เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 13, 2025, 03:31:47 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 16 17 18 [19] 20 21 22 ... 64
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: มาเล่าเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 2 กันครับ  (อ่าน 315797 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Charoon รักในหลวงครับ
ลิขิตฟ้า หรือจะสู้มานะตน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1044
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12332


เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือคนรักกัน


เว็บไซต์
« ตอบ #270 เมื่อ: ตุลาคม 02, 2007, 07:50:31 PM »

ทหารเยอรมันที่นอร์มังดีครับ



บันทึกการเข้า

"สิ่งที่ควรทำคือความดี สิ่งที่ควรมีคื่อคุณธรรม สิ่งที่ควรจำคือผู้มีrระคุณ"
nosta3824382
Jr. Member
**

คะแนน 8
ออฟไลน์

กระทู้: 46


« ตอบ #271 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2007, 12:37:57 AM »


  ขอแจมเรื่อง Operation Barbarossa  หน่อยครับ

    
สั่งไห้ย้ายกองกำลังป้องกันที่กระจายเข้ามารวมไว้ที่รอบๆมอสโควโดยทำนายจุดที่จะถูกเข้าตีไว้ไม่กี่จุด แล้วเสริมการป้องกันไห้หนาแน่น มีการขุดสนามเพลาะขึ้นหลายชั้น ถ้าหน่วยป้องกันพลาด ก็จะถอยอย่างเป็นระบบเข้าสู่ชั้นป้องกันถัดไป ซึ่งถ้าพลาดอาจหมายถึงหายนะ แต่การเดิมพันสำเร็จโซเวียตสามารถต้านทัพเยอรมันเอาไว้ได้จนถึงฤดูหนาว
ขอให้พี่nosta3824382หรือท่านผู้รู้เรื่องยุทธศาสตร์ทหารขยายความในเรื่องนี้ให้ผมเข้าใจด้วยครับ
1.การขุดสนามเพลาะหลายชั้น แต่ละชั้นหรือแต่ละช่วงมีการเชื่อมต่อกันหรือไม่
2.การถอยอย่างเป็นระบบเข้าสู้ชั้นป้องกันถัดไป หมายความว่าเมื่อเห็นว่าต้านไม่อยู่ก็ถอย แต่ถ้าโดนตีแตกโอกาสที่จะถอยอย่างเป็นระบบจะสามรถทำได้หรือไม่ และหากเจอการป้องกันแบบนี้จะต้องทำอย่างไรถึงจะชนะ ในขณะเดียวกันฝ่ายป้องกันจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้บรรลุตามการป้องกันของตน
3.ที่ว่าถ้าพลาดหมายถึงหายนะ แต่การเดิมพันสำเร็จ ถามว่าแผนนี้มีความเสี่ยงด้วยเรื่องอะไรถึงจะพาไปสู่หายนะ และถามต่อว่าโซเวียดทำสำเร็จได้ด้วยปัจจัยใดถึงสามารถต้านทานได้จนถึงฤดูหนาว และเหตุใดเยอรมันถึงไม่สารมารถบุกทำลายกองทัพโซเวียดได้
ถามแยะ(เป็นเจ้าหนูจำมัย)ไปซักนิดนะครับ รบกวนด้วยครับ Embarrassed
[/quote]

  ครับ ที่จริงผมเขียนไม่ละเอียดเองนะครับ

1สนามเพลาะหลายชั้นไม่ได้เชื่อมกันครับ ขุดไว้ห่างกันพอสมควร

2 ถอยอย่างเป็นระบบคือ การถอยที่มีการหน่วงเหนี่ยวการรุกด้วยวิธีต่างๆเช่น

   นำทหารบางหน่วยป้องกันและนำทหารส่วนไหญ่หนี ทหารส่วนป้องกันมักจะไช้หน่วยที่เก่งมาก เช่นอังกฤษไช้หน่วยสก๊อตที่ดันเคิร์ก กรีกใช้สปาตา ในการหน่วงการถอยในสปาตา 300  การถอนของโซเวียตก็ไช้การทิ้งทหารไว้เหมือนกัน วิธีนี้ทหารที่ไช้หน่วงส่วไหญ่จะไม่รอด

     นำทหารส่วนนึงซุ่ม ทำทหารส่วนนึงหนีแตกนำศัตรูเข้าไปสู่จุดซุ่ม

      ใช้กับระเบิดในการหน่วง ปกติศัตรูต้องส่งทหารช่างมาแก้ มักจะมีการวางพลซุ่มยิงไว้จัดการกับทหารช่าง

  ถ้าโดนตีแตกต้องส่งทหารหน่วยหนุนมาซุ่มดักทางหนีครับ แต่ถ้าไม่มีทหารหน่วยหนุนก็ทำไม่ได้

ส่วนไหญ่ถ้าถอยอย่างเป็นระบบฝ่ายบุกจะบุกไล่หน่วยหลักที่ถอยไม่ได้หรอกครับ

ถ้าศัตรูส่งทหารส่วนน้อยมาสกัด ไช้ทหารส่วนไหญ่หนี เราก็เอากองรถถังวิ่งโอบล้อมทหารหน่วยที่สกัดนะครัย ส่วนทหารที่หนีเราตามไม่ค่อยทันหรอก
 
กันการซุ่มต้องส่งทหารหน่วนลาดตระเวนเข้าไปดูก่อน แต่มักจะทำไห้ช้าตามตีไม่ทันอยู่ดี

กับระเบิด ใน ww2 พันธมิตรตะวันตกไช้สายระเบิดทำลายกับระเบิดเป็นทางแล้วส่งทหารตาม โซเวียตจะรวมทัพเป็นแนวแคบๆแล้ววิ่งฝ่าไปเลย

 3 หมายถึงถ้าเยอรมันโจมตีโอบล้อมจากจุดอื่นที่โซเวียตไม่ได้คาดการไว้นะครับ ก็น่าจะล้อมมอสโควได้ 

ที่ป้องกันไว้ได้เพราะ
ฝนช่วยชะลอทัพเยอรมัน
 แนวป้องกันทำไว้หลายชั้น(เกณฑ์ชาวบ้านมาช่วยด้วย)
 รวมกำลังป้องกันไว้ในจุดที่น่าจะโดนโอยบล้อมไม่กี่จุด(ดูจากเทคนิคการโอบล้อมของเยอรมันที่มักจะล้อมห่างจากเมืองพอสมควร) ทำไห้มีทหารเพียงพอจะสกัด
 ในกรณีที่ทัพโซเวียตที่ป้องกันการล้อมเมืองจะโดนล้อมซะก่อน ก็จะถอยอย่างเป็นระบบเข้าสู่แนวป้องกันชั้นถัดไป
T34 รถถังที่ดีที่สุดของโซเวียต
ไช้แม่ทัพดีที่สุดของโซเวียต ซูคอฟ โรคอฟสกี้
ได้ทหารที่ดีที่สุดของโซเวียตมาช่วย ทหารไซบีเรียน
กันได้ซักพักฤดูหนาวกับกำลังเสริมก็มาช่วยอีก

บันทึกการเข้า
rute - รักในหลวง
Forgive , But not Forget .
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1960
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 22591


"ผลิดอกงามแตกกิ่งใบ..."


