เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
สิงหาคม 19, 2025, 09:57:33 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: อย่าเครียดหน่ะ อ่านความจริง 23 ข้อนี้ คงช่วยได้  (อ่าน 2324 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Tee17 - รักพ่อหลวง
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 8
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 963



« เมื่อ: สิงหาคม 09, 2005, 02:44:22 PM »


1.กฎความเป็นไปได้
ขนมปังทาเนยที่พลัดตกพื้น จะเอาหน้าด้านที่มีเนยคว่ำลงเสมอ และโอกาสที่เนยตกเปื้อนพรม จะมีมากขึ้นเป็น X ส่วนกับราคาของพรม

2.การดูดวง
หมอดูมักทายหลายเรื่องทั้งดีและเลว แต่เรื่องที่แม่นที่สุดคือเรื่องที่เลวที่สุด

3.กฎแห่งความแม่นยำ
หากขว้างก้อนหินสะเปะสะปะ มันจะพุ่งตรงเข้าหาวัตถุที่มีราคาแพงที่สุด

4.กฎของหาย
ของใช้ที่เราเห็นทุกวันจะหายต่อเมื่อเราต้องการใช้มัน

5.กฎของเมธี
เลขเด็ดที่เราไม่ซื้อ คือเลขที่จะออกงวดนั้นและหวยที่เราซื้อมักใกล้เคียงกับหวยที่ออก หากได้บวกลบคูณหารด้วยเลขอะไรสักตัว หรือกลับหน้ากลับหลัง แต่ถ้าเราซื้อเลขกลับ มันจะออกเลขตรง และถ้าเราซื้อทั้งสองแบบมันจะไม่ออกเลย

6.กฎแรงโน้มถ่วง
วัตถุ 2 ชิ้นน้ำหนักไม่เท่ากันจะตกถึงพื้นด้วยความเร็วขนาดที่ทำลายทรัพย์สินได้ มากที่สุด เท่าๆกัน

7.ข้อพิจารณาในการเลือกซื้อหนังสือ
หนังสือปกสวย เนื้อในมักห่วย หนังสือปกขี้เหร่ เนื้อในห่วยกว่า

8.กฎห้ามพูด
คนไทยรู้จักกฎนี้ดี จนมีสุภาษิตว่า \"เข้าป่าอย่าเรียกหาเสือ\" กฎมีว่า ทันทีที่คุณพูดแสดงความคาดหวัง ถ้าหวังสิ่งเลวสิ่งเลวจะมาหา และถ้าหวังสิ่งดี สิ่งเลวก็จะมาหา

9.กฎของโฮว์ (Howe\'\'s Law)
มนุษย์ทุกคนมักจะทำอะไรไม่สำเร็จ

10.กฎของไซเมอร์กี้
ถ้าคุณรื้อชิ้นส่วนออกมาประกอบใหม่จะมีน็อตเหลือเสมอ

11.ข้อสังเกตของอีตัวร์
รถเลนข้างๆ มักเคลื่อนตัวดีกว่าเลนของเรา

12. กฎการแก้ปัญหา
ในปัญหาใหญ่ๆ ที่เป็นอุปสรรคให้เราแก้ มักมีปัญหาเล็กๆ อยู่ภายในซึ่งพร้อมจะขยายตัว แทนที่ทันทีที่ปัญหาใหญ่ได้รับการแก้ไขลุล่วง

13. กฎทอง
คนมีทองคือคนออกกฎ

14. ธรรมชาติของมนุษย์
มนุษย์เรามีสองประเภท ประเภทแรก คือ คนที่ชอบแยกคนเป็นสองจำพวก ประเภทที่สอง คือ คนที่รังเกียจพวกแรก

15. กฎยิ่งน้อยยิ่งดีของซีกัล
คนที่มีนาฬิกาเรือนเดียว จะรู้เวลาแน่นอน
คนที่มีนาฬิกาเพิ่มมาอีกเรือน จะไม่แน่ใจว่า เวลาใดถูกต้อง

16.กฎการใช้เวลาเหลื่อมล้ำ
การเริ่มต้นงานเป็นสิ่งยาก เพราะงาน 90 % แรก จะกินเวลาไปถึง 90% ของเวลาในโครงการ ส่วนงาน 10% ที่เหลือจะกินเวลาอีก 90% ของเวลาในโครงการ

