สงสัยมานานแล้วเรื่องอาการหูดับในสถานการณ์จริง

[เอ๋คนสงขลา]

          ตามมาตรฐานด้านอาชีวอนามัย ในสถานที่ๆเสียงดัง 90 เดซิเบล เราอยู่ได้ไม่เกิน 8 ชั่วโมง
แต่เสียงปืน ดังมากกว่า 120 เดซิเบลแน่ๆครับ แม้ในเวลาสั้นๆก็จะทำอันตรายต่อระบบการได้ยินเสียง...ที่ระดับความถี่สูง
ทีว่า....ร่างกายตื่นเต้นจนประสาทหูลืมเสียงปืนนั้น....คงมิได้หมายความว่า ระบบการได้ยินจะถูกปกป้อง
แต่ในทางกลับกัน ...จะถูกทำลายมากกว่า....
         
          สมรรถนะการได้ยินนั้น ถ้าสูญเสียไปแล้ว บำบัดรักษาให้ฟื้นกลับคืนมาไม่ได้   มีการตรวจสมรรถนะ
การได้ยิน แล้วพบว่า ในระดับความถี่สูง ไม่ได้ยินเสียงสัญญาณทดสอบเลย ลองถามดูได้ความว่า...
เคยยิงปืนมาก่อน....ส่วนมากพบที่หูข้างขวา...เขาบอกว่าสมัยเป็นทหาร มักจะประทับปืนด้านขวา หรือ
สมัยก่อนชอบยิงหนู....(หนูนานะ เอาไปทำอาหาร..ไม่ใช่หนูปากแดงๆ) 

         สรุปเลยว่า เราต้องปกป้องสมรรถนะการได้ยิน ด้วยการใช้อุปกรณ์ป้องกันเสียงทุกครั้งที่เข้าสนามยิงปืนครับ

ผมมีเอกสารมาตรฐานอาชีวอนามัย ให้ดูครับ

[RUGER]

  ผมสงสัยอยู่ว่าเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ หรือหน่วยพิเศษต่าง ๆ  เวลาปฏิบัติงานจะต้องใส่ที่อุดหูด้วยหรือเปล่า  .....

...ถ้าน้องรูฯ เป็นทหาร  ให้ใส่ Ear Plug เดินลาดตระเวน  น้องรูฯ จะใส่ไหมครับ

   อิอิอิ คงไม่ครับพี่  ....... อิอิอิ

     ผมว่าเจ้าหน้าที่เหล่านั้นหูคงเสียบ้างแล้ว  ...... อิอิอิ

     ส่วนนึงผมเห็นจากในหนังอย่างเรื่อง S.W.A.T.  บางครั้งเวลาแอบเข้าไปเผื่อช่วยตัวประกัน   ก็คงมีเหตุจำเป็นที่ต้องใช้เสียงที่เบาที่สุดแม้แต่การติดต่อสื่อสารกัน ก็ยังต้องเบา ๆ  ถ้าอุดหูด้วยคงไม่ได้ยินเลย  ..... แต่ถ้าไม่อุดหู เวลายิงกันในบ้านอาคารหรือใน เครื่องบินแบบในหนังหูเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง   ..... หรือว่าเขามีอุปกรณ์พิเศษอื่น ๆช่วย  ......  

[coda]

  ผมสงสัยอยู่ว่าเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ หรือหน่วยพิเศษต่าง ๆ  เวลาปฏิบัติงานจะต้องใส่ที่อุดหูด้วยหรือเปล่า  .....