« ตอบ #272 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2007, 12:53:14 AM »

สุดยอดเลยครับท่าน nosta3824382 ...

ให้ความเห็นได้ชัดเจนลึกซึ๊งมากครับ... เยี่ยม
บันทึกการเข้า
Charoon รักในหลวงครับ
ลิขิตฟ้า หรือจะสู้มานะตน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1044
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12332


เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือคนรักกัน


เว็บไซต์
« ตอบ #273 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2007, 06:47:01 AM »

ทหารอเมริกันเดินอยู่บนถนนในอังกฤษในเดือนมีนาคม ซึ่งสถานที่จะเป็นความลับมาก

บันทึกการเข้า

"สิ่งที่ควรทำคือความดี สิ่งที่ควรมีคื่อคุณธรรม สิ่งที่ควรจำคือผู้มีrระคุณ"
Don Quixote
Only God delivers the judgement, we only deliver the suspects.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 987
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16169


,=,"--- X Santiago... !!


เว็บไซต์
« ตอบ #274 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2007, 09:10:27 AM »



เคยดูจากสารคดี ท่านว่า นอกจากเครือข่ายเรดาห์แล้ว อังกฤษยังมีทีเด็ดอีก คือเครือข่ายการแจ้งเตือนภัยทางอากาศ โดยใช้ชาวบ้านธรรมดา ช่วยกันเฝ้าท้องฟ้า ใครเห็นเครื่องบินเยอรมัน ก็ดูรุ่น ดูทิศทาง และวัดความสูงให้เสร็จ ก่อนโทรศัพท์ไปแจ้งศูนย์ ... ทำให้นักบินอังกฤษมีเวลามากพอในการรับมือ ...
[/quote]

ครับผม ตอนนั้นเยอรมันเริ่มเครียด ก็รู้อยู่ว่าอังกฤษคงมีอุปกรณ์ดี เสียเปรียบในการรบตอนกลางคืนด้วยเพราะเรด้าห์พาเครื่องขับไล่หาเป้าสะดวก อังกฤษยังแถมปล่อยข่าวลือโจ๊กอีกว่าใช้นักบินกินแครอตมากๆ มีวิตามินบำรุงสายตาเลยเห็นตอนกลางคืนถนัด

Battle of Britain เป็นศักดิ์ศรีความทรนงของอังกฤษอย่างมาก ราชวงศ์วินเซอร์ (ที่ตอนสงครามโลกครั้งที่ 1 เปลี่ยนชื่อมาจากชื่อเยอรมัน ซักส์โคบวกโกธาร์ ของเจ้าชายอัลเบิร์ตพระสวามีควีนวิกตอเรีย ควีนวิกตอเรียก็วงศ์ ฮันโนเวอร์) ก็ไม่ออกจากลอนดอน เยอรมันมาบอร์มก็เข้าบังเกอร์ สมัยนี้บางตึกตามถนนเด่นๆ ก็ยังเก็บรอยระเบิดจากตอนนั้นไว้โชว์คนรุ่นหลัง เช่น ตึกตรงข้าม Imperial College ไปทางด้าน Knight Bidge
บันทึกการเข้า

Thou shalt have guns.
Thou shalt have tons of ammo.
Thou shalt shoot well.
Thou shalt not rely on help from the stranger.
Charoon รักในหลวงครับ
ลิขิตฟ้า หรือจะสู้มานะตน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1044
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12332


เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือคนรักกัน


เว็บไซต์
« ตอบ #275 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2007, 10:47:37 AM »


ทหารอเมริกัน กับสาวอังกฤษ


บันทึกการเข้า

"สิ่งที่ควรทำคือความดี สิ่งที่ควรมีคื่อคุณธรรม สิ่งที่ควรจำคือผู้มีrระคุณ"
Zeus-รักในหลวง
อะฮู้.....ไฮยีน่าก็เป็นแมวนะคราบบบ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 817
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10983


I'm going to make him an offer that he can't refus


« ตอบ #276 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2007, 12:18:44 PM »


  ขอแจมเรื่อง Operation Barbarossa  หน่อยครับ

    
สั่งไห้ย้ายกองกำลังป้องกันที่กระจายเข้ามารวมไว้ที่รอบๆมอสโควโดยทำนายจุดที่จะถูกเข้าตีไว้ไม่กี่จุด แล้วเสริมการป้องกันไห้หนาแน่น มีการขุดสนามเพลาะขึ้นหลายชั้น ถ้าหน่วยป้องกันพลาด ก็จะถอยอย่างเป็นระบบเข้าสู่ชั้นป้องกันถัดไป ซึ่งถ้าพลาดอาจหมายถึงหายนะ แต่การเดิมพันสำเร็จโซเวียตสามารถต้านทัพเยอรมันเอาไว้ได้จนถึงฤดูหนาว
ขอให้พี่nosta3824382หรือท่านผู้รู้เรื่องยุทธศาสตร์ทหารขยายความในเรื่องนี้ให้ผมเข้าใจด้วยครับ
1.การขุดสนามเพลาะหลายชั้น แต่ละชั้นหรือแต่ละช่วงมีการเชื่อมต่อกันหรือไม่
2.การถอยอย่างเป็นระบบเข้าสู้ชั้นป้องกันถัดไป หมายความว่าเมื่อเห็นว่าต้านไม่อยู่ก็ถอย แต่ถ้าโดนตีแตกโอกาสที่จะถอยอย่างเป็นระบบจะสามรถทำได้หรือไม่ และหากเจอการป้องกันแบบนี้จะต้องทำอย่างไรถึงจะชนะ ในขณะเดียวกันฝ่ายป้องกันจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้บรรลุตามการป้องกันของตน
3.ที่ว่าถ้าพลาดหมายถึงหายนะ แต่การเดิมพันสำเร็จ ถามว่าแผนนี้มีความเสี่ยงด้วยเรื่องอะไรถึงจะพาไปสู่หายนะ และถามต่อว่าโซเวียดทำสำเร็จได้ด้วยปัจจัยใดถึงสามารถต้านทานได้จนถึงฤดูหนาว และเหตุใดเยอรมันถึงไม่สารมารถบุกทำลายกองทัพโซเวียดได้
ถามแยะ(เป็นเจ้าหนูจำมัย)ไปซักนิดนะครับ รบกวนด้วยครับ Embarrassed