17.กฎของโอ\'\'รีลลี
สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในโลกนี้ คือ การทำโต๊ะทำงานให้สะอาด

18. กฎของลีเบอร์แมน
นักการเมืองทุกคนโกหก แต่ไม่เป็นไรเพราะไม่มีใครฟังใคร

19. กฎน้ำพริกถ้วยเก่า
เสื้อผ้าตัวเก่งจะเก่าซอมซ่อทันทีที่เราได้ตัวใหม่

20. ข้อเท็จจริงขององค์กร
ในทุกหน่วยงานมักมีพนักงานคนหนึ่งและคนเดียว ที่มองเห็นปัญหาที่แท้จริงขององค์กร และคนๆ นี้จะถูกไล่ออกเสมอ

21. กฎการโต้เถียง
คนที่พูดน้อยคือคนที่รู้มาก

22. กฎการทำงานเป็นทีม
เมื่องานยุ่งยาก ทุกคนผละหนี

23. กฎการมองโลก
มนุษย์ สามสิบคนในร้อยคน ชอบมองโลกในแง่ร้าย ที่เหลือมองโลกในแง่ร้ายกว่า


ปืนอะไร ขี้เหร่จะปานนั้น ...ซี๊ด...น้ำยายไหย...(ปืนคุณ G.BKK ถ่าย + ยิง โดย Tee17  Grin)

บันทึกการเข้า

Mr.Tanit Cherdrungsi
Tel. : (081)643-8860
ธ.ไทยพานิชย์ 162-212-7593 ออมทรัพย์ สาขาย่อยเดอะมอลล์บางแค

JarengkaBOW
Dog in Thailand
Hero Member
*****

คะแนน 18
ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 6150

By physically, the object couldn't lit by itself.


เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: สิงหาคม 09, 2005, 02:48:44 PM »

อ้างถึง
ปืนอะไร ขี้เหร่จะปานนั้น ...ซี๊ด...น้ำยายไหย...(ปืนคุณ G.BKK ถ่าย + ยิง โดย Tee17 


กฎข้อที่ 24 ของๆ คนอื่นมักจะดูสวยกว่าของๆ เรา
บันทึกการเข้า

I am dying... -*-


Tee17 - รักพ่อหลวง
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 8
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 963



« ตอบ #2 เมื่อ: สิงหาคม 09, 2005, 03:04:23 PM »

อ้างถึง
ปืนอะไร ขี้เหร่จะปานนั้น ...ซี๊ด...น้ำยายไหย...(ปืนคุณ G.BKK ถ่าย + ยิง โดย Tee17


กฎข้อที่ 24 ของๆ คนอื่นมักจะดูสวยกว่าของๆ เรา

หนับหนุนๆๆ
บันทึกการเข้า

Mr.Tanit Cherdrungsi
Tel. : (081)643-8860
ธ.ไทยพานิชย์ 162-212-7593 ออมทรัพย์ สาขาย่อยเดอะมอลล์บางแค

Quart
Sr. Member
****

คะแนน 9
ออฟไลน์

กระทู้: 611


« ตอบ #3 เมื่อ: สิงหาคม 09, 2005, 03:10:01 PM »

น่าสนใจดีครับ ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #4 เมื่อ: สิงหาคม 09, 2005, 03:11:04 PM »

                                กฎข้อที่ 24 ของๆ คนอื่นมักจะดูสวยกว่าของๆ เรา

 Grin Grin     ย้อนรอย     Grin Grin
บันทึกการเข้า

                
โจ ™
สมาชิกลำดับที่: 41
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 219
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8187


รวมเวลาที่อยู่ในระบบ: 555 วัน 5 ชั่วโมง 55 นาที


เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: สิงหาคม 09, 2005, 04:46:34 PM »

งั้นข้อที่ 25 เมื่อของๆคนอื่นมักจะดูสวยกว่าของๆเรา  ก็จะหาทางให้ของสิ่งนั้นตกมาเป็นของเรา  น้ำลายหก น้ำลายหก
บันทึกการเข้า

บางโพ 5
monamie
Full Member
***

คะแนน 0
ออฟไลน์

กระทู้: 180


« ตอบ #6 เมื่อ: สิงหาคม 09, 2005, 04:53:57 PM »

กฎข้อ 26 กฎแห่งความ (เกือบ) เป็นเจ้าของปืนมือสอง
ปืนมือสองราคาประหยัด และ ถูกใจมักจะถูกขายไปก่อนทุกครั้งที่เราติดต่อกลับไป
 Grin  Cheesy  Wink
บันทึกการเข้า
NaiMai>รักในหลวง
ไม่ว่าจะมีพร้อมทุกสิ่ง แต่ก็ยังไม่มีสิ่งใดเหนือกว่าความมีสติ
Hero Member
*****

คะแนน 741
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 14573


นายใหม่ รักหมู่


เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: สิงหาคม 09, 2005, 04:59:19 PM »

 Grin จริงแฮะ Grin
บันทึกการเข้า

E_mail
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #8 เมื่อ: สิงหาคม 09, 2005, 07:08:09 PM »

เอามุขมาฝากไว้ในกระทู้ด้วยคนครับ Grin

Language problem!!!

An Asian man walked into the currency exchange in New York City with 2000 yen and walked out with $72. The following week, he walked in with 2000 yen, and was handed $66. He asked the teller why he got less money that week than the previous week.

The teller said, “Fluctuations.”

The Asian man stormed out, and just before slamming the door, turned around and shouted, “Fluc you Amelicans, too!”   Tongue


เครดิต:ก็อปมาจากห้องจิปาถะ......เวบสยามนาฬิกาคร๊าบ  :-*
บันทึกการเข้า
E_mail
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #9 เมื่อ: สิงหาคม 09, 2005, 07:12:18 PM »

Daddy? How did I come into this world?"  Embarrassed


"Daddy? How did I come into this world?"
"Well, my child, some day I'll have to tell you any way.
"So why not today? Please!"
"OK, but listen carefully."
"Mom and Dad met each other in a cyber cafe. In the restrooms of that cyber cafe, dad connected to mom. Mom at that time made some downloads from dad's memory stick. When dad finished uploading we discovered we used no firewall.
Since it was too late to cancel or delete, ...nine months later we ended up with a virus." ตกใจ

จากแหล่งเดิมครับ....สยามนาฬิกา.คอม

บันทึกการเข้า
Ro@d - รักในหลวง
รักเธอ.. ประเทศไทย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4088
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20186


1 คัน 1 ชีวิตที่อิสระ มี G23 กาแฟอีก 1 เป็นเพื่อน


« ตอบ #10 เมื่อ: สิงหาคม 09, 2005, 07:31:23 PM »

Smiley..ขอบคุณมากครับ คุณtee17 .. ทฤษฎีหักมุม.ปะทะ.. ทฤษฎีลื่นไหลตาม.. Cheesy

15. กฎยิ่งน้อยยิ่งดีของซีกัล
คนที่มีนาฬิกาเรือนเดียว จะรู้เวลาแน่นอน
คนที่มีนาฬิกาเพิ่มมาอีกเรือน จะไม่แน่ใจว่า เวลาใดถูกต้อง

19. กฎน้ำพริกถ้วยเก่า
เสื้อผ้าตัวเก่งจะเก่าซอมซ่อทันทีที่เราได้ตัวใหม่

..... Grin Grin Grin เอิ้ก เอิ้ก .. Grin
บันทึกการเข้า

E_mail
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #11 เมื่อ: สิงหาคม 09, 2005, 07:35:34 PM »


เรื่องดีๆ ระหว่างพี่น้องอยากให้อ่าน

6 ครั้งที่ฉันต้องหลั่งน้ำตาให้น้องชายของฉัน ...


ฉันเกิดในหมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลผู้คน

แต่ละวัน พ่อแม่ของฉันต้องพรวนดินในไร่ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุ

ฉันมีน้องชายอยู่หนึ่งคน อายุน้อยกว่าฉัน 3 ปี

วันหนึ่งฉันขโมยเงินของพ่อเพื่อไปซื้อผ้าเช็ดหน้าที่เพื่อนๆ ของฉันมีกัน
... จากนั้นพ่อก็รู้เรื่อง

พ่อให้ฉันกับน้องคุกเข่าหันหน้าเข้าหากำแพง
โดยที่ในมือพ่อมีก้านไม่ไผ่อยู่หนึ่งก้าน