...ถ้าน้องรูฯ เป็นทหาร  ให้ใส่ Ear Plug เดินลาดตระเวน  น้องรูฯ จะใส่ไหมครับ

   อิอิอิ คงไม่ครับพี่  ....... อิอิอิ

     ผมว่าเจ้าหน้าที่เหล่านั้นหูคงเสียบ้างแล้ว  ...... อิอิอิ

     ส่วนนึงผมเห็นจากในหนังอย่างเรื่อง S.W.A.T.  บางครั้งเวลาแอบเข้าไปเผื่อช่วยตัวประกัน   ก็คงมีเหตุจำเป็นที่ต้องใช้เสียงที่เบาที่สุดแม้แต่การติดต่อสื่อสารกัน ก็ยังต้องเบา ๆ  ถ้าอุดหูด้วยคงไม่ได้ยินเลย  ..... แต่ถ้าไม่อุดหู เวลายิงกันในบ้านอาคารหรือใน เครื่องบินแบบในหนังหูเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง   ..... หรือว่าเขามีอุปกรณ์พิเศษอื่น ๆช่วย  ......  

...เครื่องป้องกันเสียงและช่วยฟังแบบนี้มั้งครับ  อยากให้ทหารไทยได้ใช้บ้าง  แต่ท่าทางราคาคงไม่เบา



...ครอบหูอิเลคโทรนิคบางรุ่นของ Peltor รับฟังเสียงเบาๆ ได้ดีกว่าเวลาที่ไม่ใส่อีกครับ  เกือบจะเป็นหูทิพย์ไปเลย 

[dig5712]

ยิงที่โล่ง(ปืนพก 9 มม.) ไม่ดังเท่าไหร่ครับ ยกเว้นต้องมุดเข้าไปในโพรงหรือที่อับ ดัง ปังหรือป๊อง..วิ้งๆๆๆ (เสียงเป็นแบบนี้ครับ)
ส่วนยิงในสนามยิงปืน จะเป็นสถานที่ๆมีกำแพงป้องกันเยอะ อันนี้เสียงจะดังกว่าที่โล่ง ส่วนใหญ่แค่อาการหูอื้อครับ(เสียงวี๊ดหรือวิ้ง..ยาวๆ) ไม่เคยหูดับครับ

อย่างไรก้อดี อาการตื่นเสียงปืนจากตัวเองผมว่าคงไม่เป็นอุปสรรคทั้งหมด เนื่องจากอุปสรรคการยิงจะเกิดจากการตื่นเต้นของสถานการณ์รอบข้าง,ความกลัวเรื่องอื่น หุหุ   ทำให้ยิงต่อที่หมายได้แย่ ใกล้ๆก็อาจยิงไม่ถูกยังมีเลยครับ  

อาการหูดับ หากเกิดขึ้นจริงคงต้องเป็นเสียงที่ดังมากและมีแรงอัดสูงลักษณะฉับพลัน เมื่อโดนแล้วก็จะเสียสูญถ่วงของร่างกายหรือหลงทิศทำให้สมรรถนะในการควบคุมสูญเสีย (ตามความคิดของผมนะครับ ในบอร์ดนี้มีคุณหมอด้วย ท่านคงให้ความกระจ่างได้ดี)

จากประสบการณ์ของผมฝึกแบบไม่ใส่เครื่องป้องกันบ้าง แต่ทุกวันนี้ใส่เครื่องป้องกันตลอดครับ (ชอบดำน้ำ,ยิงปืน) รวมถึงแว่นตาครับ ล่าสุดตรวจร่างกายวัดค่า Hz ของหูเสื่อมลงครับ    

[pranyai]

เฉพาะเหตุการณ์ที่หนักจริงๆเท่าที่เคยเจอนะครับ
1.ผมก็เคยคิดแบบเจ้าของกระทู้นี้ครับ เลยทดลองยิงแบบไม่ใส่ที่ครอบหู ที่สนาม ศรภ. นี่เอง ยิงไปได้ซักแม๊กเริ่มไม่ไหวเลยเลิกยิง คืนนั้นปวดหูจนนอนไม่ได้ทั้งคืน ตอนเช้าไปหาหมอที่โรงพยาบาลรามคำแหง แก้วหูเป็นแผลทั้งข้าง
2.ครั้งที่สอง ที่สนามรด. ยิงเสร็จแล้วก็เก็บปืนเข้ากล่องอยู่ แล้วถอดที่ครอบหูออก เลนติดกันมาตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบ ยิงไปโป้งเดียว ไปหาหมอเจ้าเดิม แก้วหูฉีกครั้งที่สอง คราวนี้ข้างเดียว
3.ท่านผู้กำกับ สน. ภูธร แห่งนึงที่คุ้นเคยกันดี บุกจับกุมต่อสู้ยิงกันในตึกแถว ครั้งนั้นครั้งเดียว ปัจจุบันท่านยังหูตึงถาวร พูดอะไรกับใครก็ต้องดังๆ

