Charoon รักในหลวงครับ
ลิขิตฟ้า หรือจะสู้มานะตน
ชาว อวป.
Hero Member
  
คะแนน 1044
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 12332
เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือคนรักกัน
เว็บไซต์
|
 |
« ตอบ #105 เมื่อ: กันยายน 23, 2007, 08:37:21 PM » |
|
 สงครามโลกครั้งที่ 2 มีหน่วยรบพิเศษถือกำเนิดขึ้นหลายหน่วย และสร้างผลงานอันมีชื่อเสียงไว้อีกหลายครั้งโดยอเมริกามีหน่วยพลร่ม( Airborn ) เข้าก่อวินาศกรรมทำลายแนวหลังข้าศึกที่หาดนอร์มังดี ในวันดีเดย์( 6 มิถุนายน 2487 ) ซึ่งต่อมาเราก็รู้จักในนามพลร่มที่ 101 และ พลร่มที่ 82 และยังมีมนุษย์กบ( Frogman )เข้าสำรวจและทำลายทุ่นระเบิดหน้าหาดเพื่อเปิดทางให้เรือยกพลขึ้นบก โดยภายหลังได้พัฒนาเป็นหน่วย UDT หรือ SEAL รวมทั้งส่งหน่วยแรนเจอร์( Ranger )เข้าตีบริเวณชายหาดอีกด้วย ส่วนอังกฤษก็ส่งทหารหน่วยคอมมานโด( British Royal Marine Commandos )เข้ามาร่วมรบในครั้งนี้ ซึ่งทางฝ่ายเยอรมันเองก็มีหน่วยทหารรบพิเศษที่เรียกสั้น ๆ ว่า SS ที่ทำการรบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"สิ่งที่ควรทำคือความดี สิ่งที่ควรมีคื่อคุณธรรม สิ่งที่ควรจำคือผู้มีrระคุณ"
|
|
|
RouRou_Mel - รักในหลวง
ชาว อวป.
Sr. Member
  
คะแนน 135
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 711
|
 |
« ตอบ #106 เมื่อ: กันยายน 23, 2007, 09:18:44 PM » |
|
 สงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นยอมแพ้ เนื่องจากโดนระเบิดนิวเคลียร์ไป 2 ลูก เคยสงสัยไหมว่า...ทำไมต้องเป็นฮิโรชิมา นางาซากิ ทำไมไม่ใช่โตเกียวหรือโอซาก้า ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่กว่าฮิโรชิมา ... ทำไม? สองเมืองที่โดนระเบิดปรมาณู เป็นเมืองที่ผลิตอาวุธครับ (ถ้าจำไม่ผิด หากผิด จะไปขโมยไข่บ้านท่านจรูญรับทาน) ขอตอบแบบไม่ค่อยมั่นใจครับ ที่ อเมริกาไม่ทิ้งที่ โตเกียว กับ โอซาก้า เพราะสองเมืองนี้ ได้ถูกโจมตีมาหลายครั้งแล้ว เมืองถูกทำลายไปมาก ส่วนที่ นางาซากิ คุ้นๆว่าเป็นเป้าหมายรองจากที่ไหนซักแห่ง เพราะเป้าหมายนั้นอากาศไม่ดี ผิดถูกอย่างไร รอผู้รู้ท่านอื่นครับ
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
rouroumel.multiply.com
|
|
|
Charoon รักในหลวงครับ
ลิขิตฟ้า หรือจะสู้มานะตน
ชาว อวป.
Hero Member
  
คะแนน 1044
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 12332
เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือคนรักกัน
เว็บไซต์
|
 |
« ตอบ #107 เมื่อ: กันยายน 23, 2007, 09:44:07 PM » |
|
 ลูกระเบิดที่ทิ้งลงที่เมืองนางาซากิ..ได้ลดขนาดมวลวิกฤตลงได้....โดยนำสารกัมมันตรังสีจะป็นพลูโตเนียม.มาอัดให้หนาแน่นขึ้นอีกแล้วใช้หัวจุดระเบิดธรรดาล้อมเอาไว้..ครั้นกดชนวนระเบิด แรงระเบิดจะอัดมวลรวมของพลูโตเนียมจนเป็นมวล ..มหาวิกฤต..ขึ้น และให้แรงระเบิดเท่ากับทีเอ็นที 22000 ตัน
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"สิ่งที่ควรทำคือความดี สิ่งที่ควรมีคื่อคุณธรรม สิ่งที่ควรจำคือผู้มีrระคุณ"
|
|
|
|
E_mail
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #108 เมื่อ: กันยายน 23, 2007, 09:45:03 PM » |
|
ขอถาม.... เหตุใดตอนกลางของสงครามชาติที่ยิ่งใหญ่ ประชากรและกำลังรบมหาศาลอย่างรัสเซีย ถึงถูกเยอรมันตีแตกถึงเมืองหลวงได้อย่างรวดเร็วนักครับ? ต่อให้มีสนธิสัญญาสงบศึก(?)กับเยอรมัน แต่เห็นๆอยู่แล้วว่ากำลังมีสงครามใหญ่ก็น่าจะมีการเตรียมการเอาไว้บ้าง จะว่าเจตนาเป็นแผนจะให้ฝ่ายเยอรมันล่วงลึกเข้ามาก็นับว่าเป็นการลงทุนที่อเน็จอนาจเกินไป เพราะถูกเผาดะฆ่าดะมาจนถึงเมืองหลวง.... แพ้ที่ยุทธศาสตร์ ? เยอรมันเก่งเกินไป? หรือฝ่ายเสธ.ของรัสเซียไม่เอาไหนจริงๆ? รบกวนขอเป็นคำวิจารณ์ที่เคี้ยวมาแล้วได้ไหมครับ แปะมาเยอะๆผมมึน 
|
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 23, 2007, 09:49:04 PM โดย E_mail »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
RouRou_Mel - รักในหลวง
ชาว อวป.
