*** หุ้ น 2 5 5 7 ***

[HOW]

SCB ช่วงนี้เจอแนวต้านถี่ยิบครับ... 101.5 (ก้นของวันที่ 20 - 21 ธ.ค.) และหากพ้นไปได้ก็เจอ 102.5 (ก้นของ 28 ธ.ค.)...

จะให้พ้นต้องมี Volume หนาๆดันพรวด, แล้วใครจะมีแรงแยะขนาดดันหุ้น Bank ใหญ่ได้ต้องกองทุนกับฝรั่งเท่านั้นครับ... กองทุน"อม" LTF เอาไว้ยังไม่ได้ซื้อ, ฝรั่งก็ขายยังไม่สะเด็ดน้ำ...

ถ้าตัวใหญ่ๆทำ New High แล้วไม่วิ่ง แนวโน้มน่าจะดึง Set ลงหรือเปล่าครับ....

[HOW]

พี่อภิสิทธิ์ยังถือ SCB อยู่เหรอเปล่าครับ ลุ้นช่วยครับ....

[HOW]

เอาข่าวมาฝากนะครับ....

นสพ.ประชาชาติพาดหัวเทมาเซ็กโยกพอร์ตส่งสัญญาณขายทิ้งหุ้นไทย
หุ้นไทยที่เทมาเซ็กถือ มีดังต่อไปนี้

BBL
SCB
KBANK
TISCO
BANPU
PTTAR
BEC
CPALL
GLOW
ITD
LH
MCOT
PSL
QH
THRE
SPF

[HOW]

SET แกว่งแคบๆ ก่อนปิดที่ 1,024.54 บวก 1.35 จุด หรือ 0.13% ด้วย value 26,163 ล้านบาท
 
1) DJIA และตลาดยุโรป ยังอยู่ในข่ายของการต่อยอด new high แม้หุ้นโลกบางตลาดยังแสดงความอ่อนแรง ส่วน SET ยังอ่านยากที่สุด
 
2) SET มี s. ที่ 1020, 1015, 1010-1008, 1000 และมี r. ที่ 1025-1030, 1035, 1040-1045, 1050-1055
 
3) เมื่อ update ล่าสุดแล้ว SET ยังอยู่ในข่ายของ choice ที่เป็นไปได้ว่า
ก่อนหน้านี้จะเป็นแค่การทำ rebound แล้วยื้อจังหวะลง ก่อนถอยลงต่อแบบขาลง มากกว่า choice ที่จะทำแกว่ง ขึ้น-ลง สลับกัน ก่อนจะต่อยอดของ new high ที่เหนือระดับ 1,056.44
(แต่โดยหลักการของภาพรวม ถ้ายังไม่มีการถูกทุบลงไปปิดต่ำกว่าระดับ 1,000 ก็จะยังถือเป็นเกมส์ที่ บังคับให้ต้องซื้อของตอนถอย)
 
4) แม้เราจะไม่ค่อยแน่ใจถึงการต้องรีบเล่นแบบขาลง แต่โดยเชิงกลยุทธ์แล้ว ยังคงจำเป็นที่จะต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูงมากอยู่ต่อไป
(เพราะแรงขายแบบที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ อาจชิงแสดงตัวออกมาอีกครั้ง เมื่อไหร่ หรือไม่ ก็ได้ทั้งนั้น)
 
5) การปิดต่ำกว่า 1,030 ทำให้ควรระวังต่อการโดดเข้าไปซื้อตามในหุ้นที่ตลาดจัดหามาให้ ในทุกๆกรณี (แม้หุ้นบางตัวจะยังมีโอกาสวิ่งขึ้นได้แรงๆก็ตาม)
โดยสิ่งที่สำคัญของการเล่นเก็งกำไรบนข้อต่อที่อาจเกิด bear ได้แบบนี้ ก็คือ ต้องเตรียมพร้อมระวังต่อการถอย ลง-ลงแรง แบบขาลง ที่มีโอกาสเกิดได้ทุกเมื่อ (ถ้ามันไม่เกิดก็แล้วไป แต่ยังจำเป็นที่จะต้องระวังเผื่อเอาไว้)
 
