เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
กรกฎาคม 19, 2025, 01:08:55 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 190 191 192 [193] 194 195 196 ... 366
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: รวมพลคนรักหงส์แดง  (อ่าน 328880 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
CT_Pro4
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 537
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4869



« ตอบ #2880 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2008, 09:37:58 AM »

สู้เข้าไป....เชียร์เข้าไป....อย่างไงก็รักนะ หงส์แดง จุ๊บๆ  หลงรัก

เยี่ยมยอดครับ ถึงอย่างไรก็รักครับ 0-1 ก็ยังรัก


...อย่างน้อยนัดนี้พลพรรคหงส์แดงก็เก็บ 3 คะแนนจากนอกบ้านได้...  ยิ้มีเลศนัย ยิ้มีเลศนัย ยิ้มีเลศนัย

...สู้ต่อไปครับ...  ยิ้มีเลศนัย ยิ้มีเลศนัย ยิ้มีเลศนัย
บันทึกการเข้า

Every problem contains the seeds of its own solution.- Stanley Arnold
วุฒิ คนเล+รักในหลวง
นำแนน้า..หัวหน้า
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 197
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2172


รักน้องกันต์


« ตอบ #2881 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2008, 09:42:12 AM »

 3 แต้มจากนอกบ้าน เป็นการเริ่มต้นที่ดีครับ  เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม
บันทึกการเข้า

สุขเสมอมั่นเสมอมันเครือเก่า
อั๋น
ยอมแพ้ในวันนี้ เพื่อชนะในวันพรุ่งนี้
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 139
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3109



« ตอบ #2882 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2008, 09:44:58 AM »

เมื่อคืนลุ้นเอาเหนื่อยเหมือนกันครับ เยี่ยม
บันทึกการเข้า

มาด้วยใจ ไปด้วยกัน
Skynavy
Serve navy with pride
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 537
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 7597


Old sailor never dies


เว็บไซต์
« ตอบ #2883 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2008, 10:54:21 AM »

เริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว  เยี่ยม
บันทึกการเข้า

     
Τσρ Κσρ รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 294
ออฟไลน์

กระทู้: 1760


สูงสุด คืนสู่สามัญ


« ตอบ #2884 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2008, 12:45:20 PM »

จะชนะมากชนะน้อย ก็สามแต้มเหมือนกันครับ ถ้าจะเก็บสามแต้มทุกนัดด้วยสกอร์ 1-0 หรือ 0-1 ผมก็ยินดีคร้าบบบบ    คิก คิก



        ซันเดอร์แลนด์  0        ลิเวอร์พูล  1

    สนาม :สเตเดี้ยม ออฟ ไลท์

    ที่สเตเดี้ยม ออฟ ไลท์ ซันเดอร์แลนด์ ซึ่งขาดสองดาวยิง ดไวท์ ยอร์ค กับ เคนวิน โจนส์ ที่บาดเจ็บ
ประเดิมขนสี่สมาชิกใหม่ลงฟัดกับ ลิเวอร์พูล ทั้ง เอล ฮัดจิ ดิยุฟ, ปาสกาล ชิมบงด้า, สตีด มาลบร็องก์ และ ตีมู ไตนิโอ

    ส่วน หงส์แดง ปรับโผสองตำแหน่งจากนัดก่อนที่เสมอกับ สตองดาร์ ลีแอช ในถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก
โดยส่ง สตีเว่น เจอร์ราร์ด กับ ซามี่ ฮูเปีย เป็นตัวจริงแทน ชาบี อลอนโซ่ กับ ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ ซึ่งถูกจัดให้นั่งอยู่ข้างสนาม

    เปิดฉากมาแค่ 5 นาที เร้ด แมชีน ก็เกือบฆ่าตัวตายในจังหวะที่ ฮูเปีย โขกบอลกลับหลังแย่ให้ ดิ ยุฟ ตามไปเก็บได้ในเขตโทษ
แต่ก่อนที่อดีตดาวยิง หงส์แดง จะได้สับไกก็ถูก เจมี่ คาร์ราเกอร์ ตามมาเคลียร์ทิ้งได้ซะก่อน

    ทีมเยือนไม่สนใจทำเป็นใจดีสู้เสือเดินเกมบุกใส่เจ้าถิ่นเป็นการกลบเกลื่อน แต่ถึงนาทีที่ 13 ก็เกือบเสียท่าให้กับกรงเล็บแมวดำอีก
เมื่อ คีแรน ริชาร์ดสัน เข้าปั๊มแย่งบอลจาก เดิร์ก เคาท์ ได้ทำให ้ดิยุฟ รับช่วงสาดบอลจากริมเขตโทษด้านซ้ายให้ ดาร์ริล เมอร์ฟีย์ โดดโขกในเขตโทษ
แต่ไม่มีน้ำหนักจึงถูก โฆเซ่ เรน่า รับเข้าซอง แม้จะหลุดอกแต่นายทวารสแปนิชก็ตามไปเก็บได้ในจังหวะสอง