Sr. Member
  
คะแนน 135
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 711
|
 |
« ตอบ #109 เมื่อ: กันยายน 23, 2007, 09:51:21 PM » |
|
เพราะเยอรมันขาดศูนย์น้ำหนักในการรบ ทำอะไรเปะปะไปหมด ไล่ตั้งแต่ สร้างเครื่องบินขับไล่หลายแบบมากเกินไป เครื่องไอพ่น(mb262 สองเครื่องยนต์ )ก็หลายแบบ เครื่องใบพัดก็หลายแบบ(bf109,fw190,bf110 ในขณะที่อังกฤษเน้นไปที่spitfire เพียงแบบเดียว ส่วน bf110 นี่หนักมากครับ เป็นเครื่องขับไล่ที่ต้องมีเครื่องขับไล่ bf109 คุ้มกัน) ใช้เชื้อเพลิงหลายแบบ ซ่อมบำรุงหลายโรง หลายเครื่องจักร ต้องสำรองอะไหล่เยอะ(นอกเรื่องนิดทอ.ไทยแบบใหม่ถ้าจะซื้อ jas39 ไม่ถึงโหล แต่ต้องสร้างโรงซ่อม สำรองอะไหล่ สร้างช่างสร้างนักบินอีกหลายโหล เพื่อเครื่องบินโหลเดียว ก่อนจะเปลี่ยนยุคไปใช้เทคโนโลยีสเตลท์ ก็จะเข้าอีหรอบเดียวกันครับ) ทำให้ไม่มีเครื่องบินพอที่จะต่อต้านเครื่องทิ้งระเบิดสัมพันธมิตรได้ ประเด็นนี้ผมเห็นตรงกันข้ามครับ เพราะเยอรมัน ออกแบบเครื่องบินหลายแบบ เพื่อหลายภารกิจครับ ช่วงต้นสงคราม เช่น Me-109 เป็นเครื่องบินขับไล่ขนาดเล็ก พิสัยบินสั้น ติดอาวุธเบา เหมาะสมต่อการป้องกันตนเอง หรือ เชิงรับ Me-110 เป็นเครื่องบินขับไล่สองเครื่องยนต์ พิสัยไกล เยอรมันใช้ในการคุ้มครองเครื่องบินทิ้งระเบิดไปยังเกาะอังกฤษ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ มีอัตราการสูญเสียมาก เพราะความคล่องตัวน้อยกว่า Spitfire
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
rouroumel.multiply.com
|
|
|
Charoon รักในหลวงครับ
ลิขิตฟ้า หรือจะสู้มานะตน
ชาว อวป.
Hero Member
  
คะแนน 1044
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 12332
เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือคนรักกัน
เว็บไซต์
|
 |
« ตอบ #110 เมื่อ: กันยายน 23, 2007, 09:52:50 PM » |
|
 เดือนมิถุนายน 1945 นักวิทยาศาสตร์โครงการแมนฮัตตัน จำนวน 155 คนลงนามเรียกร้องให้นายพลโกบ ทดลองระเบิดบนดินแดนที่ไร้ผู้คนก่อน แสดงแสนยานุภาพให้ญี่ปุ่นเห็น เพื่อยุติสงครามโดยไม่ทำลายพลเรือน แต่ท่านนายพลไม่พอใจ ปกปิดเรื่องนี้เป็นความลับ เสนอการทดลองที่ประสพความสำเร็จให้ท่านประธานาธิบดี ซึ่งท่านถูกกระแสกดดันจากประชาชนและรัฐบาลให้รีบยุติสงครามโดยเร็ว ไม่ว่าจะใช้วิธีใดๆทั้งสิ้น เขาจึงฟังนายพลโกบตัดสินใจครั้งสำคัญ อนุมัติให้ใช้ระเบิดได้ ดังนั้น เวลาตี 2 ของวันที่ 6 สิงหาคม 1945 นักบินที่ได้รับการฝึกฝนอย่างดี นำเครื่องบิน บี 29 มุ่งเข้าสู่เมืองฮิโรชิมา ในเวลา 8.45 น. เมื่อเครื่องบินอยู่เหนือเมือง ระเบิดลูกแรกชื่อว่าเจ้าหนูน้อย จึงถูกปล่อยออกจากใต้ท้องของเครื่องบิน ใช้เวลาตกลงมา 43 วินาทีจึงระเบิด นักบินรายงานว่า เขาเห็นแต่กลุ่มไอน้ำที่กระจายพวยพุ่งขึ้นมา โดยไม่เห็นความเสียหายที่เกิดขึ้นด้านล่าง ส่วนเมืองด้านล่างนั้น พื้นที่เกือบ 90 เปอร์เซนต์ถูกทำลายเรียบ พลเรือนกว่าแสนคนสูญเสียชีวิตในทันที อีก 3 วันต่อมา ลูกระเบิดอีกลูกหนึ่ง เรียกว่า เจ้าหมูอ้วน ถูกหย่อนเหนือเมืองนางาซากิ ความเสียหายไม่น้อยกว่าฮิโรชิมา ทำให้ญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไข สงครามโลกครั้งที่สองจึงจบลง
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"สิ่งที่ควรทำคือความดี สิ่งที่ควรมีคื่อคุณธรรม สิ่งที่ควรจำคือผู้มีrระคุณ"
|
|
|
RouRou_Mel - รักในหลวง
ชาว อวป.
