เมื่อเช้านี้ก็ไปตามที่หมอนัด เพราะทราบมาก่อนหน้านี้แล้วว่าเป็นมะเร็งที่ตับ วันนี้หมอเลยนัดให้ไปดูว่าเนื้อร้ายได้ลุกลามไปขนาดไหนแล้ว ซึ่งครั้งนี้เดินทางมาเป็นครั้งที่ 3 แล้ว ตอนนี้ก็ยังอยู่ในสภาพคงตัว เพียงแต่ว่าผอมลงนิดหน่อย เพราะกินอะไรไม่ค่อยได้ ซึ่งหมอนัดให้มาดูอาการอีกครั้งในวันที่ 11 ก.พ. ซึ่งหลังจากนั้นแล้วก็น่าจะมีการรักษา อาจจะมีการฉีดยาเพื่อระงับการเจริญเติบโตของเนื้อร้าย หลังจากนั้นคงต้องว่ากันอีกครั้ง เพราะว่าผ่าตัดไม่ได้ เพราะเป็นส่วนตับ ซึ่งเป็นส่วนกรองเชื้อโรคของร่างกาย นักร้องลูกทุ่งขวัญใจชาวไทยกล่าว
เมื่อถามถึงสาเหตุการเกิดโรคร้ายดังกล่าว นักร้องลูกทุ่งขวัญใจประชาชนกล่าวว่า แพทย์บอกว่าเป็นเพราะอาการสะสมจากการดื่มเหล้าและสูบบุหรี่จัดมากในช่วงสมัยก่อน แต่ตอนนี้เลิกสูบบุหรี่อย่างเด็ดขาดแล้ว ขณะที่เรื่องเหล้าก็ห่างมา 20 ปี ไม่ได้กินเลย สาเหตุที่เกิดก็น่าจะเกี่ยวกับการสะสมมาตลอดชีวิต เพราะก่อนหน้านี้ยอมรับเลยว่ากินเหล้าหนัก และเครียดช่วงที่ครอบครัวมีปัญหาเรื่องการเงิน
มะเร็งตับ อุบัติการณ์เกิดโรคมะเร็งตับ พบได้บ่อยมากในประเทศไทย และพบมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยพบในเพศชาย เป็นอันดับที่ 1 และในเพศหญิงในอันดับที่ 4 อัตราเฉลี่ย ชายต่อหญิง 3:1 มักเกิดในระหว่างอายุ 35-65 ปี เป็นมะเร็งที่มีการดำเนินโรคเร็วมาก ถ้ามีอาการแล้วจะ เสียชีวิตใน 3-6 เดือน
ปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งตับมีอะไรบ้าง ? การเป็นไวรัสตับอักเสบเรื้อรัง เช่น ไวรัสตับอักเสบบี และไวรัสตับอักเสบซี หากเป็นเรื้อรังแล้วจะพบว่ามีอัตราการเกิดมะเร็งตับสูง
การได้รับสารแอลฟาท๊อกซิน (Aflatoxin) ซึ่งเป็นสารเคมีที่ผลิตจากเชื้อราที่อยู่ในอาหารพวก ถั่ว แป้งสาลี ถั่วเหลือง ข้าวโพด ข้าว
การเป็นโรคตับแข็ง ตับอักเสบ เป็นปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งตับ
เคยเป็นพยาธิใบไม้ในตับ
การดื่มสุราเป็นประจำ และการเคี้ยวหมาก
การรับประทานอาหารที่มีดินประสิว เช่น ปลาร้า ปลาส้ม แหนม ไส้กรอก เบคอน ฯลฯ
การได้รับสารวินิล คลอไรด์ (vinyl chloride)
การรับประทานยาคุมกำเนิดเป็นเวลานาน ๆ
การรับประทานยาฮอร์โมนเพศชายที่ใช้รักษาโรคโลหิตจาง หรือการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ พบว่ามีการเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งตับ
การได้รับประทานอาหารที่ปนเปื้อนสารหนู หากได้รับติดต่อกันก็เพิ่มปัจจัยเสี่ยงต่อมะเร็งตับ
สูบบุหรี่ บางรายงานกล่าวว่าการสูบบุหรี่ทำให้มะเร็งตับเพิ่ม อาการของโรคมะเร็งตับ ในระยะแรกๆ ของมะเร็งตับ มักไม่มีอาการใดที่ทำให้ผู้ป่วยรู้ตัว จนกว่าก้อนมะเร็งจะโตขึ้นเรื่อยๆ จนผู้ป่วยเริ่มมีอาการแน่นอึดอัดท้องทั่วๆ ไป เหมือนอาหารไม่ย่อย จนวินิจฉัยได้ยาก บางครั้งอาการเหมือนเป็นโรคแผลในกระเพาะอาหาร ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดเฉพาะที่ บริเวณชายโครงขวา ซึ่งเป็นตำแหน่งของตับ ยังมีอาการทั่วไปอื่น ๆ เมื่อก้อนโตมากขึ้นอีก เช่น เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ถ้าเป็นมากขึ้นอาจมีท้องบวมขึ้นเหมือนท้องมาร เนื่องจากมีน้ำแทรกในช่องท้อง
การตรวจวินิจฉัยโรค แพทย์จะซักประวัติ และตรวจร่างกายแล้วส่งตรวจดังนี้ ได้แก่ การทำอัลตราซาว์ด (ultrasound) การทำเอกซ์เรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) การฉีดสีเข้าเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงตับ (Angiography) การส่องกล้องเข้าช่องท้อง (Laparoscopy) การนำชิ้นเนื้อที่สงสัยส่ง ตรวจทางพยาธิ (Biopsy) หรือ การเจาะเลือดเพื่อส่งตรวจหาค่าแอลฟาฟีโตโปรตีน ( alfa-fetoprotein) เป็นต้น
การรักษา การรักษา ขึ้นกับชนิดของมะเร็งตับ และระยะการดำเนินของโรคว่าเป็นมากหรือยัง
การผ่าตัด เป็นวิธีการรักษาเดียวที่มีโอกาสหายขาดได้ การฉีดสารบางอย่างให้อุดหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงมะเร็ง (embolization) ทำให้ก้อนมะเร็งขาดเลือดไปเลี้ยง
การให้เคมีบำบัด เนื่องจากโรคมะเร็งตับมักจะดื้อต่อยาเคมี จึงไม่ค่อยได้ผล การใช้ยาเคมีส่วนใหญ่รักษาเพื่อบรรเทาอาการเท่านั้น
การฉายรังสี ไม่ค่อยได้ผลเนื่องจากตับที่ดีมีผลเสียจากรังสี
การผสมผสานวิธีการดังกล่าว
การฉีดยาเข้าก้อนมะเร็งโดยตรงในระยะแรกเริ่มสิ่งผิดปกติที่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เป็นพาหนะของไวรัส บี หรือโรคตับแข็ง
เบื่ออาหารโดยไม่มีสาเหตุ
แน่นท้อง ท้องผูก ท้องอืด ท้องเพ้อเป็นประจำ
อ่อนเพลีย น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว
มีไข้ต่ำ ๆ เป็นประจำ
ปวดหรือเสียดชายโครงขวา หรือคลำก้อนในช่องท้องได้
เป็นกำลังใจและขอให้ได้รับการรักษาที่ดีที่สุดจนหายป่วยครับ
ด้วยความเคารพครับ