เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 13, 2025, 03:31:55 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 18 19 20 [21] 22 23 24 ... 64
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: มาเล่าเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 2 กันครับ  (อ่าน 315824 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Charoon รักในหลวงครับ
ลิขิตฟ้า หรือจะสู้มานะตน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1044
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12332


เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือคนรักกัน


เว็บไซต์
« ตอบ #300 เมื่อ: ตุลาคม 05, 2007, 03:54:13 AM »

โรงงานผลิตยานยกพลขึ้นบกในนิวออลีนส์

บันทึกการเข้า

"สิ่งที่ควรทำคือความดี สิ่งที่ควรมีคื่อคุณธรรม สิ่งที่ควรจำคือผู้มีrระคุณ"
ninja1991.
แสดงความชื่นชมกับคนที่คุณรักและห่วงใย ในทุกๆ วัน ไม่ใช่แค่วันหยุดหรือวันเกิด
Full Member
***

คะแนน 9
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 379


ขอเเค่ยังคิดถึง.......เเม้อยู่เกินครึ่งของฟ้ากว้าง


« ตอบ #301 เมื่อ: ตุลาคม 05, 2007, 05:29:38 AM »

   การบุกต้องเหนือกว่า 3 ต่อ 1  เป็นหลักกว้างๆทางการทหารนะครับ ว่าการบุกต้องไช้กำลังคนเข้าเพื่อชดเชยการเสียเปรียบทางชัยภูมิ แต่ก็มีปัจจัยอื่นๆด้วย เช่น ทหารคุณเหนือกว่า 10 ต่อ 1 เป็นทหารราบ ก็ไม่ควรบุกเพราะจะโดนปืนกลหรอยหมด
แต่ถ้าคุณมีทหาร  1 ต่อ 1  ต่อฝ่ายตรงข้าม แต่ครองอากาศมีปืนไหญ่และรถถัง ก็บุกได้ โดยทิ้งระเบิดปูพรมกดดันไห้ถอย แล้วเราเอากองรถถังดาหน้าไปพร้อมทหารราบก็พอไหว ชัยภูมิฝ่ายตั้งรับก็สำคัญ เช่นแนวป้องกันถูกสร้างมานาน รวมทั้งมีการพรางที่ดี เช่นอิโรจิม่า อันนี้บุกยากมาก ขนาดอเมริกามี 5ต่อ1 เหนือกว่าทั้งกำลังทางอากาศ รถถัง และปืนไหญ่ยังยาก 

     ที่ว่าเหนือกว่า 3 ต่อ 1 หมายถึงเหนือกว่า ณ จุดเข้าตีนะครับ คือ ต่อไห้คุณมีทหารน้อยกว่า แต่คุณลวงฝ่ายตรงข้ามว่าจะตีจุด a แล้วตีจริงจุด b ฝ่ายตรงข้ามมีกำลังป้องกันจุด b น้อยมากคุณก็เหนือกว่า ณ จุดเข้าตีได้ มองโกล เยอรมัน หรือโซเวียต อเมริกา ก็ไช้กลยุทธลวงเพื่อความเหนือกว่า ณ จุดเข้าตีทั้งนั้น ส่วนอเล็กซานเดอร์เป้นการรบในที่โล่งครับ ไม่ได้เป็นการตีหักแนวตั้งรับ

      ที่ว่าจีนกับรัสเซียไช้ทหารเหนือกว่า 10 ต่อ 1 เป็นประวัติศาสตร์ยุคสงครามเย็นนะครับ มีจุดประสงค์เพื่อดีสเครดิต ที่จริง ตอนสงครามเกาหลี จีนเป็นต่อแค่ 2 ต่อ 1 แถมยังถูกหิมะกัดทั้งทัพเพราะอุปกกรณ์ฤดูหนาวไม่พอ แต่ไช้การพรางและการรบกลางคืน โจมตีหลายๆทางสร้างความประหลาดใจไห้ทหารอเมริกัน เปิดการรบไห้เกิดขึ้นระยะประชิดที่สุด มีการดักทางหนี พออเมริกาหนีพ้น จีนก็ไช้กลยุทธซ้ำเดิมอีกครั้ง ที่จริงกลยุทธจีนนะดีมาก เพราะถ้าจีนไช้แผนตั้งรับต้องแย่แน่ เพราะอเมริกา มีรถถัง ปืนไหญ่ และเครื่องบินจำนวนมาก ส่วนจีนมีแต่ปืนกล ปืนไรเฟิล และ ปืนครก และที่จีนโจมตี ไม่ไช่เพราะไครเป็นเพราะแมคอาเทอร์ครับ แมคอาเทอร์สั่งไห้ทิ้งระเบิดไส่จีน โทษฐานที่ส่งความช่วยเหลือไห้เกาหลีเหนือ ซึ่งรัฐบาลจีนขอไห้หยุดแล้วก็ไม่ยอม คิดว่ากองทัพจีนเป็นกองทัพขยะ แถมตอนบุกก็ดันรักสบาย บุกไปทางถนนที่มีอยู่เส้นเดียว จีนมันก็ดักได้อะสิ พอสุ้แพ้ก็ขอไห้ทิ้งนิวเคลียร์อีก ไม่สนหัวอกประชาชนตาดำๆเลยแย่มาก ดีที่ไอเซนฮาวด์ไม่ยอม

   ส่วนรัสเซีย ไม่เคยมีทหารเหนือกว่า 10 ต่อ 1 ทางยุทธศาสตร์ แต่อาจจะเหนือกว่า 10 ต่อ 1 จริง ณ จุดเข้าตี แต่ก็น่าจะน้อยครั้งมากที่จริงทหาร รัสเซีย 3 คน ก็เอาชนะทหารเยอรมัน 2 คนได้ในฤดูร้อน เช่นที่เคิร์ก

