บ
ผู้ที่นั่งใกล้พวงมาลัยเกินไป มักเป็นผู้ที่ไม่ค่อยให้ความสนใจกับรถนักและได้รับการสอนท่านั่งมาแบบผิดๆ
ลำตัวที่อยู่ชิดกับพวงมาลัยนอกจากจะทำให้หมุนพวงมาลัยไม่ถนัดเพราะแขนงอมากเกินไ ป
ยังเพิ่มความเสี่ยงให้แก่ตัวผู้ขับที่อาจจะบาดเจ็บจากการที่ลำตัวกระแทกกับพวงมาลัย และแรงระเบิดจากถุงลมนิรภัย
--------------------------------------------------------------------------------
ผิด 13. "สอดมือหมุนพวงมาลัยถนัด เบาแรง และปลอดภัย"
ถูก...ไม่ถนัดจริง และอันตรายไม่ควรทำ
การหงายมือล้วงหรือสอดมือจับพวงมาลัย เพื่อเลี้ยวรถ เป็นการออกแรงดึงเข้าหาตัว
จึงทำให้รู้สึกว่าออกแรงน้อยกว่าการจับแบบคว่ำมือหมุ น แต่การทำแบบนั้นมี "อันตราย" มาก
ถ้าหากล้อหน้าเกิดสะดุดก้อนหิน และเกิดมือหลุดจากพวงมาลัย ดึงมือออกมาไม่ทันก้านพวงมาลัยจะตีมืออย่างแรง
การจับพวงมาลัยที่ถูกต้องควรจับในตำแหน่ง 3 และ 9 นาฬิกา ซึ่งแขนจะงออยู่เล็กน้อย
และเพียงพอที่หมุนพวงมาลัยได้จนครบรอบ เมื่อต้องเลี้ยวรถมากกว่าหนึ่งรอบ
จะปล่อยมือที่อยู่ด้านหลัง เพื่อมาจับในตำแหน่งเดิม โดยทำในลักษณะนี้ทั้งเลี้ยวซ้าย/ขวา
--------------------------------------------------------------------------------
ผิด 14. "ต้องเปลี่ยนไส้กรองทุกครั้งที่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง"
ถูก...ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนทุกครั้ง แต่ถ้าเปลี่ยนได้ก็ดี
ผู้ผลิตรถยนต์จากยุโรป แนะนำให้เปลี่ยนพร้อมกับการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ทุกครั้ง
แต่โรงงานผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่น จำนวนไม่น้อย แนะนำให้เปลี่ยนไส้กรอง หรือหม้อกรองทุกๆ ครั้งที่ 2 ของการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง
ถ้าคำนึงถึงคุณภาพของน้ำมันเครื่องยุคปัจจุบันแล้ว น้ำมันเครื่องหมดอายุแล้ว
ในหม้อกรองน้ำมันเครื่องจำนวนหนึ่งปนเปื้อน ไม่ถึงกับให้โทษในด้านการหล่อลื่นหรือทำความสะอาดภาย ในเครื่องยนต์
แต่เมื่อคำนึงถึงราคาหม้อกรอง หรือไส้กรอง ซึ่งถูกกว่าราคาน้ำมันเครื่องแล้ว
ควรเปลี่ยนทุกครั้งเพื่อให้น้ำมันเครื่องสะอาดที่สุด และทำหน้าที่รักษาเครื่องยนต์ของเราจะดีกว่า
--------------------------------------------------------------------------------
ผิด 15. "ควรเติม หัวเชื้อน้ำมันเครื่องเพื่อถนอมเครื่องยนต์"
ถูก...อาจจะหนืดไป แค่ใช้น้ำมันเครื่องดี มีคุณภาพ ก็เพียงพอแล้ว
เราแบ่งหัวเชื้อน้ำมันเครื่องได้เป็น 2 ประเภท คือ ประเภทที่ช่วยเพิ่มคุณภาพของน้ำมันเครื่อง
และประเภทที่ช่วยเพิ่มความหนืดของน้ำมันเครื่อง น้ำมันเครื่องคุณภาพสูงในปัจจุบันมีส่วนผสมของสารต่า งๆ อยู่ในปริมาณ
และสัดส่วนที่เหมาะสม จึงไม่ควรใส่สารอื่นเข้าไปทำลายสัดส่วนสารเคมีเหล่าน ี้ให้เสียสมดุล และกลับให้โทษแก่เครื่องยนต์ ประเภทแรกจึงไม่จำเป็น