    ผ่านครึ่งชั่วโมง เกมของ ซันเดอร์แลนด์ ยังได้เสียวมากกว่า แต่นาทีที่ 33 ผู้ตัดสินก็เป่าให้ ลิเวอร์พูล ได้ลูกฟรีคิก
จากจังหวะที่ เจอร์ราร์ด โดนรวบหน้าเขตโทษแม้บอลจะถูกส่งเข้าไปในกรอบโดยที่ ยอสซี่ เบนายูน ถูก ชิมบงด้า กระแทกล้ม
แต่นกหวีดดังไปก่อนแล้ว และกัปตันอาคันตุกะซัดไปชนกำแพงกระดอนออกมา

    ท้ายครึ่งแรกนาทีที่ 43 ร็อบบี้ คีน ได้กระทุ้งจากระยะ 23 หลา แต่บอลลอยเฉี่ยวเสาออกไปแค่ฟุตเดียวเท่านั้น
ทำให้ทั้งคู่เจ๊ากันไปแบบไม่มีประตู ในช่วง 45 นาทีแรก

    ครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล ส่ง ชาบี ลงไปแทน ดาเมียง เปลสซิส ที่เจ็บเล็กน้อย หวังให้เกมกระเตื้องขึ้น
และในนาทีที่ 53 เจอร์ราร์ด ก็ลองหาช่องเข่นจากระยะ 22 หลาแต่ไม่ดีพอ บอลกลิ้งออกเส้นหลัง
นาทีต่อมา แมวดำ ก็ได้ลุ้นเช่นกันจากลูกที่ เมอร์ฟีย์ ตวัดจากกราบซ้ายไปเสาไกล ทว่า ดิยุฟ ซัลโวไม่เต็มเกือกจึงไม่ผ่านมือ เรน่า

    นาทีที่ 55 เบนายูน ลองหาโอกาสตะบันจากหน้าเขตโทษอีกราย และทำเอา เคร็ก กอร์ดอน ต้องทิ้งตัวปัด
ก่อนที่ อัลบาโร่ อาร์เบลัว จะตามไปเกี่ยว ริชาร์ดสัน จากด้านหลังในจังหวะโดนเจ้าบ้านโต้ จึงได้ใบเหลือง
แล้ว แบล็คแคตส์ จึงเปลี่ยน ไตนีโอ ออกให้ ดีน ไวท์เฮด ลงสนาม

    ถึงนาทีที่ 59 เบนายูน ทำดีแทงบอลเข้าเขตโทษด้านขวาให้ สตีวี่ จี ตามไปสับไก แต่ถูก แดนนี่ คอลลินส์ สกัดทิ้งออกจากปากประตูได้
กระนั้นในช่วง 20 นาทีสุดท้าย เครื่องจักรสีแดง ก็เริ่มทำงานเป็นฝ่ายคุมจังหวะเอาไว้ได้เหนือกว่ามากขึ้นเป็นลำดับ

    จนกระทั่งนาทีที่ 73 ลิเวอร์พูล ก็น่าจะออกนำด้วยลูกที่ เคาท์ พลิกยิงจากหน้าเขตโทษโดน กอร์ดอน ล้มตัวปัดออกมา
เฟร์นานโด ตอร์เรส ตามไปซ้ำแต่ติดขา คีน ที่พยายามเข้าเก็บตกเช่นกัน กลายเป็นกองหน้าไอริชช่วยเซฟ แมวดำ ซะงั้น

    จากนั้นเจ้าบ้านก็เปลี่ยน มาลบร็องก์ ออกส่ง คาร์ลอส เอ็ดเวิร์ดส์ ไปเหนื่อยบ้าง ขณะที่ทีมเยือนถอด คีน ออกในนาทีที่ 77 โดยมี นาบิล เอล ซาร์ ได้ลงเล่น

    และแล้วในนาทีที่ 81 เร้ดแมชีน ก็เกือบพังตาข่ายได้จากลูกยิงไกลบริเวณกลางสนามของ ชาบี ที่เห็น กอร์ดอน ออกมานอกเส้นประตูเยอะ
แต่บอลลอยเฉี่ยวสามเหลี่ยมออกไปอย่างน่าใจหายใจคว่ำ ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะเปลี่ยนผู้เล่นอีก โดยแมวดำใช้งาน ไมเคิ่ล โชปรา แทน ดิยุฟ
ส่วนอาคันตุกะเปลี่ยน ฟาบิโอ ออเรลิโอ แทนที่ เบนายูน

    อย่างไรก็ดี นาทีที่ 83 ลิเวอร์พูล ก็ขึ้นนำจนได้จากจังหวะที่ ชาบี ไหลบอลขึ้นหน้าให้ ตอร์เรส กระหน่ำจากหน้าเขตโทษโดยแนวรับซันเดอร์แลนด์เข้าประกบช้า
บอลพุ่งเสียบเสาแรกอย่างงดงามเป็นสกอร์ 1- 0 ของทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์



ดูประตูของ ตอร์เรส คลิก เลยครับ

    สถานการณ์บีบให้ แบล็คแคตส์ ต้องเดินหน้า แต่ ลิเวอร์พูล เล่นกันได้อย่างมั่นใจแล้ว จวบจนนาทีที่ 90 เอล ซาร์ ก็รับใบเหลืองข้อหาเตะบอลทิ้งเป็นการถ่วงเวลา
ก่อนที่เกมจะยุติ จึงเป็นอันว่าอาคันตุกะบุกมาเฉือนชนะไปอย่างหวุดหวิด 1-0

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
    ซันเดอร์แลนด์ : เคร็ก กอร์ดอน, ปาสกาล ชิมบงด้า, ไนรอน นอสเวิร์ทธี่, แดนนี่ คอลลินส์, ฟิล บาร์ดสลี่ย์, สตีด มัลบร็องก์, ทีมู ไทนิโอ, แอนดี้ รีด,
คีแรน ริชาร์ดสัน, เอล-ฮัดจิ ดิยุฟ, ดาริล เมอร์ฟี่
    สำรอง : ดาร์เรน วอร์ด, แดนนี่ ฮิกกิ้นบอตท่อม, คาร์ลอส เอ็ดเวิร์ดส์, ดีน ไวท์เฮด, แกรนท์ ลีดบิตเทอร์, แอนโธนี่ สโต๊คส์, ไมเคิ่ล โชปรา
    ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ มานูเอล เรน่า, อัลบาโร่ อาร์เบลัว, เจมี่ คาร์ราเกอร์, ซามี่ ฮูเปีย, อันเดรีย ดอสเซน่า, เดิร์ค เค้าท์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด,
ดาเมียน เปลสซิส, ยอสซี่ เบนายูน, ร็อบบี้ คีน, เฟร์นานโด ตอร์เรส
    สำรอง : ดิเอโก้ คาวาเลียรี่, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์, ฟาบิโอ ออเรลิโอ, ชาบี อลอนโซ่, มาร์ติน สเคอร์เทล, ดาวิด เอ็นก็อก, นาบิล เอล ซาร์

ที่มา : http://www.siamsport.co.th/25510817-001.html
บันทึกการเข้า

                     
  Ability is Nothing Without Opportunity. 

                 Napoleon Bonaparte
ฝุ่น-รักในหลวง
.45 8+1
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 456
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1729



เว็บไซต์
« ตอบ #2885 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2008, 01:21:30 PM »

ขอบคุณท่านtopcop ด้วยครับ
บันทึกการเข้า

พกไปก็โดนจับ ไม่พกก็โดนจี้

http://www.glock-club.com
หรอย
การไม่เป็นโรค เป็นลาภอันประเสริฐ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 618
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6416



« ตอบ #2886 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2008, 03:14:20 PM »

สวัสดีครับ.....ดีใจกับหงส์แดงด้วยจ้าๆๆๆๆๆๆ
บันทึกการเข้า
7 x 7 # รักในหลวง #
I will never walk Alone
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 52
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 852


นิ่งดั่งภูผา ไปมาไร้ร่องรอย รุกถอยประดุจลม


« ตอบ #2887 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2008, 03:41:35 PM »

Yes....... อย่างไงก็รัก ชนะ เท่าไหร่ก็รัก ครับ

0-1 จากนอกบ้าน ยิ่งรักครับ จุ๊บๆ  หลงรัก
บันทึกการเข้า

ความรู้...คู่คุณธรรม
โป้ง*กันบอย - รักในหลวง
YOU'LL NEVER WALK ALONE
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1629
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16886


คนฮัก เต้าผืนหนัง........คนจัง เต้าผืนสาด


เว็บไซต์
« ตอบ #2888 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2008, 07:27:02 PM »

อิอิ.........เย้...........เย้

บันทึกการเข้า


ชัยบึงกาฬ รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1991
ออฟไลน์

กระทู้: 8962


ต้องรู้ให้ถึงแก่น...