  ครับ ที่จริงผมเขียนไม่ละเอียดเองนะครับ

1สนามเพลาะหลายชั้นไม่ได้เชื่อมกันครับ ขุดไว้ห่างกันพอสมควร

2 ถอยอย่างเป็นระบบคือ การถอยที่มีการหน่วงเหนี่ยวการรุกด้วยวิธีต่างๆเช่น

   นำทหารบางหน่วยป้องกันและนำทหารส่วนไหญ่หนี ทหารส่วนป้องกันมักจะไช้หน่วยที่เก่งมาก เช่นอังกฤษไช้หน่วยสก๊อตที่ดันเคิร์ก กรีกใช้สปาตา ในการหน่วงการถอยในสปาตา 300  การถอนของโซเวียตก็ไช้การทิ้งทหารไว้เหมือนกัน วิธีนี้ทหารที่ไช้หน่วงส่วไหญ่จะไม่รอด

     นำทหารส่วนนึงซุ่ม ทำทหารส่วนนึงหนีแตกนำศัตรูเข้าไปสู่จุดซุ่ม

      ใช้กับระเบิดในการหน่วง ปกติศัตรูต้องส่งทหารช่างมาแก้ มักจะมีการวางพลซุ่มยิงไว้จัดการกับทหารช่าง

  ถ้าโดนตีแตกต้องส่งทหารหน่วยหนุนมาซุ่มดักทางหนีครับ แต่ถ้าไม่มีทหารหน่วยหนุนก็ทำไม่ได้

ส่วนไหญ่ถ้าถอยอย่างเป็นระบบฝ่ายบุกจะบุกไล่หน่วยหลักที่ถอยไม่ได้หรอกครับ

ถ้าศัตรูส่งทหารส่วนน้อยมาสกัด ไช้ทหารส่วนไหญ่หนี เราก็เอากองรถถังวิ่งโอบล้อมทหารหน่วยที่สกัดนะครัย ส่วนทหารที่หนีเราตามไม่ค่อยทันหรอก
 
กันการซุ่มต้องส่งทหารหน่วนลาดตระเวนเข้าไปดูก่อน แต่มักจะทำไห้ช้าตามตีไม่ทันอยู่ดี

กับระเบิด ใน ww2 พันธมิตรตะวันตกไช้สายระเบิดทำลายกับระเบิดเป็นทางแล้วส่งทหารตาม โซเวียตจะรวมทัพเป็นแนวแคบๆแล้ววิ่งฝ่าไปเลย

 3 หมายถึงถ้าเยอรมันโจมตีโอบล้อมจากจุดอื่นที่โซเวียตไม่ได้คาดการไว้นะครับ ก็น่าจะล้อมมอสโควได้ 

ที่ป้องกันไว้ได้เพราะ
ฝนช่วยชะลอทัพเยอรมัน
 แนวป้องกันทำไว้หลายชั้น(เกณฑ์ชาวบ้านมาช่วยด้วย)
 รวมกำลังป้องกันไว้ในจุดที่น่าจะโดนโอยบล้อมไม่กี่จุด(ดูจากเทคนิคการโอบล้อมของเยอรมันที่มักจะล้อมห่างจากเมืองพอสมควร) ทำไห้มีทหารเพียงพอจะสกัด
 ในกรณีที่ทัพโซเวียตที่ป้องกันการล้อมเมืองจะโดนล้อมซะก่อน ก็จะถอยอย่างเป็นระบบเข้าสู่แนวป้องกันชั้นถัดไป
T34 รถถังที่ดีที่สุดของโซเวียต
ไช้แม่ทัพดีที่สุดของโซเวียต ซูคอฟ โรคอฟสกี้
ได้ทหารที่ดีที่สุดของโซเวียตมาช่วย ทหารไซบีเรียน
กันได้ซักพักฤดูหนาวกับกำลังเสริมก็มาช่วยอีก


[/quote]
ไม่ใช้พี่เขียนไม่ละเมียดหรือไม่ละเอียดครับ ผมนะพวกเจ้าหนูจำมัยและไม่ค่อยจะมีความรู้มากซักเท่าไหร่ในเรื่องพวกนี้ เลยส่งสัย แต่พออ่านแล้วก็หายส่งสัยและกระจ่างในเรื่องที่ไม่รู้ ขอบคุณพี่nosta3824382 ครับ เยี่ยม
บันทึกการเข้า

“A fear of weapons is a sign of retarded sexual and
emotional maturity.”
- Sigmund Freud

“ความกลัวอาวุธคือสัญญาณของความถดถอยทางเพศและวุฒิภาวะทางอารมณ์”
- ซิกมุนด์ ฟรอยด์
nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย
Website Sponsor
Hero Member
****

คะแนน 303
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4897


« ตอบ #277 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2007, 01:03:26 PM »

นำทหารบางหน่วยป้องกันและนำทหารส่วนไหญ่หนี ทหารส่วนป้องกันมักจะไช้หน่วยที่เก่งมาก เช่นอังกฤษไช้หน่วยสก๊อตที่ดันเคิร์ก กรีกใช้สปาตา ในการหน่วงการถอยในสปาตา 300  การถอนของโซเวียตก็ไช้การทิ้งทหารไว้เหมือนกัน วิธีนี้ทหารที่ไช้หน่วงส่วไหญ่จะไม่รอด

เยอรมันใช้กองทัพที่6 ด้วยใช่มั้ยครับพี่ nosta

     นำทหารส่วนนึงซุ่ม ทำทหารส่วนนึงหนีแตกนำศัตรูเข้าไปสู่จุดซุ่ม

      ใช้กับระเบิดในการหน่วง ปกติศัตรูต้องส่งทหารช่างมาแก้ มักจะมีการวางพลซุ่มยิงไว้จัดการกับทหารช่าง

  ถ้าโดนตีแตกต้องส่งทหารหน่วยหนุนมาซุ่มดักทางหนีครับ แต่ถ้าไม่มีทหารหน่วยหนุนก็ทำไม่ได้


วิธีนี้น่าจะเวิร์ค วิธีทิ้งหน่วยเก่งที่สุด แม้จะช่วยกำลังหลักได้แต่ ก็ต้องเสียหน่วยรบที่ดีที่สุดไป แต่สงครามก็คือสงครามบางครั้งก็ไม่มีทางเลือกให้มากนักขึ้นอยู่กับสถานการณ์ครับ
บันทึกการเข้า

ถ้าเสียงส่วนใหญ่คือความถูกต้อง
ผีเปรตในนรกมันคงโหวตให้พวกมันได้ขึ้นสวรรค์
จะแก้รัฐธรรมนูญไปทำไม! ต้นตอปัญหามันเกิดจากรธน.ไม่ดี หรือพวกแกมันเลว!
Charoon รักในหลวงครับ
ลิขิตฟ้า หรือจะสู้มานะตน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1044
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12332


เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือคนรักกัน


เว็บไซต์
« ตอบ #278 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2007, 01:34:49 PM »

นี่เค้าเรียกว่า The Crab เป็นรถถังกวาดทุ่นระเบิด สามารถกวาดทุ่นระเบิดได้ระยะทาง สองกิโลครึ่ง ได้ภายในแค่ชั่วโมงเดียวครับ




