....เมื่อวานมีโอกาสไปนั่งฟังเลคเชอร์ของหมอล็อต นสพ. ภัทรพล มณีอ่อน
คนดีๆ มีความคิด ลุยๆ มีอุดมคติแบบนี้ ต้องช่วยกันส่งเสริมครับ
ให้เขาเป็นตัวคูณ เป็นฮีโร่ เป็นแนวทางให้เด็กรุ่นใหม่ๆ กล้าที่จะบ้า จะทำอย่างมีอุดมการณ์
ประเทศเราจะได้มีกำลังในการพัฒนาและเปลี่ยนประเทศให้ดีขึ้นกว่านี้...
*****************************************************************
เรื่องราวเต็มๆ เข้าได้ที่เวปไซต์ หมอล็อตแฟนคลับครับ
http://lotterfanclub.spaces.live.com/*****************************************************************
เกริ่นก่อนด้วยเวปไซต์ คนค้นฅน..............
คนค้นฅน อังคารนี้ แกะรอยวิถีแห่งหมอล็อต สัตวแพทย์คนแรกในพื้นที่ป่าไทย
เรียนหมอมันท้าทายดี แต่เรียนหมอธรรมดามันก็ง่ายไป ผมเลยเรียนเป็นหมอสัตว์ เพราะสัตว์มันพูดไม่ได้ จะเจ็บจะป่วยก็เดินออกมาบอกใครไม่ได้ แต่มนุษย์เรา เมื่อเจ็บไข้ได้ป่วยก็สามารถบอกกล่าว และดูแลตัวเองได้ ผมจึงตัดสินใจที่จะเรียนสัตวแพทย์ ทั้งๆ ที่ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าสัตวแพทย์คืออะไร

เสี้ยวความคิดหนึ่ง ที่เป็นแรงบันดาลใจ ให้นายสัตวแพทย์ภัทรพล มณีอ่อน หรือที่วงการสัตวแพทย์รู้จักในนาม หมอล็อต สัตวแพทย์หนุ่มไฟแรงวัย 28 ปี อดีตเด็กชายหัวโจ๊กจอมเกเรแห่งเมืองสุรินทร์ ได้ตัดสินใจพาตัวเอง เข้าสู่เส้นทางของการเป็นหมอรักษาสัตว์ป่า จากที่เคยเป็นเด็กหัวดื้อ ยกพวกตีรันฟันแทง และเป็นคนที่คลั่งไคล้ในกีฬาบาสเก็ตบอล จนได้เข้าร่วมทีมสโมสรธนาคารกรุงเทพฯ ซึ่งคนรอบข้างตัวเขา ก็ไม่มีใครเชื่อเลยว่า คนอย่างหมอล็อตจะสามารถเรียนหมอได้ บางคนมองว่าเป็นเรื่องแปลก และบางคนก็ไม่เชื่อว่าการเล่นกีฬา กับการเรียนหมอมันจะไปด้วยกันได้ ทำให้หมอล็อต ต้องลุกขึ้นมาพิสูจน์ตัวเอง ให้ทุกคนเห็นว่าการเรียนหมอ กับการเล่นกีฬาสามารถไปด้วยกันได้ เขาจึงตกลงใจเข้าเรียนในคณะสัตวแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร
หลังจากชีวิต ได้เริ่มต้นเข้ามาเดินอยู่ในเส้นทาง การเรียนคณะสัตวแพทย์ หมอล็อตก็เริ่มซึมซับจริยธรรม ความภาคภูมิใจแห่งวิชาชีพของตน และมองเห็นถึงการทำงานอันเต็มเปี่ยมด้วยความเสียสละ ของสัตวแพทย์รุ่นพี่หลายๆ ท่าน อีกทั้งยังมีความคิดว่า ทำอย่างไรเราถึงสามารถ แบ่งเบาภาระหน้าที่เหล่านั้นได้บ้าง ผมเห็นสัตวแพทย์รุ่นพี่หลายๆ ท่านที่เขาทำงานในสังคม แล้วเขาเหนื่อยเขาท้อ เราก็คิดว่าทำยังไงเราถึงจะไปช่วยเขาได้บ้าง เช่น