Sr. Member
  
คะแนน 135
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 711
|
 |
« ตอบ #111 เมื่อ: กันยายน 23, 2007, 09:53:58 PM » |
|
ช่วงกลางสงคราม เยอรมันเริ่มถูกโจมจากเครื่องบินทิ้งระเบิดของสัมพันธมิตร พวก 4 เครื่องยนต์ เช่น B-17, B-24 ของอเมริกา มาทิ้งตอนกลางวัน ส่วนของอังกฤษ พวก Lancaster, Halifax, Short Sterling มาทิ้งตอนกลางคืน Me-109 ไม่เหมาะกับการต่อกรเครื่องบินพวกนี้ เพราะอาวุธขนาดเล็ก ขนาด 12.7 ม.ม. เครื่องบินทิ้งระเบิดพวกนี้โดนยิงก็ไม่สะเทือนเท่าไร Me-109 ปรับปรุงให้ติดปืนขนาด 20 ม.ม. ได้ แต่ก็บรรทุกกระสุนได้น้อย ยิงไปไม่กี่ชุดก็หมดแล้ว เยอรมันก็พัฒนา FW-190 ซึ่งใหญ่กว่า ติดปืน 20 ม.ม. 4 กระบอก บรรทุกกระสุนได้มาก ช่วงนั้นเครื่องบินของอเมริกา ถูก Fw-190 ยิงตกมาก
ส่วนเครื่องบินอังกฤษที่บินตอนกลางคืน เรดาร์ขนาดใหญ่เกินกว่าที่เครื่องบินขนาดเล็กจะติดตั้งได้ เยอรมันก็เอา Me-110 มาติดเรดาร์เพื่อเป็นเครื่องบินขับไล่กลางคืน ก็ประสบความสำเร็จมากพอสมควร เครื่องบินทิ้งระเบิดอังกฤษ มีอัตราการสูญเสีย แบบน่าตกใจ
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
rouroumel.multiply.com
|
|
|
RouRou_Mel - รักในหลวง
ชาว อวป.
Sr. Member
  
คะแนน 135
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 711
|
 |
« ตอบ #112 เมื่อ: กันยายน 23, 2007, 09:56:31 PM » |
|
ก่อนปลายสงคราม อเมริกาพัฒนาเครื่องบินขับไล่คุ้มกับพิสัยไกลได้ (ก่อนหน้านั้น ฝูงบินทั้งระเบิด มีเครื่องบินขับไล่คุ้มกัน แค่ครึ่งทาง) P-38 Lightning สองเครื่องยนต์, P-51 Mustang, P-40 เครื่องยนต์เดียวแต่ติดถึงน้ำมันภายนอก พวกนี้สามารถคุ้มกับเครื่องบินทิ้งระเบิดได้ตลอดทาง เยอรมันแทบไม่ได้พัฒนา Me-109 และ Me-110 ต่อ แต่ไปปรับปรุง FW-190 ให้มีสมรรถนะสูงขึ้น และ พัฒนาเรดาร์ให้มีขนาดเล็กลง เพื่อติด FW-190 ได้ ส่วน Me-110 แทบเลิกใช้ เพราะเยอรมันพัฒนา He-219 เครื่องบินขับไล่กลางคืนสมบูรณ์แบบ
ปลายสงคราม เยอรมันพัฒนา Me-262 เครื่องบินขับไล่ใช้เครื่องยนต์เจต ซึ่งเครื่องบินไอพ่นแบบแรกของโลก Me-262 สมรรถนะสูงกว่าเครื่องบินแบบใดในสมัยนั้น แต่ Me-262 ผลิตได้ไม่กี่ร้อยลำ สงครามก็สงบ ความสูญเสียของ Me-262 เกือบทั้งหมดมาจากอุบัติเหตุ
เครื่องบินไอพ่นที่เราเห็นอยู่วันนี้ ก็มาพื้นฐานมาจาก Me-262 ทั้งนั้น
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