บันทึกการเข้า

"สิ่งที่ควรทำคือความดี สิ่งที่ควรมีคื่อคุณธรรม สิ่งที่ควรจำคือผู้มีrระคุณ"
nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย
Website Sponsor
Hero Member
****

คะแนน 303
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4897


« ตอบ #279 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2007, 04:16:57 PM »

สุดยอดรถถัง ที-34
( T-34 the best of tanks )



สุดยอดรถถังในสงครามโลกครั้งที่สอง
และเป็นยอดรถถังของรัสเซีย

 

     ที 34 เป็นรถถังขนาดกลางของสหภาพโซเวียต เริ่มทำการผลิตตั้งแต่ปี ค.ศ.1941 จนถึง 1958 และได้ถูกใช้งานอย่างกว้างขวางไปทั่วโลก เรียกได้่ว่าใช้งานในแทบทุกสมรภูมิ นับตั้งแต่สหภาพโซเวียตใช้ต่อกรกับแพนเซอร์ของเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่2 จนชื่อเสียงโด่งดังกระฉ่อนก้องโลก ตามมาด้วย สงครามเกาหลีขับโดย ทหารรถถังเกาหลีเหนือและจีนแดง กับในสงครามเวียดนาม ซึ่งถูกใช้โดยพลรถถังเวียดนามเหนือ สงครามต่างๆที่ผ่านมาได้พิสูจน์เป็นอย่างดีแล้วว่า ที 34 เป็นรถถังที่เรียกได้ว่าดีที่สุดในโลก ไม่ว่าจะเป็นอาวุธประจำรถถังที่ทรงพลัง เกราะที่หนาและสะท้อนกระสุนได้ดี อัตราการอยู่รอดในสนามรบสูง ใช้เครื่องยนต์ดีเซลที่กินน้ำมันน้อย ใช้งานได้ทุกฤดูกาลไม่ว่าจะร้อนมากหรือหนาวจัด ผลิตง่ายและรวดเร็วใช้ต้นทุนต่ำแต่คุ้มค่ามาก ผลิตได้เป็นจำนวนมากในเวลาอันสั้น เหมาะสมในยามสงคราม เรียกได้ว่าดีไปเสียหมด แม้ว่าสงครามโลกครั้งที่สองจะสงบลงไปแล้ว แต่ช่วงหลังสงครามก็ยังมีใช้กันอยู่ในหลายๆประเทศ โดยเฉพาะในประเทศสังคมนิยมทั้งหลาย เพราะเครดิตในสงครามโลกครั้งที่2 เป็นเครื่องการันตีคุณภาพให้( ไม่เหมือนสมัยนี้ที่ดิสเครดิตกันด้วย )

     ที-34ถูกผลิตเป็นครั้งแรก ที่โรงงาน เคเอชพีแซน( KhPZ ) ในคาร์คอฟ ( Kharkov ) หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าคาร์คีฟ ( Kharkiv) รัฐยูเครน( Ukraine ) ซึ่งรถถังที 34 ที่ถูกผลิตจากโรงงานนี้ ได้เป็นหัวหอกสำคัญของกองกำลังยานเกราะแห่งสหภาพโซเวียต ในสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งเป็นรถถังอีกแบบหนึ่ง ของสหภาพโซเวียตที่ถูกผลิตออกมามากที่สุด หลังสงคราม โรงงานแห่งนี้ยังได้เปิดสายการผลิตครั้งที่2 โดยผลิตรถถังที-54/55 ป้ิอนให้กับกองทัพโซเวียตในสงครามเ้ย็น พอถึงปี ค.ศ.1996 ยังพบว่ามีรถถังแบบนี้ประจำการอยู่ในกองทัพ 27 ประเทศทั่วโลก

     ที-34 ถูกพัฒนามาจากรถถังในตระกูลบีที ( BT series ) ซึ่งเป็นรถถังความเร็วสูง ( fast tanks ) เพื่อที่จะนำมาทดแทนรถถังบีที-5และ7 รวมทั้งรถถังเบาที-26และรถถังทหารราบ ทำให้รถถังแบบใหม่ที่จะนำมาทดแทนนี้ ต้องมีสเป็กที่ดีกว่ารถถังแบบที่มีอยู่ เช่น ตัวรถทรงตัวได้ดี มีอำนาจการยิงสูง เคลื่อนที่ได้อย่างดีและเร็วไม่อืดอาดยืดยาดเหมือนรถถังยุคWWI และมีการป้องกันที่ดี เพื่อให้สามารถมีโอกาสอยู่รอดในสนามรบสูง


     เมื่อเริ่มสงครามครั้งแรก ที-34 ยังมีข้อเสียอยู่บ้าง ( เมื่อกี้พูดแต่ข้อดีคราวนี้มาถึงข้อเสียกันบ้าง แต่ก็เป็นเฉพาะในรุ่นแรกนะ ) นั้นคือการออกแบบภายในรถถังนั้น ไม่ถูกหลักการยศาสตร์ หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือสร้างมาไม่สะดวกสบายนั้นเอง นอกจากนี้ยังมีการขัดข้องของวิทยุสื่อสาร และยังมี ที-34 อยู่ในกองทัพเป็นจำนวนน้อยไม่เพียงพอ จะต่อกรกับแพนเซอร์ของเยอรมันที่มีเป็นโหลได้ แม้ว่าจะดีกว่าก็ตาม ที่แย่ที่สุดก็คือยุทธวิธีการใช้รถถังของโซเวียต ( เรียกว่ามีของดีแต่ใช้ไม่เป็น ) ป้อมปืนของที-34นั้น ยังเป็นแบบป้อมปืนสองคน( two-man turret )ซึ่งกำหนดให้ผู้บังคับการรถถัง( Tank Commander )ทำหน้าทีเป็นพลปืน ( Tank Gunner )ด้วย ทำให้ ที-34กลายเป็นรถถังที่ดีที่สุดในวันแรกของการรบ ( ส่วนรถถังแบบอื่นๆของโซเวียต กลายเป็นเหยื่อให้แพนเซอร์ของเยอรมันเสียเป็นส่วนใหญ่ ) แต่ถึงกระนั้นก็ได้พิสูจน์แล้วว่า ที-34 ยังด้อยกว่าแพนเซอร์ของเยอรมัน ซึ่งมีพลประจำรถถัง3คน อันประกอบไปด้วย ผู้บังคับการรถถัง,พลปืน และพลบรรจุกระสุน (commander, gunner and loader)

 



 