แต่บางคนก็ไม่เป็นอะไรเลยนะครับ แปลกดีเหมือนกัน

[มะขิ่น]

อาการแบบที่เรียกว่า"ไปตายรัง" เกิดขึ้นภายหลังเมื่อเวลาผ่านไปครับ................ขณะที่เกิดเหตุวิกฤตินั้น................เสียงปืนจากรอบข้างจะดูเบาลงไป รวมทั้งเสียงตระโกนสั่งการด้วย...................เพราะต่อมอะดีนารีนจะหลั่ง หัวใจจะเต้นขนาดได้ยินเองประสาทจะตื่นตัวขีดสุด  หากควบคุมไม่ได้ อาการสติแตกจะเกิด กลายเป็นความเลิ่กลั่ก แล้วก็กลายเป็นเป้าของฝ่ายตรงข้าม..............สติที่มั่นคงและประสบการณ์จะช่วยควบคุมอารมณ์ได้ รวมทั้งการฝึกแบบหนักๆจะช่วยให้การปฏิบัติการในขณะนั้น เป็นไปตามอัตโนมัต.............................ณ เวลานั้น เสียงปืนเสียงระเบิดไม่ดังจนทนไม่ได้ ..................และเมื่อเวลาวิกฤตินั้นๆ ผ่านพ้น................อาการป่วยของหู ก็จะเริ่มปรากฎ(เริ่มรู้สึกตัว)............

ดั้งเดิมมา ทหารทำงานโดยไม่มีเครื่องป้องกันครับ......................สุขภาพเสียกันไปเยอะ

ปัจจุบัน ในส่วนของทหารที่ทำงานกับปืนใหญ่...............ใช้เครื่องป้องกันครับ

แต่ทหารราบ เหมือนเดิม คือ ถึงแจกก็ไม่ใช้............. กลัวตายมากกว่าหูแตก

[Tiger wut]

  ผมเคยยิง Glock 23C โดยไม่ครอบหู  ที่ศรภ.  ทั้งที่เป็นที่โล่ง ยิงไป ๓-๔ นัดไม่ไหวครับ

  ในหูเสียง วิ้งงงงงง ดังตลอดผ่านไป ๔-๕ วันยังดังอยู่  ไปหาหมอก็ได้ความว่าประสาทหูเสื่อมคือสัญญานความถี่ต่ำจะไม่ได้ยิน

  เวลาผ่านมาเป็นปีแล้ว รู้สึกหูผมก็ได้ยินปกติดี  (แต่ไม่ได้ไปตรวจคลื่นแบบพิเศษ)

  อย่างที่พี่แก้วแนะนำก็ดีแต่อาจแพง  ผมเห็นเพื่อนผมมีใช้อยู่คล้ายพี่แก้วแนะนำซื้อจากร้าน TANK เป็นที่อุดหูตัดเสียงดังจากปืน

  แต่เสียงพี่พูดคุยกันอยู่ยังได้ยินดี คู่ละประมาณ ๕๐๐ บาทมั้งครับ

[Ro@d - รักในหลวง]