rouroumel.multiply.com
|
|
|
nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย
Website Sponsor
Hero Member
  
คะแนน 303
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 4897
|
 |
« ตอบ #113 เมื่อ: กันยายน 23, 2007, 10:52:24 PM » |
|
ขอถาม.... เหตุใดตอนกลางของสงครามชาติที่ยิ่งใหญ่ ประชากรและกำลังรบมหาศาลอย่างรัสเซีย ถึงถูกเยอรมันตีแตกถึงเมืองหลวงได้อย่างรวดเร็วนักครับ? ต่อให้มีสนธิสัญญาสงบศึก(?)กับเยอรมัน แต่เห็นๆอยู่แล้วว่ากำลังมีสงครามใหญ่ก็น่าจะมีการเตรียมการเอาไว้บ้าง จะว่าเจตนาเป็นแผนจะให้ฝ่ายเยอรมันล่วงลึกเข้ามาก็นับว่าเป็นการลงทุนที่อเน็จอนาจเกินไป เพราะถูกเผาดะฆ่าดะมาจนถึงเมืองหลวง.... แพ้ที่ยุทธศาสตร์ ? เยอรมันเก่งเกินไป? หรือฝ่ายเสธ.ของรัสเซียไม่เอาไหนจริงๆ? รบกวนขอเป็นคำวิจารณ์ที่เคี้ยวมาแล้วได้ไหมครับ แปะมาเยอะๆผมมึน  แพ้ที่ยุทธศาสตร์ ? เยอรมันเก่งเกินไป? หรือฝ่ายเสธ.ของรัสเซียไม่เอาไหนจริงๆ?สาเหตุที่เยอรมันบุกถึงชานกรุงมอสโคว์ได้นั้นเนื่องจาก เยอรมันเก่งจริงๆ เหนือกว่าทุกอย่างทั้งคน ยุทธโธปกรณ์ ยุทธศาสตร์ เรียกว่า ปัจจัยสำคัญในการรบ 4 อย่างเยอรมันเหนือกว่าถึง3 อย่างได้แก่ คน อาวุธ ยุทธศาสตร์ ก่อนเข้าหน้าหนาว ปัจจัยด้านธรรมชาติ(ภูมิอากาศ ภูมิประเทศ)เยอรมันก็ไม่เป็นรองเท่าไหร่ " เหตุที่กองทัพเยอรมันย่อยยังเพราะประมาทดูถูกศัตรู " ไม่เร่งตีมอสโคว์ให้ก่อนหน้าหนาวมาเยือน เพราะมอสโคว์เป็นศูนย์บัญชาการเป็นหัวใจและศูนย์รวมจิตใจของประเทศรัสเซีย หาก มอสโคว์แตก สายการบังคับบัญชาการสื่อสารส่วนใหญ่ก็จะถูกทำลาย ขวัญกำลังใจ ทหารและประชาชนรัสเซียก็จะไม่เหลือไม่มีแก่ใจสู้รบ แต่พอเยอรมันแบ่งกำลังเป็นหลายส่วน ทำให้กำลังที่ตีมอสโคว์ไม่เพียงพอที่จะตีมอสโคว์(ระหว่างทางมามอสโคว์ก็มีเซนต์ปีเตอร์เบิร์กก็ตีไม่แตกอีกเหมือนกัน)ให้แตกได้ ทหารรัสเซียก็เลยยิ่งมีกำลังใจป้องกันบ้านเมืองครับ
|
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 23, 2007, 11:50:26 PM โดย nars »
|
บันทึกการเข้า
|
ถ้าเสียงส่วนใหญ่คือความถูกต้อง ผีเปรตในนรกมันคงโหวตให้พวกมันได้ขึ้นสวรรค์ จะแก้รัฐธรรมนูญไปทำไม! ต้นตอปัญหามันเกิดจากรธน.ไม่ดี หรือพวกแกมันเลว!
|
|
|
rute - รักในหลวง
Forgive , But not Forget .
ชาว อวป.
Hero Member
  
คะแนน 1960
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 22591
"ผลิดอกงามแตกกิ่งใบ..."