   การเหนือกว่าณ จุดเข้าตีไม่ได้หมายความว่าจะส่งทหารไปตายเท่าไรก็ได้ ตรงข้ามมันจะทำไห้สูญเสียทหารในการตีน้อยที่สุด เช่นเรามีปืนไหญ่ รถถัง และเครื่องบิน เหนือกว่า ณ จุดเข้าตี เราก็ทิ้งระเบิดกับยิงปืนไหญ่ปูพรม แล้วค่อยส่งกองรถถังไปยึด จะทำไห้เสียทหารน้อยกว่าที่เราส่งกำลังรบไปก้ำกึ่งกับฝ่ายตรงข้ามและต้องรบยืดเยื้อ  นอกจากเราตีจุดที่มั่นไห้หักแล้ว ยังควรขยายผลการรบอีก คือ ต้องโอบล้อมกองกำลังศัตรู หรือทลวงไปไห้ลึกที่สุด ก่อนที่ศัตรูจะสร้างแนวตั้งรับขึ้นมาไหม่ บลิซครีก หรือ ดีพ แบทเทิ่ล ก็ไช้หลักการนี้
 
   คุณมะขึ่นที่อ่านข้อความของคุณมา น่าจะศึกษาวิชาทหารมารึเปล่าครับ เพราะหลักการตั้งรับแบบหน่วงค่อนข้างละเอียดมาก ของผมจะอ่านๆจากประวัติศาสตร์และวิเคราะห์เอาเองนะครับ ไม่ได้เรียนมาเฉพาะ


ผู้การมะขิ่นเป็นทหารนะครับ      คุณ nosta3824382  ไม่ทราบหรือครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 05, 2007, 05:31:49 AM โดย ninja1991. » บันทึกการเข้า

ผูรักษาเกียรติ์ของตน ย่อมได้รับการเคารพ
Charoon รักในหลวงครับ
ลิขิตฟ้า หรือจะสู้มานะตน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1044
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12332


เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือคนรักกัน


เว็บไซต์
« ตอบ #302 เมื่อ: ตุลาคม 05, 2007, 07:16:46 AM »

สะพานสนาม

บันทึกการเข้า

"สิ่งที่ควรทำคือความดี สิ่งที่ควรมีคื่อคุณธรรม สิ่งที่ควรจำคือผู้มีrระคุณ"
foxbat.....รักในหลวง
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 81
ออฟไลน์

กระทู้: 725


« ตอบ #303 เมื่อ: ตุลาคม 05, 2007, 07:20:44 AM »

สงครามโลกจบแล้ว ขอต่อเป็นสงครามเวียตนามเลยได้มั้ยครับอยากทราบข้อมูลแบบนี้บ้างครับ ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า
Zeus-รักในหลวง
อะฮู้.....ไฮยีน่าก็เป็นแมวนะคราบบบ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 817
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10983


I'm going to make him an offer that he can't refus


« ตอบ #304 เมื่อ: ตุลาคม 05, 2007, 08:04:02 AM »

     คุณมะขึ่นที่อ่านข้อความของคุณมา น่าจะศึกษาวิชาทหารมารึเปล่าครับ เพราะหลักการตั้งรับแบบหน่วงค่อนข้างละเอียดมาก ของผมจะอ่านๆจากประวัติศาสตร์และวิเคราะห์เอาเองนะครับ ไม่ได้เรียนมาเฉพาะ
นักประวัติศาสตร์ คุยกับนายทหารที่เคยรบจริง ในเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 2 คนฟังคนอ่านมีแต่ได้กับได้ครับ Grin
บันทึกการเข้า

“A fear of weapons is a sign of retarded sexual and
emotional maturity.”
- Sigmund Freud

“ความกลัวอาวุธคือสัญญาณของความถดถอยทางเพศและวุฒิภาวะทางอารมณ์”
- ซิกมุนด์ ฟรอยด์
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #305 เมื่อ: ตุลาคม 05, 2007, 08:11:49 AM »

     คุณมะขึ่นที่อ่านข้อความของคุณมา น่าจะศึกษาวิชาทหารมารึเปล่าครับ เพราะหลักการตั้งรับแบบหน่วงค่อนข้างละเอียดมาก ของผมจะอ่านๆจากประวัติศาสตร์และวิเคราะห์เอาเองนะครับ ไม่ได้เรียนมาเฉพาะ
นักประวัติศาสตร์ คุยกับนายทหารที่เคยรบจริง ในเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 2 คนฟังคนอ่านมีแต่ได้กับได้ครับ Grin

 ยิ้มีเลศนัย ยิ้มีเลศนัย ยิ้มีเลศนัย ยิ้มีเลศนัย ยิ้มีเลศนัย
บันทึกการเข้า

                
Don Quixote
Only God delivers the judgement, we only deliver the suspects.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 987
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16169


,=,"--- X Santiago... !!


เว็บไซต์
« ตอบ #306 เมื่อ: ตุลาคม 05, 2007, 08:51:42 AM »

อิ อิ เท่าที่ผมทราบ เวลาพี่มะขิ่นศึกษาวิชาทหารมีเสียงประกอบทั้งเสียงหวีดหวีวจากพัดลมในห้องเรียนและจากหัวกระสุนตัดหญ้า เสียงกระหึ่มจากแอร์ในห้องประชุมและจากสายพานยานเกราะในการรบครับท่าน nostra3824382::008::

ปล. เลข 6 ตัวคล้ายๆ กับที่ผมเคยใช้เลยครับ แต่ผม 343.... จูบบบบ

บันทึกการเข้า

Thou shalt have guns.
Thou shalt have tons of ammo.
Thou shalt shoot well.
Thou shalt not rely on help from the stranger.
Don Quixote
Only God delivers the judgement, we only deliver the suspects.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 987
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16169


,=,"--- X Santiago... !!


