ชุมนุมใหญ่ที่รามคำแหง
กลุ่มประชาชนที่หนีตายจากการปราบปรามบริเวณถนนราชดำเนินได้มุ่งหน้ามาสมทบ กับกลุ่มผู้ชุมนุมที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 19 พฤษภาคม และเริ่มมีจำนวนมากขึ้นจนถึงประมาณ 4-5 หมื่นคน มีการตั้งเวทีปราศรัย ผลัดกันขึ้นอภิปรายตลอดเวลา
การชุมนุมครั้งนี้ แกนนำผู้ชุมนุมได้สรุปบทเรียนจากการล้อมปราบที่ถนนราชดำเนิน และวางมาตรการป้องกันการสร้างสถานการณ์จากกลุ่มผู้ไม่หวังดี มีการตรวจอาวุธและห้ามไม่ให้นำรถจักรยานยนต์เข้ามาในมหาวิทยาลัย รวมทั้งวางแนวป้องกันการสลายการชุมนุมด้วยการปิดกั้นเส้นทางเข้ามหาวิทยาลัยทั้ง 12 แห่งด้วยกระสอบทราย ท่อคอนกรีต และกระถางต้นไม้ มีการประสานงานหน่วยแพทย์และพยาบาลเพื่อช่วยเหลือผู้ชุมนุมเมื่อมีการล้อมปราบ
เวลา 23.40 น. ของวันที่ 19 พฤษภาคม ขณะที่การชุมนุมภายในมหาวิทยาลัยรามคำแหงดำเนินไปอย่างสงบ กำลังทหารพร้อมอาวุธจำนวน 400 นายก็มุ่งหน้าไปยังมหาวิทยาลัยรามคำแหงและมีข่าวว่าจะใช้เฮลิคอปเตอร์ปราบปรามผู้ชุมนุม
พระบารมียุติปัญหา เวลาห้าทุ่มครึ่ง โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจและสถานีวิทยุกระจายเสียงทุกแห่งได้ถ่ายทอดข่าวสำคัญ คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ พล.อ.สุจินดา และพล.ต.จำลอง เข้าเผ้าใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเตือนสติและสั่งสอนบุคคลทั้งสอง ทรงชี้ให้เห็นถึงผลกระทบที่จะมีต่อประเทศชาติ ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ขอให้บุคคลทั้งสองเป็นตัวแทนฝ่ายต่าง ๆ หันหน้าเข้าหากัน ช่วยกันแก้ปัญหาทำอย่างไรให้ประเทศชาติกลับคืนขึ้นมา
ภายหลังจากกราบบังคมทูลลาแล้ว พล.อ. สุจินดา และ พล.ต. จำลอง พร้อมด้วยนายสัญญา ธรรมศักดิ์ ประธานองคมนตรี และ พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ องคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้ร่วมประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
พล.อ.สุจินดา กับ พล.ต. จำลอง ได้ออกแถลงร่วมกันทางโทรทัศน์ โดย พล.อ. สุจินดา แถลงว่าจะปล่อยตัว พล.ต. จำลอง และออกกฎหมาย นิรโทษกรรมให้แก่ผู้ชุมนุม และจะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเร็ว ส่วน พล.ต. จำลองแถลงว่า ขอให้ผู้ที่ก่อความวุ่นวายยุติการกระทำ
ผู้ชุมนุมที่รามคำแหงหลังจากได้ชมข่าวสำคัญและการแถลงข่าวของบุคคลทั้งสอง ส่วนใหญ่รู้สึกผิดหวังที่ พล.อ. สุจินดายังไม่ลาออก แต่ที่ชุมนุมก็ได้ตัดสินใจสลายการชุมนุม แต่ยังคงอยู่รวมกันในมหาวิทยาลัยรามคำแหงจนกว่าจะถึงเวลาตีสี่ ซึ่งพ้นเวลาเคอร์ฟิวแล้ว จึงค่อยทยอยกันกลับบ้าน
มีความเป็นไปได้สูงมากกว่า ถ้าเหตุการณ์การชุมนุมที่รามคำแหงยังไม่ยุติการนองเลือดคงเกิดขึ้นอีกครั้งแน่นอน เห็นได้จากรายงานที่กองทัพบกเสนอต่อคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของรัฐบาล (ภายหลังเหตุการณ์พฤษภาวิปโยค) กล่าวว่า
"การที่เจ้าหน้าที่ใช้ความนุ่มนวลต่อผู้ชุมนุม เช่น การเจรจาทำความเข้าใจการใช้น้ำฉีด การใช้แนวตำรวจแนวทหารประกอบอาวุธโดยมิได้บรรจุกระสุนปืนตามมาตรการขั้นเบา ไม่น่าจะได้ผลเพราะกลุ่มผู้ก่อการจราจลไม่ยำเกรง ..หากการดำเนินการของกลุ่มผู้ก่อการจลาจลที่รวมอยู่กับประชาชนยังคงอยู่ จะต้องเกิดความไม่ปลอดภัยทั้งแก่เจ้าหน้าที่และประชาชน ผู้ก่อการจลาจลเหล่านี้สมควรจะต้องถูกสลายและควบคุมตัวถ้าจำเป็น เพื่อหยุดก่อความวุ่นวายที่เกิดขึ้น"