ครั้งที่ผมไปดู ชิลเลอร์ ลิส เก้าอี้ข้างๆผมว่า "เป็นข้านะสู้ตายเลยไม่ปล่อยให้ใครมาจัดการง่ายๆหร๊อก พวกยิวนี่ไม่ไหว" นายนั่นต้องมาดูเรื่องนี้ครับ จนเดี๋ยวนี้พวกยิวเขาก็ยิบตากับทุกๆเรื่องนะครับ หลายปีก่อนยังมีคนกลัวครับว่าจุดที่จะเริ่มสงครามนิวเครียร์จะเป็นอิสราเอลนี่แหละ
ขออภัย เรื่องของยิวกะเยอรมันน่ะ สู้เรื่องญี่ปุ่นกับจีนไม่ได้หรอก
ตอนที่ญี่ปุ่นยกพลเข้าจีน ระลอกแรก ได้รับการต่อต้าน และต่อสู้อย่างหนัก
แต่พอฝุ่นควันจางลง ปรากฎว่ายังมีทหารญี่ปุ่นหลงเหลือ คราวนี้ ชาวจีน สติแตกเลยครับ
ทำให้งานนั้นชาวจีนถูกฆ่าหลายหมื่นคน ทั้งๆ ทหารญี่ปุ่นที่เหลือจากการโจมตีอยู่ ราวๆ ไม่เกิน100คน
เรื่องนี้ ยังไม่ได้สร้างเป็นภาพยนตร์ และไม่แน่ใจว่าหากสร้างออกมาจะออกโทนไหน
ครับ ยากตั้งแต่ตัดสินในหาพล๊อตเรื่องมาสร้าง แต่ได้ข่าวว่าเร็วๆ เรื่องจริงในจีนที่มีกรอบเรื่องหน่อยก็มีกงสุลเยอรมันที่ช่วยคนจีนไม่ให้ถูกญี่ปุ่นฆ่า กำลังจะสร้างหนังหรือเปล่าไม่แน่ใจ
สร้างหนังอิงปรวติศาสตร์ยากมากเพราะเนื้อหามากไปหมด จะจับมานำเสนออย่างไรให้ตรงเรื่องได้ดี สื่อเป็นตัวแทนของประวัติศาสตร์ตอนนั้นๆ ได้ เพราะประวัติศาสตร์ย่อมแสดงชัดอยู่ทั้งสิ้นทั้งปวง ผู้คนก็รู้เรื่องที่เกี่ยวข้องมากกว่าที่จะนำมาปรากฎในหนังได้ ไม่ใช่เป็นแค่เรื่องที่ผู้สร้างแต่งเอง ไม่ใครมีความรู้หรือข้อมูลนอกเหนือจากที่ปรากฎในหนัง
ที่จริงแม้แต่การนำเรื่องที่มีเนื้อหาจะกัดอย่างหนังสือมาสร้าง ผู้ชมก็จะเป็นได้ว่าผู้สร้างมีฝีมืออ่านหนังสือแตก ตีความแตกแค่ไหน เพราะต้องเลือกแต่ละฉากมาแสดง หรือแม้แต่ฉากเดียวกันคนละคนสร้างก็ได้รสไม่เหมือนกันอย่างเรื่อง Lolita เวอร์ชั่นเก่ากับใหม่
ผมว่าถ้าพลิกแพลงไปมาก ยืมแค่ประเด็นหลักๆ มาสื่อ แต่เฉไฉท้องเรื่องเฉไฉมากก็น่าจะกล้าใช้ชื่ออื่น แสดงว่าสร้างเรื่องใหม่ของตัวขึ้นมา เช่น พล๊อต Romeo Juliet สื่อแบบเดียวกันทุกเรื่องทั้งหนังที่ โอลิเวียร์ ฮัสซี่ แคล เดนส์ เคท เบตคินแซล แสดง สองเรื่องแรกใช้ชื่อเดิม เรื่องหลังชื่อ Underworld ดีแล้ว ดีกว่าทู่ซี้ตั้งชื่อ Romeo Juiet, Vampire VS Wolfy หรืออะไรเทือกๆ นี้