ทั้งนี้การมาดูกันว่าภายในประเทศเยอรมันเป็นอย่างไรจึงมีประโยชน์มนการทำความเข้าใจว่าเยอรมันมาทำสงครามได้อย่างไร
แน่นอนว่าเยอรมันไม่ต้องการทำสงครามโลก อย่างที่ในที่สุดเกิดขึ้น
เลยขอกระโดคไปคุยตัวอย่างเรื่องหนึ่งครับ
ก่อนการรบ ก่อนการยึดครองออสเตรีย และเชกโกฯ
นาย ริปเบนทรอปผู้กลายมาเป็น รมต. ต่างประเทศของนาซีช่วงสงครามไปเป้นทูตเยอรมันประจำอังกฤษ ครั้งหนึ่งเชิญเชอร์ชิลไปพบที่ทำเนียบทูตเยอรมัน ตอนนั้น เชอร์ชิเป็น สส. พรรค รัฐบาล ยังไม่ได้เป็น รมต.ทหารเรือ (อีกครั้งช่วงต้นสงครามโลกครั้งที่ 2 ตอนสงครามโลกครั้งที่ 1 เชอร์ชิลก็เคยเป็น รมต. ตำแหน่งนี้ - อังกฤษแบ่ง รมต. เฉพาะเหล่าทัพ) แต่เขอร์ชิลก็มีอิทธิพลในกลุ่ม สส. และเป็น สส. สายเหยี่ยวคนสำคัญเหมือนกัน
กินข้าวเสร็จแล้ว ริบเบนทรอป ชวนเชอร์ชิลเดินไปดูแผนที่ยุโรปข้างผนัง
ร. "เยอรมันต้องการยุโรปตะวันออก เรายินดีที่จะไม่แทรกแซงผลประโยชน์ทางการค้า และผลประโยชน์ของอังกฤษในภูมิภาคต่างๆ"
ช. "เรายอมอย่างนั้นไม่ได้ ไม่มีทาง"
ร. "ถ้ายังงั้นก็คงเกิดสงคราม..."
ช. "ช่วยไม่ได้... แต่อย่าลืมว่าอังกฤษเป็นชาติที่แปลกอยู่อย่างนะ เมื่อเกิดเหตุวิกฤต เราจะเข้มแข็งขึ้นอีกมาก และเราจะพาชาติอื่นๆ มาเป็นพวกเราด้วย"
ร. "ไม่มีทาง คราวนี้อังกฤษจะไม่สามารถนำใครๆ มารุมเราได้อีก"
เชอร์ชิล ก็ไปรายงานรัฐบาลอังกฤษเรื่องนี้ แต่รัฐบาลซึ่งยังหน่อมแน้มอยู่ไม่ใส่ใจ ปล่อนให้เยอรมันดำเนินการเพิ่มกำลังทหารและเข้ายึดดินแดนต่างๆ ต่อไป โดยไม่มีใครห้ามทางการเมือง

หลังสงคราม ริปเบนทรอป ถูกพิพากษาให้แขวนคอ ฐานะอาชญากรสงคราม เชอร์ชิลบันทึกว่า "ถ้าข้าพเจ้าไปให้การศาล ข้าพเจ้าก็จะให้การตามที่ริปเบนทรอปมาคุยอย่างนี้แหละ" (ร่วมด้วยช่วยแขวน)