|
 |
« ตอบ #114 เมื่อ: กันยายน 23, 2007, 11:35:33 PM » |
|
ขอถาม.... เหตุใดตอนกลางของสงครามชาติที่ยิ่งใหญ่ ประชากรและกำลังรบมหาศาลอย่างรัสเซีย ถึงถูกเยอรมันตีแตกถึงเมืองหลวงได้อย่างรวดเร็วนักครับ? ต่อให้มีสนธิสัญญาสงบศึก(?)กับเยอรมัน แต่เห็นๆอยู่แล้วว่ากำลังมีสงครามใหญ่ก็น่าจะมีการเตรียมการเอาไว้บ้าง จะว่าเจตนาเป็นแผนจะให้ฝ่ายเยอรมันล่วงลึกเข้ามาก็นับว่าเป็นการลงทุนที่อเน็จอนาจเกินไป เพราะถูกเผาดะฆ่าดะมาจนถึงเมืองหลวง.... แพ้ที่ยุทธศาสตร์ ? เยอรมันเก่งเกินไป? หรือฝ่ายเสธ.ของรัสเซียไม่เอาไหนจริงๆ? รบกวนขอเป็นคำวิจารณ์ที่เคี้ยวมาแล้วได้ไหมครับ แปะมาเยอะๆผมมึน  แพ้ที่ยุทธศาสตร์ ? เยอรมันเก่งเกินไป? หรือฝ่ายเสธ.ของรัสเซียไม่เอาไหนจริงๆ?สาเหตุที่เยอรมันบุกถึงชานกรุงมอสโคว์ได้นั้นเนื่องจาก เยอรมันเก่งจริงๆ เหนือกว่าทุกอย่างทั้งคน ยุทธโธปกรณ์ ยุทธศาสตร์ เรียกว่า ปัจจัยสำคัญในการรบ 4 อย่างเยอรมันเหนือกว่าถึง3 อย่างได้แก่ คน อาวุธ ยุทธศาสตร์ ก่อนเข้าหน้าหนาว ปัจจัยด้านธรรมชาติ(ภูมิอากาศ ภูมิประเทศ)เยอรมันก็ไม่เป็นรองเท่าไหร่ " เหตุที่กองทัพเยอรมันย่อยยังเพราะประมาทดูถูกศัตรู " ไม่เร่งตีมอสโคว์ให้ก่อนหน้าหนาวมาเยือน เพราะมอสโคว์เป็นศูนย์บัญชาการเป็นหัวใจของประเทศรัสเซีย หาก มอสโคว์แตก สายการบังคับบัญชาการสื่อสารส่วนใหญ่ก็จะถูกทำลาย ขวัญกำลังใจ ทหารและประชาชนรัสเซียก็จะไม่เหลือไม่มีแก่ใจสู้รบ แต่พอเยอรมันแบ่งกำลังเป็นหลายส่วน ทำให้กำลังที่ตีมอสโคว์ไม่เพียงพอที่จะตีมอสโคว์(ระหว่างทางมามอสโคว์ก็มีเซนต์ปีเตอร์เบิร์กก็ตีไม่แตกอีกเหมือนกัน)ให้แตกได้ ทหารรัสเซียก็เลยยิ่งมีกำลังใจป้องกันบ้านเมืองครับ เสริมท่าน nars ครับ... ปัญหาของเยอรมันนั้นเป็นปัญหาด้านภูมิศาสตร์และการส่งกำลังบำรุงครับ... ยิ่งบุกลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซียเท่าไรแนวรบยิ่งกว้างออก ระยะทางการส่งบำรุงยิ่งไกล ทางรถไฟก็ไม่ต่อเนื่อง รัสเซียเมื่อแต่ละเมืองแตกก็ไม่ทิ้งอะไรไว้เลยนอกจากซากปรักหักพัง ขนาดเผาเมืองทิ้งไว้ก่อนถอยทัพครับ... ทั้งกำลังกองหนุน ทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง เสบียงอาหาร รวมถึงอาวุธต้องส่งจากแนวหลังตลอด พอเจอหน้าหนาวเข้าอีก ด้วยอุณหภูมิติดลบ ทั้งสมรภูมิมีแต่ทุ่งหิมะกับน้ำแข็ง การส่งกำลังบำรุงย่อมเกิดปัญหาขนาดหนักแน่นอนครับ... 
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
rute - รักในหลวง
Forgive , But not Forget .
ชาว อวป.
Hero Member
  
คะแนน 1960
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 22591
"ผลิดอกงามแตกกิ่งใบ..."
