พี่ชายนักแม่นปืน ร้องขอตั้งกรรมการสอบเหตุน้องชายเสียชีวิต หลังผลตรวจพิสูจน์ศพสรุปผู้ตายเสียชีวิตจากผู้อื่นยิงกระสุนปืนเข้าที่บริเวณศรีษะ และหน้าอกซ้ายทั้งหมด 5 นัด ไม่ใช่ยิงตัวตายตามที่ตำรวจลงบันทึกประจำวัน
กรณีที่ นายสุนทร วงศ์ดาว อายุ 33 ปี นักแม่นปืนยาวรางวัลชนะเลิศหลายสนาม เช่น ชนะเลิศปืนยาวสิงห์รณยุทธ (5 สนาม) สนามยิงปืนนวมินทราราชินี จ.ชลบุรี และใบที่ 2 ถ้วยรองชนะเลิศอันดับ 4 เมืองนนท์ ไรเฟิล ราชบุตร ครั้งที่ 6 สนามยิงปืนบางบัวทอง จ.นนทบุรี ใช้ปืนยิง นายปรีชา มาลาสัมฤทธิ์ชัย อายุ 60 ปี พ่อนางศุภมล วงศ์ดาว อายุ 30 ปี ภรรยา บาดเจ็บสาหัสก่อนหลบหนีไปยังบ้านเช่าย่าน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี โดยตำรวจ สน.บางขุนเทียน ที่ติดตามไปจึงกระจายกำลังปิดล้อมจับกุมจนมีการยิงตอบโต้กัน และนายสุนทรเสียชีวิตปริศนา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา ต่อมานายนันทพงศ์ วงศ์ดาว อายุ 39 ปี พี่ชายผู้ตายได้นำศพน้องชายส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ผ่าชันสูตรพลิกศพ พร้อมทั้งร้องขอความเป็นธรรมต่อกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม
ความคืบหน้า วันนี้ (6 มิ.ย.) ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ถ.แจ้งวัฒนะ นายนันทพงศ์ วงศ์ดาว ได้เข้ารับรายงานการตรวจศพนายสุนทร วงศ์ดาว น้องชาย ก่อนเปิดเผยว่า จากผลรายงานศพระบุชัดเจนว่าน้องชายเสียชีวิตจากปืนลูกโดด 5 นัด ขัดแย้งกับบันทึกประจำวันของ สภ.อ.บางใหญ่ ระบุว่าไปที่เกิดเหตุพบศพน้องชาย มีตำรวจเจ้าของพื้นที่เกิดเหตุติดตามจับกุม ขณะจะเข้าจับกุมน้องชายได้ชิงยิงตัวเองตายเสียก่อน เมื่อผลรายงานการตรวจศพออกมาชัดเจนว่าน้องชายถูกยิงแน่นอน ทางเจ้าหน้าที่ต้องตอบคำถามให้ได้ว่าใครยิง อยากฝากถึงผู้ใหญ่ขอความเป็นธรรมให้ตั้งกรรมการสอบสวนให้คดีนี้เป็นคดีตัวอย่างเพราะทุกวันนี้ตนอยู่อย่างไม่เป็นสุข
มีรายงานว่า สำหรับรายงานการตรวจศพ เลขที่ A1109/48 ของนายสุนทร วงศ์ดาว อายุ 33 ปี สรุปว่า สภาพศพภายนอกบริเวณฝ่ามือพบรอยเขม่าดินปืนจำนวนมาก เปลือกตาซ้ายพบรอยช้ำเขียวเล็กน้อย ปรากฎบาดแผลดังนี้
ร่างกายพบบาดแผลจากกระสุนปืนลูกโดด 5 รู คือ 1.กระสุนปืนนัดที่ 1 บริเวณขมับขวา นัดที่ 2 บริเวณหน้าอกซ้ายใต้หัวกระดูกไหปลาร้าซ้าย นัดที่ 3 บริเวณหน้าอกซ้ายเหนือหัวนม นัดที่ 4 บริเวณหน้าอกซ้ายเหนือหัวนม และนัดที่ 5 บริเวณหน้าอกซ้ายเหนือหัวนม
โดยความเห็นของแพทย์ระบุว่า ผู้ตายเสียชีวิตเนื่องจากสูญเสียโลหิตอย่างมากในช่องปอด เพราะกระสุนปืนทะลุปอดกลีบซ้าย 4 นัด ร่วมกับสมองใหญ่ฉีกขาดเพราะกระสุนปืนทะลุกะโหลกและสมอง 1 นัด ส่วนทิศทางกระสุนพบว่า นัดที่ 1 ขวาไปซ้าย ล่างขึ้นบน หลังไปหน้า นัดที่ 2 ขวาไปซ้าย หน้าไปหลัง แนวระดับ นัดที่ 3, 4, 5 ขวาไปซ้าย หน้าไปหลัง บนลงล่าง และพบหัวกระสุนปืนตะกั่วนัดที่ 1 ฝังในที่หนังศีรษะหน้าผากซ้าย สรุปผู้ตายเสียชีวิตจากผู้อื่นยิงกระสุนปืนเข้าที่บริเวณศีรษะและหน้าอกซ้ายของผู้ตายทั้งหมด 5 นัด โดยจ่อยิงระยะใกล้ชิดไม่เกิน 10 ซม.
ด้าน พ.ต.อ.ประพล แกลโกศล รองผบก.น.9 เปิดเผยว่า ผลตรวจพิสูจน์ดังกล่าวต้องทำการตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนว่าหัวกระสุนยิงมาจากปืนกระบอกไหน ทั้งนี้ ในวันเกิดเหตุ หลังจากได้รับทราบเรื่องได้รุดไปดูที่เกิดเหตุ
ซึ่งทำให้ทราบว่าผู้ตายยิงปืนออกมา 10 นัดด้วยปืน .38 ขณะที่ตำรวจยิงสวนไปเพียง 2 นัด ด้วยปืน 11 มม. โดยตรวจพบหัวกระสุนที่ตำรวจยิงออกไป ฝังอยู่ในกรอบหน้าต่าง 1 นัด ทะลุประตู 1 นัด ดังนั้น จึงต้องให้ความเป็นธรรมกับตำรวจด้วย นอกจากนี้ ในวันเกิดเหตุเมื่อสอบพยานแวดล้อมที่เห็นเหตุการณ์ ตำรวจอยู่นอกตัวบ้านตลอดเวลา กระทั่งสิ้นเสียงปืนจากห้องผู้ตายจึงบุกเข้าไปตรวจสอบภายในห้อง และพบว่าผู้ตายเสียชีวิตแล้ว
ขอให้ใจเย็นๆ และรอผลตรวจสอบให้แน่ชัด เพราะว่าอาจมีความคลาดเคลื่อนเกิดขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อทุกฝ่ายทั้งฝ่ายญาติของผู้ตาย และตำรวจเอง อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย พ.ต.อ.ประพลย้ำ
มาจาก
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9480000075193ตกลง ตายด้วย ลูกซอง ลูกโดด หรือ .38 หรือ .45 กันแน่ครับ ฮ่วยยย

แล้ว ตายด้วยลูกโดด 5 นัดเนี่ย คนนะครับ ไม่ใช่กระทิง คนเนี่ย ลูกโดดนัดเดียวก็อยู่แล้ววว