« ตอบ #2889 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2008, 11:29:27 PM »

ตามมา..เย้.....เย้....อิๆ
บันทึกการเข้า
Τσρ Κσρ รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 294
ออฟไลน์

กระทู้: 1760


สูงสุด คืนสู่สามัญ


« ตอบ #2890 เมื่อ: สิงหาคม 18, 2008, 02:32:32 PM »



เย้ .... เย้ .... ด้วยคนครับ อิอิอิ    คิก คิก
บันทึกการเข้า

                     
  Ability is Nothing Without Opportunity. 

                 Napoleon Bonaparte
B.O.W.
อยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 103
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1102


กำลังใจ ที่แรงกล้า คือ ศรัทธาอันสูงส่ง


« ตอบ #2891 เมื่อ: สิงหาคม 18, 2008, 05:03:07 PM »

จะชนะมากชนะน้อย ก็สามแต้มเหมือนกันครับ ถ้าจะเก็บสามแต้มทุกนัดด้วยสกอร์ 1-0 หรือ 0-1 ผมก็ยินดีคร้าบบบบ    คิก คิก



        ซันเดอร์แลนด์  0        ลิเวอร์พูล  1

    สนาม :สเตเดี้ยม ออฟ ไลท์

    ที่สเตเดี้ยม ออฟ ไลท์ ซันเดอร์แลนด์ ซึ่งขาดสองดาวยิง ดไวท์ ยอร์ค กับ เคนวิน โจนส์ ที่บาดเจ็บ
ประเดิมขนสี่สมาชิกใหม่ลงฟัดกับ ลิเวอร์พูล ทั้ง เอล ฮัดจิ ดิยุฟ, ปาสกาล ชิมบงด้า, สตีด มาลบร็องก์ และ ตีมู ไตนิโอ

    ส่วน หงส์แดง ปรับโผสองตำแหน่งจากนัดก่อนที่เสมอกับ สตองดาร์ ลีแอช ในถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก
โดยส่ง สตีเว่น เจอร์ราร์ด กับ ซามี่ ฮูเปีย เป็นตัวจริงแทน ชาบี อลอนโซ่ กับ ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ ซึ่งถูกจัดให้นั่งอยู่ข้างสนาม

    เปิดฉากมาแค่ 5 นาที เร้ด แมชีน ก็เกือบฆ่าตัวตายในจังหวะที่ ฮูเปีย โขกบอลกลับหลังแย่ให้ ดิ ยุฟ ตามไปเก็บได้ในเขตโทษ
แต่ก่อนที่อดีตดาวยิง หงส์แดง จะได้สับไกก็ถูก เจมี่ คาร์ราเกอร์ ตามมาเคลียร์ทิ้งได้ซะก่อน

    ทีมเยือนไม่สนใจทำเป็นใจดีสู้เสือเดินเกมบุกใส่เจ้าถิ่นเป็นการกลบเกลื่อน แต่ถึงนาทีที่ 13 ก็เกือบเสียท่าให้กับกรงเล็บแมวดำอีก
เมื่อ คีแรน ริชาร์ดสัน เข้าปั๊มแย่งบอลจาก เดิร์ก เคาท์ ได้ทำให ้ดิยุฟ รับช่วงสาดบอลจากริมเขตโทษด้านซ้ายให้ ดาร์ริล เมอร์ฟีย์ โดดโขกในเขตโทษ
แต่ไม่มีน้ำหนักจึงถูก โฆเซ่ เรน่า รับเข้าซอง แม้จะหลุดอกแต่นายทวารสแปนิชก็ตามไปเก็บได้ในจังหวะสอง

    ผ่านครึ่งชั่วโมง เกมของ ซันเดอร์แลนด์ ยังได้เสียวมากกว่า แต่นาทีที่ 33 ผู้ตัดสินก็เป่าให้ ลิเวอร์พูล ได้ลูกฟรีคิก
จากจังหวะที่ เจอร์ราร์ด โดนรวบหน้าเขตโทษแม้บอลจะถูกส่งเข้าไปในกรอบโดยที่ ยอสซี่ เบนายูน ถูก ชิมบงด้า กระแทกล้ม
แต่นกหวีดดังไปก่อนแล้ว และกัปตันอาคันตุกะซัดไปชนกำแพงกระดอนออกมา