|
 |
« ตอบ #115 เมื่อ: กันยายน 23, 2007, 11:45:06 PM » |
|
ทหารเยอรมันและ Panzer III ติดปืนใหญ่ 50 มม. ซึ่งไม่สามารถหยุดรถถัง T 34 ได้ อย่างไรก็ตามรถถังรุ่นนี้ ก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่ของมันอย่างซื่อสัตย์ ในทุกแนวรบของเยอรมัน ดังที่นายพลกูเดเรียนยกย่องรถถัง Panzer III นี้ว่า กระดูกสันหลังของหน่วยยานเกราะเยอรมัน แพนเซอร์ ทรี (PANZERKAMPFWAGEN III)  รถถังรุ่นนี้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้เป็นรถถังหลักของหน่วยยานเกราะเยอรมัน หรือที่เรียกกันว่า PANZER (เป็นภาษาอังกฤษว่า ARMOUR หรือยานเกราะ) ปรากฏโฉมครั้งแรกในปี 1936 โดยอยู่ในกองพล PANZER ต่อมาเดมเลอร์ เบนซ์ (Daimler-Benz) ได้พัฒนา PzKpfw III แบบ E เพื่อให้สามารถผลิตได้ทีละมากๆ มีล้อ 6 ล้อ ปรับปืนใหญ่ประจำรถจาก 37 มิลลิเมตร เป็น 50 มิลลิเมตร ซึ่งในขณะนั้นถือว่ามีอานุภาพ เหนือกว่าปืนใหญ่ประจำรถถังของฝ่ายพันธมิตรทุกชนิด จนกระทั่ง ยุทธการบาร์บารอสซ่า (Barbarossa) ได้เปิดฉากขึ้น คราวนี้ PzKpfw III ได้พบกับรถถัง T 34 ของรัสเซีย ที่มีปืนประจำรถขนาด 76 มิลลิเมตร เหนือกว่า PzKpfw III ทำให้เยอรมันต้องหันมาปรับปรุงรถถังของตนอย่างขนานใหญ่ อย่างไรก็ตาม PzKpfw III ก็ยังคงใช้งานอยู่ในกองทัพนาซีเยอรมันจนสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง โดยเฉพาะในปี 1943 รถถัง PzKpfw III ได้มีส่วนร่วมในยุทธการที่สำคัญๆทุกยุทธการ สมรรถนะ น้ำหนักพร้อมรบ 19,800 กก. ความเร็วสูงสุด 40 กม.ต่อ ชม. ยาว 5.38 ม. กว้าง 2.91 ม. สูง 2.44 ม. อาวุธ ปืนใหญ่ขนาด 37 มม. ต่อมาเปลี่ยนเป็น 50 มม. เกราะหนา 12 มม. ถึง 30 มม. พลประจำรถ 5 คน ผมขอถามท่านผู้รู้ทั้งหลายเพิ่มนะครับ... เมื่อสองสามสัปดาห์ก่อนผมดู discovery channel จัดสิบอันดับรถถังที่ดีที่สุดในยุคสมัยของมัน... อันดับ 1 คือ T 34 ขณะที่ Tiger (รถถังยอดนิยมของผมติดอันดับ 4 หรือ 5  )และ Panther ติดอันดับ 7 หรือ 8 นี่แหละครับ... ส่วนตัวผมยังข้องใจไม่หาย เพราะผมเข้าใจว่ารถถังที่เยี่ยมที่สุดใน WW II น่าจะเป็น Tiger...อิ..อิ... รบกวนถามถึงข้อดี/ข้อเสียของรถถังทั้งสองตระกูล... และหากได้ทราบถึงพัฒนาการของ Panzer ตั้งแต่ต้นสงครามไปถึงปลายสงครามจะขอบคุณมากครับ... อนึง...ข้อมูลที่ท่านวัฒน์กรุณาเล่ามานั้นก็ดีมากอยู่ครับ แต่ผมอยากทราบในด้านลึกลงไปอีกน่ะครับ... 
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย
Website Sponsor
Hero Member
  
คะแนน 303
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 4897
|
 |
« ตอบ #116 เมื่อ: กันยายน 23, 2007, 11:48:52 PM » |
|
ช่วงกลางสงคราม เยอรมันเริ่มถูกโจมจากเครื่องบินทิ้งระเบิดของสัมพันธมิตร พวก 4 เครื่องยนต์ เช่น B-17, B-24 ของอเมริกา มาทิ้งตอนกลางวัน ส่วนของอังกฤษ พวก Lancaster, Halifax, Short Sterling มาทิ้งตอนกลางคืน Me-109 ไม่เหมาะกับการต่อกรเครื่องบินพวกนี้ เพราะอาวุธขนาดเล็ก ขนาด 12.7 ม.ม. เครื่องบินทิ้งระเบิดพวกนี้โดนยิงก็ไม่สะเทือนเท่าไร Me-109 ปรับปรุงให้ติดปืนขนาด 20 ม.ม. ได้ แต่ก็บรรทุกกระสุนได้น้อย ยิงไปไม่กี่ชุดก็หมดแล้ว เยอรมันก็พัฒนา FW-190 ซึ่งใหญ่กว่า ติดปืน 20 ม.ม. 4 กระบอก บรรทุกกระสุนได้มาก ช่วงนั้นเครื่องบินของอเมริกา ถูก Fw-190 ยิงตกมาก
ส่วนเครื่องบินอังกฤษที่บินตอนกลางคืน เรดาร์ขนาดใหญ่เกินกว่าที่เครื่องบินขนาดเล็กจะติดตั้งได้ เยอรมันก็เอา Me-110 มาติดเรดาร์เพื่อเป็นเครื่องบินขับไล่กลางคืน ก็ประสบความสำเร็จมากพอสมควร เครื่องบินทิ้งระเบิดอังกฤษ มีอัตราการสูญเสีย แบบน่าตกใจ
สงครามทางอากาศนั้น เยอรมันไม่มีเครื่องบินขับไล่เพียงพอ เครื่องบินทิ้งระเบิด อเมริกันมาขบวนละ หลายร้อยลำ บางครั้งถึง1000 ลำ ในคราวถล่มเบอร์ลินหรือ เดรสเดน ฮัมบูร์ก จนเดรสเดนกับฮัมบูร์กหายไปทั้งเมือง ส่วนเรื่องติดอาวุธได้น้อยนั้น ถ้ามีbf109(version ล่าสุดมีกำลังสูงสุด 2000แรงม้า ความเร็วสูงสุดบินระดับ 750 km/hในรุ่น k6-k14 มีสมรรถนะเหนือกว่า สปริตไฟร์ และเมื่อเทียบกับ p40,p51ที่มีเครื่องยนต์ประมาณ 2000-2500 แรงม้าก็ยังมีอัตราไต่อัตราเร่งที่ดีกว่าเนื่องจากมีขนาดเล็กกว่า)จำนวนที่เพียงพอ bf109รุ่น k6 ติดปืน13 มม.(กระบอกละ300 นัด) ได้ 2 กระบอก ปืน 30 มม. ได้ 3 กระบอก(กระบอกตรงกลางเครื่องยนต์100 นัด ที่ใต้ปีกกระบอกละ40-50 นัด) กระสุน เกือบ 200 นัด(น้ำหนักหัวกระสุนนัดละ330 กรัม ในรุ่นลำกล้องสั้น 530 กรัมในรุ่นลำกล้องยาว แต่เหมาะสมที่สุดน่าจะเป็น ติดปืน13 มม2 กระบอกและ 20 มม. 3 กระบอก(ตรงกลางเครื่องยนต์200 นัด ในปีกข้างละ100 นัดhttp://fr.wikipedia.org/wiki/Messerschmitt_Bf_109 ) กระสุน20 มม. 400 กว่านัดมากกว่า เพราะ รุนแรงพอที่จะสอยเครื่องบินทิ้งระเบิด มีจำนวนมากพอที่จะสู้กับเครื่องบินขับไล่http://www.adlertag.de/mainindex.htm ) พอที่จะสอย b17 ได้ 2 ลำสบายๆ (กระสุน 30 มม. mk108 มี nick name ว่า jackhammer เนื่องจากเสียงที่ยิง และอำนาจระเบิดที่รุนแรงพอๆกับระเบิดมือ1 ลูก แต่มีข้อเสียที่ความเร็วต่ำแค่ 520 m/sec ช้าไปสำหรับยิง ขับไล่แต่ก็ ยิงเป้าใหญ่อย่าง b17 ได้สบายๆ และกระสุน30 มม.mk103 หัวกระสุนหนักครึ่งกิโลกรัม ความเร็วต้น 860m/sec ใช้ยิงรถถังt34 จากด้านหลังได้สบายๆ)และยังต่อสู้กับเครื่องขับไล่ได้อย่างคล่องตัวเพียงพอด้วยครับ หารูปตำแหน่งติดตั้งปืนกลมาให้ดูครับ รูปแรกเป็นปืน mk108 ขนาด 30 มม.ลำกล้องสั้นติดใต้ปีก2 ข้าง รูปที่2 ตรงกลางแกนใบพันจะติดลำกล้องปืนผ่านตรงกลางเครื่องยนต์ ติดmk103(30 มม.ลำกล้องยาว) หรือ mk108 ขนาด30 มมได้ หรือจะติดmk151/20 ขนาด20 มม.ก็ได้ครับ ส่วนตรงเหนือเครื่องยนติดปืน กล mg131 ขนาด 13 มม.ได้ 2 กระบอกครับ เมื่อสองสามสัปดาห์ก่อนผมดู discovery channel จัดสิบอันดับรถถังที่ดีที่สุดในยุคสมัยของมัน...
อันดับ 1 คือ T 34 ขณะที่ Tiger (รถถังยอดนิยมของผมติดอันดับ 4 หรือ 5 )และ Panther ติดอันดับ 7 หรือ 8 นี่แหละครับ...
ส่วนตัวผมยังข้องใจไม่หาย เพราะผมเข้าใจว่ารถถังที่เยี่ยมที่สุดใน WW II น่าจะเป็น Tiger...อิ..อิ...
รบกวนถามถึงข้อดี/ข้อเสียของรถถังทั้งสองตระกูล...รถถังไทเกอร์มี เกราะที่หนามากและคุณภาพการอบชุบเกราะของ grupp มีความแกร่ง 60 hrc (ปกติเหล็กที่ชุบแข็ง เกิน 60 hrc จะใช้ มีดกลึง carbine กัดแทบไม่เข้าจะสึกเร็วมาก ต้องใช้ diamond หรือเซรามิก) แต่รถถังไทเกอร์มีข้อเสียคือน้ำหนัก ถึง60 ตัน(เท่าๆกับรถถังสมัยใหม่ อย่าง m1 abram) แต่มีจุดอ่อนที่เครื่องยนต์มีกำลังไม่พอ และ เครื่องยนต์ไม่มีความน่าเชื่อถือได้ รวมทั้งระบบ suspension ก็ยังไม่แข็งแรงพอ ในยุทธการbulge รถถัง tiger ไล่กองทัพรถถังพันธมิตร ถอยไม่เป็นขบวน แต่ น้ำมันหมดเสียก่อน เพราะมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสูงมากครับ ส่วน t34 มีเกราะหนาเฉพาะด้านหน้า เกราะด้านหลังบาง โดน ju87 สอยด้วยปืน 37 mm เสร็จทุกราย t34เครื่องยนต์ น้ำหนักรถ ช่วงล่าง ความหนาเกราะมีความสมดุล ลุยโคลนในแถบเมืองบาคู ถล่ม แพนเซอร์ที่หนักจนติดหล่มตลอดครับ
|
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 24, 2007, 11:00:58 PM โดย nars »
|
บันทึกการเข้า
|
ถ้าเสียงส่วนใหญ่คือความถูกต้อง ผีเปรตในนรกมันคงโหวตให้พวกมันได้ขึ้นสวรรค์ จะแก้รัฐธรรมนูญไปทำไม! ต้นตอปัญหามันเกิดจากรธน.ไม่ดี หรือพวกแกมันเลว!