เว็บไซต์
« ตอบ #307 เมื่อ: ตุลาคม 05, 2007, 09:09:48 AM »

   การบุกต้องเหนือกว่า 3 ต่อ 1  เป็นหลักกว้างๆทางการทหารนะครับ ว่าการบุกต้องไช้กำลังคนเข้าเพื่อชดเชยการเสียเปรียบทางชัยภูมิ แต่ก็มีปัจจัยอื่นๆด้วย เช่น ทหารคุณเหนือกว่า 10 ต่อ 1 เป็นทหารราบ ก็ไม่ควรบุกเพราะจะโดนปืนกลหรอยหมด
แต่ถ้าคุณมีทหาร  1 ต่อ 1  ต่อฝ่ายตรงข้าม แต่ครองอากาศมีปืนไหญ่และรถถัง ก็บุกได้ โดยทิ้งระเบิดปูพรมกดดันไห้ถอย แล้วเราเอากองรถถังดาหน้าไปพร้อมทหารราบก็พอไหว ชัยภูมิฝ่ายตั้งรับก็สำคัญ เช่นแนวป้องกันถูกสร้างมานาน รวมทั้งมีการพรางที่ดี เช่นอิโรจิม่า อันนี้บุกยากมาก ขนาดอเมริกามี 5ต่อ1 เหนือกว่าทั้งกำลังทางอากาศ รถถัง และปืนไหญ่ยังยาก 

     ที่ว่าเหนือกว่า 3 ต่อ 1 หมายถึงเหนือกว่า ณ จุดเข้าตีนะครับ คือ ต่อไห้คุณมีทหารน้อยกว่า แต่คุณลวงฝ่ายตรงข้ามว่าจะตีจุด a แล้วตีจริงจุด b ฝ่ายตรงข้ามมีกำลังป้องกันจุด b น้อยมากคุณก็เหนือกว่า ณ จุดเข้าตีได้ มองโกล เยอรมัน หรือโซเวียต อเมริกา ก็ไช้กลยุทธลวงเพื่อความเหนือกว่า ณ จุดเข้าตีทั้งนั้น ส่วนอเล็กซานเดอร์เป้นการรบในที่โล่งครับ ไม่ได้เป็นการตีหักแนวตั้งรับ

      ที่ว่าจีนกับรัสเซียไช้ทหารเหนือกว่า 10 ต่อ 1 เป็นประวัติศาสตร์ยุคสงครามเย็นนะครับ มีจุดประสงค์เพื่อดีสเครดิต ที่จริง ตอนสงครามเกาหลี จีนเป็นต่อแค่ 2 ต่อ 1 แถมยังถูกหิมะกัดทั้งทัพเพราะอุปกกรณ์ฤดูหนาวไม่พอ แต่ไช้การพรางและการรบกลางคืน โจมตีหลายๆทางสร้างความประหลาดใจไห้ทหารอเมริกัน เปิดการรบไห้เกิดขึ้นระยะประชิดที่สุด มีการดักทางหนี พออเมริกาหนีพ้น จีนก็ไช้กลยุทธซ้ำเดิมอีกครั้ง ที่จริงกลยุทธจีนนะดีมาก เพราะถ้าจีนไช้แผนตั้งรับต้องแย่แน่ เพราะอเมริกา มีรถถัง ปืนไหญ่ และเครื่องบินจำนวนมาก ส่วนจีนมีแต่ปืนกล ปืนไรเฟิล และ ปืนครก และที่จีนโจมตี ไม่ไช่เพราะไครเป็นเพราะแมคอาเทอร์ครับ แมคอาเทอร์สั่งไห้ทิ้งระเบิดไส่จีน โทษฐานที่ส่งความช่วยเหลือไห้เกาหลีเหนือ ซึ่งรัฐบาลจีนขอไห้หยุดแล้วก็ไม่ยอม คิดว่ากองทัพจีนเป็นกองทัพขยะ แถมตอนบุกก็ดันรักสบาย บุกไปทางถนนที่มีอยู่เส้นเดียว จีนมันก็ดักได้อะสิ พอสุ้แพ้ก็ขอไห้ทิ้งนิวเคลียร์อีก ไม่สนหัวอกประชาชนตาดำๆเลยแย่มาก ดีที่ไอเซนฮาวด์ไม่ยอม

   ส่วนรัสเซีย ไม่เคยมีทหารเหนือกว่า 10 ต่อ 1 ทางยุทธศาสตร์ แต่อาจจะเหนือกว่า 10 ต่อ 1 จริง ณ จุดเข้าตี แต่ก็น่าจะน้อยครั้งมากที่จริงทหาร รัสเซีย 3 คน ก็เอาชนะทหารเยอรมัน 2 คนได้ในฤดูร้อน เช่นที่เคิร์ก

   การเหนือกว่าณ จุดเข้าตีไม่ได้หมายความว่าจะส่งทหารไปตายเท่าไรก็ได้ ตรงข้ามมันจะทำไห้สูญเสียทหารในการตีน้อยที่สุด เช่นเรามีปืนไหญ่ รถถัง และเครื่องบิน เหนือกว่า ณ จุดเข้าตี เราก็ทิ้งระเบิดกับยิงปืนไหญ่ปูพรม แล้วค่อยส่งกองรถถังไปยึด จะทำไห้เสียทหารน้อยกว่าที่เราส่งกำลังรบไปก้ำกึ่งกับฝ่ายตรงข้ามและต้องรบยืดเยื้อ  นอกจากเราตีจุดที่มั่นไห้หักแล้ว ยังควรขยายผลการรบอีก คือ ต้องโอบล้อมกองกำลังศัตรู หรือทลวงไปไห้ลึกที่สุด ก่อนที่ศัตรูจะสร้างแนวตั้งรับขึ้นมาไหม่ บลิซครีก หรือ ดีพ แบทเทิ่ล ก็ไช้หลักการนี้
 