    ท้ายครึ่งแรกนาทีที่ 43 ร็อบบี้ คีน ได้กระทุ้งจากระยะ 23 หลา แต่บอลลอยเฉี่ยวเสาออกไปแค่ฟุตเดียวเท่านั้น
ทำให้ทั้งคู่เจ๊ากันไปแบบไม่มีประตู ในช่วง 45 นาทีแรก

    ครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล ส่ง ชาบี ลงไปแทน ดาเมียง เปลสซิส ที่เจ็บเล็กน้อย หวังให้เกมกระเตื้องขึ้น
และในนาทีที่ 53 เจอร์ราร์ด ก็ลองหาช่องเข่นจากระยะ 22 หลาแต่ไม่ดีพอ บอลกลิ้งออกเส้นหลัง
นาทีต่อมา แมวดำ ก็ได้ลุ้นเช่นกันจากลูกที่ เมอร์ฟีย์ ตวัดจากกราบซ้ายไปเสาไกล ทว่า ดิยุฟ ซัลโวไม่เต็มเกือกจึงไม่ผ่านมือ เรน่า

    นาทีที่ 55 เบนายูน ลองหาโอกาสตะบันจากหน้าเขตโทษอีกราย และทำเอา เคร็ก กอร์ดอน ต้องทิ้งตัวปัด
ก่อนที่ อัลบาโร่ อาร์เบลัว จะตามไปเกี่ยว ริชาร์ดสัน จากด้านหลังในจังหวะโดนเจ้าบ้านโต้ จึงได้ใบเหลือง
แล้ว แบล็คแคตส์ จึงเปลี่ยน ไตนีโอ ออกให้ ดีน ไวท์เฮด ลงสนาม

    ถึงนาทีที่ 59 เบนายูน ทำดีแทงบอลเข้าเขตโทษด้านขวาให้ สตีวี่ จี ตามไปสับไก แต่ถูก แดนนี่ คอลลินส์ สกัดทิ้งออกจากปากประตูได้
กระนั้นในช่วง 20 นาทีสุดท้าย เครื่องจักรสีแดง ก็เริ่มทำงานเป็นฝ่ายคุมจังหวะเอาไว้ได้เหนือกว่ามากขึ้นเป็นลำดับ

    จนกระทั่งนาทีที่ 73 ลิเวอร์พูล ก็น่าจะออกนำด้วยลูกที่ เคาท์ พลิกยิงจากหน้าเขตโทษโดน กอร์ดอน ล้มตัวปัดออกมา
เฟร์นานโด ตอร์เรส ตามไปซ้ำแต่ติดขา คีน ที่พยายามเข้าเก็บตกเช่นกัน กลายเป็นกองหน้าไอริชช่วยเซฟ แมวดำ ซะงั้น

    จากนั้นเจ้าบ้านก็เปลี่ยน มาลบร็องก์ ออกส่ง คาร์ลอส เอ็ดเวิร์ดส์ ไปเหนื่อยบ้าง ขณะที่ทีมเยือนถอด คีน ออกในนาทีที่ 77 โดยมี นาบิล เอล ซาร์ ได้ลงเล่น

    และแล้วในนาทีที่ 81 เร้ดแมชีน ก็เกือบพังตาข่ายได้จากลูกยิงไกลบริเวณกลางสนามของ ชาบี ที่เห็น กอร์ดอน ออกมานอกเส้นประตูเยอะ
แต่บอลลอยเฉี่ยวสามเหลี่ยมออกไปอย่างน่าใจหายใจคว่ำ ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะเปลี่ยนผู้เล่นอีก โดยแมวดำใช้งาน ไมเคิ่ล โชปรา แทน ดิยุฟ
ส่วนอาคันตุกะเปลี่ยน ฟาบิโอ ออเรลิโอ แทนที่ เบนายูน

    อย่างไรก็ดี นาทีที่ 83 ลิเวอร์พูล ก็ขึ้นนำจนได้จากจังหวะที่ ชาบี ไหลบอลขึ้นหน้าให้ ตอร์เรส กระหน่ำจากหน้าเขตโทษโดยแนวรับซันเดอร์แลนด์เข้าประกบช้า
บอลพุ่งเสียบเสาแรกอย่างงดงามเป็นสกอร์ 1- 0 ของทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์



ดูประตูของ ตอร์เรส คลิก เลยครับ

    สถานการณ์บีบให้ แบล็คแคตส์ ต้องเดินหน้า แต่ ลิเวอร์พูล เล่นกันได้อย่างมั่นใจแล้ว จวบจนนาทีที่ 90 เอล ซาร์ ก็รับใบเหลืองข้อหาเตะบอลทิ้งเป็นการถ่วงเวลา
ก่อนที่เกมจะยุติ จึงเป็นอันว่าอาคันตุกะบุกมาเฉือนชนะไปอย่างหวุดหวิด 1-0