6) ถ้าจะเล่นแผน ถือหุ้นวัดใจจนกว่า SET จะปิดต่ำกว่า 1,000 กับอาการแบบนี้ของ SET ก็ยังอาจลุ้นได้ เพียงแต่ไม่ควรเสี่ยงลุ้นไปจนกระทั่งหลุด 1,000 ลงไปจริงๆ
แต่แค่การถอยลงต่ำกว่า 1,010 ท่านก็ควรต้องระแวงให้มากๆแล้ว (หรืออาจแค่หลุด 1,020 ด้วยซ้ำไป ที่ต้องระวัง)
 
7) แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ในทุกๆการไล่ขึ้นใดๆ ท่านอาจลองเสี่ยงทำ short against port (แบบแบ่ง lot) ไปเรื่อยๆก็ได้ เพราะตลาดแบบนี้ ไม่มีอะไรที่แน่นอนจริงๆ และยังต้องถือว่า ทุกๆ choice ต่างก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ทั้งหมด
โดยการเสี่ยงดักทำแบบ แบ่ง lot หมุนขาย-หมุนซื้อ ไปเรื่อยๆก่อน จนกว่าจะเห็นการปิดต่ำกว่า 1,010 (ซึ่งจะทำให้มีโอกาสราว 90% ที่ SET จะเป็นขาลงของจริง แล้วจากนั้นก็อาจทำถอยเร็วสู่ 990, 980-970, 950 ได้ในไม่ช้า)
น่าจะช่วยแก้ปัญหาได้ดีกว่าการถือวัดทั้ง port

BBL ถ้ายังไม่ปิดต่ำกว่า 162 ก็ยังมีโอกาสเป็นการถอยให้ซื้อเพื่อถือวัดในระยะสั้นๆ ว่าขาขึ้นอาจยังไม่จบ (ถ้าปิดต่ำกว่า 159 อาจไม่ค่อยดี)
 
BBL-F ถ้ายังไม่ปิดต่ำกว่า 164 ก็ยังมีโอกาสเป็นการถอยให้ซื้อเพื่อถือวัดในระยะสั้นๆ ว่าขาขึ้นอาจยังไม่จบ (ถ้าปิดต่ำกว่า 160 อาจไม่ค่อยดี)
 
IRPC อาการแบบนี้ ดูไม่ค่อยดี และต้องระวังต่อการจะรีบเข้าไปซื้อในปริมาณมาก โดยที่ไม่ได้วางแผน stop loss เผื่อไว้ (ถ้า rebound ให้ก่อน น่าเสี่ยงหาจังหวะดักขายลด port)
 
TOP ยังมีข่าวค้ำ จึงมี s. ที่ 72.00 และ 70.50 ไว้ใช้เผื่อดักซื้อ cover short แต่ถ้าได้ของแล้ว เปิดการปิดต่ำกว่า 70.00, 72.00 ก็ควรระวัง
 
PTT ถ้ายังไม่ลงไปปิดต่ำกว่า 315 ก็อาจยังไม่จบรอบไปจริงๆ หรือถ้ามีของแล้วจะถือวัดจนสุดทาง ก็ควรระแวงถ้าปิดต่ำกว่า 325
 
PTL อาการแบบนี้เหมือนจะพลิกกลับมาเป็นขาลง (อย่างน้อยก็ชั่วคราว) ดังนั้นถ้ามีการทำ rebound ให้ก่อน ก็น่าเสี่ยงดักขายของคืนที่ 36.00-36.50, 37.50 มากกว่าข้างบนๆขึ้นไป
 
TRUE แม้โดยหลักการกว้างๆ อาจยังจะพอเสี่ยงถือลุ้น ไปจนกว่าจะปิดต่ำกว่า 6.70 หรือ 6.30 ก็ได้ แต่โดยเชิงกลยุทธ์แล้ว กลับควรเพิ่มความระมัดระวัง โดยเฉพาะการจะรีบเข้าไปซื้อในปริมาณมาก โดยที่ไม่ได้วางแผน stop loss เผื่อไว้
 
IVL ยังคงปิดไม่หลุด 44.50 ดังนั้นจึงยังมีโอกาสทำ rebound แต่โดยเชิงกลยุทธ์แล้ว กลับควรระวังการเข้าซื้อในทุกๆกรณี (รวมทั้งการซื้อ cover การทำ short against port แบบ 100% ด้วย)
 