   คุณมะขึ่นที่อ่านข้อความของคุณมา น่าจะศึกษาวิชาทหารมารึเปล่าครับ เพราะหลักการตั้งรับแบบหน่วงค่อนข้างละเอียดมาก ของผมจะอ่านๆจากประวัติศาสตร์และวิเคราะห์เอาเองนะครับ ไม่ได้เรียนมาเฉพาะ
   การบุกต้องเหนือกว่า 3 ต่อ 1  เป็นหลักกว้างๆทางการทหารนะครับ ว่าการบุกต้องไช้กำลังคนเข้าเพื่อชดเชยการเสียเปรียบทางชัยภูมิ แต่ก็มีปัจจัยอื่นๆด้วย เช่น ทหารคุณเหนือกว่า 10 ต่อ 1 เป็นทหารราบ ก็ไม่ควรบุกเพราะจะโดนปืนกลหรอยหมด
แต่ถ้าคุณมีทหาร  1 ต่อ 1  ต่อฝ่ายตรงข้าม แต่ครองอากาศมีปืนไหญ่และรถถัง ก็บุกได้ โดยทิ้งระเบิดปูพรมกดดันไห้ถอย แล้วเราเอากองรถถังดาหน้าไปพร้อมทหารราบก็พอไหว ชัยภูมิฝ่ายตั้งรับก็สำคัญ เช่นแนวป้องกันถูกสร้างมานาน รวมทั้งมีการพรางที่ดี เช่นอิโรจิม่า อันนี้บุกยากมาก ขนาดอเมริกามี 5ต่อ1 เหนือกว่าทั้งกำลังทางอากาศ รถถัง และปืนไหญ่ยังยาก 

     ที่ว่าเหนือกว่า 3 ต่อ 1 หมายถึงเหนือกว่า ณ จุดเข้าตีนะครับ คือ ต่อไห้คุณมีทหารน้อยกว่า แต่คุณลวงฝ่ายตรงข้ามว่าจะตีจุด a แล้วตีจริงจุด b ฝ่ายตรงข้ามมีกำลังป้องกันจุด b น้อยมากคุณก็เหนือกว่า ณ จุดเข้าตีได้ มองโกล เยอรมัน หรือโซเวียต อเมริกา ก็ไช้กลยุทธลวงเพื่อความเหนือกว่า ณ จุดเข้าตีทั้งนั้น ส่วนอเล็กซานเดอร์เป้นการรบในที่โล่งครับ ไม่ได้เป็นการตีหักแนวตั้งรับ

      ที่ว่าจีนกับรัสเซียไช้ทหารเหนือกว่า 10 ต่อ 1 เป็นประวัติศาสตร์ยุคสงครามเย็นนะครับ มีจุดประสงค์เพื่อดีสเครดิต ที่จริง ตอนสงครามเกาหลี จีนเป็นต่อแค่ 2 ต่อ 1 แถมยังถูกหิมะกัดทั้งทัพเพราะอุปกกรณ์ฤดูหนาวไม่พอ แต่ไช้การพรางและการรบกลางคืน โจมตีหลายๆทางสร้างความประหลาดใจไห้ทหารอเมริกัน เปิดการรบไห้เกิดขึ้นระยะประชิดที่สุด มีการดักทางหนี พออเมริกาหนีพ้น จีนก็ไช้กลยุทธซ้ำเดิมอีกครั้ง ที่จริงกลยุทธจีนนะดีมาก เพราะถ้าจีนไช้แผนตั้งรับต้องแย่แน่ เพราะอเมริกา มีรถถัง ปืนไหญ่ และเครื่องบินจำนวนมาก ส่วนจีนมีแต่ปืนกล ปืนไรเฟิล และ ปืนครก และที่จีนโจมตี ไม่ไช่เพราะไครเป็นเพราะแมคอาเทอร์ครับ แมคอาเทอร์สั่งไห้ทิ้งระเบิดไส่จีน โทษฐานที่ส่งความช่วยเหลือไห้เกาหลีเหนือ ซึ่งรัฐบาลจีนขอไห้หยุดแล้วก็ไม่ยอม คิดว่ากองทัพจีนเป็นกองทัพขยะ แถมตอนบุกก็ดันรักสบาย บุกไปทางถนนที่มีอยู่เส้นเดียว จีนมันก็ดักได้อะสิ พอสุ้แพ้ก็ขอไห้ทิ้งนิวเคลียร์อีก ไม่สนหัวอกประชาชนตาดำๆเลยแย่มาก ดีที่ไอเซนฮาวด์ไม่ยอม

   ส่วนรัสเซีย ไม่เคยมีทหารเหนือกว่า 10 ต่อ 1 ทางยุทธศาสตร์ แต่อาจจะเหนือกว่า 10 ต่อ 1 จริง ณ จุดเข้าตี แต่ก็น่าจะน้อยครั้งมากที่จริงทหาร รัสเซีย 3 คน ก็เอาชนะทหารเยอรมัน 2 คนได้ในฤดูร้อน เช่นที่เคิร์ก

   การเหนือกว่าณ จุดเข้าตีไม่ได้หมายความว่าจะส่งทหารไปตายเท่าไรก็ได้ ตรงข้ามมันจะทำไห้สูญเสียทหารในการตีน้อยที่สุด เช่นเรามีปืนไหญ่ รถถัง และเครื่องบิน เหนือกว่า ณ จุดเข้าตี เราก็ทิ้งระเบิดกับยิงปืนไหญ่ปูพรม แล้วค่อยส่งกองรถถังไปยึด จะทำไห้เสียทหารน้อยกว่าที่เราส่งกำลังรบไปก้ำกึ่งกับฝ่ายตรงข้ามและต้องรบยืดเยื้อ  นอกจากเราตีจุดที่มั่นไห้หักแล้ว ยังควรขยายผลการรบอีก คือ ต้องโอบล้อมกองกำลังศัตรู หรือทลวงไปไห้ลึกที่สุด ก่อนที่ศัตรูจะสร้างแนวตั้งรับขึ้นมาไหม่ บลิซครีก หรือ ดีพ แบทเทิ่ล ก็ไช้หลักการนี้
 
