เอาเต็มๆนะพี่อ่านแล้วทึ่ง...ทึ่งความรู้ผู้เขียนกว่า4 ล้านกระบอกเกลื่อนเมือง-ปืนเถื่อนอีกเพียบ
อาชญากรรมปัจจุบันนับวันจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะปืนหาซื้อได้ง่าย ทั้งถูกกฎหมายและปืนเถื่อน ทั่วประเทศรวมแล้วกว่า 4 ล้านกระบอก ไม่รวมปืนเถื่อน ตร.-ทหาร-ปกครองอีกเพียบ โดยไม่มีการทดสอบสุขภาพจิตผู้มีและครอบครองใดๆ
คดีอาชญากรรมปัจจุบันนับวันจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆส่วนหนึ่งเกิดจากอาวุธปืนหาซื้อได้ง่าย เด็กนักเรียน เด็กช่างกล ไปจนถึงผู้ประกอบสัมมาอาชีพต่างก็มีไว้ในครอบครอง ทั้งที่เป็นปืนถูกกฎหมายและปืนเถื่อน โดยไม่มีการทดสอบสุขภาพจิตและความพร้อมของผู้มีและครอบครองใดๆ ทั้งสิ้น !!!
คดีล่าสุดที่เห็นได้ชัดเจนคือ วิศวกรไฟฟ้าเมืองปากน้ำใช้ปืนยิงอริที่มีเรื่องบาดหมางกันตาย 4 ศพ บาดเจ็บอีก 1 ราย ขณะเดินผ่านหน้าบ้านและมีเรื่องชกต่อยจนบานปลายกลายเป็นฆาตกรรมหมู่
เป็นเพราะปืนหาง่ายหรือคนใช้ไม่มีสติยั้งคิด ข้อมูลจากฝ่ายอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนในกทม. กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ระบุว่า ขั้นตอนการขอให้มีและใช้อาวุธปืนแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ผู้ที่จะซื้อปืนได้ต้องมีใบ ป.3 หรือใบซื้ออาวุธปืน โดยผู้ซื้อจะต้องยื่นคำร้องขอใบ ป.3 จากกระทรวงมหาดไทย จากนั้งกองทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะตรวจสอบประวัติอาชญากร หากพบว่าไม่เคยมีประวัติก็จะออกใบ ป.3 ให้นับจาก 30 วันทำการ
ใบป.3 มีอายุ 6 เดือน ระหว่างนี้จะนำไปซื้อปืนกี่กระบอกก็ได้
(จริงๆนะ ต้อง 1ใบต่อ1กระบอกไม่ใช้หรือครับ) แต่ปืนทั้งหมดจะต้องนำกลับมาที่ฝ่ายอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน เพื่อออกใบ ป.4 หรือใบมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครอง
ผู้ขอมีอาวุธปืนต้องมีคุณสมบัติดังนี้คือ มีอาชีพ มีรายได้ และมีคุณสมบัติตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 13 ซึ่งบัญญัติกรณีต้องห้ามบุคคลดังต่อไปนี้ให้มีอาวุธปืนไว้ในความครอบครอง
1.ต้องโทษจำคุกตามความผิดกฎหมายอาญา เน้นเกี่ยวกับชีวิตและทรัพย์สิน
2.ต้องโทษจำคุกฝ่าฝืน พ.ร.บ.อาวุธปืน เช่น ยิงปืนในที่สาธารณะ ฯลฯ
3.ต้องโทษจำคุก 2 ครั้งขึ้นไป ระหว่าง 5 ปี โดยนับย้อนหลังระหว่างยื่นคำขอ เว้นเสียแต่ความผิดลหุโทษหรือความผิดฐานประมาท
4.ยังไม่บรรลุนิติภาวะ
5.บุคคลไม่สามารถใช้อาวุธปืน (พิการ) เว้นแต่มีไว้เพื่อเก็บ (ปืนพ้นสมัยหรือปืนชำรุด)
6.บุคคลไร้ความสามารถ สติฟั่นเฟือน และวิตกจริต
7.ไม่มีอาชีพและไม่มีรายได้
8.ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