SCB ยังคงไม่ชัดเจนว่าจะทำหักคนที่ถือวัดการทำ rebound สู่ 102-103 หรือไม่ แต่โดยหลักการแล้ว ถ้ามีการปิดต่ำกว่า 97.00 ก็ต้องระวังไว้ก่อน
 
BGH มี s. ที่ 49.50-49.00 ไว้เสี่ยงซื้อคืนเมื่อถอย สำหรับท่านที่หวงหุ้น (ยังควรระวัง r. ที่ 52.00-52.50) แต่ถ้าปิดต่ำกว่า 49.00 ก็ต้องระวังการอาจกลับทิศเป็นขาลง (อย่างน้อยชั่วคราว)
 
KBANK ตามอาการล่าสุด จะมี s. ที่ 123- 122 ไว้เสี่ยงซื้อของคืนเมื่อถอย แต่ถ้าปิดต่ำกว่า 121 ก็ต้องระวังการอาจกลับทิศเป็นขาลง (อย่างน้อยชั่วคราว)
 
DTAC ยังคงทราบแค่ว่า ไม่เหมือน positive แล้วถ้าเห็นการปิดต่ำกว่า 41.00 ก็คงจะไม่ดี (มี r. ที่ 43.00-43.50)
 
BTS อาการแบบนี้ ยิ่งดูแย่ลง ดังนั้นถ้าถอยลงต่อ ก็ไม่ควรซื้อเพิ่ม แต่ถ้ายังไม่ปิดต่ำกว่า 0.80 ก็ยังมีลุ้นการทำ rebound ไปสู่ 0.82-0.83, 0.85-0.86 เพื่อการ แก้ไข port 
 
STA แม้จะยังดูไม่เป็น negative แต่ก็ถือเป็นหุ้นที่ไม่ควรเล่นตามไล่ซื้อของในปริมาณมาก ในขณะที่มีการไล่ราคา โดยถ้าหากจะถือวัด ก็ยังคงควรระแวงให้มากๆถ้าปิดต่ำกว่า 37.50 
 
SMT มี s. ที่ 23.20-22.60, 22.00 ไว้เสี่ยงซื้อคืนเมื่อถอย สำหรับท่านที่หวงหุ้น (แต่ควรระวัง r. ที่ 23.80-24.20, 24.50) แต่ถ้าปิดต่ำกว่า 21.80 ก็ต้องระวังการอาจกลับทิศเป็นขาลง (อย่างน้อยชั่วคราว)
 
BANPU โดยหลักการแล้ว จะมี s. ที่ 830-828, 818 ไว้เสี่ยงซื้อ แต่ถ้าปิดต่ำกว่า 800 ควรต้องระวัง
 
TCAP ถ้าจะถามแค่ว่ามีลุ้นการทำ rebound หรือไม่ ก็ต้องตอบว่า มี แต่หุ้นแบบนี้ ก็ควรวัดแค่ rebound เท่านั้นจริงๆ ยังควรต้องระวังต่อการจะรีบเข้าไปซื้อในปริมาณมาก โดยที่ไม่ได้วางแผน stop loss เผื่อไว้

[HOW]

USD/THB Advanced Chart

30.465+0.005(+0.02%)

[carrera]

เอาข่าวมาฝากนะครับ....

นสพ.ประชาชาติพาดหัวเทมาเซ็กโยกพอร์ตส่งสัญญาณขายทิ้งหุ้นไทย
หุ้นไทยที่เทมาเซ็กถือ มีดังต่อไปนี้

BBL
SCB
KBANK
TISCO
BANPU
PTTAR
BEC
CPALL
GLOW
ITD
LH
MCOT
PSL
QH
THRE
SPF

ค่อยยังชั่วไม่มี KTB

[carrera]

IRPC อาการแบบนี้ ดูไม่ค่อยดี และต้องระวังต่อการจะรีบเข้าไปซื้อในปริมาณมาก โดยที่ไม่ได้วางแผน stop loss เผื่อไว้ (ถ้า rebound ให้ก่อน น่าเสี่ยงหาจังหวะดักขายลด port)

เพราะกองทุนกำลังจะซื้อ อย่ามาแย่งรึเปล่า ล้อเล่นนนนนน

[carrera]

กลัวไหม กลัวไหม ขายกันยัง

[carrera]

ivl-t1 ลงน่ากลัวมากกกก

[carrera]

วอลุ่มคอนเฟิมกันยัง รอ รอ รอ

[naisomchai]

PTT ดูดีกว่าครับ... ถ้ายืนติดมันน่าจะไปได้ถึง 339, 347 ตามลำดับครับ...