คุณหมออลงกรณ์, คุณหมอปรีชา, คุณหมอปานเทพ, คุณหมอสุเมธ หลายๆ ท่านที่เขาทำงานในด้านนี้ เรารู้สึกว่าทำอย่างไร เราถึงไปช่วยแบ่งเบาภาระพี่ๆ เขาได้บ้าง ตอนนั้นที่เราเป็นนักศึกษาสัตวแพทย์ก็เริ่มคิด คิดว่าจะเป็นหมอรักษาช้าง เพราะพื้นเพเป็นคนสุรินทร์ เราก็รู้สึกว่าเราผูกพันกับช้าง เห็นช้างเจ็บ ช้างป่วยเราก็สงสัยว่าทำไมไม่มีใครมารักษา
หมอล็อตเป็นหนึ่งผลผลิต จากโครงการเคี่ยวเข้มบันฑิตใหม่หมอสัตว์ป่า ซึ่งโครงการนี้ เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยหล่อหลอมให้เขามีความรู้ ความเชี่ยวชาญ เรื่องการรักษาสัตว์ป่ามากขึ้น และประสบการณ์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง ที่ช่วยหล่อหลอม ความเป็นหมอรักษาสัตว์ป่าในตัวเขาก็คือ การออกฝึกงานภาคสนามในแต่ละเทอม ซึ่งหมอล็อตจะออกเดินทางสู่ป่าเขา และชนบทในพื้นที่ทุรกันดาร พร้อมแบกเป้คู่ใจ ที่ภายในบรรจุไปด้วยเวชภัณฑ์ และยาในการรักษาสัตว์มากมาย เพื่อไปดูแลรักษาสุขภาพสัตว์ให้กับชาวบ้านในชุมชน
เมื่อผมเดินทางไปที่ไหน ชาวบ้านก็ดีใจเอาสัตว์มาให้รักษาเยอะ เรารู้สึกสิ่งที่เราทำให้กับชาวบ้าน โดยไม่ได้หวังผลอะไร แต่ผลที่มันออกมาจากสิ่งที่เราทำ มันเป็นความรู้สึกที่ดีมาก เราก็เกิดความรู้สึกว่า บางครั้งการทำอะไรไปโดยไม่หวังผลตอบแทน สิ่งที่เราได้มันอาจไม่ได้กลับมาเดี๋ยวนั้น มันอาจจะได้กลับมาในระยะยาว แต่เมื่อมันได้กลับมา จะเป็นความรู้สึกที่ประทับใจ ภูมิใจ ตื้นตันใจมาก ด้วยประสบการณ์จากการเคี่ยวกรำ ฝึกฝนวิชาชีพด้านสัตวแพทย์มาตลอดระยะเวลา 6 ปี หลังจากจบการศึกษา สัตวแพทย์หนุ่ม ก็ได้เริ่มเข้าทำงานเป็นหมอกรมปศุสัตว์ที่สถาบันวิจัย และบริการสุขภาพช้างแห่งชาติที่ จ.สุรินทร์ บ้านเกิดเป็นแห่งแรก
หลังจากนั้นไม่นาน ทางกรรมาธิการสิ่งแวดล้อม ก็มีการสรรหาบุคคล ที่จะมาดำเนินการแก้ไขปัญหาช้างในประเทศไทย หมอล็อตก็ได้รับคัดเลือก ให้เป็นผู้ปฏิบัติงานในวุฒิสภา ในตำแหน่งอนุกรรมาธิการ ทรัพยากรธรรมชาติ การทำงานในตำแหน่งนี้ แม้จะเป็นตำแหน่ง ที่สัตวแพทย์หลายคนใฝ่ฝัน เป็นตำแหน่งที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรี และมีหน้ามีตาในสังคม แต่ด้วยเป้าหมาย และอุดมการณ์ที่หนักแน่นของหมอล็อตว่า สัตวแพทย์ต้องทำงานด้านการรักษา มิใช่เพียงทำงานในเชิงนโยบาย จึงทำให้เขาตัดสินใจลาออก จากการทำงานในรัฐสภา

