เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 13, 2025, 05:25:25 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 30 31 32 [33] 34 35 36 ... 64
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: มาเล่าเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 2 กันครับ  (อ่าน 316087 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Charoon รักในหลวงครับ
ลิขิตฟ้า หรือจะสู้มานะตน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1044
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12332


เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือคนรักกัน


เว็บไซต์
« ตอบ #480 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2007, 03:25:44 AM »

แรกเริ่ม จอมพล ป. พิบูลสงคราม ยังมิได้มียศจอมพล แต่มียศเพียงพลตรี แต่ได้ขอพระราชทานยศจอมพล จากรัชกาลที่ 8
โดยไม่ผ่านยศพลโท และพลเอก ก่อนสงครามจะสงบไม่นาน ทั้งนี้ กล่าวกันว่าเป็นสงครามจิตวิทยาที่ทางไทยทำกับญี่ปุ่น
ด้วยนายทหารระดับสูงของญี่ปุ่น เช่น อาเคโตะ นากามูระ ผู้บัญชาการทหารญี่ปุ่นในไทย ก็มียศเพียงพลโท
และ ฮิเดกิ โตโจ นายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการสูงสุดของญี่ปุ่นก็มียศพลเอก เท่านั้น
บันทึกการเข้า

"สิ่งที่ควรทำคือความดี สิ่งที่ควรมีคื่อคุณธรรม สิ่งที่ควรจำคือผู้มีrระคุณ"
Charoon รักในหลวงครับ
ลิขิตฟ้า หรือจะสู้มานะตน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1044
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12332


เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือคนรักกัน


เว็บไซต์
« ตอบ #481 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2007, 03:27:39 AM »

ระหว่างสงคราม จอมพล ป. ได้ออกกฎหมายโอนที่ดินและซื้อที่ดินหลายส่วนทำเป็นสถานที่ราชการ เช่น บ้านนรสิงห์
ของเจ้าพระยารามราฆพ (ม.ล.เฟื้อ พึ่งบุญ) ทำเป็นทำเนียบรัฐบาล และบ้านบรรมทมสินธิ์ของเจ้าพระยาอนุรุทธเทวา
(ม.ล.ฟื้น พึ่งบุญ) เป็นบ้านพิษณุโลกเพื่อเป็นบ้านพักนายกรัฐมนตรีและต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ซึ่งบุคคลแรกที่ได้พำนักที่บ้านพิษณุโลกในฐานะแขกของรัฐบาลไทย คือ พลเอกฮิเดกิ โตโจ
นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นนั่นเอง ซึ่งภายหลังสงครามทางญี่ปุ่นถือว่าจอมพล ป. เป็นผู้มีบุญคุณต่อญี่ปุ่น
ที่ยอมให้กองทัพญี่ปุ่นผ่านเข้ามาในประเทศเป็นการป้องกันมิให้ทหารญี่ปุ่นต้องสูญเสียไปมากกว่านี้
และได้ให้การดูแลอย่างดีเยี่ยม หลังที่จอมพล ป. ได้ลี้ภัยการเมืองหลังจากรัฐประหาร ในปี พ.ศ. 2500
โดย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
บันทึกการเข้า

"สิ่งที่ควรทำคือความดี สิ่งที่ควรมีคื่อคุณธรรม สิ่งที่ควรจำคือผู้มีrระคุณ"
Charoon รักในหลวงครับ
ลิขิตฟ้า หรือจะสู้มานะตน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1044
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12332


เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือคนรักกัน


เว็บไซต์
« ตอบ #482 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2007, 06:36:38 PM »



วันที่ ๒๔ มกราคม พ.ศ.๒๔๘๔ ในกรณีพิพาทอินโดจีนฝรั่งเศส (พ.ศ.๒๔๘๓- ๒๔๘๔) กองทัพอากาศ ได้ส่งเครื่องบินขับไล่แบบที่ ๙ (ฮอร์ค ๒) จำนวน ๓ เครื่อง ขึ้นบินลาดตระเวนรักษาเขต โดยมี เรืออากาศเอก เฉลิมเกียรติ วัฒนางกูร เป็นหัวหน้าหมู่บิน ขณะปฏิบัติภารกิจอยู่บริเวณบ้านยาง อำเภออรัญประเทศ พบเครื่องบินทิ้งลาดตระเวนของข้าศึกแบบโปเตซ์ ๒๕ จำนวน ๑ เครื่อง และเครื่องบินขับไล่แบบโมราน ๔๐๖ จำนวน ๓ เครื่อง เรืออากาศเอก เฉลิมเกียรติ ฯ จึงนำหมู่บินเข้าสกัดกั้นและยิงเครื่องบินลาดตระเวนของข้าศึกตก

บันทึกการเข้า

"สิ่งที่ควรทำคือความดี สิ่งที่ควรมีคื่อคุณธรรม สิ่งที่ควรจำคือผู้มีrระคุณ"
Charoon รักในหลวงครับ
ลิขิตฟ้า หรือจะสู้มานะตน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1044
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12332


เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือคนรักกัน


เว็บไซต์
« ตอบ #483 เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2007, 06:50:08 PM »



วันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๘๔ เวลาเช้ามืด ญี่ปุ่นเปิดฉากสงครามมหาเอเชียบูรพา โดยการยกพลขึ้นบกบริเวณอ่าวมะนาว จังหวัดประจวบคีรีชันธ์ เกิดปะทะกับกำลังฝ่ายทหารและพลเรือนของกองบินพลเรือนของกองบินน้อยที่ ๕ ซึ่งทำการต่อสู้เพื่อป้องกันการบุกกรุกของข้าศึกอย่างกล้าหาญจนต้องสูญฯเสียกำลังพลทั้งทหารและพลเรือนจำนวน ๔๒ คน
บันทึกการเข้า

"สิ่งที่ควรทำคือความดี สิ่งที่ควรมีคื่อคุณธรรม สิ่งที่ควรจำคือผู้มีrระคุณ"
Charoon รักในหลวงครับ
ลิขิตฟ้า หรือจะสู้มานะตน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1044
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12332


เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือคนรักกัน


เว็บไซต์
« ตอบ #484 เมื่อ: พฤศจิกายน 22, 2007, 08:11:58 PM »


วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๘๗ ในสงครามมหาเอเชียบูรพา (พ.ศ.๒๔๘๔-๒๔๘๘) ข้าศึกได้ส่งเครื่องบินแบบพี-๕๑ มัสแตง ๙ เครื่อง และพี-๓๘ ไลท์นิ่ง ๗ เครื่อง รวม ๑๖ เครื่อง เข้าโจมตีนครลำปาง กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่แบบ ๑๒ (โอตะ) จำนวน ๕ เครื่อง ขึ้นบินสกัดกั้นและต่อสู้อย่างกล้าหาญ แต่ในที่สุดต้องสูญเสียเครื่องบินทั้ง ๕ เครื่อง นักบินเสียชีวิต ๑ คน และบาดเจ็บ ๔ คน ในขณะที่ยิงเครื่องบิน พี-๕๑ ตก ๑ เครื่อง โดยเรืออากาศตรี คำรบ เปล่งขำ และ พี-๓๘ เครื่องหนึ่งเสียหายมาก

บันทึกการเข้า

"สิ่งที่ควรทำคือความดี สิ่งที่ควรมีคื่อคุณธรรม สิ่งที่ควรจำคือผู้มีrระคุณ"
Charoon รักในหลวงครับ
ลิขิตฟ้า หรือจะสู้มานะตน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1044
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12332


เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือคนรักกัน


เว็บไซต์
« ตอบ #485 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2007, 07:03:35 PM »



วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๘๗ ในสงครามมหาเอเชียบูรพา (พ.ศ.๒๔๘๔-๒๔๘๘) ฝ่ายสัมพันธ์มิตรได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดหนักแบบ B-29 จำนวน ๕๕ เครื่อง มาทิ้งระเบิดชุมทางบางซื่อ กองทัพอากาศได้ส่งเครื่องบินขับไล่แบบ ๑๓ (ฮายาบูซา) จำนวน ๗ เครื่อง ขึ้นบินสกัดกั้น และเรืออากาศเอก เทอดศักดิ์ วรทรัพย์ สามารถยิงเครื่องบิน B-29 ตก ๑ เครื่อง
บันทึกการเข้า

"สิ่งที่ควรทำคือความดี สิ่งที่ควรมีคื่อคุณธรรม สิ่งที่ควรจำคือผู้มีrระคุณ"
Charoon รักในหลวงครับ
ลิขิตฟ้า หรือจะสู้มานะตน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1044
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12332


เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือคนรักกัน


เว็บไซต์
« ตอบ #486 เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2007, 06:49:01 AM »

การ ที่ ไทย เอา ตัว รอด ได้ ทั้ง ๆ ที่ อยู่ ใน ฝ่าย ประเทศ แพ้ สงคราม นี้ ขบวน การ เสรี ไทย มี ส่วน ช่วย เหลือ เป็น อย่าง มาก ทำ ให้ ประเทศ สัมพันธมิตร โดย เฉพาะ สหรัฐอเมริกา เห็น ใจ เมือง ไทย ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช อัครราชทูต ไทย ประจำ สหรัฐอเมริกา ได้ ประท้วง การ ประกาศ สงคราม ของ รัฐบาล ไทย และ ได้ รวบ รวม คน ไทย ใน สหรัฐอเมริกา ขึ้น เป็น ขบวน การ เสรี ไทย ต่อ ต้าน ญี่ปุ่น
ใน อังกฤษ ก็ มี ขบวน การ เสรี ไทย เช่น เดียว กัน ติดต่อ กับ หน่วย พล พรรค ใต้ดินประเทศไทย ซึ่ง มี นาย ปรีดี พนม ยงค์ ผู้ สำเร็จ ราชการ แทน พระองค์ เป็น หัวหน้า เสรี ไทย ทั้ง หลาย เตรียม ที่ จะ จับ อาวุธ ขึ้น ต่อ สู้ กับ ญี่ปุ่น ตาม วัน เวลา ที่ นัด หมาย พร้อม ๆ กัน กำลัง ของ สัมพันธมิตร ที่ จะ รุก เข้า มา ทาง พม่า แต่ ญี่ปุ่น ได้ ยอม แพ้ เสีย ก่อน
บันทึกการเข้า