มันไปป้ายแรกแล้วนะครับ... หากท่านใดซื้อเมื่อเช้าไว้, นายสมชายแนะนำให้ขายทิ้งทำกำไรก่อนครับ...

พรุ่งนี้อาจวิ่งต่อก็ได้ แต่ถึงวิ่งต่อขายหมูก็ไม่น่าเสียใจ เพราะตลาดแบบนี้เดี๋ยวมันลงเอาแบบที่เราไม่รู้ตัวน่ะครับ... เย้...

[HOW]

สรุปปริมาณการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ ต่างชาติซื้อสุทธิ 130.06 ลบ.

[HOW]

สรุปวันนี้เช้ารุ่ง บ่ายรุ่งกว่าครับ.......ดีใจกับพี่ๆทุกคนที่ได้ค่าขนมครับ

[HOW]

หุ้น THCOM ร่วง 10.87% มาที่ 6.15 บาท ลดลง 0.75 บาท เมื่อเวลา 16.17 น.เปิดตลาดที่ 6.90 บาท สูงสุดที่ 6.90 บาท ต่ำสุดที่ 6.10 บาท

และเมื่อเวลา 16.22 น.หุ้น THCOM มาอยู่ที่ 6.20 บาท ลดลง 0.70 บาท (-10.14%)
นักวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า ราคาหุ้น บมจ.ไทยคม(THCOM) ร่วง น่าจะมาจากความกัลวลว่าเทมาเสกอาจจะขายหุ้นที่ถืออยู่ในกิจการในประเทศไทย หลังจากที่ได้ขายหุ้นใน บมจงโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์(BH) เนื่องจากในแง่วัตถุประสงค์การลงทุนธุรกิจโทรคมนาคมของเทมาเสกผ่าน บมจ.ชินคอร์ปเรชั่น(SHIN)ต้องการลงทุนเฉพาะธุรกิจให้บริการโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก

ส่วนธุรกิจดาวเทียมนั้น เทมาเสกไม่ได้ต้องการตั้งแต่แรกแล้ว จึงมีผลทางด้านจิตวิทยาการลงทุนที่กังวลว่า SHIN ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่จะลดการลงทุนใน THCOM ลงไป

"THCOM ร่วงแรงน่าจะมีผลจากข่าวเทมาเสก เพราะถ้าดูวัตถุประสงค์การลงทุนของเทมาเสกในกลุ่มเทเลคอมไม่ได้อยากได้ดาวเทียมตั้งแต่แรก แต่ตอนนั้นซื้อผ่าน SHIN ธุรกิจดาวเทียมก็ติดไปกับธุรกิจของ SHIN" นักวิเคราะห์ กล่าว

อนึ่ง เทมาเสกไม่ได้ถือหุ้นโดยตรงใน THCOM แต่ถือหุ้นใน SHIN 49%
แต่เท่าที่สอบถามไปทั้ง SHIN และ THCOM ยังไม่มีสัญญาณที่เป็นปัจจัยลบเพิ่มเติม โดยขณะนี้ SHIN ยังคงนโยบายการลงทุนใน THCOM เหมือนเดิม คือถือหุ้นอยู่ในสัดส่วน 41%

แต่ในแง่ปัจจัยพื้นฐานของ THCOM เอง ยังมีประเด็นกังวลในเรื่องการตรวจสอบสัมปทาน แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนเพิ่มเติมออกมา ซึ่งเราประเมินว่าสัมปทานดาวเทียมมีโอกาสที่จะต้องจ่ายค่าปรับน้อย ไม่เหมือนสัมปทานมือถือ

