เตือนภัยครับ....โดยเฉพาะชาวเชียงใหม่
เหตุการณ์นี้เกิดกับตัวผมเองครับ คือเมื่อคืนวาน (วันที่ 5 ต.ค. 50 ) ผมได้ไปนั่งดื่มอยู่ที่ร้านริมถนนเชียงใหม่ - ลำปาง ติดกับสามแยกแม่โจ้เวลาประมาณทุ่มเศษๆ
โดยจอดรถไว้ริมถนนห่างจากร้านประมาณ 20 เมตรมีแสงสว่างพอสมควร รถผมใช้รถกระบะ 4 ประตูในรถมีโน๊ตบุ๊ค 1 เครื่อง วางที่เบาะด้านข้างคนขับ
กล้องดิจิตอล 1 ตัว(อยู่ในช่องเก็บของหน้ารถ)และถุงกอล์ฟพร้อมอุปกรณ์ชุดใหญ่ ปิดรถด้วยกุญแจรีโมทปกติ และก็นั่งสังสรรค์กับเพื่อนตามปกติ
ตลอดคืนมีฝนตกหนักบ้างเบาบ้างแต่ตกตลอดคืน ได้เวลากลับก้อประมาณ
เกือบเที่ยงคืน กลับมาดูที่รถปิดประตูตามปกติดังเดิมเปิดรถมากระเป๋าโน๊ตบุ๊คอยู่เหมือนเดิมไม่มีร่องรอยการรื้อค้นภายในรถใดๆเลย ผมก้อสตาร์ตรถขับกลับบ้านตามปกติ
พอถึงบ้านจอดรถเสร็จเรียบร้อย ยกกระเป๋าโน๊ตบุ๊คเข้าบ้าน ใจหายวาบ !

เมื่อน้ำหนักกระเป๋าที่ยกเบากว่าปกติ ผมรีบเปิดกระเป๋าออกดู ไม่เห็นโน๊ตบุ๊ต อยู่ในกระเป๋าแล้ว
ที่แรก นึกว่าตัวเองเมา แต่คงไม่เพราะว่ากินกันสี่คนหมดเหล้าขวดเดียว เลยพยายามตั้งสติและลองหาใหม่เพราะเวลาเราขับรถมันอาจไหลออกมานอกกระเป๋าก้อได้เลยลองค้น
หาดูใหม่ทั่วรถแต่ก้อไม่พบ พอลองเปิดดูช่องเก็บ ชัดเลยครับ กล้องดิจิตอล มันก้อหายไป

ผมหายเมาเลยครับที่นี้มันเอาทั้งคอมฯและกล้องไปด้วยกันพอตั้งสติดีๆ และก้อลอง
สำรวจของที่หายไปอีกที ของที่หายไปทั้งหมด คือ โน๊ตบุ๊ค 1 เครื่องพร้อมอะแดปเตอร์ชาร์ตไฟ กล้องดิจิตอล 1 ตัวพร้อมอุปกรณ์ และสายชาร์ตโทรศัพท์ 1 ชุด ของหายเหลือทิ้งไว้แต่กระเป๋าไว้ดูต่างหน้า

เฮ้อ เวลาก้อปาไปเกือบตีสาม
โทร.ไป 191 บอกว่าแจ้งความของหายพร้อมบอกรายละเอียด แต่ได้รับคำตอบว่าเพื่อนมาแกล้งเอาป่าวให้ลองถามเพื่อนดู แต่ถ้าต้องการแจ้งความจริงๆให้ไปติดต่อที่สถานีตำรวจ 191 พูดไม่ค่อยดีไม่ประทับใจเลย แถมไม่กระตือรือร้นที่จะช่วยเหลือประชานชนเลยอ่ะ

