ผมขอแชร์ประสบการณ์นิดนึงครับ เรื่องมีอยู่ว่า...
ผมขับรถมากับแฟนกลางวันแสกๆ มาตามถนนพญาไทก่อนถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
ประมาณ 50 เมตร ..เพราะมัวแต่คุยกับแฟนเพลินไปหน่อยเลยเบรคไม่ทันก็เลยเสยท้าย
ฟอร์จูนเนอร์ซะ แต่ผมดูแล้วมันนิดเดียวเองครับเพราะเบรครถผมดี(ผมขับแอ็คคอร์ดครับ)

คุณพี่ที่ขับฟอร์จูนเนอร์ก็กร่างพอตัว พี่แกเปิดประตูรถลงได้ก็มายืนสั่งผมให้โทรหาประกัน(ด้วยเสียงอันดัง)
ผมก็เหมือนจขกท.ครับ ..ก็พูดกับพี่เค้าดีๆว่าผมเบรคไม่ทันจริงๆครับพี่ ..ขอโทษด้วยนะครับ แล้วก็โทรหาประกันของผม
ส่วนพี่แกก็วางท่ากร่างเต็มที่เดินดูรถผมรอบคัน(มันเกี่ยวกันตรงไหนหว่า...?)

แล้วเอาโทรศัพทฺมือถือถ่ายรูปรถผม
ไว้ แถมโทรหาคนโน้นคนนี้ไปทั่วทำทีว่ามีเพื่อนเยอะ ผมก็ไม่เข้าใจว่าเค้าทำแบบนั้นทำไม เพราะผมก็ยอมรับผิด แถมไม่ได้หนีไปไหน
...แต่ช็อตเด็ดมันอยู่ตรงนี้ครับ...คือว่าที่หน้ารถของผมมีสติ๊กเกอร์ของ " รัฐสภา" ติดอยู่(พี่สาวแฟนผมทำงานอยู่ที่สภาครับเลยขอได้)
พอพี่แกเหลือบไปเห็นเท่านั้นแหละครับ หน้าที่เคยโกรธจนเป็นสีแดงกลับซีดลง ซีดลงเป็นไก่ในตู้ข้าวมันไก่ พอผมสังเกตเห็นผมก็ขำ
น่ะสิครับ

...แหม..ทีตอนแรกทำเป็นว่าข้าใหญ่ แต่ที่ไหนได้..ใจปลาซิวเราดีดีนี่เองครับ....(จบ)
...นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...อย่าคิดว่าตัวเองแน่อยู่คนเดียว..พ่อแม่ทุกคนให้มาสิบนิ้วมือ สิบนิ้วเท้าเท่ากัน ต่างกันตรงการอบรมสั่งสอนครับ
เพราะฉะนั้นคำว่า " ขอโทษ " จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากในสังคมเมืองที่แล้งน้ำใจอย่างทุกวันนี้ครับ...สรุป..จขกท.ทำดีแล้วครับ น่ายกย่องครับ..
