ข้อมูลจากวิถีกระสุน
ทุกครั้งที่มีการยิงกันตาย ผู้เชี่ยวชาญอาวุธปืน จะต้องมายังที่เกิดเหตุพร้อมกับแพทย์นิติเวช เพื่อลงความเห็นว่าทิศทางการยิง กับลักษณะของศพสอดคล้องกันหรือไม่ และเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างไร
การตรวจบาดแผลที่ถูกยิงทำให้ทราบระยะยิง กระสุนที่ยิงจากระยะใกล้จะมีรอยไหม้ รอยรูกระสุนและมีเขม่าจับโดยรอบ แต่ถ้ายิงจากระยะไกล ดินปืนจะฝังอยู่ในผิวหนังใกล้บาดแผล ดูคล้ายรอยสัก
ปืนทุกกระบอกมีตำหนิเฉพาะ ดังนั้นกระสุนที่ยิงออกมา ซึ่งจะต้องเคลื่อนผ่านลำกล้อง จึงมีตำหนิจากลำกล้อง เป็นร่องรอยกระสุนเสมอ ปลอกกระสุนก็จะมีร่องรอย ของเข็มแทงชนวน และช่องคายปลอกกระสุน การพิสูจน์ว่า กระสุนยิงออกจากปืนรุ่นใด จะต้องนำรอยบนกระสุนมาเทียบ กับกระสุนที่ยิงออกจากปืนแบบและรุ่นต่างๆ ที่ทางห้องปฏิบัติการรวบรวมไว้
การทดสอบอำนาจการยิงของปืน ทำโดยยิงปืนในห้องพิเศษ ที่มีอุปกรณ์วัดความเร็วกระสุน เพื่อประมาณทิศทางและแรงปะทะ จากนั้นใช้กล้องจุลทรรสน์ เปรียบเทียบรอยเกลียวลำกล้อง ที่ปรากฏบนกระสุนที่ทดลองยิง กับกระสุนที่เป็นหลักฐานในคดี
ถ้ามีปืนที่สงสัยว่า จะใช้กระทำความผิด ก็ทดสอบด้วยวิธีเดียวกัน เพื่อดูตำหนิที่ปรากฏบนกระสุน
ในการยิงปืน ตัวผู้ยิ่งเอง ก็จะได้รับแก๊สที่กระแทก ออกมาจากโคนกระสุน แล้วรวมตัวกันเป็นอนุภาคของเล็ก จับติดแน่นอยู่ที่มือ กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน ช่วยวิเคราะห์ชนิด และปริมาณธาตุที่เป็นส่วนประกอบ ซึ่งสัมพันธ์กับทิศทางของกระสุน การพิสูจน์หลักฐานในลักษณะนี้ มักใช้กันในที่ๆ มีการยิง และลอบยิงกันบ่อยๆ เช่น ในไอร์แลนด์เหนือ เป็นต้น

ภาพบน : ภาพจากกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน แสดงอนุภาคที่เกิดจากการยิงปืน เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ผู้ต้องสงสัยได้ยิงปืนกระบอกนี้
ภาพล่าง :
การทดสอบวิถีกระสุน ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ มักใช้วิธียิงเข้าไปในกล่องสำลี หรือถังน้ำที่ยาวมากๆ ที่มา
http://ecurriculum.mv.ac.th/library2/clinic/clinic2/gen_autopsy01.html------------------------------------------------------------------------
ของตำรวจไทยยังใช้วิธียิงเข้าไปในกล่องสำลี หรือถังน้ำที่ยาวมากๆ หรือเปล่าไม่รู้ครับ