ส่วนหัวเชื้อน้ำมันเครื่องที่ช่วยเพิ่มความหนืดอาจช่วยลดความสิ้นเปลืองน้ำมันเครื่องของเครื่องยนต์ ที่หมดสภาพแล้วได้บ้าง
แต่เมื่อคำนึงถึงราคาแล้ว ก็ไม่น่าจะช่วยประหยัดได้ และเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุด้วย
วิธีที่ถูกต้องคือ การซ่อมใหญ่ หรือ โอเวอร์ฮอล เพื่อให้เครื่องยนต์กลับคืนสู่สภาพดีปกติ
--------------------------------------------------------------------------------
ผิด 16. "เติมน้ำมันเครื่องคุณภาพสูงปนกับน้ำมันเครื่องทั่วไ ปจะได้คุณสมบัติที่ดีขึ้น"
ถูก...การผสมไม่ได้ช่วยให้คุณภาพดีขึ้น ใช้น้ำมันเครื่องคุณภาพมาตรฐานจะดีกว่า
การนำน้ำมันเครื่องคุณภาพสูงสุดสักครึ่งลิตร มาผสมกับน้ำมันเครื่องคุณภาพปานกลางก็ไม่สามารถเพิ่มคุณภาพขึ้นมาได้
เอาเงินส่วนนี้ไปทำประโยชน์ส่วนอื่นจะดีกว่าเช่นเดียวกับการเอาน้ำมันเครื่องคุณภาพต่ำมาเติมผสมลงไปน้ำมันเครื่องชั้นดีราคาสูง
ซึ่งจะทำให้ส่วนผสมของสารเพิ่มคุณภาพในน้ำมันเครื่อง เสียสมดุลไปเท่ากับน้ำมันเครื่องทั้งหมดคุณภาพต่ำไป
การเติมน้ำมันเครื่องใหม่เมื่อน้ำมันเครื่องเดิมใกล้ จะถึงกำหนดเปลี่ยนถ่ายนั้น
ก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำเพราะไม่คุ้มกับเงินที่จ่ายไ ปเพื่อแลกกับการใช้งานเพียงระยะสั้น
ทางที่ดีเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดเลยจะคุ้มกว่า
--------------------------------------------------------------------------------
ผิด 17. "ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องใหม่ทุกๆ 5,000 กม."
ถูก...ขึ้นอยู่กับคุณภาพน้ำมันเครื่องและความต้องการ ของเครื่องยนต์
ผู้ผลิตรถยนต์แต่ละราย กำหนดมาตรฐานคุณภาพของน้ำมันเครื่องที่เครื่องยนต์แต ่ละรุ่นต้องการใช้อยู่ในคู่มือประจำรถ
และกำหนดระยะเวลาการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องไว้แตกต่างก ันด้วย
รถยนต์ของค่ายญี่ปุ่น จะมีกำหนดเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเป็นระยะทางที่สั้นกว่ารถยุโรป เช่น ทุกๆ 5,000 กม.
และ 10,000 กม. ส่วนรถค่ายยุโรปส่วนใหญ่ที่เครื่องยนต์ใหญ่ใช้รอบเคร ื่องยนต์ต่ำและมาตรฐานคุณภาพของน้ำมันเครื่องไว้สูง
เช่น ระดับ SJ สำหรับเครื่องยนต์เบนซินจะกำหนดระยะทางถึง 15,000 กม. หรือมากกว่านั้น
ปัจจุบันกำหนดเปลี่ยนน้ำมันเครื่องที่มีระยะมากที่สุ ด เป็นของรถ เปอโฌต์ คือ ทุกๆ 30,000 กม.
แต่อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนก่อนเวลาก็ไม่ได้ทำให้เสียหาย เพียงแต่เปลืองเงินกว่าที่ควร เท่านั้นเอง
ผู้ใช้รถควรใช้วิจารณญาณในการร่นระยะเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ตามสภาพการใช้งาน เช่น
กรณีที่ใช้งานในสภาพการจราจรติดขัดเป็นส่วนใหญ่ เหลือ 70 % ที่กำหนดในคู่มือ
หรือถ้าต้องสตาร์ทเครื่องยนต์บ่อยๆ และ "รถติด" เป็นประจำด้วย เหลือเพียง 50 %
ถ้าใช้น้ำมันเครื่อง "ธรรมดา" คุณภาพสูง แล้วใช้งานหนักมาก เปลี่ยนทุก 5,000 กม.
ถ้าใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100 % เปลี่ยนทุก 10,000 กม. หากใช้งานเบากว่านี้
เพิ่มระยะทางได้ตามความเหมาะสม ไม่ใช่กำหนดที่ปั๊มน้ำมัน หรือศูนย์บริการ ฯ ลดทอนเพราะต้องการขายน้ำมันเครื่อง
--------------------------------------------------------------------------------
ผิด 18. "น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100 % คุ้มกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดา"
ถูก...ราคาแพงกว่าใช้ได้นานกว่า แต่จะคุ้มหรือไม่อยู่ที่ใจ
จุดเด่นแรกของน้ำมันเครื่องสังเคราะห์อยู่ที่ค่าความ หนืดต่ำที่อุณหภูมิต่ำ จึงไหลไปหล่อลื่นส่วนต่างๆ
ของเครื่องยนต์ได้อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่เริ่มติดเครื่องยนต์ในสภาพเย็นจัด เช่น ต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส
ซึ่งสภาวะเช่นนี้ไม่มีในประเทศไทย
ข้อดีประการที่ 2 คือทนต่อความร้อนสูงที่ผนังกระบอกสูบได้ดีกว่าจึงมีอัตราการระเหยเป็นไอได้น้อยกว่าน้ำมันเครื่อง "ธรรมดา"
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเครื่องอาจน้อยกว่าเล็กน้อย
จุดเด่นอีกข้อของน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ คือ การมีค่าดัชนีความหนืดสูง จึงไม่ "ใส"เกินไปเมื่อถูกความร้อนจัด น้ำมันเครื่องสังเคราะห์จึงมีสารปรับดัชนีความหนืดผส มอยู่ในอัตราที่น้อยกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดา เนื่องจากสารปรับดัชนีความหนืดนี้เสื่อมสภาพได้ง่ายตามอายุใช้งาน
น้ำมันเครื่องสังเคราะห์จึงมีอายุใช้งานยาวนานกว่าน้ ำมันเครื่องธรรมดามาก
เมื่อเปรียบเทียบราคาน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100 % กับราคาน้ำมันเครื่อง "ธรรมดา"
ระดับคุณภาพสูงสุดน้ำมันเครื่องสังเคราะห์จะมีราคาสู งกว่าราว 2 ถึง 4 เท่า จึงไม่สามารถกล่าวได้ว่า
"คุ้มกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดา" ยกเว้นพวกชอบใช้ของแพง ได้จ่ายเงินมากแล้วมีความสุข
ผู้ที่ต้องการถนอมให้เครื่องยนต์สึกหรอน้อยที่สุด โดยไม่คำนึงถึงราคาว่าคุ้มหรือไม่
--------------------------------------------------------------------------------
ผิด 19. "ใช้น้ำมันเครื่องราคาถูกแต่เปลี่ยนบ่อยๆ ช่วยถนอมเครื่องยนต์ได้ดีที่สุด"
ถูก...ถ้าเจอน้ำมันเครื่องปลอม หรือไม่มีคุณภาพ อาจทำให้เครื่องยนต์เสียหาย
ไม่ควรนำน้ำมันเครื่องราคาถูกมาเปลี่ยนบ่อยๆ เช่น ทุก 3,000 หรือ 4,000 กม.