อาการแบบที่เรียกว่า"ไปตายรัง" เกิดขึ้นภายหลังเมื่อเวลาผ่านไปครับ................ขณะที่เกิดเหตุวิกฤตินั้น................เสียงปืนจากรอบข้างจะดูเบาลงไป รวมทั้งเสียงตระโกนสั่งการด้วย...................เพราะต่อมอะดีนารีนจะหลั่ง หัวใจจะเต้นขนาดได้ยินเองประสาทจะตื่นตัวขีดสุด  หากควบคุมไม่ได้ อาการสติแตกจะเกิด กลายเป็นความเลิ่กลั่ก แล้วก็กลายเป็นเป้าของฝ่ายตรงข้าม..............สติที่มั่นคงและประสบการณ์จะช่วยควบคุมอารมณ์ได้ รวมทั้งการฝึกแบบหนักๆจะช่วยให้การปฏิบัติการในขณะนั้น เป็นไปตามอัตโนมัต.............................ณ เวลานั้น เสียงปืนเสียงระเบิดไม่ดังจนทนไม่ได้ ..................และเมื่อเวลาวิกฤตินั้นๆ ผ่านพ้น................อาการป่วยของหู ก็จะเริ่มปรากฎ(เริ่มรู้สึกตัว)............

ดั้งเดิมมา ทหารทำงานโดยไม่มีเครื่องป้องกันครับ......................สุขภาพเสียกันไปเยอะ

ปัจจุบัน ในส่วนของทหารที่ทำงานกับปืนใหญ่...............ใช้เครื่องป้องกันครับ

แต่ทหารราบ เหมือนเดิม คือ ถึงแจกก็ไม่ใช้............. กลัวตายมากกว่าหูแตก

ผมกำลังจะบอกเหมือน เสธฯ  .. 

ในสถานการณ์จะยิงเพื่อชีวิต ประสาท ทุกส่วนของร่างกาย ควรจะต้องเปิดรับ อย่าได้คิดเอาอะไรมาขัดขวาง การรัีบรู้นั้น. แม้แต่ แว่นตาก็เถอะ

การยิงกัน เป็นเรื่องจริงไม่ใช่การซ้อมยิง.. สมาธิท่านจะเกิด ใจท่านจะจดจ่อในสิ่ื่งที่ปรากฎขึ้นตรงหน้า .. คนที่สติแตกวอกแวก จะรอดยาก.

ต้องคุมสติ อย่าลนลาน อย่าคิดแต่จะหนีถ่ายเดียว .. 

ถ้าท่านตัดสินใจสู้ ความกล้าจะมาเยือน ท่านย่อมหาทางเอาชีวิตรอดได้้เองครับ. 

[E_mail]

อาการแบบที่เรียกว่า"ไปตายรัง" เกิดขึ้นภายหลังเมื่อเวลาผ่านไปครับ................ขณะที่เกิดเหตุวิกฤตินั้น................เสียงปืนจากรอบข้างจะดูเบาลงไป รวมทั้งเสียงตระโกนสั่งการด้วย...................เพราะต่อมอะดีนารีนจะหลั่ง หัวใจจะเต้นขนาดได้ยินเองประสาทจะตื่นตัวขีดสุด  หากควบคุมไม่ได้ อาการสติแตกจะเกิด กลายเป็นความเลิ่กลั่ก แล้วก็กลายเป็นเป้าของฝ่ายตรงข้าม..............สติที่มั่นคงและประสบการณ์จะช่วยควบคุมอารมณ์ได้ รวมทั้งการฝึกแบบหนักๆจะช่วยให้การปฏิบัติการในขณะนั้น เป็นไปตามอัตโนมัต.............................ณ เวลานั้น เสียงปืนเสียงระเบิดไม่ดังจนทนไม่ได้ ..................และเมื่อเวลาวิกฤตินั้นๆ ผ่านพ้น................อาการป่วยของหู ก็จะเริ่มปรากฎ(เริ่มรู้สึกตัว)............