"สิ่งที่ควรทำคือความดี สิ่งที่ควรมีคื่อคุณธรรม สิ่งที่ควรจำคือผู้มีrระคุณ"
ฝุ่น-รักในหลวง
.45 8+1
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 456
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1729



เว็บไซต์
« ตอบ #487 เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2007, 11:13:05 AM »

รอติดตามต่อไปนะครับท่าน
บันทึกการเข้า

พกไปก็โดนจับ ไม่พกก็โดนจี้

http://www.glock-club.com
Charoon รักในหลวงครับ
ลิขิตฟ้า หรือจะสู้มานะตน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1044
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12332


เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือคนรักกัน


เว็บไซต์
« ตอบ #488 เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2007, 11:25:21 AM »

หลัง สงคราม โลก ครั้ง ที่ ๒ ไทย ได้ ร่วม มือ กับ ฝ่าย โลก เสรี อัน มี สหรัฐอเมริกา และ อังกฤษ เป็น หัวหน้า ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๙๓ รัฐบาล ไทย ยอม รับ ความ ช่วย เหลือ ทาง เศรษฐกิจ และ ทาง ทหาร จาก สหรัฐอเมริกา และ ใน พ.ศ. ๒๔๙๘ ก็ ได้ ร่วม มือ กับ ประเทศ อื่น ๆ รวม ๘ ประเทศ จัด ตั้ง องค์การ ป้องกัน แห่ง เอเชีย ตะวันออก เฉียง ใต้ เรียก โดย ย่อ ว่า องค์การ ซี โต หรือ สปอ. (SEATO-South East Asia Treaty Organization)
นอกจาก นั้น ไทย ยัง เป็น ภาคี สมาชิก ของ แผน การ โค ลัม โบ (Columbo Plan) ของ ประเทศ ใน เครือ จักรภพ อีก ด้วย (แผน การ โคลัมโบ เป็น โครงการ เพื่อ การ ช่วย เหลือ ซึ่ง กัน และ กัน ทาง ด้าน เท คนิค และ ด้าน เศรษฐกิจ ของ ประเทศ ใน เครือ จักรภพ เริ่ม ขึ้น เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๓ นอกจาก ประเทศ ใน เครือ จักรภพ ซึ่ง มี อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์ เป็น ตัว ตั้ง ตัว ตี ที่ จะ ช่วย เหลือ ประเทศ ที่เพิ่งได้ รับเอกราช ได้ แก่ อินเดีย ปากีสถาน และ ลังกา แล้ว ต่อมาได้ มี ประเทศ ต่าง ๆ เข้า มา สมทบ อีก คือ เขมร ลาว เวียดนาม พม่า เนปาล อินโดนีเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น เกาหลี ภูฏาน อัฟกานิสถาน หมู่ เกาะ มัล ดี ฟ และ สหรัฐอเมริกา )
บันทึกการเข้า

"สิ่งที่ควรทำคือความดี สิ่งที่ควรมีคื่อคุณธรรม สิ่งที่ควรจำคือผู้มีrระคุณ"
nosta3824382
Jr. Member
**

คะแนน 8
ออฟไลน์

กระทู้: 46


« ตอบ #489 เมื่อ: พฤศจิกายน 28, 2007, 06:28:40 AM »

  มาเล่าต่อจากบาบารอสซ่าครับ หลังจากที่กองทัพเยอรมันโดนทัพโซเวียตตีโต้จากมอสโคว ก็ได้ทำการถอยครั้งไหญ่ซึ่งตอนนั้นเป็นการถอยครั้งไหญ่ของทัพเยอรมันเป็นครั้งแรก ทัพโซเวียตได้โจมตีไล่ล่าและโอบล้อมทัพเยอรมันได้บางแห่ง แต่ถึงโดนล้อมกำลังทางอากาศที่เข้มแข็งของเยอรมันก็สามารถส่งยุทธปัจจัยได้ พอการรบดำเนินมาถึงเดือนมีนาคม ซูคอฟก็ตัดสินใจ สั่งโจมตีต่อเพื่อหน่วงเหนี่ยวทัพเยอรมันไว้ โดยซูคอฟคิดว่า ถ้าไม่โจมตี ทัพเยอรมันจะรวมตัวติดและไช้กลยุทธบลิซคลีกโจมตี ฝ่ายโซเวียตยากจะรู้ว่าการโจมตีจะเกินขึ้นที่ไหน ประกอบกับทัพรถถังและทัพฟ้าของโซเวียต ในขณะนั้นยังไม่เข้มแข็งจะทำไห้ป้องกันได้ยาก  ผลปรากฎว่าเยอรมันในขณะนั้นเริ่มตั้งตัวติดแล้ว การโจมตีของโซเวียตจึงไม่ประสบความสำเร็จทั้งยังเสียหายหนัก  มีการส่งกองทัพเยอรมันส่งมาช่วยทัพที่ถูกล้อมไว้ได้สำเร็จ

