ยกคำตอบของตนเอง ...ในเวปข้างบ้าน...มาเล่าสู่กันครับ
........................................................... .................................
การขออนุญาต กรณีบุคคลธรรมดา ต้องมีการพิมพ์มืิอเพื่อทำการสอบประวัติ
เมื่อประวัติการพิมพ์มือแล้วเสร็จ จะทำการแนบเรื่อง พร้อมกับ ป.1
เพื่อเสนอต่อผู้มีอำนาจต่อไป
ในปัจจุบัน กรณีตัวอย่าง เช่นกระผม........ว่า
รับโอนปืนจากบุคคล กระผมได้ไปกรอก ป.1 เป็นการขอโอนฯ
ในวันที่ 28 ก.พ.2548 (หลังจากโอนจากกองทะเบียนแล้ว)
และทำการพิมพ์มือ เพื่อสอบประวัติ........และรับใบนัดเพื่อทำการ
ชำระเงินในการออก ป.3 และ ป.4 ต่อไป โดยนัดวันที่ 11 เม.ย.2548
เมื่อครบกำหนดได้ทำการสอบถาม.....ท่านว่าเรื่องยังดำเนินการไม่เสร็จ
ให้โทรมาสอบถามใหม่ อีกประมาณ 2-3 สัปดาห์ ....และเมื่อครบกำหนด
ได้โทรไปสอบถามอีกครั้ง.......ท่านว่า...อีกสัก 2-3 สัปดาห์ ให้โทรมาอีก เรื่องยังไม่เสร็จ
ในวันที่ 2 มิ.ย. ได้โทรไปสอบถามอีกครั้งท่านว่า......
ประวัติพิมพ์มือ...น่าจะ...(ใช้คำว่า...น่าจะ..นะครับ)..มาแล้ว.......อยู่ระหว่างประกบเรื่อง
เพื่อเสนอหน้าห้อง.........กระผมก็ถามต่อไปว่า....จะใช้เวลานานประมาณเท่าไหร่
ท่านก็ตอบว่า เรื่องที่จะนำไปเสนอนั้น ต้องใส่แฟ้ม และ....เดินทาง
ไปเสนอที่กรมการปกครอง......เนื่องจากผู้มีอำนาจ..ระหว่างนี้..อยู่ที่กรมฯ
และคงใช้เวลาเดินทางพอสมควร.........กระผมก็บอกไปว่า
อีกสัก 2-3 สัปดาห์...(อีกแล้ว)..ผมจะโทรไปสอบถามใหม่นะครับ
ทั้งนี้เพื่อจะได้.....เดินทาง.........ไปชำระค่าธรรมเนียม....
แล้ว..........รอ...........ต่อไป.......ครับ
รวมระยะเวลาตั้งแต่ 28 ก.พ.2548 ถึง 2 มิ.ย.2548
........................95 วัน (เก้าสิบห้าวัน)...........ครับ
...ผมคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับงานของกองทะเบียน ที่มีความล่าช้าหรือไม่สามารถให้ข้อมูลกับประชาชนที่มาติดต่อราชการได้นั้น ถือว่าเป็นหนึ่งในตัวอย่างของการไร้สมรรถภาพของการปฏิบัติงานราชการ...

...ในเรื่องของหน่วยงานหรือองค์กรใดๆ ผมเชื่อว่ามีองค์กรในอุดมคติของผมประกอบด้วยองค์ประกอบที่สำคัญๆ อยู่ 2 ส่วน คือ
1. บุคคลากร (Personnel) ที่ปฏิบัติงานอยู่ในองค์กรตั้งแต่ระดับล่างสุดจนถึงระดับสูงสุดขององค์กรนั้นๆ องค์กรที่ดีก็ควรมีบุคคลากรที่ดี ทั้งในเรื่องของความสามารถในการทำงาน ทัศนคติ ตลอดจนความสามารถในการจัดการและบริหาร (ในทุกๆ ระดับ ไม่ใช่จำกัดเฉพาะผู้บริหารระดับสูงเท่านั้น)
2. ระบบและขั้นตอนการปฏิบัติงาน (System & Process) ซึ่งในเรื่องนี้ก็สำคัญไม่แพ้เรื่องอื่นๆ เช่นกัน แม้องค์กรจะมีบุคคลากรที่ดีเลิศอย่างไร ถ้าระบบและขั้นตอนปฏิบัติงานไม่ดีนั้นก็คงจะประสบความสำเร็จได้ยาก อาจต้องใช้เวลาพอสมควรในการปรับปรุงระบบฯ
...พอมองเปรียบเทียบกับสิ่งที่ตัวเองและที่หลายๆ ท่านประสบอยู่ผมประเมินว่า
1. ถ้าสมมุติว่าบุคคลากรของกองทะเบียนเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ สิ่งที่ต้องปรับปรุงเป็นอย่างยิ่งก็คือระบบและขั้นตอนการปฏิบัติของกองทะเบียน ต้องตรวจสอบว่ามีขั้นตอนใดบ้างที่ควรปรับปรุงให้สามารถตอบสนองต่อลักษณะงานที่มีอยู่ได้ สิ่งที่พวกเราอยากได้ (หรือในความคิดเห็นของผม) ก็คือเรื่องข้อมูลว่าเรื่องที่เราดำเนินการอยู่นั้นมีสถานะ (status) อย่างไร เมื่อลงในเอกสารแล้วว่าสามารถติดต่อหรือตามเรื่องได้เมื่อใด เวลาที่เราไปติดต่อ เราก็ควรได้รับสิ่งที่กำหนดไว้ในเอกสาร หรือมิฉนั้นเจ้าหน้าที่ก็น่าจะอยู่ในฐานะที่จะบอกเราได้ว่ มีอะไรติดขัด ต้องแก้ไขอะไร ไม่ใช่ให้เราคอยโดยไม่รู้อะไรเลย...ถ้าระบบดีเรื่องนี้ก็น่าจะไม่เป็นปัญหามากนัก...
2. ถ้าสมมุติว่าระบบต่างของทางราชการดีอยู่แล้ว ปํญหาที่เกิดขึ้น ก็คงจะเป็นเรื่องของคนที่เกี่ยวข้องว่ามีประสิทธิภาพในการทำงานมากน้อยขนาดไหน...
...สำหรับผม ผมโทษระบบก่อน เพราะเท่าที่ดู ผมว่าระบบที่ทำกันอยู่นั้น น่าปรับปรุงเป็นอย่างมาก แค่ Process flow และขั้นตอนการเดินทางของเอกสารของส่วนต่างๆ ดูแล้วน่าปรับปรุงมากๆ ในสายตาผม...
...ทั้งหมดนี้เป็นความเห็นส่วนตัวครับ...ผมไม่ใช่ผู้วิเศษหรือเก่งกาจมาจากไหน เพียงแต่อยากแสดงความรู้สึกที่ตัวเองคิดเท่านั้นครับ... ผมเชื่อว่าทุกท่านหรือกองทะเบียนก็อยากทำดีที่สุด แต่อาจจะติดขัดด้วยเรื่องอะไรก็ตาม ผมได้แต่หวังว่าซักวันบ้านเมืองเราจะพัฒนาไปได้ในอีกระดับหนึ่งเท่านั้นครับ...