ดั้งเดิมมา ทหารทำงานโดยไม่มีเครื่องป้องกันครับ......................สุขภาพเสียกันไปเยอะ

ปัจจุบัน ในส่วนของทหารที่ทำงานกับปืนใหญ่...............ใช้เครื่องป้องกันครับ

แต่ทหารราบ เหมือนเดิม คือ ถึงแจกก็ไม่ใช้............. กลัวตายมากกว่าหูแตก

ขออ้างข้อความของพี่มะขิ่นมาอธิบายเรื่องของตัวเองครับ

หูมันดับ วิ๊งๆๆๆๆตั้งแต่ยิงออกไปตูมแรกแล้วครับ แต่ประสาททุกส่วนกลับตื่นตัวผิดปกติ แทบรู้สึกได้กระทั่งชีพจร ระบบสั่งการ/ร่างกายทำได้แบบเหลือเชื่อตัวเอง แต่ใจเต้นโครมครามจนเหมือนจะเป็นลม

บางคน(ผม)โง่จัด.....นาทีนั้นเหมือนสมองไม่ทำงาน ใช้ความอยากมาเป็นตัวชี้ทางปฏิกริยาตอบสนอง...เลยทำอะไรเหมือนหาที่ตาย

ดีที่ไม่ได้ตายตามที่ควร 

[Southlander]

ขอบคุณในทุกคำตอบครับผมเคยลองคิดเล่นๆว่าถ้าเกิดเหตุการณ์ต้องยิงจริงๆก็อาจจะยิงมือเดียว
อีกข้างเอาอุดหูไว้.....ถ้าไม่ตกใจจนเกินไปนะ เพราะงานอดิเรกอีกอย่างที่ชอบนอกจากปืนคือเครื่องเสียง
หมดกับมันไปเยอะแล้วถ้าหูดับละก็แย่เลย อดเสพสรรพดนตรีใดๆอีกนี่มันขาดรสชาติของชีวิตไปมิใช่น้อย

[ปาล์มๆ...ซุ่มโป่ง]

ก่อนก็หวั่นๆเสียงปืนเหมือนกันครับ แต่ตอนนี้ชินแล้วครับ

[fink]

ผมเป็นนักดนตรีครับ หูสำคัญมากๆ ถ้าหูดับคงต้องไปข้าวพวกพี่ๆกินล่ะครับ เหอๆ
เว็ปนี้สมาชิกเป็นร้อง ได้ปีนึงพอดีครับ

[sukrom]

  ผมเคยยิง Glock 23C โดยไม่ครอบหู  ที่ศรภ.  ทั้งที่เป็นที่โล่ง ยิงไป ๓-๔ นัดไม่ไหวครับ

  ในหูเสียง วิ้งงงงงง ดังตลอดผ่านไป ๔-๕ วันยังดังอยู่  ไปหาหมอก็ได้ความว่าประสาทหูเสื่อมคือสัญญานความถี่ต่ำจะไม่ได้ยิน

  เวลาผ่านมาเป็นปีแล้ว รู้สึกหูผมก็ได้ยินปกติดี  (แต่ไม่ได้ไปตรวจคลื่นแบบพิเศษ)

  อย่างที่พี่แก้วแนะนำก็ดีแต่อาจแพง  ผมเห็นเพื่อนผมมีใช้อยู่คล้ายพี่แก้วแนะนำซื้อจากร้าน TANK เป็นที่อุดหูตัดเสียงดังจากปืน