     ปฎิบัติการบลู ฮิตเลอร์สั่งโจมตีตอนไต้ของรัสเซีย ขณะนั้นทัพโซเวียตส่วนไหญ่ ประมาณ 50% ป้องกันอยู่ที่มอสโควและโดยรอบ ส่วนทางไต้นั้นมีทหารอยู่แค่ 10%เท่านั้น  ตอนนั้นสตาลินคาดการณ์ผิดว่าการโจมตีน่าจะเกิดขึ้นที่มอสโคว (น่าจะเป็นความรับผิดชอบของผู้บัญชาการระดับสูงของโซเวียตรวมทั้งซูคอฟด้วย เพราะหลังจากเกือบเสียมอสโคว สตาลินรับฟังผู้บัญชาการของตนมากขึ้น ) ผลก็คือสามารถทะลวงแนวป้องกันไปได้ไม่ยาก
 
     อิตเลอร์ได้สั่งแยกทัพเยอรมันเป็น 2 ทัพไหญ่ คือกร๊ป a และ b โดยทัพทางตอนไต้มีอิริควอนมานสไตน์ จะโจมตีเลียดทะเลดำ ส่วนทัพทางตอนเหนือที่มี พอลลัส จะโจมตีเลียดแม่น้ำโวลก้า โดยตามแผน ทัพของพอสลัสจะต้องยึดสตาลินกราดอย่างรวดเร็ว ส่วนทัพของวอนแมนสไตน์ จะบุกเข้าไปยึดแหล่งน้ำมัน และทุ่งข้าวสาลีขนาดไหญ่ที่คอเคซัส ซึ่งถ้าทำได้สำเร็จตามเป้า ทัพโซเวียตจะไม่ไช่ภัยคุกคามอีกต่อไปเพราะจะขาดน้ำมัน ส่วนทัพเยอรมันที่ได้แหล่งน้ำมันเพิ่มก็จะแข็งแกร่งขึ้น จนทำไห้ฝ่ายอักษะได้เปรียบอย่างมากในสงครามโลก

   สาเหตุที่ต้องแยกเป็นสองทัพก็เพราะว่าจะทำไห้ยึดพื้นที่จำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว เพราะทัพแดงที่อยู่ระหว่งกองกำลังกรุ๊ป a  และ b จะเสี่ยงต่อการถูกโอบล้อม  จึงต้องถอยไปเอง และจะช่วยลดการคุกคามการส่งกำลังบำรุงของทัพเยอรมัน

    อีกสาเหตุก็คือพื้นที่บริเวณริมแม่น้ำวอลก้า และริมทะเลดำนั้น โอบล้อมตัดกำลังบำรุงได้ยากมาก (หรืออาจจะเรียกว่าทำไม่ได้เลย) เพราะถึงโดนโอบล้อม ฝ่ายโซเวียตก็สามารถส่งกำลังบำรุงได้โดยทางเรือ (ตอนต้อนของยุทธการบาบารอสซ่านั้นโซเวียตแพ้ทุกแนว แต่ไม่ไช่ทัพเรือ เพราะ ผู้บัญชาการทัพเรือในทะเลดำ สั่งโจมตีกองเรือเยอรมันก่อนที่จะได้รับคำสั่งจากสตาลิน ทำไห้ทัพเรือเยอรมันเสียหายหนัก ทัพเรือโซเวียตจึงมีอิทธิพลเหนือทะเลดำ) การยึดจึงต้องตีหักเท่านั้น ซึ่งควรจะฉวยโอกาสกอ่นที่โซเวียตจะตั้งตัวติดและส่งกำลังมาเพิ่มเติมจะดีกว่า