9.บุคคลที่ประพฤติชั่วร้ายแรง อาจกระทบกระเทือนต่อความสงบของประชาชน
ขั้นตอนการยื่นคำร้องจะต้องประกอบด้วยเอกสารสำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน บัญชีการเงิน หนังสือรับรองการทำงานของบริษัท และเอกสารชี้แจงทรัพย์สินว่ามีอะไรบ้าง รวมถึงเหตุผลที่ต้องมีอาวุธปืน ส่วนใหญ่จะอ้างว่าเพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สินและเพื่อการกีฬา กรณีหลังต้องมีใบแนบจากชมรมนั้นๆ ด้วย
"ปัจจุบันการขอซื้ออาวุธปืนและมีปืนไว้ในความครอบครองทำค่อนข้างง่าย หากเอกสารครบ และไม่ได้เป็นบุคคลต้องห้าม
ส่วนใหญ่จะได้รับการอนุมัติ ก่อนหน้านี้เคยมีกรณีหนึ่งเจ้าหน้าที่สงสัยผู้ซื้อรายหนึ่งซื้อปืนขนาดเดียวกันหลายกระบอก เลยสอบถาม ปรากฏว่าถูกฟ้องละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
กฎหมายที่มีอยู่ก็เก่าใช้มาหลายปีแล้วไม่ทันต่อยุคสมัย ต่อไปนี้ใครมีเงินก็มีปืนได้" เจ้าหน้าที่กรมการปกครองให้ความเห็น เจ้าหน้าที่คนเดิมให้ความเห็นว่าจากนี้ไปน่าจะมีการฝึกอบรมผู้ซื้อและมีอาวุธปืน แล้วให้ใบรับรองความสามารถในการใช้อาวุธปืน แต่เรื่องนี้อาจทำให้คนขวนขวายมีอาวุธปืนมากขึ้น ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือน่าจะมีการทดสอบสุขภาพจิตจากนักจิตวิทยาเสียก่อน หากผลทดสอบออกมาระบุว่าเป็นคนอารมณ์ร้อน ขี้หงุดหงิด ก้าวร้าว ซึมเศร้า หรือคนในครอบครัวมีประวัติทางจิต ก็ไม่สมควรให้มีอาวุธปืน แต่ปัจจุบันยังไม่มีใครให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้
ทั้งนี้ข้อมูลจากอย่างไม่เป็นทางการจากกรมการปกครองพบว่า ทั่วประเทศไทยมีพลเรือนครอบครองปืนถูกกฎหมายทั้งสิ้นกว่า 4 ล้านกระบอก แบ่งเป็นต่างจังหวัด 3 ล้านกระบอก เป็นปืนสั้น 2 ล้านกระบอก ปืนยาว 1 ล้านกระบอก ส่วนที่เหลืออีกกว่า 1 ล้านกระบอกกระจายอยู่ใน กทม. ในจำนวนนี้ยังไม่รวมปืนของหน่วยงานราชการอย่างตำรวจและทหารหรือฝ่ายปกครองอีกจำนวนไม่น้อย
"เฮียสิทธิ์" อดีตพ่อค้าอาวุธเถื่อน วัย 54 ปี บอกว่า ปืนเถื่อนหาง่ายมากตามแถบชายแดน โดยเฉพาะตะเข็บชายแดนไทย-กัมพูชา และต่างจังหวัด ส่วนใหญ่เป็นปืนเก่าแบบลูกโม่ ขายต่อกันเป็นทอดๆ หรือบางคนนำไปก่อเหตุแล้วตะไบเลขทะเบียนออกแล้วขายต่อ ราคาขึ้นอยู่กับสภาพ หากเป็น .38 ราคาไม่ถึง 7,000 บาท ขนาด 9 มม.กับ 11 มม.ราคาอยู่ที่หลักพันขึ้นไปแต่ไม่เกิน 2 หมื่นบาท
"ก่อนหน้านี้มีโรงงานเหล็กแถบนครสวรรค์ อุทัยธานี และลพบุรี ลักลอบทำปืนเถื่อนขาย แม้ปัจจุบันจะถูกทลายแล้ว แต่เชื่อว่าปืนลอตแล้วๆ มายังคงกระจายอยู่ในตลาดมืดอีกไม่น้อย"

คำถามปิดท้ายของเขานะครับ
นี่หรือไทยเมืองพุทธ!
ผมจะตอบว่านี่แหละครับ
ประเทศไทยเมืองพุทธ ไม่เคยได้ยินหรือครับ
อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งของตน