   คุณมะขึ่นที่อ่านข้อความของคุณมา น่าจะศึกษาวิชาทหารมารึเปล่าครับ เพราะหลักการตั้งรับแบบหน่วงค่อนข้างละเอียดมาก ของผมจะอ่านๆจากประวัติศาสตร์และวิเคราะห์เอาเองนะครับ ไม่ได้เรียนมาเฉพาะ

ขอบคุณมากครับ ได้ยินว่าทหารจีนเข้าตีในเกาหลีโฉ่งฉ่างเหมือนกัน เห็นที่มิวเซียม USMC มีแตรอันนึงยึดมา เขาว่าทหารจียเป่าโชว์ก่อนเวลาเข้าตี
บันทึกการเข้า

Thou shalt have guns.
Thou shalt have tons of ammo.
Thou shalt shoot well.
Thou shalt not rely on help from the stranger.
INFANTRY - LONG LIVE THE KING
Full Member
***

คะแนน 121
ออฟไลน์

กระทู้: 185


« ตอบ #308 เมื่อ: ตุลาคม 05, 2007, 11:08:35 AM »

ผมติดตามกระทู้นี้มาตั้งแต่ต้น น่าสนใจและได้ความรู้เพิ่มขึ้นมากเลยครับ
ผมขออนุญาตแสดงความคิดเห็น ในมุมมองของผม ผิดถูกประการใดลองพิจารณาดูครับ
ในการถอย ไม่ว่าจะเป็นการถอนตัวภายใต้ความกดดัน หรือการถอนตัวนอกความกดดัน รวมทั้งการรบหน่วงเวลา จะมีการทำแผนรองรับเสมอ จะอยู่ในรูปของ แผนเผชิญเหตู หรือแผนสมบูรณ์ก็ตาม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ หรือผลลัพย์ที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็น การยอมเสียพื้นที่เพื่อแลกกับเวลา การออมกำลังโดยนำกำลังจากพื้นที่หนึ่ง ไปใช้ในอีกพื้นที่หนึ่ง หรือการผละออกจากข้าศึก เป็นต้น ตรงนี้จะเป็นตัวกำหนดรูปของการปฎิบัติ ซึ่งจะมีปัจจัย รายละเอียด และมาตราการควบคุมค่อนข้างมาก ที่สำคัญ ผบช.จะแจ้งให้กำลังพลของตนเองทราบ ถึงรูปแบบของการปฎิบัติ และวัตถุประสงค์ ซึ่งการถอย ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด ไม่ใช่ การหนี 
แต่ถ้าฝ่ายตรงข้ามอ่านออก ใช้หน่วยที่มีความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่สูง ทำการโอบล้อมก็จบครับ

ส่วนในเรื่อง เทียร์อ๊อฟเดอะซัน น่าจะเป็น การถอนตัวภายใต้สภาพความกดดัน  โดยใช้เทคนิคของการรบหน่วงเวลาครับ

ในเรื่องอัตราส่วนของกำลังที่พวกเราพูดถึง ในทางการทหารคือ อำนาจกำลังรบเปรียบเทียบครับ
การเปรียบเทียบจะกระทำในหลายมิติ ทั้งที่เป็นรูปธรรม และไม่เป็นรูปธรรม โดยมีค่าของการเปรียบเทียบที่แตกต่างกัน
ที่เป็นรูปธรรม จะเปรียบเทียบหน่วยกำลังรบต่อหน่วยกำลังรบ หน่วยสนับสนุนการรบต่อหน่วยสนับสนุนการรบด้วยกัน
ที่ไม่เป็นรูปธรรม เช่น สภาพขวัญของกำลังรบ ความสามารถของกำลังรบและตัวผบช. เป็นต้น

ไม่ใช่การเปรียบเทียบเป็นจำนวนคนอย่างที่เข้าใจ

อำนาจกำลังรบเปรียบเทียบ เป็นสิ่งสำคัญมาก และเป็นตัวกำหนดรูปแบบการปฎิบัติของหน่วย ดังนั้นจะต้องกระทำอยู่ตลอดเวลา ถ้าเปรียบเทียบผิด หรือไม่ใกล้เคียงความเป็นจริง ก็จะส่งผลเสียต่อการรบ และเราก็เห็นมาแล้วในหลายสมรภูมิ
จะเห็นได้ว่า ในบางการรบ ฝ่ายที่มีกำลังพลน้อยกว่า แต่สามารถเอาชนะในการรบได้ เนื่องจากชดเชยด้วยอำนาจกำลังรบในส่วนอื่น

ด้วยความเคารพครับ.....
บันทึกการเข้า

" ขอรองบาท   ราชวงศ์   พงษ์จักรี
    จนชีวี          สูญสิ้น     ดินกลบกาย "

 " การป้องกันประเทศ  และพิทักษ์ราชบัลลังภ์
    จะต้องชนะหรือตายเท่านั้น  จะแพ้ไม่ได้เป็นอันขาด"
มะขิ่น
Hero Member
*****

คะแนน 2453
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17813


"ทหารแก่ไม่มีวันตาย แต่จะค่อยๆเลือนหายไป"


« ตอบ #309 เมื่อ: ตุลาคม 05, 2007, 12:49:01 PM »

ผมถึงไม่กล่าวอย่างละเอียดไง สำหรับหลักการรบด้วยวิธีร่นถอย..............เพราะถ้ากางตำรากันก็ปึกใหญ่ๆ เป็นสิบเล่ม.............ถ้านั่งถกปัญหาวางแผนกันก็เป็นวันๆ

เอามาเสนอในบอร์ดก็พิมพ์กันมือหงิก..............และต้องลงรายละเอียดลึกมาก

ถกกันแค่ อำนาจกำลังรบทั้งสองฝ่าย ก็หัวบานแล้ว............

