ขอแสดงความคิดเห็นบ้างครับ "ยิงขู่" ผมว่า เป็นคำที่เราท่านที่มีปืนทุกคนเข้าใจว่าหมายถึงอะไรนะครับ ไม่ต้องแปล แต่ทำไมต้องยิงขู่และยิงอย่างไร ผมขอยกตัวอย่างประสบการณ์ส่วนตัวมาเสนอครับ เผื่อจะได้แนวคิดบ้าง คือหลังบ้านผมเป็นบ่อเลี้ยงปลา ปล่อยปลาไว้พอสมควร แต่มักจะถูกแบบเข้ามาลักทอดแหประจำ ใชช่วงกลางคืนครับ ถ้ามาแบบไม่มีไฟ ก็ไม่เห็น แต่ถ้ามาแบบกลัวผี คือ ฉายไฟมาเห็นแว็บๆแบบกระสือก็เห็นชัด (บ่อห่างจากบ้านประมาณ 100 เมตร) คืนวันหนึ่ง แฟนผมนั่งอยู่หลังบ้าน เห็นแสงไฟฉายแว็บๆที่บ่อปลา แน่หละมีคนมาขโมยทอด ก็เรียกผมไปดู ก็เห็นเหมือนกัน เลยบอกให้ผมเอาปืนมายิงขู่มันหน่อย จะได้กลัว ผมหยิบปืนมา แต่ไม่ยิงครับ ถือไว้ก่อน แฟนผมถามว่า อ้าวทำไมไม่ยิงขู่ไล่มันไปล่ะ ผมบอกว่า ยังยิงไม่ได้ เพราะมันเสี่ยงเกินไป แฟนผมทำหน้าสงสัยบอกเสี่ยงอะไร ก็เขามาลักของๆเรา ก็ยิงไปเลย ผมถามว่า ให้ยิงไปที่ไหนล่ะ เธอบอกว่าก็ยิงขึ้นฟ้าไง ผมก็ถามต่อไปว่า แล้วถ้าเขาบอกว่าเรายิงเขา ข้อหาพยายามฆ่าเขา ทั้งๆที่เขามาลักขโมย มีแค่แห 1 ปากกับไฟฉายติดตัวมา เราจะทำเกินกว่าเหตุไหม ลูกปืนมันไปไหน เราไม่มีหลักฐานเลย ตามเก็บบนฟ้าก็ไม่ได้ แฟนผมบอกว่า อ้าว มีปืนไม่ยิง แล้วซื้อมาทำ ห่าทำไม ผมบอกว่า ยิงได้ซิ แล้วผมก็ยิงไปที่ต้นมะพร้าวข้างห้องใกล้ๆบ้าน แฟนผมสงสัยบอกยิงต้นไม้ทำไม มันเกี่ยวอะไรด้วย ผมตอบว่า นั่นแหละคือหลักฐานว่า เรายิงเข้าไปในที่ที่ปลอดภัย โดยเจตนาเพื่อใช้เสียงปืนขับไล่ผู้มาบุกกรุกเรารู้ว่าเรามีอาวูปืนที่พอจะทำร้ายเขาได้ แต่ไม่ทำแต่ขอให้ออกไปเท่านั้น ไม่ได้เจตนาฆ่า หรือแสดงการปทุษร้ายเขา แต่หลังจากเรายิงไปแล้ว 1 นัดซิ เขาไม่ไป หรือยิงสวนเข้ามาด้วยอาวุธปืน หรือว่าสวนเข้ามา คราวนี้มีเท่าไรก็ใส่ให้หมดแม็กเลย เพราะเราแสดงเจตนาดีแล้ว แต่เขากลับแสดงเจตนาร้ายกับเรา โดยหลักกฎหมายมีปืนไว้ป้องกันตัว ไม่ใช่ทำร้ายผู้อื่น ศาลจะดูเจตนาสู้ครับ ไม่ได้ดูเจตนาส่องหรือซุ่มครับ (ผมไม่ใช่นักกฎหมายครับ แต่อาจารย์ที่สอนให้ผมทำแบบนี้ท่านเป็นผู้พิพากษาหัวหน้าศาลครับ ผมเลยนำมาสอนแฟนอีกทีหนึ่ง)
ที่อยุธยา เขาก็ยิงขู่ไปที่ต้นไม้นัดเดียวแบบนี้แหละครับ
ปรากฏว่า M16 สวนกลับมาสองร้อยกว่านัด โชคดีที่มีตู้เย็นมาบังไว้ให้