     ที-34 ถูกผลิตออกมาป้อนเข้ากองทัพอย่างไม่ขาดสาย และได้ถูกปรับปรุงแก้ไขอยู่ตลอดเวลา จากประสบการณ์ที่ได้จากในสนามรบ ( ใช้ตัวจริงชัดเจนของทีไอทีวี ) ประสิทธิภาพของ ที-34 ในเวอร์ชั่นหลังๆจึงดีขี้นๆ และถูกผลิตออกมามากขึ้นๆเป็นเงาตามตัว ต้นปีค.ศ.1944เวอร์ชั่นที่ประสบความสำเร็จและดีที่สุดของ รถถังในตระกูล ที-34 ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นนั้นคือ ที-34/85 ใช้อาวุธปืนประจำป้อมขนาด 85 มม.ที่มีชื่อเสียงในการน็อคเอาท์แพนเซอร์ของเยอรมัน และใช้ป้อมปืนแบบสามคน ( three-man turret ) ตามแบบแพนเซอร์ของเยอรมัน เมื่อสงครามสิ้นสุดลงในปีค.ศ.1945 ด้วยความสามารถมากมายก่ายกองของที-34 กองทัพโซเวียตจึงได้นำเข้าทดแทนรถถังทั้งเบาและหนักที่มีอยู่ และใช้เป็นรถถังที่อยู่ในสายการผลิตหลักของโซเวียต ซึ่งต่อมาก็ได้บังเกิดรถถังที่วิวัฒนาการมา ( พูดหยั่งกับไดโนเสาร์ )เข้ามาแทนที่ นั้นคือรถถัง ที54/55 ได้ถูกปิดสายการผลิตในปีค.ศ.1981 แต่ก็ยังคงพบเห็นปฏิบัติการอยู่ในปัจจุบัน

 

 

 

ประวัติการผลิต ( Production history )

ปฏิวัติการออกแบบ ( Revolutionary design )

     ก่อนหน้าปี ค.ศ.1939 รถถังที่มีอยู่ในกองทัพโซเวียตเป็นจำนวนมากนั้นได้แก่ รถถังเบา ที-26 และรถถังเบาความเร็วสูงในตระกูลบีที ที-26เป็นรถถังทหารราบความเร็วต่ำ( slow-moving infantry tank ) ออกแบบมาเพื่อให้ทหารราบวิ่งตามได้ทันและรุกไปพร้อมๆกัน ส่วนรถถังในตระกูลบีทีนั้นเป็นรถถังทหารม้า( cavalry tanks ) เป็นรถถังเบาที่สามารถเคลื่อนที่ได้เร็วมาก( very fast-moving light tanks ) ออกแบบมาเพื่อใช้ต่อสู้กับรถถังด้วยกัน หรือในการบุกที่ไม่ใช้ทหารราบ

     รถถังทั้ง2รุ่นมีเกราะที่สามารถป้องกัน อาวุธปืนของทหารราบได้ แต่ไม่สามารถป้องกันปืนไรเฟิลต่อสู้รถถัง หรือปืนใหญ่ต่อสู้รถถังที่มีขนาดตั้งแต่ 37 ม.ม. ขึ้นไปได้ และใช้เครื่องยนต์น้ำมันแก็สโซลีน ( gasoline-fueled engines )แต่ไม่ใช่แก็สโซฮอล์เน้อ ซึ่งเครื่องยนต์แบบนี้ รถถังส่วนใหญ่ทั่วโลกในยุคนั้นต่างก็ใช้เครื่องยนต์แบบนี้กันทั้งนั้น ซึ่งก็ต้องยอมรับกันว่าพอรถถังโดนยิง เครื่องยนต์แบบนี้จะเกิดไฟไหม้ง่ายเอามากๆ รถถังทั้งสองแบบนี้ ออกแบบในช่วงต้นทศวรรษที่1930 และล้วนแต่ออกแบบด้วย ฝีมือของชาวต่างชาติทั้งนั้น ว่ากันง่ายๆก็คือ ไม่ใช่ฝีมือของคนรัสเซียหรือชาวโซเวียตเอง

     อย่างเจ้าที-26นี่ การออกแบบอาศัยพื้นฐานมาจาก รถถังวิกเกอร์6ตัน ของทางอังกฤษนู้น และที่หลายๆท่านไม่เคยทราบ ( ผมเองก็พึ่งทราบเหมือนกันครับ ) ก็คือรถถังตระกูลบีที มีพื้นฐานการออกแบบมาจาก วิศวกรชาวอเมริกันชื่อ วอร์เทอร์ คริสตี้( Walter Christie ) เรียกได้ว่าลอกแบบตั้งแต่กรุงลอนดอน ไปถึงกรุงวอชิงตัน แล้วค่อยกลับมาที่มอสโกเลยทีเดียว

 


มิคาอิล อิลยิช โคซคิน
( Mikhail Ilyich Koshkin )
คลิกที่รูปเพื่อขยาย

 

     ในปีค.ศ.1937 วิศวกรชื่อ มิคาอิล โคซคิน ( Mikhail Koshkin ) ชื่อมาแนวๆเดียวกับ มิคาอิล คาลาชนิคอฟ ผู้ออกแบบปืนอาก้าเลยเนอะ ได้รับมอบหมายจากกองทัพแดง ให้เข้าร่วมในทีมออกแบบรถถังแบบใหม่ ที่จะนำมาแทนที่รถถังบีที ที่โรงงานผลิตหัวจักรรถไฟชื่อ คาร์คีฟ โคมินเทิรน์( Kharkiv Komintern Locomotive Plant ) หรือที่เรียกย่อๆว่า KhPZ ในตอนต้นของเรื่องนั้นเอง โรงงานนี้ตั้งอยู่ในเมืองคาร์คีฟ สมกับชื่อของโรงงาน

 

 

รถถังต้นแบบ ( The Prototype Tank )


     รถถังต้นแบบมีชื่อว่า เอ-20 ( A-20 ) ซึ่งตัวเลข 20 นี้ มาจากความหนาของเกราะด้านหน้าของรถถัง ที่ได้ออกแบบมาให้หนาเป็นพิเศษกว่า 20 มิลลิเมตร( 20 millimetres ) หรือ 0.8นิ้ว (0.8 in) ติดอาวุธหลักเป็นปืนใหญ่ขนาด 45มม. หรือ 1.8นิ้ว และใช้เครื่องยนต์แบบใหม่ คือแบบวีทู( V-2 engine ) ซึ่งใช้เชื้อเพลิงที่ไม่เกิดการลุกไหม้ง่าย จนไฟลุกท่วมรถถังแบบแต่ก่อน นั้นก็คือน้ำมันดีเซล( diesel fuel )แบบรถกระบะบ้านเรานี่เอง ระบบขับเคลื่อนแบบ 8*6 ล้อ แบบเดียวกับรถถังบีที ที่ใช้แบบ 8*2 ล้อ โดยล้อจะวิ่งไปบนตีนตะขาบ

 


รูปมิตติ้งของรถถังในตระกูล ที-34 จากซ็ายไปขวา
A-8 ( BT-7 M), A-20, T-34 รุ่นปี 1940 และ รุ่นปี 1941

 

