คอบร้าโกลด์2010 คึกคักกว่าปีก่อนๆ
PHUKET, THAILAND (Feb. 2, 2010) The aircraft carrier USS Nimitz (CVN 68) at anchorage during a port visit to Phuket, Thialand.

UTAPAO, Thailand An AV-8B Harrier II hooks up to the fuel line of a KC-130J tanker aircraft during an aerial refueling Feb. 4, in support of Cobra Gold 2010.

การฝึกคอบร้าโกลด์ เป็นการฝึกทางทหารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งกองทัพไทยและกองกำลังสหรัฐฯ ภาคพื้นแปซิฟิค (USPACOM) ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดการฝึกในประเทศไทย
เป็นประจำทุกปีการฝึกคอบร้าโกลด์นั้น มีการพัฒนามาจากการฝึกผสมยกพลขึ้นบกระหว่าง กองทัพเรือไทยกับกองทัพเรือสหรัฐฯ และกองกำลังนาวิกโยธินสหรัฐฯ ซึ่งทำการฝึกร่วมกันมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๙๙ (เป็นการฝึกภายใต้ชื่อรหัส PHIBTRAEX)ต่อมาในปี ๒๕๒๕ ได้มีการรวมการฝึก PHIBTRAEX และการฝึกร่วมอื่นๆ
ประกอบด้วย การฝึก SEA SIAM การฝึก UNDERSEAL และการฝึก MINEX/EODEX เข้าด้วยกัน แล้วมีการกำหนดชื่อรหัสการฝึกขึ้นใหม่ว่า การฝึกคอบร้าโกลด์ โดยทางกองทัพอากาศได้จัดกำลังเข้าร่วมการฝึกด้วย ในส่วของกองทัพบกนั้น ได้เข้าร่วมการฝึก โดยส่งหน่วยรบพิเศษเข้าทำการฝึกในการฝึก คอบร้าโกลด์ ๘๓ ในปี ๒๕๒๖ ทำให้การฝึก คอบร้าโกลด์ ๘๓ เป็นการฝึกที่กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ส่งกำลังเข้าร่วมการฝึกครบทั้ง ๓ เหล่าทัพเป็นรั้งแรกในการฝึก คอบร้าโกลด์๘๖ในปี๒๕๒๙กองบัญชาการทหารสูงสุดหรือกองบัญชาการกองทัพไทย
ในปัจจุบัน ได้เข้ามาเป็นผู้รับผิดชอบการฝึก ร่วมกับกองกำลังสหรัฐฯ ภาคพื้นแปซิฟิค โดยในขณะนั้นการฝึกคอบร้าโกลด์ ยังเป็นการฝึกระหว่างกองทัพไทยและกองทัพสหรัฐฯเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์โลกและสถานการณ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ส่งผลให้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบของการฝึกคอบร้าโกลด์ เพื่อให้มีความทันสมัย และเหมาะสมต่อสภาวะความเปลี่ยนแปลงของภัยคุกคามของภูมิภาคและของโลกโดยส่วนรวม ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนคือ การฝึกคอบร้าโกลด์ได้มีการปรับเปลี่ยนจากการฝึกที่มุ่งเน้นการปฏิบัติการรบตามแบบ มาเป็นการฝึกวางแผนในเรื่องการปฏิบัติการรักษาสันติภาพ การช่วยเหลือประชาชน ตลอดจนการปฏิบัติการทางทหารที่มิใช่สงคราม (MOOTW: Military Operation Other Than War) ซึ่ง พล.อ. บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.ทหารสูงสุด ได้กล่าวอยู่เสมอว่า การปฏิบัติในรูปแบบดังกล่าวเหล่านี้ นับเป็นมิติใหม่ทางการทหารในปัจจุบัน
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการลดความหวาดระแวงของชาติต่างๆ ในภูมิภาค รวมไปถึงเพื่อเป็นการขยายความร่วมมือกับนานาประเทศให้กว้างขวางออกไปมากยิ่งขึ้น อันจะนำไปสู่โอกาสในการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์กับกำลังพลของประเทศต่างๆ ไทยและสหรัฐฯ จึงยกระดับการฝึกคอบร้าโกลด์จากเดิมที่เป็นการฝึกสองชาติ ให้ก้าวไปสู่ความเป็นการฝึกนานาชาติอย่างแท้จริง ในปี ๒๕๔๗ การฝึกคอบร้าโกลด์ ๐๔ จึงได้มีการเชิญ สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และมองโกเลีย เข้าร่วมการฝึกปัญหาที่บังคับการ นอกจากนี้ยังมีประเทศสมาชิกโครงการ MPAT (Multinational Planning Augmentation Team) ซึ่งเป็นโครงการที่มุ่งเน้นการพัฒนาขีดความสามารถการวางแผนเผชิญสถานการณ์วิกฤติของกองกำลังนานาชาติ จำนวน ๑๐ ประเทศ ประกอบด้วย ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส อินเดีย ญี่ปุ่น แคนาดา เกาหลีใต้ ฟิจิ มาเลเซีย เนปาล และเยอรมัน ส่งกำลังพลเข้าร่วมการฝึกด้วย
เมื่อเกิดเหตุการณ์ธรณีพิบัติครั้งใหญ่ในมหาสมุทรอินเดีย หรือ สึนามิ (Tsunami) ใน ๒๖ ธ.ค.๔๗ ซึ่งได้สร้างความสูญเสียอย่างมากมายมหาศาลแก่พี่น้องประชาชนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียใต้ ตลอดจนประชาชนในภูมิภคอื่นๆของโลก กำลังทหารและยุทโธปกรณ์ที่มีการเตรียมพร้อมไว้สำหรับการฝึกคอบร้าโกลด์ ๐๕ จึงได้ถูกส่งไปให้ความช่วยเหลือพื้นที่และประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน สำหรับกาฝกปัญหาที่บังคับการ ในการฝึกคอบร้าโกลด์ดังกล่าว ก็ถูกเปลี่ยนเป็นการสัมมนาเชิงปฏิบัติการว่าด้วยการช่วยเหลือบรรเทาพิบัติภัย (Disaster Relief Workshop) ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีประเทศต่างๆ ส่งผู้แทนเข้าร่วมการสัมมนาดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้มีการระดมความคิดในการกำหนดมาตรการปฏิบัติร่วมกันขององค์การระหว่างประเทศ และกองทัพของชาติต่างๆ เพื่อให้มีความพร้อมมากยิ่งขึ้นในการแก้ไขสถานการณ์วิกฤติหากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีกในอนาคต
ต่อมาในปี ๒๕๕๐ ได้มีนโยบายให้กองบัญชาการทหารสูงสุด หรือกองบัญชาการกองทัพไทยในปัจจุบัน และเหล่าทัพหมุนเวียนกันจัดตั้งกองกำลังเฉพาะกิจร่วม/ผสม ในการฝึกคอบร้าโกลด์ ๐๗ กองบัญชาการทหารสูงสุดหรือกองบัญชาการกองทัพไทย จึงได้เป็นหน่วยหลักในการจัดตั้งกองกำลังเฉพาะกิจร่วม/ผสม ร่วมกับเหล่าทัพต่างๆ ทำให้การฝึกปัญหาที่บังคับการมีการจัดกำลังร่วมกันจากเหล่าทัพอย่างแท้จริง
http://cgib2010.rtarf.mi.th/