เอาคร่าวๆ พอรู้เป็นน้ำจิ้มกันก็พอ

อย่งตัวอย่างของท่านทหารราบนี้.............เป็นแค่กระบวนการวิเคราะห์ภารกิจการรบแบบวิธีร่นถอยเล็กๆน้อยๆ เป็น"สังเขป"เท่านั้น ซึ่งถ้ายกมาหมด ท่านทหารราบพิมพ์มือหงิกแน่ๆ

ผมติดตามกระทู้นี้มาตั้งแต่ต้น น่าสนใจและได้ความรู้เพิ่มขึ้นมากเลยครับ
ผมขออนุญาตแสดงความคิดเห็น ในมุมมองของผม ผิดถูกประการใดลองพิจารณาดูครับ
ในการถอย ไม่ว่าจะเป็นการถอนตัวภายใต้ความกดดัน หรือการถอนตัวนอกความกดดัน รวมทั้งการรบหน่วงเวลา จะมีการทำแผนรองรับเสมอ จะอยู่ในรูปของ แผนเผชิญเหตู หรือแผนสมบูรณ์ก็ตาม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ หรือผลลัพย์ที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็น การยอมเสียพื้นที่เพื่อแลกกับเวลา การออมกำลังโดยนำกำลังจากพื้นที่หนึ่ง ไปใช้ในอีกพื้นที่หนึ่ง หรือการผละออกจากข้าศึก เป็นต้น ตรงนี้จะเป็นตัวกำหนดรูปของการปฎิบัติ ซึ่งจะมีปัจจัย รายละเอียด และมาตราการควบคุมค่อนข้างมาก ที่สำคัญ ผบช.จะแจ้งให้กำลังพลของตนเองทราบ ถึงรูปแบบของการปฎิบัติ และวัตถุประสงค์ ซึ่งการถอย ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด ไม่ใช่ การหนี 
แต่ถ้าฝ่ายตรงข้ามอ่านออก ใช้หน่วยที่มีความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่สูง ทำการโอบล้อมก็จบครับ

ส่วนในเรื่อง เทียร์อ๊อฟเดอะซัน น่าจะเป็น การถอนตัวภายใต้สภาพความกดดัน  โดยใช้เทคนิคของการรบหน่วงเวลาครับ

ในเรื่องอัตราส่วนของกำลังที่พวกเราพูดถึง ในทางการทหารคือ อำนาจกำลังรบเปรียบเทียบครับ
การเปรียบเทียบจะกระทำในหลายมิติ ทั้งที่เป็นรูปธรรม และไม่เป็นรูปธรรม โดยมีค่าของการเปรียบเทียบที่แตกต่างกัน
ที่เป็นรูปธรรม จะเปรียบเทียบหน่วยกำลังรบต่อหน่วยกำลังรบ หน่วยสนับสนุนการรบต่อหน่วยสนับสนุนการรบด้วยกัน
ที่ไม่เป็นรูปธรรม เช่น สภาพขวัญของกำลังรบ ความสามารถของกำลังรบและตัวผบช. เป็นต้น

ไม่ใช่การเปรียบเทียบเป็นจำนวนคนอย่างที่เข้าใจ

อำนาจกำลังรบเปรียบเทียบ เป็นสิ่งสำคัญมาก และเป็นตัวกำหนดรูปแบบการปฎิบัติของหน่วย ดังนั้นจะต้องกระทำอยู่ตลอดเวลา ถ้าเปรียบเทียบผิด หรือไม่ใกล้เคียงความเป็นจริง ก็จะส่งผลเสียต่อการรบ และเราก็เห็นมาแล้วในหลายสมรภูมิ
จะเห็นได้ว่า ในบางการรบ ฝ่ายที่มีกำลังพลน้อยกว่า แต่สามารถเอาชนะในการรบได้ เนื่องจากชดเชยด้วยอำนาจกำลังรบในส่วนอื่น

ด้วยความเคารพครับ.....

อยากคุยกันเรื่องยุทธวิธีมันๆ นัดมาสิครับ ทานข้าวกัน ........ รับรองคุยกันได้ทั้งคืน Grin
บันทึกการเข้า

อย่าดึงฟ้าต่ำ  อย่าทำหินแตก  อย่าแยกแผ่นดิน
Zeus-รักในหลวง
อะฮู้.....ไฮยีน่าก็เป็นแมวนะคราบบบ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 817
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10983


I'm going to make him an offer that he can't refus


« ตอบ #310 เมื่อ: ตุลาคม 05, 2007, 12:57:20 PM »

ผมถึงไม่กล่าวอย่างละเอียดไง สำหรับหลักการรบด้วยวิธีร่นถอย..............เพราะถ้ากางตำรากันก็ปึกใหญ่ๆ เป็นสิบเล่ม.............ถ้านั่งถกปัญหาวางแผนกันก็เป็นวันๆ

เอามาเสนอในบอร์ดก็พิมพ์กันมือหงิก..............และต้องลงรายละเอียดลึกมาก

ถกกันแค่ อำนาจกำลังรบทั้งสองฝ่าย ก็หัวบานแล้ว............

เอาคร่าวๆ พอรู้เป็นน้ำจิ้มกันก็พอ

อย่งตัวอย่างของท่านทหารราบนี้.............เป็นแค่กระบวนการวิเคราะห์ภารกิจการรบแบบวิธีร่นถอยเล็กๆน้อยๆ เป็น"สังเขป"เท่านั้น ซึ่งถ้ายกมาหมด ท่านทหารราบพิมพ์มือหงิกแน่ๆ

ผมติดตามกระทู้นี้มาตั้งแต่ต้น น่าสนใจและได้ความรู้เพิ่มขึ้นมากเลยครับ
ผมขออนุญาตแสดงความคิดเห็น ในมุมมองของผม ผิดถูกประการใดลองพิจารณาดูครับ
ในการถอย ไม่ว่าจะเป็นการถอนตัวภายใต้ความกดดัน หรือการถอนตัวนอกความกดดัน รวมทั้งการรบหน่วงเวลา จะมีการทำแผนรองรับเสมอ จะอยู่ในรูปของ แผนเผชิญเหตู หรือแผนสมบูรณ์ก็ตาม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ หรือผลลัพย์ที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็น การยอมเสียพื้นที่เพื่อแลกกับเวลา การออมกำลังโดยนำกำลังจากพื้นที่หนึ่ง ไปใช้ในอีกพื้นที่หนึ่ง หรือการผละออกจากข้าศึก เป็นต้น ตรงนี้จะเป็นตัวกำหนดรูปของการปฎิบัติ ซึ่งจะมีปัจจัย รายละเอียด และมาตราการควบคุมค่อนข้างมาก ที่สำคัญ ผบช.จะแจ้งให้กำลังพลของตนเองทราบ ถึงรูปแบบของการปฎิบัติ และวัตถุประสงค์ ซึ่งการถอย ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด ไม่ใช่ การหนี 
แต่ถ้าฝ่ายตรงข้ามอ่านออก ใช้หน่วยที่มีความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่สูง ทำการโอบล้อมก็จบครับ

ส่วนในเรื่อง เทียร์อ๊อฟเดอะซัน น่าจะเป็น การถอนตัวภายใต้สภาพความกดดัน  โดยใช้เทคนิคของการรบหน่วงเวลาครับ

ในเรื่องอัตราส่วนของกำลังที่พวกเราพูดถึง ในทางการทหารคือ อำนาจกำลังรบเปรียบเทียบครับ
การเปรียบเทียบจะกระทำในหลายมิติ ทั้งที่เป็นรูปธรรม และไม่เป็นรูปธรรม โดยมีค่าของการเปรียบเทียบที่แตกต่างกัน
ที่เป็นรูปธรรม จะเปรียบเทียบหน่วยกำลังรบต่อหน่วยกำลังรบ หน่วยสนับสนุนการรบต่อหน่วยสนับสนุนการรบด้วยกัน
ที่ไม่เป็นรูปธรรม เช่น สภาพขวัญของกำลังรบ ความสามารถของกำลังรบและตัวผบช. เป็นต้น

ไม่ใช่การเปรียบเทียบเป็นจำนวนคนอย่างที่เข้าใจ

อำนาจกำลังรบเปรียบเทียบ เป็นสิ่งสำคัญมาก และเป็นตัวกำหนดรูปแบบการปฎิบัติของหน่วย ดังนั้นจะต้องกระทำอยู่ตลอดเวลา ถ้าเปรียบเทียบผิด หรือไม่ใกล้เคียงความเป็นจริง ก็จะส่งผลเสียต่อการรบ และเราก็เห็นมาแล้วในหลายสมรภูมิ
จะเห็นได้ว่า ในบางการรบ ฝ่ายที่มีกำลังพลน้อยกว่า แต่สามารถเอาชนะในการรบได้ เนื่องจากชดเชยด้วยอำนาจกำลังรบในส่วนอื่น

ด้วยความเคารพครับ.....

อยากคุยกันเรื่องยุทธวิธีมันๆ นัดมาสิครับ ทานข้าวกัน ........ รับรองคุยกันได้ทั้งคืน Grin
ไปด้วยครับพร้อมยุทธปัจจัย 1 ขวด Grin
บันทึกการเข้า

“A fear of weapons is a sign of retarded sexual and
emotional maturity.”
- Sigmund Freud

“ความกลัวอาวุธคือสัญญาณของความถดถอยทางเพศและวุฒิภาวะทางอารมณ์”
- ซิกมุนด์ ฟรอยด์
มะขิ่น
Hero Member
*****

คะแนน 2453
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17813


"ทหารแก่ไม่มีวันตาย แต่จะค่อยๆเลือนหายไป"


« ตอบ #311 เมื่อ: ตุลาคม 05, 2007, 01:02:41 PM »

ขออนุญาตนอกเรื่อง WW II นิดหนึ่ง........

ในเรื่องหลักนิยมการเข้าตีของกองทัพแดงโซเวียต...........ที่ผมกล่าวว่า โซเวียตต้องสถาปนากำลังรบให้เหนือกว่าฝ่ายตรงข้าม ตั้งแต่ 8- 13 ต่อ 1 นั้น..............เป็นการปรับหลักนิยมของกองทัพแดงในการยุทธแบบ Air Land Battle...........ที่ใช้การจัดกำลังการเข้าตีเป็นระลอก 3-4 ระลอก

ซึ่ง ณ เวลานั้น กองทัพโซเวียต มีกำลังรบ ประมาณนี้(อาจคลาดเคลื่อนเพราะผมใช้จำเอา ไม่ได้เปิดตำรา)

151 กองพลทหารราบยานยนต์

72 กองพล ทหารราบยานเกราะ

54 กองพลรถถัง

13 กองพลเคลื่อนที่ทางอากาศ

64 กองพลปืนใหญ่สนาม

18 กองพลโจมตีทางอากาศ(ฮ.โจมตี)

กำลังเหล่านี้หากสนธิเป็นกองทัพสนาม จะจัดลักษณะนี้ คือ 5-6 กองพลทหารราบยานยนต์  2-3 กองพลทหารราบยานเกราะ 2-3 กองพลรถถัง 3-6 กองพลปืนใหญ่สนาม 1-2 กองพลเคลื่อนที่ทางอากาศ 2-3 กองพลโจมตีทางอากาศ........ต่อ 1 กองทัพสนาม



ระลอกการเข้าตีของโซเวียต แบบ Air Land Battle...........หากเข้าตีทหารฝ่ายตรงข้ามหากตั้งรับอยู่ 1 กองพลทหารราบ..............โซเวียตตอนนั้น จะเข้าตีด้วยกำลังอย่างน้อย ไม่ต่ำกว่า 2 กองทัพสนาม .........จัดระลอกการเข้าตีไม่ต่ำกว่า 3 ระลอกๆละ 3-4 กองพลแบบต่างๆ...........