     รถต้นแบบนี้เป็นรถถังที่ง่ายต่อการซ่อมบำรุง ทำให้ประหยัดเงินค่าซ่อม ที่ในยามสงครามเงินทองนั้นหายาก ซึ่งตีนตะขาบของรถถังในช่วงต้นปี ค.ศ.1930นั้น จะเริ่มเชื่อถือไม่ได้ เมื่อวิ่งไปบนถนน ด้วยความเร็ว 85 กม./ชั่วโมง ( 53ไมล์/ชั่วโมง ) ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้จริงในสนามรบ นักออกแบบจึงคิดว่าตีนตะขาบ พวกนี้เป็นเหมือนของเสีย ที่สิ้นเปลืองเอามากๆ

     A-20 จึงเป็นเสมือนสิ่งที่ได้จากการวิจัย ในโครงการรถถัง บีที-ไอเอส และ บีที-เอสดับเบิ้ลยู-2 (BT-IS and BT-SW-2 projects) ด้วยเกราะแบบลาดเอียง หรือที่เรียกกันว่า สโลฟ อาร์เมอร์ ( sloped armour ) ซึ่งทำให้กระสุนแทบทุกชนิด แฉลบหรือกระเด็นออกไป ทำให้ป้องกันได้ดีกว่ารถถังที่ใช้เกราะแบบตั้งฉาก หรือฝรั่งเรียกว่า เพอร์เพนดิคูเลอร์ อาร์เมอร์ ( perpendicular armor ) ซึ่งนิยมใช้ในรถถังเยอรมัน แต่ในรุ่นหลังๆก็ก็อปรูปร่างลาดๆ ของที-34ไปใช้บ้างแล้วครับ

 


มาดูต้นแบบหมายเลข 1กันให้ชัดๆครับ รูปถ่ายเดี่ยวๆของ เอ-20 ตะกี้เป็นรูปถ่ายครอบครัวครับ
ป้อมปืนเหมือนกับนำป้อมรถถังที-26 มาผสมกับ ป้อมของบีที-7
     โคซคินมั่นใจว่าท่านผู้นำสตาลิน จะต้องอนุญาตให้ทำการสร้างรถถังต้นแบบคันที่2 ( second prototype ) อย่างแน่นอน ด้วยรูปร่างที่ดูแข็งแกร่งน่าเกรงขาม ( หนาเตอะกว่ารถถังรุ่นไลท์เวจในยุคนั้น ) และมีปืนใหญ่ที่หนักกว่าแต่ก่อน เป็นรถถังแบบแรกของรัสเซีย ที่เป็นสากลขึ้น ( "universal tank" ) ถ้าให้รถถังที-26 และ บีที-7เข้าประกวดชิงตำแหน่งชายงามโซเวียต กับ เซกคันส์ โปรโตไทป์ (อย่างงครับ แค่เรียกรถถังต้นแบบคันที่2 เป็นภาษาประกิดเท่านั้นเอง ) เซกคันส์ โปรโตไทป์คันนี้ ต้องได้ตำแหน่งผู้ชนะเลิศแห่งปีไปแน่นอนอย่างกินขาด ด้วยรูปร่างที่บึกบึนกว่า ( ก็จะนำมาแทนที่2คันแรกนี่ ของใหม่ก็ต้องดีกว่าอยู่แล้ว)

 


ต้นแบบหมายเลข2 เอ 32 สังเกตจะเห็นว่าหน้าตาคล้ายที-34ขึ้นมาหน่อยแล้วครับ เริ่มวิวัฒนาการแล้ว


     โคซคินได้ตั้งชื่อให้รถถังต้นแบบคันที่2นี้ว่า เอ-32 หรือ ที-32 เช่นเดียวกับ เอ-20 เลข 32 นั้นมาจากเกราะด้านหน้า ที่ได้ถูกเพิ่มให้หนาขึ้นเป็น 32 มม. หรือ 1.3 นิ้ว จุดเด่นที่สุดของรถถัง เอ-32 ก็คือ ปืนใหญ่ที่ได้ขยายคาลิเบอร์กว้างกว่าเดิม เป็น 76.2 มม. วัดเป็นนิ้วก็ได้ 3นิ้ว พอดิบพอดี ส่วนเครื่องยนต์ก็ยังคงใช้เครื่องยนต์ดีเซล วี2 เหมือนเดิม ในการทดสอบภาคสนาม ( field trials ) ที่คูบินก้า ในปีค.ศ.1939 ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า เอ-32 สามารถเคลื่อนที่ได้ดีกว่า เอ-20 แม้กระนั้นก็ยังมีการเสริมเกราะหน้าของ เอ-32 ให้หนากว่าเดิม เป็น 45 มม. หรือ 1.8 นิ้ว ซึ่งเอ-32 ในเวอร์ชั่นหน้าหนาขึ้นนี้ ( เรียกซะเสียเลย ) ได้ถูกนำไปผลิตเป็นรถถังที-34 เพราะได้รับประกันมาตรฐานแล้ว รับประกันโดยหม่อมโคซคิน( เรียกแบบเชลล์ชวนชิม )

 



ที-26 บีที-7 เอ-32

 

ที่มาของเลข 34 (The Origin Of Number 34 )

 
เซอร์โก อ็อดโชนิกไคซี่ เพื่อนคนสนิทของสตาลิน
และเป็นผู้มีตำแหน่งสำคัญในพรรคคอมมิวนิสต์

     ชื่อ ที-34 นี้ โคซคินเขาเป็นคนตั้งให้ครับ ( ไม่ได้ตั้งตามเลขหวยนะครับ )โดยตั้งขึ้นหลังจากปีค.ศ.1934 ซึ่งเป็นปีที่เขาปิ๊งไอเดีย และเริ่มร่างแผนแบบการสร้างรถถังแบบใหม่คันนี้ ได้มีการขยายกองพลยานเกราะของโซเวียต ให้มีรถถังจำนวนมากขึ้น โดยมี เซอร์โก อ็อดโชนิกไคซี่ ( Sergo Ordzhonikidze ) เป็นผู้ควบคุมการผลิตรถถัง ( ถ้าผลิตได้ไม่ตรงตามยอดที่ต้องการโดนยิงเป้าแน่ )

     รถถังต้นแบบหมายเลข2 หรือก็คือที-34 รุ่นแรก สร้างขึ้นสำเร็จใน เดือนมกราคม ปีค.ศ. 1940 และได้ผ่านการทนสอบการเดินทางที่สุดแสนจะลำบาก เป็นระยะทางถึง 2,000 กิโลเมตร หรือกว่า 1,250 ไมล์ โดยขับออกจากโรงงานผลิตที่คาร์คีฟ วิ่งมาจนถึงนครหลวงมอสโคว์ เป็นการพิสูจน์ให้ท่านผู้นำสตาลินเห็นสมรรถนะ กับตาด้วยการมาจอดหยุด อยู่หน้าพระราชวังเครมลินเลยทีเดียว ( อันนี้โม้เอาเองหน่อยนะครับ เขาระบุไว้แค่มาถึงมอสโกเฉยๆ ) และยิ่งเซอร์ไพส์กว่าเดิม ด้วยการขับรถถังที-34 จากแนวแมนเนอร์ไฮม์ในฟินแลนด์ ( Mannerheim Line ) กลับสู่โรงงานบ้านเกิดในคาร์คีฟ ซึ่งต้องผ่านเมืองมินส์ ( Minsk ) และเคียฟ ( Kiev ) ใช้เวลาไปประมาณเดือนหนึ่ง คือตั้งแต่เดือนเมษายน ถึงเดือนพฤษภาคม ( การแสดงครั้งนี้คล้ายๆกับ โฆษณารถกระบะอิซูซุ ดีแม็ก ยอดรถปิคอัฟประหยัดน้ำมัน ที่วิ่งตั้งแต่ไทยไปถึงเวียดนามโน้น ยังไงชอบกล ไม่รู้ใช้น้ำมันแค่ถังเดียวเหมือนกันรึเปล่า อิอิ )

    นับว่าวิ่งได้พอๆกับระยะทางที่เยอรมันบุกรัสเซียไม่มีผิด หากเป็นรถถังเยอรมันคงพังไปแล้วเรียบร้อย แถมยังเปลืองตังค์ค่าน้ำมันเยอะกว่าอีกต่างหาก ให้ท่านคิดไปถึงการเอา รถเก๋งที่ใช้น้ำมันเบนซิน 95 ( แน่ะไม่ยอมใช้แก็สโซฮอลล์อีก ) ไปวิ่งแบบอิซูซุดีแม็ก รับรองว่ารถเก๋งเสื่อมสภาพไปเยอะ และต้องแวะเติมน้ำมันบ่อย ดีไม่ดีเครื่องโอเวอร์ฮีทด้วย แถมอีกนิดถนนของรัสเซียในสมัยนั้นใครๆเค้าก็รู้กันว่า ทุรกันดารสุดๆ หรือเรียกง่ายๆว่าบ้านนอก ไม่เชื่อก็ไปถามพลขับแพนเซอร์ของเยอรมัน ที่เคยขับรถถังในดินแดนรัสเซียได้ครับ การวิ่งครั้งนี้จึงเป็นการแสดงความทนทานของรถถัง ที-34 ได้เป็นอย่างดี ( ที-34 นี่คล้ายอิซูซุเนอะ ต่างกันแค่ตรงที่ไม่มีแอร์ พลขับรถถังอาจจะมีแอร์ก็ได้นะครับ แต่คงไม่ค่อยเย็น เพราะว่าเป็นแอร์กี่ )

 


 

     ได้มีการพบข้อบกพร่องของช่วงล่างของรถถัง ( drivetrain ) ทางทีมพัฒนาก็ได้แก้ไขให้ดีขึ้น แต่พอจะทำการผลิตก็ได้รับกระแสต่อต้านจากผู้บังคับบัญชาของกองทัพ เนื่องจากการแก้ไขในส่วนนี้ทำให้ต้นทุนในการผลิตสูงขึ้น แต่ในที่สุดทีมพัฒนาก็สามารถโน้มน้าวให้กองทัพยอมรับได้ เพราะว่าในขณะนั้นสหภาพโซเวียตกำลังขาดแคลนรถถังเป็นอย่างมาก หลังจากที่ใช้บุกฟินแลนด์แล้วถูกหิมะฝังกลบเสียหมด และจากการที่เยอรมันได้แสดงให้เห็นคุณค่าในสนามรบของรถถังให้โลกได้ประจักษ์อีกครั้ง ในสงครามสายฟ้าแลบบุกฝรั่งเศส ( Germany 's Blitzkrieg in France ) ทำให้ฝรั่งเศสซึ่งเป็นศัตรูกันมาช้านาน และเคยรบกันในสงครามโลกครั้งแรกเป็นเวลากว่า4ปี ต้องยอมศิโรราบในเวลาเพียงแค่เดือนเดียว ! โซเวียตจึงต้องการรถถังที่มีความแข็งแกร่งพอจะต่อต้านแพนเซอร์ได้อย่างเร่งด่วนที่สุด

     รถถังที-34คันแรกถูกผลิตออกมาได้สำเร็จ ในเดือนกันยายน ปีค.ศ.1940 และโรงงาน KhPZ พร้อมที่จะเปิดสายการรถถังที-34 แทนที่ การผลิตรถถังแบบเดิมๆ คือ ที-26,รถถังในตระกูลบีที และรถถังขนาดกลางหลายป้อมปืนแบบ ที-28 ( multi-turreted T-28 medium tank )

 

 
อเล็กซานเดอร์ อเล็กซานโดรวิช โมโรซอฟ
( Alexander Alexandrovich Morozov )


     นายโคซคินได้เสียชีวิตลง ในวันที่ 26 กันยายน ปีค.ศ.1940 หรือช่วงใกล้สิ้นเดือนของการผลิตรถถัง ที-34 คันแรกนั้นเอง ราวกับว่าหน้าที่ของเขาในโลกนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว ( เกิดมาเพื่อออกแบบและสร้างรถถังที-34ให้สำเร็จ ) จึงได้มีการแต่งตั้งบุคคลขึ้นมาเป็น หัวหน้าทีมพัฒนารถถังที-34ต่อจากเขา เขาผู้นั้นคือ นาย อเล็กซานเดอร์ โมโรซอฟ ( Alexander Morozov )

     ได้มีการพัฒนาระบบกันสะเทือนด้วยขดลวดสปริงขึ้น แบบเดียวกับที่ใช้ในรถถังบีที แต่มีน้ำหนักมากกว่าและไม่ส่งผมต่อการขับขี่แต่อย่างใด ต่อมาก็ได้เกิด ที-34รุ่นปรับปรุง เวอร์ชั่นแรก โดยในเวอร์ชั่น1.0นี้ ( เรียกหยั่งกะเกมส์ ) ได้ถูกติดตั้งอาวุธหลักใหม่เป็นปืนใหญ่ขนาด 76.2มม. หรือที่ถูกเรียกกันจนคุ้นหูว่า ที34/76 ( เป็นชื่อที่ทหารเยอรมันตั้งให้ ) เมื่อมีเวอร์ชั่นแรกแล้ว ก็เป็นธรรมดาที่ต้องมีเวอร์ชั่น2.0 ตามมา นั้นคือ ที34-85 หรือ ที34/85 ถูกนำเข้าสายการผลิตในปีค.ศ.1944 ซึ่งมีป้อมที่ใหญ่ขึ้นและ มีปืนใหญ่ลำกล้องยาวขนาด 85 มม. ที่ใหญ่กว่าเดิม เป็นจุดขาย และเด่นเป็นสง่า

 

 

การตั้งขึ้นและการบำรุงรักษา ( Establishing and maintaining production )

 


รถถังที-34 รุ่นปี1940 (คลิกที่รูปเพื่อขยาย)

"ทั้งปริมาณและคุณภาพเป็นของฉันทั้งหมด"

"Quantity has a quality all its own"

คำกล่าวของโจเซฟ สตาลิน
http://www.cmgame.net/tanarmy/index/weapons/ww2wep/tank/t34.htm
บันทึกการเข้า

ถ้าเสียงส่วนใหญ่คือความถูกต้อง
ผีเปรตในนรกมันคงโหวตให้พวกมันได้ขึ้นสวรรค์
จะแก้รัฐธรรมนูญไปทำไม! ต้นตอปัญหามันเกิดจากรธน.ไม่ดี หรือพวกแกมันเลว!
rute - รักในหลวง
Forgive , But not Forget .
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1960
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 22591


"ผลิดอกงามแตกกิ่งใบ..."


