ช่วงเย็นวันนี้ยุ่ง ๆ อยู่เปิดทีวีทิ้งไว้ได้ยินข่าวคนร้ายสองคนใช้จักรยานยนต์เป็นพาหนะจี้ชิงสร้อยทองคำ 10 บาท จากคุณลุงท่านหนึ่ง ลุงแกเลยสอยด้วย .38 ดับทั้งคู่ ตำรวจตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา ผมจำได้เท่านี้ ท่านใดได้ดูข่าวนี้กรุณาให้รายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อเป็นความรู้สำหรับผู้ใช้อาวุธปืนที่ถูกต้องตามกฏหมายด้วยครับ

ในข่าวช่องเจ็ด จะบอกว่าเจ้าพนักงานตำรวจตั้งข้อหากับลุงว่า "ฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา แต่เป็นการป้องกัน"ครับ

แต่จริงๆแล้วในกรณีนี้ ถือว่า
ลุงเขามีเจตนาฆ่าคนร้ายทั้งสองคนครับ การที่ชักอาวุธของตนเล็งที่คนร้ายแล้วยิง ลุงย่อมรู้ตัวเองว่าตนกำลังชักปืนยิงคนร้าย และเป็นการยิงที่เจตนาประสงค์ให้โดนคนร้ายอย่างชัดเจนครับ จึงถือว่า ลงเจตนาฆ่าคนร้ายทั้งสองคน
อีกประการการที่จะอ้างป้องกันได้ ผู้อ้างต้องกระทำความผิดโดยเจตนาเท่านั้น..
แม้ว่าลุงจะโดนตั้งข้อหาเจตนาฆ่าคนร้ายก็ตาม แต่ก็สามารถยกข้ออ้างตามกฎหมายทำให้การกระทำของลุง ไม่เป็นความผิด ก็คือการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
ถึงอย่างไรก็ดี ไม่ใช่ว่าทุกกรณีที่เรายิงคนร้าย จะถือว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายส่งผลให้การกระทำของเรานั้นไม่เป็นความผิด แต่หากเรายิงเกินสมควรแก่เหตุแล้ว ศาลอาจถือว่าเรามีความผิดฐานเจตนาฆ่าได้ แต่โทษที่จะลงน้อยกว่ามากครับ
จากข้อเท็จจริงจากการให้ข่าวของลุงเอง คนร้ายดึงสร้อยแล้วขับรถออกไปเลย ลุงจึงยิง
ไล่หลังไม่ยั้ง จึงมีข้อที่ควรจะพิจารณาว่า การกระทำของลุงเกินกว่าเหตุหรือไม่ ซึ่งต้องไปว่ากันในชั้นศาล ซึ่งศาลท่านจะพิจารณาตามพยานหลักฐานและพฤติการณ์ครับ
แต่ พนักงานสอบสวนคงไม่ตั้งข้อหาลุงตามข่าวว่า ฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนาแน่นอน แต่คงเป็นสาเหตุเดิมๆที่ชาว อวป รู้กันดี คือ ฟังไม่ได้ศัพท์แต่รายงานไปตามอำเภอใจมากกว่า.....
ถึงอย่างไรก็ดี นี้เป็นการเสนอข่าวที่ดีส่วนหนึ่ง ทำให้ประชาชนรู้และเข้าใจว่า ถึงจะยิงคนร้ายตาย ก็ต้องถูกดำเนินคดี ไม่ใช่เสนอข่าวด้านเดียวว่า เจ้าของร้านทองใจถึงยิงคนร้ายตาย แล้วออกมาให้สัมภาษณ์สบายใจ จนคนอ่านข่าวเข้าใจผิดคิดว่า ยิงคนร้ายไม่ผิดกฎหมาย และไม่ถูกดำเนินคดีครับ