อเมริกาทราบเรื่องนี้ดี ............ซึ่งขณะนั้น มีการวิเคราะห์แล้วว่า หากโซเวียตเข้าตีอเมริกาๆ จะยันระลอกแรกได้ไม่เกิน 20 นาที.............ฮ.โจมตีแบบ Cobra จึงได้กำเนิดขึ้นและพัฒนาไปถึง Apache ..........และพัฒนาต่อให้ทันสมัยสูงสุด.............เพื่อทำลายยานยนต์ในการเคลื่อนที่ให้เร็วที่สุดและมากที่สุด

ข้อมูลนี้ ผมเรียนมาครับ.............
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 05, 2007, 01:08:31 PM โดย มะขิ่น » บันทึกการเข้า

อย่าดึงฟ้าต่ำ  อย่าทำหินแตก  อย่าแยกแผ่นดิน
INFANTRY - LONG LIVE THE KING
Full Member
***

คะแนน 121
ออฟไลน์

กระทู้: 185


« ตอบ #312 เมื่อ: ตุลาคม 05, 2007, 01:55:53 PM »

ขอบคุณพี่มะขิ่นมากครับ....

ด้วยความเคารพครับ....
บันทึกการเข้า

" ขอรองบาท   ราชวงศ์   พงษ์จักรี
    จนชีวี          สูญสิ้น     ดินกลบกาย "

 " การป้องกันประเทศ  และพิทักษ์ราชบัลลังภ์
    จะต้องชนะหรือตายเท่านั้น  จะแพ้ไม่ได้เป็นอันขาด"
Don Quixote
Only God delivers the judgement, we only deliver the suspects.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 987
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16169


,=,"--- X Santiago... !!


เว็บไซต์
« ตอบ #313 เมื่อ: ตุลาคม 05, 2007, 02:02:57 PM »

ขอถามพี่ๆ ต่อครับ การประมาณ "อำนาจกำลังรบ" คิดปัจจัยอะไรบ้างครับ? นึกเล่นๆ น่าจะ

1. กำลังคน
2. อำนาจอาวุธ
3. อำนาจการเคลื่อนที่
4. ความได้เปรียบจากพื้นที่ควบคุม
5. การสนับสนุนจากระยะไกล
6. ระยะเวลาที่จะปฏิบัติการได้
7. ความพร้อมในการเคลื่อนที่เข้าที่ตั้งใหม่/เข้ารวมกับกองกำลังอื่นๆ

??
บันทึกการเข้า

Thou shalt have guns.
Thou shalt have tons of ammo.
Thou shalt shoot well.
Thou shalt not rely on help from the stranger.
มะขิ่น
Hero Member
*****

คะแนน 2453
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17813


"ทหารแก่ไม่มีวันตาย แต่จะค่อยๆเลือนหายไป"


« ตอบ #314 เมื่อ: ตุลาคม 05, 2007, 03:07:09 PM »

ขอถามพี่ๆ ต่อครับ การประมาณ "อำนาจกำลังรบ" คิดปัจจัยอะไรบ้างครับ? นึกเล่นๆ น่าจะ

1. กำลังคน
2. อำนาจอาวุธ
3. อำนาจการเคลื่อนที่
4. ความได้เปรียบจากพื้นที่ควบคุม
5. การสนับสนุนจากระยะไกล
6. ระยะเวลาที่จะปฏิบัติการได้
7. ความพร้อมในการเคลื่อนที่เข้าที่ตั้งใหม่/เข้ารวมกับกองกำลังอื่นๆ

??

ขอนึกก่อนครับ ...........

อำนาจกำลังรบ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

อำนาจกำลังรบที่มีตัวตน.........ได้แก่

1. ทหาร.......... การจัดกำลัง
2. อาวุธยุทโปกรณ์........อาวุธต่างๆ ยานยนต์ ยานเกราะ อากาศยาน เรือรบฯลฯ
3. ระบบการส่งกำลังบำรุง  ........... อาหาร เสื้อผ้า อุปกรณ์ อาวุธกระสุน วัตถุระเบิด น้ำมัน อะไหล่ ฯลฯ รวมทั้งการขนส่ง และ ระบบการผลิต
4. การติดต่อสื่อสารทั้งปวง
5. ระบบกำลังสำรอง
6. ภาคอุตสาหกรรมที่เป็นยุทธปัจจัยต่างๆ เช่น น้ำมัน อาหาร อุปกรณ์ต่างๆ
7. ระบบเศรษฐกิจการคลังของประเทศ

ฯลฯ

อำนาจกำลังรบที่ไม่มีตัวตน..ได้แก่

1. ขวัญ
2. ขีดความสามารถของตัวทหาร
3. การสนับสนุนร่วมแรงร่วมใจจากประชาชน
ฯลฯ

ยังไม่รวมชาติพันธมิตรด้วย .............

นึกได้แค่นี้ครับ..........
บันทึกการเข้า

อย่าดึงฟ้าต่ำ  อย่าทำหินแตก  อย่าแยกแผ่นดิน
หน้า: 1 ... 18 19 20 [21] 22 23 24 ... 64
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.103 วินาที กับ 18 คำสั่ง