« ตอบ #280 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2007, 04:32:36 PM »

ขอบคุณท่าน nars ครับ...

แต่ผมว่า...

"ทั้งปริมาณและคุณภาพเป็นของฉันทั้งหมด"

"Quantity has a quality all its own"
 
น่าจะแปลผิดนะครับ...

ให้ผมแปลแบบดุ่ยๆผมแปลว่า "ปริมาณมีคุณภาพในตัวมันเอง"...Cheesy
บันทึกการเข้า
Don Quixote
Only God delivers the judgement, we only deliver the suspects.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 987
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16169


,=,"--- X Santiago... !!


เว็บไซต์
« ตอบ #281 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2007, 05:14:12 PM »

อือม์ "Quantity has a quality all its own"
 
ผมว่าสตาลินพูดภาษาอังกฤษผิดครับ น่าจะเป็น

"Quantity has all quality of its own"

ยังงี้แปลว่า "ปริมาณนั้นมีคุณภาพทั้งปวงในตัวเอง"
บันทึกการเข้า

Thou shalt have guns.
Thou shalt have tons of ammo.
Thou shalt shoot well.
Thou shalt not rely on help from the stranger.
Charoon รักในหลวงครับ
ลิขิตฟ้า หรือจะสู้มานะตน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1044
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12332


เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือคนรักกัน


เว็บไซต์
« ตอบ #282 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2007, 08:19:13 PM »

อุปกรณ์ที่Hobart คิดค้นขึ้นครับ เขาเรียกกันว่า Hobart's Funnies.

อันนี้เป้นสะพานสนามยาว 30 ฟุตซึ่งรองรับได้ถึง 40 ตัน คิดว่ายานยนต์ที่ยึดสพานนี้เป็น รถถังเชอร์ชิล

บันทึกการเข้า

"สิ่งที่ควรทำคือความดี สิ่งที่ควรมีคื่อคุณธรรม สิ่งที่ควรจำคือผู้มีrระคุณ"
มะขิ่น
Hero Member
*****

คะแนน 2453
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17813


"ทหารแก่ไม่มีวันตาย แต่จะค่อยๆเลือนหายไป"


« ตอบ #283 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2007, 10:33:01 PM »

หลักการรบหน่วงเวลา.....มีอยู่สองแบบใหญ่ๆ ได้แก่

การรบหน่วงเวลาแบบลำดับขั้น ...........เป็นการรบแบบส่วนหลังตรึงพื้นที่ จนส่วนหน้าถอยมาสมทบ...............แล้วส่วนหน้าจะตรึง ให้ส่วนหลังถอยต่อไป..สลับกันไป

การรบหน่วงเวลาแบบสลับขั้น.............เป็นการรบแบบส่วนหลังตรึงพื้นที่ จนส่วนหน้าถอยผ่านไปข้างหลัง ไปถึงที่ทีกำหนด แล้วตรึงพื้นที่...............ส่วนหลังก็ถอยผ่านไปตรึงข้างหลัง ...........สลับกันไป

การวางกำลังในการรบหน่วงเวลา ...........สามารถวางระลอกกำลังได้หลายระลอก..........ตั้งแต่ 2 ระลอกขึ้นไป..............และยังสามารถดัดแปลงยุทธวิธี ได้ตามลักษณะภูมิประเทศ ตั้งแต่ ตั้งพื้นที่สังหาร จนถึงการตีเจาะ เพื่อทำลายการเข้าตีของข้าศึก.........

ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัย............กำลัง เวลา ความเร็วในการเคลื่อนที่ อำนาจการยิง และ พื้นที่
บันทึกการเข้า

อย่าดึงฟ้าต่ำ  อย่าทำหินแตก  อย่าแยกแผ่นดิน
nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย
Website Sponsor
Hero Member
****

คะแนน 303
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4897


« ตอบ #284 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2007, 11:08:39 PM »

การรบหน่วงเวลาแบบลำดับขั้น ...........เป็นการรบแบบส่วนหลังตรึงพื้นที่ จนส่วนหน้าถอยมาสมทบ...............แล้วส่วนหน้าจะตรึง ให้ส่วนหลังถอยต่อไป..สลับกันไป

การรบหน่วงเวลาแบบสลับขั้น.............เป็นการรบแบบส่วนหลังตรึงพื้นที่ จนส่วนหน้าถอยผ่านไปข้างหลัง ไปถึงที่ทีกำหนด แล้วตรึงพื้นที่...............ส่วนหลังก็ถอยผ่านไปตรึงข้างหลัง ...........สลับกันไป


รบกวนถามอาโหน่งเป็นความรู้นิดครับ พอดีผมไม่เคยออกสงครามจริงๆ แต่ระหว่างที่แต่ละแนวถอยจะไม่โดนข้าศึกเกาะแนวตีจนแตกหรือครับ เพราะปกติการถอยนี่มันจะเกิดการสูญเสีย แล้วฝ่ายถอยจะเสียขวัญกำลังใจ ฝ่ายรุกเห็นฝ่ายตรงข้ามก็จะมีขวัญกำลังใจดีขึ้น มีโอกาสที่ตั้งแนวไม่ทันแล้วแตกหมดทุกแนวไหมครับ เท่าที่เคยอ่านประวัติศาสตร์การรบส่วนใหญ่มักจะโดนตีแตกจนแนวที่อยู่ข้างหน้าถอยไปชนกับแนวหลังจนตั้งแนวไม่ติดน่ะครับ
บันทึกการเข้า

ถ้าเสียงส่วนใหญ่คือความถูกต้อง
ผีเปรตในนรกมันคงโหวตให้พวกมันได้ขึ้นสวรรค์
จะแก้รัฐธรรมนูญไปทำไม! ต้นตอปัญหามันเกิดจากรธน.ไม่ดี หรือพวกแกมันเลว!
หน้า: 1 ... 16 17 18 [19] 20 21 22 ... 64
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.08 วินาที กับ 18 คำสั่ง