เย้ยมาตรการรปภ.สนามบินสุวรรณภูมิ 
หนุ่มพม่าปีนรั้วเข้ารันเวย์ดอดขึ้นเครื่องสายการบินตุรกี แอร์ไลน์สบายใจเฉิบ เตรียมหลบหนีไปประเทศที่ 3 ยังดีที่เจ้าหน้าที่ประจำเครื่องมาพบเข้าก่อนจะไปรับผู้โดยสารขึ้นเครื่อง แจ้งตำรวจมารับตัวไปสอบ สวน พบเป็นหนุ่มพม่าหนีคุกมาจากมาเลย์ บิ๊กทอท. เต้นผางยอมรับหละหลวมปล่อยให้บุคคลภายนอกเข้าไปถึงตัวเครื่องบินได้ ยังดีที่ไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย ไม่เช่นนั้นวุ่นวายกว่านี้แน่
เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่าตำรวจ.สภ.ราชาเทวะ ต.บางพลี จ.สมุทรปราการ ได้จับกุมแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองก่อเหตุลักลอบขึ้นไปบนเครื่องบินเพื่อที่จะหลบหนีออกนอกประเทศ จึงเดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึง ได้พบกับพ.ต.ท.ปณชัย ศรัทธาวุฒิ สว.เวร เจ้าของคดี ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเพียงสั้นๆ ว่ามีการจับกุมต่าง ด้าวจริง แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด และส่งตัวไป ตม.ปากน้ำ แล้วพร้อมทั้งให้ไปสอบถามเรื่องทั้งหมดกับหัวหน้าโรงพัก
พ.ต.อ.ธีรเดช ภาณุรักษ์ ผกก.สภ.ราชาเทวะ อ.บางพลี สมุทรปราการ กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวมีจริง แต่ทางการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิขอให้ปิดเป็นความลับ ไม่อาจเปิดเผยได้
อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวเปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อกลางดึกวันที่ 22 ม.ค. เจ้าหน้าที่ประจำสายการบิน ได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ราชาเทวะ ว่ามีชาวต่างชาติ สัญชาติพม่า ได้ขึ้นมาบนเครื่องบินลำที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ โดยชายคนดังกล่าวไม่สวมรองเท้า น่าสงสัยว่า ไม่น่าจะเป็นผู้โดยสาร จึงประสานเจ้าหน้าที่จับกุมไปดำเนินคดี ต่อมาทราบชื่อ คือนายชู อ่อง ชาวพม่า อายุประมาณ 25-30 ปี ได้ใช้วิธีข้ามคลองด้านข้างสนามบินสุวรรณภูมิ ด้านทิศตะวันตก ติดด้านหลังโรงแรมแกรนด์ อินคำ ซึ่งตั้งอยู่ถ.กิ่งแก้ว-ลาดกระบัง จากนั้นปีนข้ามรั้วตาข่ายและเดินลัดเลาะข้ามรันเวย์ มุ่งไปยังเครื่องบินที่จอดอยู่ และขึ้นไปบนเครื่อง ทำทีเป็นผู้โดยสาร จนเจ้าหน้าที่บนเครื่องพบเข้าและสงสัยจึงแจ้งจับกุมตัวไว้ ก่อนประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวไปสอบสวน
ทางด้าน พล.ต.ต.วิทยา ประยงค์พันธ์ ผบก.ภ. จว.สมุทรปราการ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่การท่าอากาศยานว่ามีการจับกุมตัวชาวต่างด้าวที่หลบหนีขึ้นเครื่องไว้ได้ จึงให้ไปดำเนินการในเรื่องดังกล่าวและเราก็ไปรับตัวมา และทราบว่าต่างด้าวดังกล่าวได้ลักลอบขึ้นเครื่องไป ซึ่งทางเราก็ดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกสถานที่ราชการ และลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
วันเดียวกัน พล.อ.ท.ชนะ อยู่สถาพร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.เปิดเผยถึงกรณีที่นายซุ ออง อายุ 27 ปี สัญชาติพม่า ลักลอบเข้าไปในพื้นที่ทำการบิน หรือแอร์ไซต์ และแอบเข้าไปนั่งบนเครื่องบินของสายการบินตุรกี แอร์ไลน์ เพื่อบินต่อไปยังประเทศ ที่สาม เมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นหลังจากเปิดใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และจากการได้รับรายงานนายซุ ออง ได้ปีนรั้วเข้ามาภายในแอร์ไซต์ตั้งแต่ช่วงกลางคืน และเมื่อพบว่ามีเครื่องบินของสายการบินดังกล่าวจอดอยู่ที่ลานจอดหลุมที่ 502 และเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ถอดบันไดเก็บไว้ ทำให้นายซุออง สามารถขึ้นไปและเปิดเข้าไปนั่งภายในตัวเครื่องบินได้โดยนั่งที่หมายเลข 40 เจเค ต่อมาในช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ลากเครื่องบินลำดังกล่าวไปรับผู้โดยสารรายอื่นที่สะพานเทียบเครื่องบิน
