
.......ไม่ได้เจอเพื่อนมานานเจออีกทีเป็นฆาตกร.....ฆ่าหันศพไปแล้วครับ
วันนี้ตอนเช้าเพื่อนโทรมาบอกให้อ่านข่าวหนังสือพิมพ์ หน้าหนึ่งบอกว่าอ่านแล้วจะรู้เองแล้วให้โทรกลับมาหาด้วย อ่านข่าวเจอข่าวเพื่อนฆ่าเมียแล้วชำแหละโยนทิ้งแม่น้ำ ตกใจมากครับ เพราะว่าเพื่อนคนนี้เป็นคนดี ไม่เคยมีเรื่องกันใครเลย ไม่นึกว่าจะเป็นไปได้

ตอนบ่ายนัดกันไปเยี่ยมที่ห้องควบคุมตัว หลังจากที่ไม่ได้เจอกันสองปี หดหู่มากครับเจอลูกชายเพื่อนอายุประมาณสี่ขวบวิ่งเล่นอยู่ไม่รู้เรื่องรู้ราวเลย หน้าห้องขัง คุยกับเพื่อนทำให้รู้เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น ว่ามันถึงขีดสุดแล้ว ไม่ไต้งใจฆ่าแต่อารมณ์ชั้ววุบ ฝากเพื่อนๆหน่อยน่ะครับว่าจะทำอะไรให้คิดดูก่อน ก่อนที่จะทำอะไรลงไป

ขอบคุณครับ

รวบดีเจมือฆ่าหั่นศพเมียสาว ก่อนนำชิ้นเนื้อทิ้งน้ำแม่กลอง
โดย คม ชัด ลึก วัน เสาร์ ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 15:18 น.
จับหนุ่มดีเจร้านดังเมืองโอ่งมังกร หลังใช้ฆ้อนกระหน่ำตีเมียสาวเสริฟ์จนตาย หลังจับได้แอบมีชู้ ก่อนชำแหละศพโยนทิ้งแม่น้ำแม่กลอง ส่วนหัวโบกปูนใส่ปี๊ปเตรียมถ่วงน้ำ
(9กพ.) เวลา 11.00 น. พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.ชัยชาญ กิติจันทร์ รอง ผบช.ภ.7.พล.ต.ต.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รอง ผบช.ภ.7.พล.ต.ต.มนตรี ศรีนพคุณ ผบก.ภ.จว.ราชบุรี พ.ต.อ.ศิรเมศร์ พันธุ์มณี รอง ผบก.ภ.จว.ราชบุรี ร่วมแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาฆ่าหั่นศพโยนทิ้งแม่น้ำแม่กลอง ที่ห้องประชุมภาค 7 สถานีกองกับการตำรวจภูธรภาค 7 อ.เมือง จ.นครปฐม
สืบเนื้องจากเวลา 09.00 น. วันที่ 8 ก.พ. ตำรวจ สภ.โพธาราม อ.โพธาราม จ.ราชบุรี รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีผู้พบชิ้นส่วนศพใส่ถุงดำลอยตามน้ำในแม่น้ำแม่กลอง จึงได้ไปตรวจสอบพบชิ้นส่วนศพผู้หญิงเฉพาะลำตัว ไม่มีหัว ไม่มีแขน ใส่ไว้ในถุงดำ
หลังจากพบชิ้นส่วนดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธาราม ได้สำรวจแม่น้ำแม่กลองเพื่อหาชิ้นส่วนศพที่เหลือ ต่อมาพบชิ้นส่วนของขาด้านซ้ายและชิ้นส่วนของแขนด้านซ้ายอยู่ที่ริมตลิ่งแม่น้ำ ห่างกันประมาณ 4 กิโลเมตร หลังจากนั้นจึงได้ทำการค้นหาไปเรื่อยๆแต่ไม่พบชิ้นส่วนศพที่เหลือ
หลังจากทราบเหตุการณ์ พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.ภ.7.ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.มนตรี ศรีนพคุณ ผบก.ภ.จว.ราชบุรี พ.ต.อ.ศิรเมศร์ พันธุ์มณี รอง ผบก.ภ.จว.ราชบุรี พ.ต.อ.สุวิทย์ ชาวศรีทอง ผกก.สภ.โพธาราม พ.ต.อ.นิรันดร์ ดีมี ผกก.สภ.บ้านโป่ง พ.ต.ท.ทิวา โสภาเจริญ รอง ผกก.กลุ่มงานสืบสวนภ.จว.ราชบุรี ศสส.ภ.7.ทำการสืบหาข้อมูลและพิสูจน์ว่าศพที่พบเป็นใคร พร้อมทั้งสืบสวนหาตัวคนร้ายที่ลงมือทำการดำเนินคดีอย่างเร่งด่วน
ต่อมาเวลา 20.00 น. วันที่ 8 ก.พ. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับข้อมูลข่าวสารและเบาะแสจากประชาชนเกี่ยวกับคนหายในพื้นที่ สภ.บ้านโป่ง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี พร้อมกับรายละเอียดเกี่ยวกับรูปพรรณ และพฤติกรรมของผู้ต้องสงสัย เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนทุกฝ่า ยจึงได้ร่วมรวมหาข่าวสารและทำการสืบสวนในทางลับนกระทั่งทราบว่าผู้ตายชื่อ น.ส.หทัยรัตน์ วิเศษสิงห์ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59 ม.3 ต.ปากแรด อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เป็นพนักงานเสริฟอาหารในร้านแห่งหนึ่งใน อ.บ้านโป่ง และผู้ต้องหาคือ นายศักดิ์สิทธิ์ นวพาณิชศักดิ์ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42 ม.3 ต.ห้วยพระ อ.ดอนตูม จ.นครปฐม ปัจจุบันพักอาศัยอยู่ที่ห้องเช่าผาสุก เลขที่ 22/51 ม.4 ต.ปากแรด อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี โดยทำงานเป็นดีเจของร้านอาหารแห่งหนึ่งในจ.ราชบุรีและเป็นสามีของนางหทัยรัตน์
หลังจากทราบตัวผู้ต้องหาและรวบรวมข้อมูลหลักฐานพยานครบแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขออนุมัติหมายจับต่อศาลจังหวัดราชบุรี และศาลได้อนุมัติหมายจับตามหมายเลขจับที่ จ.108/2551 ลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2551 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ทำการร่วมกันจับกุมตัว นายศักดิ์สิทธ์ ที่บ้านเช่าดังกล่าว พร้อมของกลางประกอบด้วย มีดอีโต้จำนวน 1 เล่ม ฆ้อนจำนวน 1 ด้าม และใบเหล็กเลื่อยจำนวน 1 เล่ม
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นที่ห้องของผู้ตาย พบส่วนศีรษะของผู้ตายอยู่ในบ้านพัก โดยนำปูนซีเมนส์ไปโบกไว้ในปี๊บขนม จึงได้แจ้งข้อหาว่า ฆ่าผู้อื่นโดยเจนตนา ทำลายศพเพื่อปิดบังเหตุแห่งการตาย จากนั้นนำตัวมาสอบสวนที่ สภ.โพธาราม ต่
สอบสวนทราบว่า 09.00 น. วันที่ 6 ก.พ. ผู้ตายกับฝ่ายชายได้มีปากเสียงกันขึ้นและรุนแรงจนถึงขั้นทุบตีกัน เนื่องจากนายศักดิ์สิทธิ์ทราบว่า น.ส.หทัยรัตน์แอบไปมีความสัมพันธ์จับผู้ชายคนอื่น หลักจากนั้น นาย ศักดิ์สิทธิ์ได้ใช้ค้อนที่เตรียมมาเพื่อซ่อมบ้านกระหน่ำตี น.ส.หทัยรัตน์จนเลือดอาบและได้ลากตัวผู้ตายเข้าไปที่ห้องน้ำซึ่งขณะนั้น ผู้ตายยังมีสติอยู่แต่สู้แรงของ นายศักดิสิทธ์ไม่ไว้ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
หลังจากนั้น นายศักดิ์สิทธิ์ ได้ออกไปซื้อใบเลื่อยและปูนซีเมนส์มาเพื่อที่จะทำการหั่นศพก่อนนำชิ้นส่วนต่างๆยกเว้นศีรษะไปทิ้งที่แม่น้ำแม่กลองในเวลากลางคืนของวันเดียวกัน
นายศักดิ์สิทธ์ กล่าวว่า ตนและน.ส.หทัยรัตน์ อยู่กันมาเป็นเวลา 4 ปีแล้วและมีลูกติดของน.ส.หทัยรัตน์ด้วยจำนวน 1 คน อายุ 4 ขวบ ซึ่งขณะก่อเหตุลูกนอนหลับอยู่ ส่วนสาเหตุที่ทำลงไปนั้นเพราะว่า น.ส.หทัยรัตน์ชอบต่อว่าตนเวลาทะเลาะกันว่า ตนจะฆ่า น.ส.หทัยรัตน์ตลอดเวลา ซึ่งตนไม่เคยคิดที่จะทำอย่างนั้นเลย และต่อมาตนก็ทราบว่า น.ส.หทัยรัตน์นอกใจไปมีผู้ชายคนอื่นอีกตนจึงได้ทะเลาะกันรุนแรงจนถึงขั้นทำร้ายร่างกายกัน
"ช่วงที่เกิดเหตุผมระงับอารมณ์ไม่อยู่จึง ได้ใช้ฆ้อนที่จะนำมาซ่อมบ้านตี แฟนจนเสียชีวิต และคิดที่จะหั่นศพเพื่อทำหายหลักฐานจึงได้ออกไปซื้ออุปกรณ์และซื้อปูนซีเมนส์มาเพื่อที่จะนำศีรษะของ แฟนใส่ปี๊บขนมและโบกปูนปิดไว้ ซึ่งผมได้เอาชิ้นส่วนต่างๆไปทิ้งที่แม่น้ำแม่กลองตั้งแต่คืนวันที่ 6 ก.พ.แล้ว ส่วนศีรษะได้เก็บไว้และผสมปูนโบกทับดังกล่าว แต่ปูนยังไม่แห้งเพื่อที่จะเอาไปถ่วงน้ำตอนหลัง ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจค้นจนเจอก่อน" คนร้ายระบุ
พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา กล่าวว่า คดีที่เกิดขึ้นเป็นคดีอุฉกรรจ์หลังจากทราบเรื่องดังกล่าว ก็ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทำการเร่งสืบสวนหาตัวคนร้ายและตรวจสอบว่าผู้เสียชีวิตเป็นใครและจากนั้นก็มีเบาะแสคนหาย กระทั่งนำไปสู่การจับกุมฆาตกรในที่สุด