แทนน้ำมันเครื่องมาตรฐานที่ผู้ผลิตกำหนด เพราะในประเทศเราที่ไม่มีหน่วยงานควบคุม
และตรวจสอบคุณภาพของน้ำมันเครื่องอยู่เลย แม้น้ำมันเครื่องระดับคุณภาพสูงที่เราซื้อมาก็อาจเป็นของปลอมที่กรองและฟอกสีมาจากกากน้ำมันเครื่องใช้แล้วได้
วิธีถนอมเครื่องยนต์ที่ดีที่สุด คือ เลือกใช้น้ำมันเครื่องคุณภาพสูงสุด ก่อนอื่นต้องเลือก "ยี่ห้อ"
และสถานที่จำหน่ายที่น่าไว้วางใจได้ เลือกระดับคุณภาพ แล้วจึงดูระดับความหนืด
หรือความข้นของน้ำมันเครื่องที่เหมาะสมกับอุณหภูมิเฉ ลี่ยของเมืองไทย เช่น 10W-40/15W-40/15W-50 หรือ 20W-50
ระดับคุณภาพที่รู้จักกันแพร่หลายในประเทศไทย คือ ระดับคุณภาพตามมาตรฐานของ API
(AMERICAN PETROLEUM INSTITUTE) ถ้าเป็นรถใช้เครื่องยนต์เบนซิน ควรใช้น้ำมันเครื่อง
ระดับคุณภาพ SJ หรือ อย่างน้อย SH ถ้าเป็นรถใช้เครื่องยนต์ดีเซล ควรเลือกระดับ CG - 4 หรืออย่างน้อย CF - 4
--------------------------------------------------------------------------------
ผิด 20. "เปลี่ยนแบทเตอรีให้ลูกใหญ่ จะได้สตาร์ทง่าย"
ถูก...แบทเตอรีขนาดไหนก็ใช้ไฟเท่าเดิม ใหญ่ไปก็หนักรถ
การใช้แบทเตอรีที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิม ขณะที่องค์ประกอบอื่นๆ ทั้งเครื่องยนต์ ไดสตาร์ท และไดชาร์จ
ยังมีขนาดเท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง นอกจากจะเป็นความสิ้นเปลืองที่เกินกว่าความจำเป็น
เพราะความต้องการไฟในการสตาร์ทเครื่องยนต์ยังเท่าเดิ มแล้ว ยังอาจส่งผลเสียกับไดชาร์จในอนาคตแบทเตอรีที่มีขนาดใหญ่มากเกินไป
ไม่เพียงต้องทำให้เจ้าของรถต้องดัดแปลงแทนวางแบทเตอร ีใหม่เท่านั้น
ยังอาจส่งผลให้ไดชาร์จทำงานเต็มกำลังตลอดเวลา เพื่อบรรจุไฟเข้าไปเก็บในแบทเตอรี่ซึ่งจะหยุดก็ต่อเมื่อไฟเต็ม
--------------------------------------------------------------------------------
ผิด 21. "ดับเครื่องยนต์ และปิดพัดลมแอร์ จะช่วยให้แอร์ไม่เสียเร็ว"
ถูก...ควรปิดคอมเพรสเซอร์แอร์ ก่อนดับเครื่อง ช่วยยืดอายุตู้แอร์
ระบบทำความเย็นทั้งภายในรถและอาคาร อาศัยหลักการถ่ายเทความเย็น และระบายความร้อน
ซึ่งตู้แอร์ หรือคอยล์เย็น จะมีสารทำความเย็นบรรจุอยู่ภายใน โดยมีพัดลมทำหน้าที่เป่าลม
การปิดพัดลมหลังดับเครื่อง ความเย็นยังคงอยู่ภายในระบบ ตู้แอร์จึงชื้น
และกลายเป็นที่สะสมฝุ่นละออง ซึ่งจะทำให้ลมผ่านได้ไม่สะดวก เกิดการอุดตัน และตู้รั่วการปิดคอมเพรสเซอร์
หรือปิดสวิทช์ AC ก่อนดับเครื่องยนต์อย่างน้อย 5 -10 นาทีจะช่วยไล่ความชื้นในตู้แอร์ ไม่เป็นที่สะสมฝุ่น
นอกจากจะช่วยยืดอายุตู้แอร์ยังช่วยลดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ที่มักเกิดพร้อมๆ กับความชื้นอีกด้วย
--------------------------------------------------------------------------------
ผิด 22. "แกสโซฮอลสิ้นเปลืองกว่าเบนซิน 95 เพราะแอลกอฮอล์ระเหยได้ง่ายกว่า"
ถูก...แอลกอฮอล์มีความหนาแน่นของพลังงาน ต่ำกว่าของเบนซิน
การที่แกสโซฮอลสิ้นเปลืองกว่าเพราะแอลกอฮอล์มีพลังงานสะสมในตัวมันน้อยกว่า