  แต่เสียงพี่พูดคุยกันอยู่ยังได้ยินดี คู่ละประมาณ ๕๐๐ บาทมั้งครับ


น่าจะเป็นความถี่สูง ประมาณ ๖๐๐๐-๘๐๐๐ Hz นะครับที่เสียจากเสียงดัง ผมเคยยิงโดยไม่ใส่ครอบหูกันเสียงเพียงครั้งเดียวโดยลืมตัว เพียงนัดเดียวรู้สึกตกใจมาก เพราะมีอาการหูดับทันที เห็นปากคนขยับ แต่ไม่ได้ยินแม้แต่นัอย เวลาผ่านไปอาการดีขึ้นเรื่อยๆ แต่จนบัดนี้ เกือบสิบปีแล้ว ถ้าอยู่ในความเงียบสนิท จะได้ยินเสียงวิ้งๆในหูอยู่ตลอดครับ ถ้าท่านใดประสพเหตุอย่างนี้ อย่านิ่งนอนใจ รีบไปพบแพทย์ การกินยาสเตียรอยด์ช่วงสั้นๆ หยุดอาการได้ครับ(ยาควบคุม ต้องแพทย์สั่งนะครับ)

[rute - รักในหลวง]

  ผมเคยยิง Glock 23C โดยไม่ครอบหู  ที่ศรภ.  ทั้งที่เป็นที่โล่ง ยิงไป ๓-๔ นัดไม่ไหวครับ

  ในหูเสียง วิ้งงงงงง ดังตลอดผ่านไป ๔-๕ วันยังดังอยู่  ไปหาหมอก็ได้ความว่าประสาทหูเสื่อมคือสัญญานความถี่ต่ำจะไม่ได้ยิน

  เวลาผ่านมาเป็นปีแล้ว รู้สึกหูผมก็ได้ยินปกติดี  (แต่ไม่ได้ไปตรวจคลื่นแบบพิเศษ)

  อย่างที่พี่แก้วแนะนำก็ดีแต่อาจแพง  ผมเห็นเพื่อนผมมีใช้อยู่คล้ายพี่แก้วแนะนำซื้อจากร้าน TANK เป็นที่อุดหูตัดเสียงดังจากปืน

  แต่เสียงพี่พูดคุยกันอยู่ยังได้ยินดี คู่ละประมาณ ๕๐๐ บาทมั้งครับ


น่าจะเป็นความถี่สูง ประมาณ ๖๐๐๐-๘๐๐๐ Hz นะครับที่เสียจากเสียงดัง ผมเคยยิงโดยไม่ใส่ครอบหูกันเสียงเพียงครั้งเดียวโดยลืมตัว เพียงนัดเดียวรู้สึกตกใจมาก เพราะมีอาการหูดับทันที เห็นปากคนขยับ แต่ไม่ได้ยินแม้แต่นัอย เวลาผ่านไปอาการดีขึ้นเรื่อยๆ แต่จนบัดนี้ เกือบสิบปีแล้ว ถ้าอยู่ในความเงียบสนิท จะได้ยินเสียงวิ้งๆในหูอยู่ตลอดครับ ถ้าท่านใดประสพเหตุอย่างนี้ อย่านิ่งนอนใจ รีบไปพบแพทย์ การกินยาสเตียรอยด์ช่วงสั้นๆ หยุดอาการได้ครับ(ยาควบคุม ต้องแพทย์สั่งนะครับ)

เห็นด้วยอย่างยิ่งกับเรื่องที่การได้ยินเสียงความถี่สูงเสียไปครับ...

แต่เรื่องยาต้องให้อยู่ในความดูแลของแพทย์นะครับ...

ห้ามซื้อกินเองเด็ดขาดครับ อันตราย...

[vinchy]

     ผมเคยใช้.357แม็กฯ ยิงขู่คนร้ายในตึกแถวแค่ 2 นัด ขี้หูร่วงเลยครับ ทุกวันนี้เปลี่ยนมาใช้ .45 เสียงค่อยสบายหูหน่อยครับ(แต่ก็ยังจัดว่าดังมากโขอยู่) เมื่อเร็วๆนี้เพิ่งทดสอบหู พบว่า หูขวา ไม่ได้ยินเสียงที่ระดับ 4000Hz ขึ้นไปเรียบร้อยแล้วครับ ส่วนหูซ้ายยังปกติอยู่ ถ้าเข้าสนามซ้อมยิงปืนจะใส่อุปกรณ์ป้องกันตลอด..