อย่างไรก็ตาม ในแง่พื้นฐานถ้าไม่เปลี่ยนแปลงประเมินที่  7.80 บาท ถือว่ายังลงทุนได้

ล่าสุด สื่อต่างประเทศรายงานเมื่อวานนี้ว่าเทมาเสกระบุว่าพร้อมจะชำระเงินค่าปรับให้กับทางการอินโดนีเซีย หลังจากศาลสูงสุดของอินโดนีเซียปฏิเสธรับคำอุทธรณ์ให้มีการทบทวนคดีทางแพ่งที่ทางทางอินโดนีเซียชี้ขาดว่าการเข้าไปถือหุ้นใหญ่ใน 2 บริษัทโทรคมนาคมใหญ่ที่สุด 2 อันดับแรกของอินโดนีเซีย เข้าข่ายการละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด

สำหรับเงินค่าปรับในกรณีดังกล่าวคิดเป็นจำนวนเงิน 15,000 ล้านรูเปี๊ยะห์ หรือราว 50 ล้านบาทในแต่ละบริษัทที่เทมาเสกมีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งรวมกันอาจสูงถึง 150,000 ล้านรูเปี๊ยะห์ หรือราว 510 ล้านบาท

ขณะที่โบรกเกอร์มองว่า ค่าปรับทั้งหมดคิดเป็นมูลค่าเพียง 510 ล้านบาท ซึ่งน่าจะมีผลกระทบจำกัดในแง่การขายหุ้นในพอร์ตการลงทุนของเทมาเสก

[HOW]

ภาวะตลาดหุ้นไทย: ปิดพุ่ง 10.26 จุด แนวเดียวกับภูมิภาค สัญญาณบวกเกิดหลังดอลลาร์อ่อนค่า

ตลาดหลักทรัพย์ปิดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,034.80 จุด เพิ่มขึ้น 10.26 จุด(+1.00%) มูลค่าการซื้อขาย 31,340.35 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยดัชนีขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดที่ 1,034.80 จุด และปรับตัวลงต่ำสุดที่ 1,027.25 จุด

ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 225 หลักทรัพย์ ลดลง 129 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 160 หลักทรัพย์

นายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าที่คาดไว้ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก ทั้งนี้ ตลาดฯเริ่มมีสัญญาณบวกภายหลังจากที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯได้กลับมาอ่อนค่าในวันนี้ ทำให้เอื้อต่อตลาดทุน

อีกทั้งผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มแบงก์ก็ออกมาดีด้วย และคาดว่าผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มพลังงานก็น่าจะออกมาดีด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มโรงกลั่น อย่าง TOP และ PTTAR ทำให้วันนี้ตลาดฯได้รับแรงหนุนจากทั้งสองกลุ่ม

ส่วนปัจจัยจากต่างประเทศ ตอนนี้ก็รอดูสถานการณ์การแก้ไขปัญหาหนี้สาธารณะของยุโรปที่จะมีการประชุมขึ้นในสัปดาห์นี้ หากความชัดเจนก็น่าจะทำให้เงินยูโรแข็งค่าขึ้น และเงินดอลลาร์สหรัฐฯก็จะอ่อนค่าลง

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้(20 ม.ค.)นายอดิศักดิ์ กล่าวว่า โมเมนตัมของตลาดฯเวลานี้ดูดีขึ้น ตลาดฯจึงน่าจะยังปรับตัวขึ้นได้อยู่ โดยมีแนวต้าน 1,035-1,044 จุด ส่วนแนวรับให้ไว้ที่ 1,026-1,027 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

PTT   มูลค่าการซื้อขาย 3,022.48 ล้านบาท ปิดที่ 342.00 บาท เพิ่มขึ้น 8.00 บาท

SCB   มูลค่าการซื้อขาย 1,906.67 ล้านบาท ปิดที่ 100.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท

PTTAR มูลค่าการซื้อขาย 1,832.64 ล้านบาท ปิดที่  38.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท

PTTCH มูลค่าการซื้อขาย 1,461.23 ล้านบาท ปิดที่ 152.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท

TOP   มูลค่าการซื้อขาย 1,363.15 ล้านบาท ปิดที่  75.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท