
ในฐานะที่เคยทำสถานบันเทิง และได้ศึกษา พรบ.สถานบันเทิงมาบ้าง กรณีนี้ส่วนหนึ่งต้องดูข้อเท็จจริงในเรื่องของการพกอาวุธเข้าไปในสถานบริการครับ โดยใน พรบ.สถานบริการ พ.ศ.2509 (แก้ไข พ.ศ.2548) ระบุว่า
มาตรา 16 ห้ามมิให้ผู้รับอนุญาตตั้งสถานบริการ
(6) ยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้มีการนำอาวุธเข้าไปในสถานบริการ
เว้นแต่เป็นกรณีที่เจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ในเครื่องแบบนำเข้าไปเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย 
ตรงที่ผมทำตัวสีแดงไว้นั่นแหละครับ คือประเดน จากการที่ได้เคยไปปรึกษากับนิติกรจังหวัด (ที่ผมอยู่) ที่ดูแลเรื่องสถานบริการ (ท่านผู้ว่าฯ ก็อยู่ในขณะที่ผมปรึกษาด้วย) ในกรณีแบบเดียวกันนี้ ก็ต้องไปดูข้อเท็จจริงว่า ผู้พกอาวุธอยู่ในเครื่องแบบหรือไม่ ได้แสดงตัวกับผู้ดูแลเพื่อขอเข้าไปปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ซึ่งผมได้ถามถึงเรื่องกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ท่านนิติกรบอกว่า แม้อยู่ในเครื่องแบบและอยู่ในขณะปฏิบัติหน้าที่ (ยังเข้าเวรอยู่) แต่ไม่ได้มีคำสั่งหรือหน้าที่ที่จะเข้าไปตรวจตราสถานบริการนั้น ๆ หรือไม่ได้มีเหตุจำเป็นใด ๆ ในการเข้าไปในสถานบริการนั้น ๆ ก็ไม่สามารถนำอาวุธเข้าไปได้ ผู้รับอนุญาตสถานบริการหรือผู้ดูแลสถานบริการสามารถไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนายนั้นพกอาวุธเข้าไปในสถานบริการได้ เพราะ พรบ. ระบุไว้ชัดเจนว่า "เจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ในเครื่องแบบ" และ "ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย" ซึ่งเรื่องปลัดที่กล่าวถึงกันนี้ผมไม่ขอออกความเห็นครับ เพราะผมไม่ทราบข้อเท็จจริง

แต่ตรงนี้ มันเป็นอีกเรื่องหนึ่งครับ คือเป็นเรื่องที่เจ้าของสถานบริการจะให้ผู้มีอาวุธเข้าหรือไม่ให้เข้า ไม่ได้เกี่ยวกับความผิดของ จนท.
เคยมีเจ้าของสถานบริการแถวดอนเมือง ไม่ให้ สห.นอกเครื่องแบบเข้าไปตรวจสอบพลทหารหนีเที่ยว สห.ก็เลยกลับมาอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้มา 6 คน ถือ M16 ทุกคน แขกไม่เข้าไปใช้บริการอีกเป็นเดือนเลยครับ

ขออภัยครับท่านผู้การ ผมยกข้อกฎหมายมาผิด ดูใหม่มาแล้วตามนี้ครับ
มาตรา 16/2 ห้ามมิให้ผู้ใดนำอาวุธเข้าไปในสถานบริการ เว้นแต่ผู้นั้นเป็นเจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ในเครื่องแบบและนำเข้าไปเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย
และ
มาตรา 28/2 ผู้ใดนำอาวุธเข้าไปในสถานบริการโดยฝ่าฝืนมาตรา 16/2 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ในกรณีที่อาวุธตามวรรคหนึ่งเป้นอาวุธปืน ผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ในกรณีที่อาวุธตามวรรคหนึ่งเป็นวัตถุระเบิดหรืออาวุธสงคราม ผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงยี่สิบปี หรือรับตั้งแต่สี่หมื่นบาทถึงสี่แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ในกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาลงโทษตามวรรคหนึ่ง วรรคสอง หรือวรรคสาม ให้ศาลมีอำนาจสั่งริบอาวุธนั้นด้วย

ร้านผมเจอมาหมดแล้ว ตั้งแต่กระบองยันระเบิดมือ (ลูกซ้อมมีแต่เสียง) ระเบิดซ้อมทหารอากาศขี้เมาจอมซ่าคนหนึ่งเอามา ผมไม่ได้แจ้งความ (เห็นแก่อนาคตราชการและเห้นว่ายังไม่ได้เกิดเหตุ) แต่แจ้งผู้การกองบินไว้ ตอนนี้ไม่ค่อยเมาและหายซ่าไปเยอะเลยครับ