|
|
|
rute - รักในหลวง
Forgive , But not Forget .
ชาว อวป.
Hero Member
  
คะแนน 1960
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 22591
"ผลิดอกงามแตกกิ่งใบ..."
|
 |
« ตอบ #117 เมื่อ: กันยายน 24, 2007, 12:16:57 AM » |
|
ผมยังติดใจเรื่องยานเกราะของเยอรมันอยู่อีกมากครับ... เข้าใจว่าสามวันก็ถามไม่หมด...ฮา... อย่างเช่น น้องหนู SturmTiger คันนี้...   ที่ใช้อาวุธหลักเป็นปืนจรวดขนาด 380 ม.ม. ทั้งที่ตัวหนักแค่ 65 ตัน... หรือพี่อวบอย่าง Maus...  ที่หนักแค่ 188 ตัน... ใช้ปืนใหญ่หลักขนาด 128 ม.ม.และปืนร่วมแกนขนาด 75 ม.ม.เยี่ยมไหมครับ... พี่อวบนี่เป็น Panzer VIII น่ะครับ... ผมอยากรู้ที่มาที่ไปน่ะครับ เพราะผมคิดว่ายานเกราะเยอรมันมีการพัฒนาอย่างน่าทึ่งในช่วง WW II ครับ... 
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย
Website Sponsor
Hero Member
  
คะแนน 303
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 4897
|
 |
« ตอบ #118 เมื่อ: กันยายน 24, 2007, 01:02:39 AM » |
|
ผมยังติดใจเรื่องยานเกราะของเยอรมันอยู่อีกมากครับ... เข้าใจว่าสามวันก็ถามไม่หมด...ฮา... อย่างเช่น น้องหนู SturmTiger คันนี้...   ที่ใช้อาวุธหลักเป็นปืนจรวดขนาด 380 ม.ม. ทั้งที่ตัวหนักแค่ 65 ตัน... หรือพี่อวบอย่าง Maus...  ที่หนักแค่ 188 ตัน... ใช้ปืนใหญ่หลักขนาด 128 ม.ม.และปืนร่วมแกนขนาด 75 ม.ม.เยี่ยมไหมครับ... พี่อวบนี่เป็น Panzer VIII น่ะครับ... ผมอยากรู้ที่มาที่ไปน่ะครับ เพราะผมคิดว่ายานเกราะเยอรมันมีการพัฒนาอย่างน่าทึ่งในช่วง WW II ครับ...  น้องหนู SturmTiger คันนี้...ดูจากลักษณะการออกแบบน่าจะเอาไว้ทำลายบังเกอร์หรือกำแพงนะครับ pVIII มีนำหนัก มากเกินไปที่จะใช้ในสนามรบ หนักตั้ง188 ตัน ไปไหนคงยากแล้วเป็นเป้าใหญ่เกินไป (รถถังปัจจุบัน t 90ติดปืน125มม. ยังหนักแค่46 ตัวเองครับ) ความคล่องตัวไม่มี มีปืนหลัก128มม ไม่จำเป็นต้องมีปืนรอง 75มม(หรือเป็น7.5 มม.หว่า) อีกกระบอกแล้วครับ
|
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 24, 2007, 01:20:52 AM โดย nars »
|
บันทึกการเข้า
|
ถ้าเสียงส่วนใหญ่คือความถูกต้อง ผีเปรตในนรกมันคงโหวตให้พวกมันได้ขึ้นสวรรค์ จะแก้รัฐธรรมนูญไปทำไม! ต้นตอปัญหามันเกิดจากรธน.ไม่ดี หรือพวกแกมันเลว!
|
|
|
rute - รักในหลวง
Forgive , But not Forget .
ชาว อวป.
Hero Member
  
คะแนน 1960
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 22591
"ผลิดอกงามแตกกิ่งใบ..."
|
 |
« ตอบ #119 เมื่อ: กันยายน 24, 2007, 02:27:27 AM » |
|
ปืนร่วมแกน ขนาด 75 ม.ม.จริงๆครับ... แถม Maus ถึงผลิตออกมาแค่ 2 คัน ยังนำเข้าร่วมมรบกับรัสเซียจริงๆครับ... บังเอิญผมหาภาพจริงไม่ได้เลยนำภาพโมเดลมาลงไว้แทนครับ... 
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|