     แต่กองทัพแดงได้รับการปรับปรุงไหม่ไปแล้วโดยซูคอฟ การถอยของกองทัพแดงในขณะนั้นเป็นการถอยตามคำสั่ง ไม่ได้แตกทัพจึงมีการหน่วงเวลาได้บ้าง และหลีกเลี่ยงการสูญเสียอย่างหนักไปได้ ฝ่ายเยอรมันพยายามโอบล้อมกองทัพแดงหลายครั้ง แต่ส่วนไหญ่กองทัพแดงจะถอยไปก่อนที่การโอบล้อมจะเสร็จสมบูรณ์ มีการโอบล้อมที่ประสบความสำเร็จบาง แต่กองทัพแดงก็ส่งทัพมาช่วยตีฝ่าได้สำเร็จ  แม้ว่ากองทัพแดงจะต่อสู้อย่างกล้าหาญ แต่เนื่องจากต้องป้องกันอย่างฉุกละหุกขาดการพรางที่ดี จึงเป็นเป้าของปืนไหญ่และการโจมตีทางอากาศของทัพเยอรมัน ทัพเยอรมันจึงสามารถคืบหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว สามารถยึดอุปกรณ์ทางทหารได้พอสมควร  แต่เมื่อทัพเยอรมันไก้ลถึงสตาลินกราด ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญ เยอรมันถูกโดจมตีอย่างคาดไม่ถึงโดยกองกำลังของซูคอฟ ซึ่งเป็นการคุกคามการส่งกำลังบำรุง ทำไห้ทัพ แพนเซอร์ที่ 6 ต้องยกกลับไปช่วย ทัพโซเวียต ซึ่งซูคอฟปรับปรุงระบบลำเลียงจนมีประสิทธิภาพ ได้ส่ง ทัพและอาวุธไปยังสตาลินกราดเรื่อยๆ กว่ากองทัพแพนเซอร์ที่ 6 จะกลับมาโจมตีสตาลินกราด เมืองก็ได้มีการป้องกันอย่างดีแล้ว ทำไห้การเข้ายึดไม่ประสบความสำเร็จตามคาด
   
     ทางด้านไต้ อีริค วอนแมนสไตน์ ได้บุกยึดท่าเรือเซบาสโตโพล ซึ่งมีความสำคัญมาก เพราะเป็นท่าเรือสำคัญที่จะปล่อยกองเรือโดยเฉพาะเรือดำน้ำ คุกคามทัพเรือเยอรมัน  ซึ่งเป็นปฎิบัติการณ์ที่สำเร็จอย่างยอดเยี่ยม เพราะยึดได้สำเร็จ ทั้งๆที่ทัพโซเวียตได้วางกำลังป้องกันไว้อย่างดี รวมทั้งวอนแมนสไตน์ ไช้กองกำลังหลักเป็นกองกำลังโรมาเนีย แต่พอยึดเสร็จ วอนแมนสไตน์เขียนบันทึกความทรงจำว่า พวกทหารโซเวียตถ้ามันเลือกได้ มันอยากที่จะระเบิดตัวเองตายไปพร้อมๆกับเรา มากกว่าที่จะยอมจำนน หลังจากนั้น เยอรมันก็ได้ส่งกองกำลังส่วนนี้เข้าไปช่วยในการยึดสตาลินกราด

 
 
     
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 28, 2007, 06:31:23 AM โดย nosta3824382 » บันทึกการเข้า
nosta3824382
Jr. Member
**

คะแนน 8
ออฟไลน์

กระทู้: 46


« ตอบ #490 เมื่อ: พฤศจิกายน 28, 2007, 08:21:00 AM »

    หลังจากปฎิบัติการบลูเสร็จสิ้นก็ตามมาด้วยการปล้นครั้งมโหฬาร และส่งผลไห้ประชาชนของโซเวียตต้องทำการอพยพครั้งประวัติศาสตร์อีกครั้งหลังจากการอพยพคราวบาบารอสซ่า จากความพ่ายแพ้ในปฎิบัติการบลู สตาลินสั่งปฎิบัติการเคลื่อนย้ายเครื่องจักรคนงานและอุปกรณ์ในโรงงานไปยังไซบีเรีย ซึ่งเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก เพราะไซบีเรียนั้นหนาวเหน็บ และแทบไม่มีแหล่งอาหารเลย การส่งอาหารต้องส่งเป็นระยะทางไกล  การถูกยึดพื้นที่ทางไต้นั้นเป็นหายนะอย่างมาก เพราะประชากรส่วนไหญ่ของโซเวียตนั้นอาศัยอยู่ในภาคไต้ที่อบอุ่นกว่า และเพาะปลูกได้ดีกว่า ภาคไต้จึงเป็นแหล่งเกษตรกรรมและแหล่งอุตสาหกรรมที่สำคัญกว่าทางเหนือมาก  เมื่อแหล่งอาหารลดลงอย่างรวดเร็ว รัฐบาลโซเวียตสั่งปันส่วนอาหารลดลง และประชาชนเริ่มมีการอดตายมากขึ้น

    อย่างไรก็ตาม ฮิตเล่อร์ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จเท่าที่หวัง เขาพลาด สตาลินกราดและแหล่งน้ำมันที่คอเคซัสซึ่งจะนำไปสู่สงครามยืดเยื้อ ซึ่งเขาจะพ่ายแพ้ในที่สุด

     สาเหตุที่ทัพเยอรมันต้องพ่ายแพ้ต่อกองทัพแดงเมื่อเป็นสงครามยืดเยื้อก็เพราะ การผลิตอาวุธของเยอรมันนั้น ตามค่านิยมของคนเยอรมัน จะต้องผลิตอาวุธที่มีคุณภาพที่สุดโดยไม่ค่อยคำนึงว่า จะต้องไช้เวลา ทรัพยากร และเงินมากขนาดไหน หลังจากนั้นเมื่อคิดค้นอะไรไหม่ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะนำไปผลิตทันที  ทำไห้อาวุธของเยอรมันมีหลายรุ่น และแต่ละรุ่นก็มีหลาย type  เช่น รถถัง มี panzer I- VIII ( Panzer V = Panther , Panzer VI = Tiger , Panzer VII = Tiger II หรือ King Tiger , Panzer VIII = Mammorth ) และ Panzer หลายรุ่นก็มีตั้งแต่ Type a-g  หลังจากที่ได้อาวุธที่ดีที่สุดแล้วก็ค่อยไปคิดหาวิธี ผลิตเป็นจำนวนมาก แต่การปรับรุ่นอยู่ตลอดเป็นการขัดขวางกำลังการผลิต เพราะต้องปรับระบบโรงงานไห้เข้ากับรุ่น หรือ  Type ไหม่อยู่ตลอด
 
    ส่วนทางโซเวียตมีเทคโนโลยีต่ำกว่า แต่เวลาจะผลิตอะไร มักจะคิดผลิตไห้เร็วที่สุด และไม่ค่อยมีการปรับปรุงรุ่นบ่อยนัก รถถังรุ่นไหนไช้ได้ดีก็จะหาทางผลิตไห้ได้เป็นเจนวนมหาศาล เช่น T 34 ส่วนรถถังไหนที่ไม่ดีนักก็สั่งเลิกผลิตเลย เช่น KV และจะปรับปรุงก็ต่อเมื่อมีเหตุจำเป็น เช่น ออก IS II และ T34-85 ก็เมื่อต้องเผชิญกับ ทัพรถถัง Panther  Tiger  และ Panzer IV Type G  อย่าง T 34 ที่ผลิตมากมากที่สุด ก็มีแค่รุ่น 75 กับ 85 เท่านั้น  ด้วยสาเหตุเหล่านี้ จึงทำไห้ฝ่ายโซเวียต สามารถผลิตอาวุธได้ประมาณ 2 เท่าของเยอรมัน ทั้งๆที่คนงานของฝ่ายเยอรมันมากกว่าถึงเท่าตัว
 (ที่ว่าคนงานของฝ่ายเยอรมัน หมายถึงคนงานที่ผลิตของไห้เยอรมันไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติสัญชาติใด รวมทั้งคนงานยิวและ นักโทษในค่ายแรงงานด้วย  จำนวนคนงานของโซเวียตก็รวมทั้งหมด ที่ผลิต ไห้โซเวียตไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ และรวมนักโทษในค่ายแรงงานเช่นกัน) คิดคร่าวๆ ในการผลิตอาวุธจำนวนเท่ากัน ฝ่ายเยอรมัน ต้องไช้กำลังคนมากกว่าถึง 4 เท่าตัว ถึงแม้ว่า จะได้อาวุธที่มีคุณภาพยอดเยี่ยม แต่ก็ไม่สามารถชดเชยความแตกต่างด้านจำนวนได้ และเป็นเหตุสำคัญ ไห้เมื่อการรบยืดเยื้อ กองทัพแดงมีแต่จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ส่วนกองทัพเยอรมัน หลังจากสตาลินกราด ก็ไม่สามารถชดเชยความสูญเสียได้ทัน และค่อยๆอ่อนกำลังลง อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวผมคิดว่า ระบบการผลิตอาวุธของเยอรมันยอดเยี่ยมมาก และประสบความสำเร็จอย่างมากในช่วงต้นสงคราม ที่แพ้ก็เพราะ ระบบการผลิตอาวุธ ของโซเวียต รวมทั้งอเมริกานั้นยอดเยี่ยมกว่า

   รวมทั้งพันธมิตร พันธมิตรสำคัญของโซเวียตคืออเมริกา ซึ่งเป็นมหาอำนาจทางเศรฐกิจและอุตสหกรรม และสามารถผลิตอาวุธได้อย่างรวดเร็วที่สุดโดยเฉพาะ กำลังทางอากาศ และทางเรือ ซึ่งในข่วงท้ายสงครามนั้น ทัพเรือ และทัพฟ้าของอเมริกานั้นเป็น 1 ในโลก (ทัพบกเป็นของโซเวียต)  อังกฤษ มีสายลับและหน่วยถอดรหัสที่ยอดเยี่ยม มีทัพเรือและกองทัพอากาศที่แข็งแกร่ง ส่วนจีน ถึงแม้จะอยู่ในช่วงอ่อนแอ แต่ก็มีกำลังพลมหาศาล พอที่จะตรึงทัพส่วนไหญ่  ของญี่ปุ่น ไม่ไห้บุกโจมตีโซเวียตได้ง่ายๆ

    ส่วนพันธมิตรของเยอรมันนั้นคนละเรื่อง ญี่ปุ่น ถึงแม้จะสำคัญ และสามารถดึงกองกำลังนับล้านของโซเวียตไว้ที่แนวตะวันออก แต่ก็ไม่คิดโจมตีใส่โซเวียต เพราะกองกำลังส่วนไหญ่ของญี่ปุ่นก็ต้องตรึงอยู่ที่จีน รถถังของญี่ปุ่นนั้นมีน้อยและล้าหลัง ที่จริงถึงญี่ปุ่นจะโจมตีก็ไม่แน่ว่าจะทะลวงแนวป้องกันของโซเวียตได้ รวมทั้งมีเจตนาขยายอิทธิพลของตนมากกว่าที่จะช่วยเยอรมัน ส่วนอิตตาลีนั้นอ่อนแอ ขนาดมีกองกำลังในอาฟริกาเป็นล้านคนก็ยังแพ้อังกฤษ ขณะที่รอมเมลนำทัพเยอรมันไม่กี่แสนตีโต้อังกฤษได้  โรมาเนีย และฟินแลนด์ ถึงจะมีทหารที่เก่งมาก แต่ขาดอาวุธที่ทันสมัย และไม่เต็มใจรบ ที่เข้าช่วยก็เพราะกลัวเยอรมันอยู่ส่วนนึง ถึงรวมๆพันธมิตรของเยอรมันในยุโรปจะส่งทหารมาช่วยตอนแรกประมาณถึง 1.5 ล้าน แต่เมื่อการรบยืดเยื้อ ก็ไม่ส่งกำลังมาเพิ่มเติมมากนัก และเมื่อสถานะการณ์เปลี่ยนก็หาทางเปลี่ยนข้างทันที ( จริงๆก็เพราะเยอรมันดูแลพันธมิตรไม่ค่อยดีด้วย ถึงส่งกำลังมาช่วย พื้นที่ทั้งหมดที่ยึดได้ก็เป็นของเยอรมัน และโรมาเนียก็ต้องส่งน้ำมันไห้เยอรมันฟรีๆ ทำไห้ไม่มีไครชอบเยอรมันเท่าไร)
   
      สรุปก็คือ พันธมิตรของโซเวียตแข็งแกร่งกว่า ยิ่งนานวันก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว และช่วยเหลือกันมากกว่า ส่วนพันธมิตรของเยอรมันไม่แข็งแกร่งมากนัก เมื่อการต่อสู้ยืดเยื้อ พันธมิตรของโซเวียตจะค่อยๆครองทะเลเพิ่มความช่วยเหลือ และเปิดศึกเพิ่มอีกด้าน  ส่วนพันธมิตรของเยอรมัน จะค่อยๆอ่อนแอลง ญี่ปุ่นกำลังเสียทะเล ส่วนอิตตาลีกำลังเสียอาฟริกา
บันทึกการเข้า
KTTA-50-L
1450 HP (x2)
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 103
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1193


Parabellum Card


เว็บไซต์
« ตอบ #491 เมื่อ: พฤศจิกายน 29, 2007, 01:02:56 PM »

ต่อเลยครับ น่าสนใจมากๆ ตามอ่านอยู่ตลอด Grin
บันทึกการเข้า

วาว วาว เสียงรถไฟแล่นไปฤทัยครื้นเครง

nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย
Website Sponsor
Hero Member
****

คะแนน 303
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4897


« ตอบ #492 เมื่อ: พฤศจิกายน 29, 2007, 01:23:44 PM »

ขอบคุณพี่ nosta ที่กรุณามาเล่าให้ฟังครับ
บันทึกการเข้า

ถ้าเสียงส่วนใหญ่คือความถูกต้อง
ผีเปรตในนรกมันคงโหวตให้พวกมันได้ขึ้นสวรรค์
จะแก้รัฐธรรมนูญไปทำไม! ต้นตอปัญหามันเกิดจากรธน.ไม่ดี หรือพวกแกมันเลว!
rute - รักในหลวง
Forgive , But not Forget .
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1960
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 22591


"ผลิดอกงามแตกกิ่งใบ..."


« ตอบ #493 เมื่อ: พฤศจิกายน 29, 2007, 11:33:55 PM »

ขอบคุณท่าน nosta3824382 ครับ...

เยี่ยมมากครับ...Cheesy
บันทึกการเข้า
nosta3824382
Jr. Member
**

คะแนน 8
ออฟไลน์

กระทู้: 46


« ตอบ #494 เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2007, 06:00:53 AM »

     วิเคราะห์ผู้นำทางการทหารของเยอรมัน  (บางส่วนเอามาจากนักประวัติศาสตร์บางส่วนก็วิเคราะห์เองครับ ไครไม่เห็นด้วยก็ได้นะครับ)

    อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ 

    เป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพสูง นำเยอรมันจากประเทศที่ล้มละลายทางเศรษฐกิจ ไปเป็นมหาอำนาจทางการทหารของโลก
   
     มีทักษะการโฆษณาชวนเชื่อเป็นเลิศ

    มีความสามารถในการใช้คนที่ยอดเยี่ยม สามารถเลือกนายทหารที่เก่งกาจ กระตุ้นและสร้างบรรยากาศไห้มีการริเริ่มแนวความคิดทางการทหารไหม่ๆ ไห้รางวัลและเงินเดือนผู้บังคับบัญชาทางการทหารสูงมาก ในช่วงการปกครองของฮิตเลอร์มีการคิดค้นแนวคิดทางการทหารไหม่ๆ เช่น กูเดอเรียน คิดค้น บลิซคลีก วอนแมนสไตน์ คิดค้น โมบิลดีเฟ้นด์ และ รับความคิดเห็นจากนายทหารในการพัฒนาอาวุธ

    สนับสนุนการวิจัยอย่างมาก

    โหดเหี้ยม ลงมือไม่เลือกวิธีการ

   ข้อเสีย

   ไม่โดดเด่นด้านการบริหารข่าวกรอง

   ไม่เน้นปริมาณการผลิตอาวุธเท่าที่ควรสนแต่คุณภาพมากเกินไป

    ไม่ไส่ใจการทูตเท่าที่ควร และดูแลพันธมิตรของตนไม่ค่อยดี

    มั่นใจในตนเองมากเกินไป  ประเมินศัตรูต่ำเกินไป และพลาดที่บุกโซเวียต
 
    ถึงมีทักษะการเมืองสูง แต่ในด้านการปกครองชนชาติอื่นที่ไม่ไช่เยอรมันนั้น ไม่ดี เช่นกวาดล้างยิว และชาวสลาฟ ปล้นและบังคับไช้แรงงานประเทศต่างๆที่ถูกยึดครอง ทำไห้ทั่วโลกต่อต้านเยอรมัน

    ถึงจะพัฒนาการทัพไห้สามารถรบแบบเครื่อนที่ไห้อย่างยอดเยี่ยม แต่ไม่สามารถพัฒนากองทัพไห้สามารถโจมตีไส่ที่มั่นที่แข็งแกร่งอย่างมากได้ เช่น มอสโคว สตาลินกราด เลนินกราด และ ไม่สามารถตอบโต้การรบนอกรูปแบบได้เท่าที่ควรทำไห้โดนตัดกำลังบำรุง

   สรุป ช่วงแรกๆ ฮิตเลอร์  เก่งมาก ทั้งแก้ไขปัญหาเศรฐกิจ ทั้งการทหาร รบชนะแบบท่วมท้นตลอด ฆ่า ศัตรูในอัตรส่วน 10 /1 ไม่นับเชลยศึก พอนานไป  เริ่มได้ใจบุกโซเวียต เจอกับการรบนอกรูปแบบ ผสมกับการรบในรูปแบบ ทั้งระยะทาง อากาศหนาว จนโดนตรึงได้ ต่อมาศัตรูเริ่มมีการผลิตอาวุธด้วยความเร็วที่เหนือกว่ามาก ประกอบกับเลียนแบบกลยุทธ์ และพัฒนาไปเป็นรูปแบบของตัวเอง เยอรมันก็เริ่มเพลี่ยงพล้ำ  จนฮิตเล่อร์ต้องจบชีวิตด้วยการยิงตัวตาย และเยอรมันถูกแบ่งเป็นสองประเทศ

     จริงๆความสำเร็จของฮิตเลอร์เทียบเท่านโปเลียนทีเดียว แต่จุดจบต่างกันมาก เพราะนโปเลียนเป็นคนค่อนข้างมีเมตตา (โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับผู้พิชิตคนอื่นๆ) เวลาเพลี่ยงพล้ำ ศัตรูก็ยังออมชอมไม่เล่นงานฝรั่งเศสมาก และแม้แต่แม่ทัพที่ชนะ นโปเลียน ยังยกย่องนโปเลียนอย่างมาก  เทียบกับฮิตเล่อร์ที่โหดเหี้ยม จนน่าจะเป็นบุคคล ที่โดนเกลียดมากที่สุดในประวัติศาสตร์ก็ได้ เมื่อ ฮิตเลอร์ แพ้ เยอรมันก็โดนทวงบัญชีแค้น และฮิตเลอร์ ก็ถูกมองเป็นคนบ้าๆโง่ๆ มาตลอด

   
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 30 31 32 [33] 34 35 36 ... 64
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.069 วินาที กับ 21 คำสั่ง