เมื่อเทียบมวลเท่ากัน เช่น มีพลังงานกี่กิโลแคลอรีต่อมวลหนึ่งกิโลกรัมเท่ากัน
หรือกล่าวได้ว่าแอลกอฮอล์มีความหนาแน่นของพลังงาน หรือ ค่าความร้อน (HEATING VALUE)
ต่ำกว่าของเบนซิน เกี่ยวกับการระเหยง่ายอย่างที่หลายคนคิด
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน คือ น้ำมันเบนซินซึ่งระเหยง่ายมาก และน้ำมันดีเซลซึ่งระเหยยากมาก
แต่มีความหนาแน่นของพลังงานหรือค่าความร้อนพอๆ กันและมากกว่าของแอลกอฮอล์ประมาณเท่าตัว
--------------------------------------------------------------------------------
ผิด 23. "เติมน้ำยาหล่อเย็นจะทำให้หม้อน้ำรั่ว"
ถูก...น้ำยาเติมหม้อน้ำช่วยลดตะกอนและควบคุมอุณหภูมิ ของน้ำ
น้ำยาเติมหม้อ หรือน้ำยาหล่อเย็น (COOLANT)ถูกมองว่าเป็นตัวการทำให้หม้อน้ำและปั๊มน้ำรั่วอยู่เ สมอ
นั่นก็เพราะผู้ใช้รถจะพบปัญหาเหล่านี้หลังจากที่ได้เ ติมน้ำยาหล่อเย็นซึ่งในความเป็นจริง
เกิดจากระบบหล่อเย็นของรถขาดการบำรุงรักษามาเป็นเวลานานหรือใช้น้ำที่มีค่าเป็นกรดเป็นด่างมากเกินไป จนเกิดการผุกร่อน
ดังนั้นเราควรบำรุงรักษาหม้อน้ำด้วยการเปลี่ยนถ่ายน้ ำยาในระบบหล่อเย็นปีละครั้ง
รวมทั้งทำความสะอาดถังพักน้ำด้วย ส่วนการผสมน้ำยาหล่อเย็น ควรทำตามอัตราส่วนที่ผู้ผลิตระบุไว้
--------------------------------------------------------------------------------
ผิด 24. "รถที่ใช้จานเบรค 4 ล้อปลอดภัยกว่ารถที่ใช้ดุมเบรคหลัง"
ถูก...ไม่แน่ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของการใช้งาน
หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าจานเบรคใช้ได้ดีกับรถทุกรุ่นทุกขนาด แม้ว่าคุณสมบัติที่ดีของจานเบรคคือ
ระบายความร้อนได้เร็ว ส่วนใหญ่ผู้ผลิตรถจึงใช้กับล้อหน้าที่ผ้าเบรคจับตัวจ านเบรคแทบจะตลอดเวลา
ดุมเบรคที่ระบายความร้อนได้ช้ากว่าเพราะมีฝาครอบ แต่มีพื้นที่สัมผัสมากกว่าจานเบรคและไม่มีปัญหาเบรคล อคเหมือนจานเบรคใช้ในล้อหลัง รถที่ใช้งานแบบทั่วไป รวมทั้งรถที่มีระบบเอบีเอส
ซึ่งวิศวกรผู้ผลิตรถยนต์จะเลือกใช้จานเบรคตามความเหมาะสมการที่เจ้าของรถนำรถไปดัดแปลงใช้จานเบรคในล้อหลัง
ต้องระวังเพราะหากล้อหลังหยุดก่อนล้อหน้าเมื่อเบรค อาจทำให้รถหมุนได้
--------------------------------------------------------------------------------
ผิด 25. "เปลี่ยนกรองเปลือย และหัวเทียน ทำให้รถแรงขึ้น"
ถูก...ช่วยอะไรไม่ได้มาก ไม่คุ้มกับเงินที่จ่ายไป
การเปลี่ยนกรองอากาศมาเป็นแบบกรองเปลือย ที่ไม่มีกล่องป้องกันฝุ่น และท่อนำอากาศ
อาจจะช่วยให้อากาศเข้าได้สะดวกขึ้น แต่ความหนาแน่นของมวลอากาศน้อยลงเพราะอุณหภูมิความร้อนภายในห้องเครื่องยนต์
ซึ่งปริมาณอากาศกับห้องเผาไหม้เท่าเดิม จึงให้กำลังตกลงเมื่อเครื่องร้อน อีกทั้งมีฝุ่นละอองมาก ทำให้ต้องล้าง
หรือทำความสะอาดบ่อยๆ
การใช้หัวเทียนใหม่ช่วยให้การจุดระเบิดสมบูรณ์
แต่ไม่ได้เพิ่มกำลังเครื่องยนต์ให้สูงกว่ามาตรฐานผู้ ผลิตรถยนต์ได้กำหนดไว้

จบแล้วครับ หวังว่าคงมีประโยชน์ต่อเพื่อนสมาชิกไม่มากก็น้อย ขอบคุณครับ