ผมทำงานที่รัฐสภาอยู่ประมาณ 3 ปี ผมก็ขอลาออกจากกรรมาธิการ เพราะผมคิดว่าผมเรียนสัตวแพทย์มาก็เพื่อรักษา แต่งานในกรรมาธิการเป็นงานเชิงนโยบาย เราไม่ได้รักษาสัตว์เลย เราก็รู้สึกอึดอัด ก็เลยขอลาออก เพราะมันไม่ใช่เป้าหมายของเรา เป้าหมายของเราคือการรักษา การดูแลสัตว์โดยตรง ด้วยความคิดที่ว่า ในเขตพื้นที่อนุรักษ์ทั่วประเทศ ยังไม่มีสัตวแพทย์เข้าไปร่วมดำเนินการ การจัดการเรื่องสุขภาพสัตว์ป่า ทั้งๆ ที่ทรัพยากรสัตว์ป่าภายในประเทศมีจำนวน และมีความหลากหลายทางพันธุกรรมมาก มีปัญหาเรื่องสัตว์บาดเจ็บเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา
เมื่อมองเห็นถึงปัญหา หมอล็อตจึงได้เสนอโครงการ กับทางกรรมาธิการก่อนที่จะออกจากการทำงาน จึงได้เกิดเป็นโครงการนำร่อง เกี่ยวกับโครงการช่วยเหลือสัตว์ป่า ในพื้นที่อนุรักษ์ ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช โครงการนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เมืองไทย มีสัตวแพทย์รักษาสัตว์ป่าในเขตพื้นที่ป่า (Wildlife Veterinarian) เป็นคนแรกของประเทศ นั่นก็คือหมอล็อต หลังจากที่หมอล็อต ได้เข้ามาเป็นสัตวแพทย์รักษาสัตว์ป่า ในเขตพื้นที่ป่า เขาก็ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ ทำงานที่ถือว่าเป็นหน้าที่ ที่ตนได้รับมอบหมาย อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ถึงแม้ว่าต้องเผชิญกับอันตรายนานัปการ ทั้งอันตรายจากสัตว์ป่าที่บาดเจ็บ โรคภัยต่างๆ ที่แฝงอยู่ในป่าลึก และกลุ่มผู้ลักลอบล่าสัตว์ป่า แต่นั่นก็มิได้เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาหยุดความตั้งใจ ในการรักษาสัตว์ป่าเหล่านี้เลย
ภารกิจของหมอล็อต มิใช่ทำเพื่อความสุขสบายของตนเอง และครอบครัว แต่ภารกิจทุกภารกิจที่ทำ ก็เพื่อเหล่าสัตว์ป่าทั่วประเทศ ที่ยังรอคอยการเยียวยา การรักษาดูแล เขาเปรียบเสมือนผู้ไถ่บาป ให้กับมนุษย์ผู้รุกรานพื้นที่ และชีวิตความเป็นอยู่ของสัตว์ป่า เมื่อมนุษย์เรา เป็นผู้ทำให้สัตว์ป่าต้องทุกข์ทรมาน หมอก็จะเป็นคนรักษาสัตว์เหล่านั้น ให้พ้นจากความเจ็บป่วย และให้ความรู้กับชาวบ้าน เพื่อเปลี่ยนความคิดให้ช่วยกันรักษา และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัว เพื่อคนสามารถอยู่ร่วมกับสัตว์ป่าได้ โดยไม่เบียดเบียนกัน ร่วมติดตามชีวิตของหมอล็อตได้ ในรายการคนค้นฅน วันอังคารที่ 8 มกราคมนี้ เวลา 22.00 น. ทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี
อัพเดทโดย : ศศิวิมล
http://modernine.mcot.net/inside.php?modid=1741?modtype=3