ก้อเลยทำใจและคิดว่าพรุ่งนี้เช้าค่อยไปดีกว่า เซง เข้านอน ตื่นเช้ารวบรวมหลักฐานไปสถานีตำรวจ พอไปถึงสถานีตำรวจแม่ปิง ได้รับการดูแลอย่างดีจากเจ้าหน้าที่ครับ
ให้ความสนใจในการรับแจ้งมากครับ ผมก้อเล่าให้ฟังถึงเหตูการณ์และเจ้าหน้าที่ถามถึงว่ามีร่องรอยการงัดแงะหรือไม่ เท่าที่ผมดูก้อไม่มีอะไร เลยไม่แน่ใจลงไปดู พอลองเปิดดู
ประตูหน้าด้านซ้ายปรากฏว่ามีร่องรอยการใช้ของแข็งเล็กๆ สอดเข้าไปใต้ที่เปิดประตูครับ โอ้...คุณพระช่วย นึกในใจนี่ถ้ามันจะเอารถไปทั้งคันคงไม่เหลือแล้ว
ร้อยเวรลงมาดูที่รถ และให้ความเห็นว่า เมื่อก่อนเคยมีคดีลักษณะนี้เหมือนกันแต่ว่าคนร้ายใช้วิธีการงัดที่รูลูกกุญแจของรถเลย แต่ว่าสามารถจับคนร้ายไปได้แล้วตอนนี้ยังอยู่ในคุก
พอมาเห็นอย่างนี้ก้อเลยคิดว่าน่าจะมีแก็งค์ใหม่ และไม่มีท่าทางตื่นเต้นอะไร แต่ระหว่างการพิมพ์แจ้งความของผมอยู่นั้น ก้อมีเจ้าทุกข์(ผู้ชาย) อีกรายมาแจ้งความบอกว่ารถถูกงัดและของในรถหายไป ของที่หายไปคือ ปืนพก 1 กระบอกและกล้องดิจิตอล สถานที่คือ ห้างฯ ติดถนนเชียงใหม่-ลำปาง บริเวณแยกศาลเด็ก ทางเจ้าทุกข์รายนี้ได้บอกว่าของได้เก็บของไว้ใต้เบาะอย่างดีมีผ้าคลุมปิดไม่เป็นที่สังเกตแต่ก็ยังโดนงัดรถขโมยไป

ตำแหน่งที่โดนงัดเป็นตำแหน่งเดียวกับรถของผมเลย
อีกสักพัก(ไม่ถึง 20 นาที)มีเจ้าทุกข์(ผู้หญิง)มาแจ้งความว่ารถโดนงัดที่ห้างฯเดียวกับเจ้าทุกข์ผู้ชายคนก่อนหน้า ของที่หายไปคือ โน๊ตบุ๊ค 1 เครื่องพร้อมอะแดปเตอร์ชาร์ตไฟ ของข้างในกระเป๋าโน้ตบุ๊คหายเหลือแต่กระเป๋าไว้ดูต่างหน้าให้เป็นที่เจ็บใจยิ่งนัก

(ไม่ต่างจากผมเลย) เจ้าทุกข์รายนี้บอกว่าได้เอาโน้ตบุ๊คไว้ในกระโปรงหลังรถแล้วยังไม่วายโดนงัดอีก (เจ้าทุกข์รายนี้เป็นรถเก๋ง)
จากเหตุการณ์ที่เล่ามาทั้งหมดเลยอยากเตือนเพื่อนๆว่า อย่าเอาของมีค่าไว้ในรถเวลาจะไปไหนมาไหนแล้วเราต้องทิ้งรถไว้ เช่นห้างสรรพสินค้า หรือจอดรถตามที่สาธารณะต่างๆ ของมีค่าไม่ควรเก็บไว้ในรถไม่ว่าจะเป็นรถกระบะหรือรถเก๋ง (กระโปรงหลังรถเก๋งก็ยังไม่ปลอดภัยเพียงพอที่จะรอดพ้นจากน้ำมือของพวกโจรพวกนี้ได้)
ปล.ของหายไม่เสียดายเท่าข้อมูลที่เก็บไว้ในโน๊ตบุ๊คทั้งหมดตอนนี้เลยได้ความคิดใหม่ว่าควรทำ back up ข้อมูลไว้อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง