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
    ซันเดอร์แลนด์ : เคร็ก กอร์ดอน, ปาสกาล ชิมบงด้า, ไนรอน นอสเวิร์ทธี่, แดนนี่ คอลลินส์, ฟิล บาร์ดสลี่ย์, สตีด มัลบร็องก์, ทีมู ไทนิโอ, แอนดี้ รีด,
คีแรน ริชาร์ดสัน, เอล-ฮัดจิ ดิยุฟ, ดาริล เมอร์ฟี่
    สำรอง : ดาร์เรน วอร์ด, แดนนี่ ฮิกกิ้นบอตท่อม, คาร์ลอส เอ็ดเวิร์ดส์, ดีน ไวท์เฮด, แกรนท์ ลีดบิตเทอร์, แอนโธนี่ สโต๊คส์, ไมเคิ่ล โชปรา
    ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ มานูเอล เรน่า, อัลบาโร่ อาร์เบลัว, เจมี่ คาร์ราเกอร์, ซามี่ ฮูเปีย, อันเดรีย ดอสเซน่า, เดิร์ค เค้าท์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด,
ดาเมียน เปลสซิส, ยอสซี่ เบนายูน, ร็อบบี้ คีน, เฟร์นานโด ตอร์เรส
    สำรอง : ดิเอโก้ คาวาเลียรี่, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์, ฟาบิโอ ออเรลิโอ, ชาบี อลอนโซ่, มาร์ติน สเคอร์เทล, ดาวิด เอ็นก็อก, นาบิล เอล ซาร์

ที่มา : http://www.siamsport.co.th/25510817-001.html


ขอบคุณข้อมูลจาก ท่าน top kop
ส่วนประตูนี้ของ ตอร์  ประตูเต๊ป จริงๆๆ 
หวุดหวิด  แต่ก็โอเค    เดี๋ยวก็ปรับตัวเข้ากันได้สำหรับ  รายใหม่ ๆ 
บันทึกการเข้า

" รักษาความไม่ประมาทเสมอชีวิต "
Τσρ Κσρ รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 294
ออฟไลน์

กระทู้: 1760


สูงสุด คืนสู่สามัญ


« ตอบ #2892 เมื่อ: สิงหาคม 23, 2008, 09:36:53 PM »

    Liverpool    [0 - 0]    Middlesbrough   
26'         A. Arbeloa         Yellow Card

Stoke C.    [1 - 0]    Aston Villa
31'         [1 - 0]           L. Lawrence (pen.)

Blackburn R.    [1 - 1]    Hull C.
38'         [1 - 0]          J. Roberts       
40'         [1 - 1]          R. Garcia

จบครึ่งแรก 6 สนาม มี 3 ประตูครับ    Grin
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 23, 2008, 10:21:04 PM โดย Τσρ Κσρ » บันทึกการเข้า

                     
  Ability is Nothing Without Opportunity. 

                 Napoleon Bonaparte
Τσρ Κσρ รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 294
ออฟไลน์

กระทู้: 1760


สูงสุด คืนสู่สามัญ


« ตอบ #2893 เมื่อ: สิงหาคม 23, 2008, 10:17:29 PM »

    Liverpool    [2 - 1]    Middlesbrough   
26'         A. Arbeloa         Yellow Card
70'         [0 - 1]          Mido
86'         [1 - 1]          E. Pogatetz (o.g.)
90'         [2 - 1]          S. Gerrard

มิโด เปลี่ยนตัวลงมาแค่ 10 นาที แสบจริงจริง    หัวเราะร่าน้ำตาริน
คาร์ราเกอร์ ยิงไปแฉลบ โปกาเตตซ์ เป็นลูกตีเสมอ ก่อนที่ กับตันเจอร์ราร์ด จะมา ขโมย 2 แต้มจาก โบโร่ ช่วงทดเจ็บครับ    คิก คิก


Stoke C.    [3 - 2]    Aston Villa
31'         [1 - 0]           L. Lawrence (pen.)
63'         [1 - 1]          J. Carew
80'         [2 - 1]          R. Fuller       
84'         [2 - 2]          M. Laursen
90'         [3 - 2]          M. Sidibe

คู่นี้มันหยดจริงจริง เจ้าบ้านมายิงช่วงท้ายเหมือนกันครับ    Grin

Blackburn R.    [1 - 1]    Hull C.
38'         [1 - 0]          J. Roberts       
40'         [1 - 1]          R. Garcia

Tottenham H.    [1 - 2]    Sunderland
55'         [0 - 1]          K. Richardson
73'         [1 - 1]          J. Jenas
83'         [1 - 2]          D. Cisse

รามอส ไม่ส่ง เบอร์บาตอฟ ลงเล่น ด้วยข้อหาไม่มีสมาธิกับเกมครับ    ตกใจ
สุดท้ายก็เลยโดน ซิสเซ่ ที่ รอย คีน ยืมตัวมา เล่นนัดแรก ซัดประตูชัยซะ    เยี่ยม

West Bromwich A.    [1 - 2]    Everton
65'         [0 - 1]          L. Osman
76'         [0 - 2]          A. Yakubu
89'         [1 - 2]          R. Bednar (pen.)

Newcastle U.    [1 - 0]    Bolton W.
71'         [1 - 0]          M. Owen
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 23, 2008, 11:06:44 PM โดย Τσρ Κσρ » บันทึกการเข้า

                     
  Ability is Nothing Without Opportunity. 

                 Napoleon Bonaparte
Τσρ Κσρ รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 294
ออฟไลน์

กระทู้: 1760


สูงสุด คืนสู่สามัญ


« ตอบ #2894 เมื่อ: สิงหาคม 23, 2008, 11:48:46 PM »

ถึงจะใจหายใจคว่ำ ลุ้นจนน้ำลายหนืดทั้งสองนัด แต่ก็แสดงให้เห็นความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างครับ

ชนะได้ในนัดที่น่าจะเสมอ แบ่งแต้มได้ในนัดที่น่าจะแพ้ เป็นทีมที่ตายยาก อาจจะมีโชคช่วยบ้าง แต่เหล่านี้ ทีมจำเป็นต้องมี

ถ้าอยากจะลุ้นแชมป์แบบเป็นเรื่องเป็นราว ไม่ใช่ลมลมแล้งแล้ง วูบวาบแล้วก็เลือนหาย ปีนี้ยังไงได้ดูกันยาวยาวแน่ครับ    หลงรัก




    Liverpool    2 - 1    Middlesbrough   

สนาม : แอนฟิลด์

"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ลงสนามรับการมาเยือนของ มิดเดิ้ลสโบรช์ โดยเจ้าถิ่นเปลี่ยนแนวรับอีกหนในนัดนี้
โดยใช้บริการ มาร์ติน สเคอร์เทล เป็นเซอร์เตอร์ฮาล์ฟคู่กับ เจมี่ คาร์ราเกอร์ ส่วน ไรอัน บาเบิ้ล ที่กลับมาจากศึกโอลิมปิกเกมส์แล้ว มีชื่อเป็นตัวสำรอง

ฝั่งทีมเยือนมีปัญหา ประตู แบร็ด โจนส์ มีอาการบาดเจ็บขณะวอร์ม จึงต้องส่ง รอสส์ เทิร์นบูลล์ ลงเฝ้าเสา
ขณะที่กองหลังตัวใหม่ จัสติน ฮอยต์ อยู่ในโผตัวสำรอง
 
เริ่มเกมมา ลิเวอร์พูล เจ้าบ้านเป็นฝ่ายครองเกมบุกต่อเนื่อง นาทีที่ 3 เฟร์นานโด ตอร์เรส ผ่านบอลให้ เดิร์ค เคาท์ วิ่งเข้ายิงจากหน้ากรอบเขตโทษเต็มเท้า
แต่ว่า รอสส์ เทิร์นบูลล์ พุ่งปัดออกหลังไปได้
 
นาที 13 ทีมเยือนเกือบนำบ้างเมื่อ แกรี่ โอนีล เปิดบอลจากริมเส้นมาหน้าประตูให้ อฟอนโซ่ อัลเวส โหม่งคืนหลังให้ แอนดรูว์ เทย์เลอร์ ยิงจากระยะ 20 หลา
แต่ โฆเซ่ เรน่า ไม่พลาด ปัดได้เช่นกัน

เกมผ่านมาถึงนาที 31 เฟร์นานโด ตอร์เรส ไหลบอลให้ สตีเว่น เจอร์ราร์ด วิ่งเข้าแปริมเขตโทษด้านขวา แต่ว่าบอลหลุดเสาแรกไป

อีก 8 นาทีต่อมาเจ้าบ้านน่าได้ประตูที่สุด จากความสามารถเฉพาะตัวของ ร็อบบี้ คีน ที่แหวกกองหลัง เดอะ โบโร่ เข้าไป



ก่อนที่จะดีดต่อให้ เฟร์นานโด ตอร์เรส คู่ขาในแดนหน้าแปเน้นๆ ในเขตโทษ
แต่ว่ายังไปติดขา เอ็มมานูเอล โปกาเตทซ์ กองหลัง มิดเดิ้ลสโบรช์ หลุดเสาออกไปนิดเดียวเท่านั้น ทำให้จบครึ่งแรก เสมอกันอยู่ 0-0

กลับมาครึ่งหลัง เกมยังสูสี นาที 51 เดิร์ค เค้าท์ ได้โขกกลางเขตโทษ แต่บอลเบา เข้ามือ รอสส์ เทิร์นบูลล์

นาที 61 มิดเดิ้ลสโบรช์ มีโอกาสทองจากลูกยิงในกรอบเขตโทษของ ตุนชาย ซานลี่ แต่กลับยิงเรียดไปเข้าซอง โฆเซ่ เรน่า อย่างน่าเสียดาย

นาที 70 แฟนบอลเจ้าถิ่นต้องเงียบกริบ เมื่อ อาเหม็ด มิโด้ ที่ลงมาแทน อฟอนโซ่ อัลเวส ซัดด้วยซ้ายจากหน้ากรอบ
บอลพุ่งผ่าน เรน่า เสียบเสาขวามือตัวเองเข้าไป มิดเดิ้ลสโบรช์ นำ 1-0

นาที 77 ลิเวอร์พูล น่าได้ประตูตีเสมอ เฟร์นานโด ตอร์เรส โหม่งตั้งมาหน้าเขตโทษ สตีเว่น เจอร์ราร์ด วิ่งเข้าอัดด้วยขวา ติดบล็อก โรเบิร์ต ฮูธ แฉลบออกหลัง

หลังบุกอยู่นาน นาที 85 ลิเวอร์พูล มาตามตีเสมอเป็น 1-1 จนได้ เมื่อ เจมี่ คาร์ราเกอร์ ซัดด้วยขวาจากมุมเขตโทษทางขวา



บอลพุ่งไปแฉลบ เอ็มมานูเอล โปกาเทตซ์ เปลี่ยนทางผ่านมือ รอสส์ เทิร์นบูลล์ เข้าไป

ช่วงทดเจ็บเหล่าเ ดอะ ค็อป ได้เริงร่าเมื่อ ร็อบบี้ คีน คืนหลังให้ สตีเว่น เจอร์ราร์ด วิ่งเข้ากดด้วยขวาตรงกรอบโทษฝั่งซ้าย



บอลพุ่งเสียบเสาไกลอย่างเด็ดขาด เป็นประตูชัยให้ ลิเวอร์พูล ชนะ มิดเดิ้ลสโบรช์ 2-1

แมน ออฟ เดอะ แมทช์ : เฟร์นานโด ตอร์เรส   

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า, อัลวาโร่ อาร์เบลัว, มาร์ติน สเคอร์เทล, เจมี่ คาร์ราเกอร์, อันเดรีย ดอสเซน่า,
เดิร์ค เคาท์, ชาบี อลอนโซ่, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ยอสซี่ เบนายูน, เฟร์นานโด ตอร์เรส, ร็อบบี้ คีน
สำรอง : ดีเอโก้ คาวาเลียรี่, ดาเนี่ยล แอ๊กเกอร์, ฟาบิโอ ออเรลิโอ, ดาเมียน เพลสซิส, นาบิล เอล ซาร์, ไรอัน บาเบิล, ดาวิด เอ็นก็อก

มิดเดิ้ลสโบรช์ : รอสส์ เทิร์บูลล์, เดวิด วีเธอร์, โรเบิร์ต ฮูธ, เอ็มมานูเอล โปกาเตทซ์, แอนดรูว์ เทย์เลอร์,
เฌเรมี่ อาลิยาดิแยร์, โมฮาเหม็ด ชอว์กี้, แกรี่ โอนีล, สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง, อฟอนโซ่ อัลเวส, ตุนกาย ซานลี่
สำรอง : แบร็ด โจนส์, จัสติน ฮอยต์, ดิดิเย่ร์ ดิการ์ด, มาร์วิน เอ็มเนส, อดัม จอห์นสัน, รีห์ส วิลเลี่ยมส์, มิโด้

ที่มา : http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/080823_174.html
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 24, 2008, 12:30:30 AM โดย Τσρ Κσρ » บันทึกการเข้า

                     
  Ability is Nothing Without Opportunity. 

                 Napoleon Bonaparte
หน้า: 1 ... 190 191 192 [193] 194 195 196 ... 366
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.112 วินาที กับ 21 คำสั่ง