เนื่องจากเครื่องบินลำดังกล่าวมีตารางบินในช่วงเวลาประมาณ 24.00 น. ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบความเรียบร้อยภายในตัวเครื่อง จึงได้พบว่านายซุอองนั่งอยู่ภายในเครื่องบินแล้ว จึงได้นำส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ราชเทวะ ดำเนินคดี ในเบื้องต้นถูกดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกในยามวิกาล
พล.อ.ท.ชนะกล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยอมรับว่าเป็นความบกพร่องของมาตรการรักษาความปลอดภัย ที่ยังหละหลวมไม่ทั่วถึง ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ซึ่งยังถือว่าโชคดีที่ชาวพม่าคนดังกล่าวไม่ได้มีพฤติกรรมก่อการร้าย เพียงแต่ต้องการหลบหนีไปประเทศที่สามเท่านั้น ต่อไปนี้ทอท.จะต้องให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยให้มากขึ้น
ด้านนายจตุรงคพล สดมณี รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ฝ่ายปฏิบัติการกล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่านายซุ ออง หลบหนีเข้ามาภายในแอร์ไซต์ฝั่งถนนกิ่งแก้ว แม้ว่าบริเวณกังกล่าวจะติดตั้งกล้องวงจรปิดแต่มีแสงสว่างไม่เพียงพอ ทำให้มองไม่เห็นความคลื่นไหวในจุดนั้น ทำให้นายซุ อองหลุดรอดเข้ามาได้ ซึ่งต่อไปจะเพิ่มมาตรการด้านการ รักษาความปลอดภัยให้มากขึ้น ทั้งในส่วนของแสงสว่าง และการเพิ่มจำนวนและความถี่ของเวรยามที่จะเข้าไปตรวจตราในบริเวณดังกล่าวให้มากขึ้น
รายงานข่าวเปิดเผยว่า จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ นายซุ อองให้ข้อมูลว่าเคยติดคุกที่มาเลเซียและหลบหนีออกมาจากเรือนจำ จากนั้นเดินเท้ามายังกรุงเทพฯ ใช้เวลาทั้งหมด 2 เดือน และด้วยความที่ต้องการเดินทางไปยังประเทศที่สาม จึงคิดที่จะลัก ลอบขึ้นเครื่องบิน ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่านายซุ ออง ไม่มีอาวุธและไม่มีพฤติกรรมการก่อการร้าย สวมเพียงกางเกงขาสั้น เสื้อยืด ไม่สวมรองเท้า จากการที่นายซุ อองให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ของทอท.ยังไม่พบพิรุธว่าเป็นผู้ก่อการร้าย รวมถึงเมื่อสายการบินดังกล่าวเดินทางไปถึงประเทศปลายทางคือเมืองอิสตัลบูล ก็ไม่ได้รับรายงานเหตุผิดปกติ อย่างไรก็ตาม คาดว่าขณะนี้ทางตำรวจสันติบาลจะเข้ามาควบคุมตัวนายซุ อองไปสอบสวนอีกครั้ง เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
รายงานข่าวยังระบุอีกว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเหตุการณ์ที่ร้ายแรงและกระทบต่อความมั่นคงอย่างมาก เพราะแสดงให้เห็นถึงความหละหลวมของมาตรการรักษาความปลอดภัย ที่จะต้องดำเนินการไปอย่างเคร่งครัด แม้ว่าจะมีรั้วถึง 3 ชั้น แต่การที่ปล่อยให้มีคนเข้ามาในพื้นที่ของลานจอดและสนามบินได้ ถือว่าเป็นความผิดพลาด และทางทอท. จะต้องส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบ สวนอย่างละเอียด เพราะหากมีคนเข้าไปนั่งในตัวเครื่องบินได้ก็แสดงว่าสนามบินมีโอกาสสูงที่จะถูกลอบวางระเบิด หากเป็นเช่นนั้นอาจตรวจสอบไม่พบเพราะเกิดการระเบิดขึ้นก่อน
"ที่ผ่านมาที่ท่าอากาศยานดอนเมืองเคยมีคนลัก ลอบเข้าไปแอบที่เก็บล้อของเครื่องบิน แต่เสียชีวิตก่อน รวมถึงเคยมีคนลักลอบเข้าไปในบริเวณสนามบิน และทางกองทัพอากาศที่เป็นเจ้าของพื้นที่โดยตรงก็ได้เข้ามาจับกุมเพื่อไปทำแผนและสอบสวนอย่างเคร่งเครียดทันที เพราะถือว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นภัยที่ร้ายแรงต่อความมั่นคงของประเทศ" รายงานข่าวระบุ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- มือมืด บุกทุบกระจกรถ 99 คัน คา สนามบิน "สุวรรณภูมิ"
- แฉปม รันเวย์สนามบินสุวรรณภูมิ ร้าว
- อเมซิ่งสุวรรณภูมิ! ส้วมน้อย-ป้ายไม่มี-แท็กซี่ไม่มา-หลังคารั่ว
ข้อมูลจาก
http://hilight.kapook.com/view/19803