"ใครขโมยเงินไป" พ่อตวาด

ฉันกลัวมาก ไม่กล้าพูดอะไรออกไป น้องชายฉันก็เช่นกัน พ่อจึงเอ่ยขึ้นว่า

"ก็ได้ ในเมื่อไม่มีคนรับสารภาพ ก็ต้องโดนลงโทษทั้งคู่นั่นล่ะ"

พ่อชูก้านไม้ไผ่ในมือขึ้น

ทันใดนั้น น้องชายของฉันก็ลุกขึ้นคว้าข้อมือของพ่อไว้ แล้วพูดว่า
"ผมขโมยเองครับ"

ก้านไม้ไผ่ก้านนั้นได้กระหน่ำลงบนหลังของน้องของฉันอย่างต่อเนื่อง

พ่อโกรธมาก พ่อตีน้องของฉันไม่หยุด จนพ่อหอบด้วยความเหนื่อย

พ่อนั่งลงบนเก้าอี้ และด่าว่าน้องชายของฉัน "ของคนในบ้านแกเอง แกยังขโมยได้
ต่อไปแกจะทำชั่วอะไรอีก แกน่าจะโดนตีให้ตาย ไอ้หัวขโมย"

คืนนั้น ฉันกับแม่กอดน้องชายของฉันไว้ หลังของน้องมีแผลเต็มไปหมด
แต่เขาไม่ได้ร้องไห้แม้แต่น้อย

กลางดึกคืนนั้น ฉันนอนร้องไห้เสียงดัง และนานมาก

น้องเอามือเล็กๆ ของเขามาปิดปากฉันไว้ แล้วพูดว่า "พี่ครับ
ไม่ต้องร้องไห้นะ มันผ่านไปแล้ว"

ยังไงฉันก็อดที่จะเกลียดตัวเองไม่ได้ ที่ไม่มีความกล้าจะบอกความจริงกับพ่อ

หลายปีผ่านไป แต่เหมือนกับว่าเหตุการณ์มันเพิ่งเกิดเมื่อวานนี้เอง

ฉันไม่อาจลืมคำพูดของน้องชายตอนที่เขาปกป้องฉันได้เลย

ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 8 ปี ส่วนฉันอายุ 11 ปี...
เมื่อตอนที่น้องชายของฉันใกล้จบ ม.ต้น เขาได้รับการตอบรับจากโรงเรียน
ม.ปลาย ว่าเขาสอบได้ ในขณะที่ฉันซึ่งใกล้จบ ม.ปลาย
ก็ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยของจังหวัดเช่นกัน

คืนนั้น พ่อได้นั่งสูบบุหรี่อยู่ที่สวนหลังบ้าน

ฉันแอบได้ยินพ่อพูดว่า "ลูกเราทั้งคู่เรียนดี เรียนดีมากนะ"

แม่ซึ่งนั่งเช็ดน้ำตาอยู่ข้างๆ พ่อ ได้พูดว่า
"แล้วเราจะส่งเสียลูกทั้งคู่ได้อย่างไร ในเมื่อเราก็ไม่ค่อยมีเงิน"

ทันใดนั้น น้องชายของฉันได้เดินเข้าไปหาพ่อ แล้วพูดว่า
"ผมไม่ต้องการเรียนต่อ ผมอ่านหนังสือมามากพอแล้ว"


พ่อเหวี่ยงมือตบลงที่แก้มของน้องของฉันฉาดใหญ่

"ทำไมถึงคิดโง่ๆ อย่างนี้ ต่อให้พ่อต้องไปเป็นขอทานข้างถนน
พ่อก็จะส่งแกทั้งคู่เรียนจนจบให้ได้"

คืนนั้นทั้งคืน พ่อได้เดินไปตามบ้านต่างๆ ทั่วทั้งหมู่บ้าน เพื่อขอยืมเงิน

ฉันค่อยๆ เอามือประคบแก้มบวมๆ ของน้องชายเบาๆ และคิดว่า
"ต้องให้น้องได้เรียนต่อ
ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจหลุดพ้นชีวิตลำบากเช่นนี้ไปได้"

แต่ในขณะเดียวกัน ฉันก็ไม่อาจล้มเลิกความคิดอยากจะเรียนต่อไปได้

ใครจะรู้ได้ ... วันต่อมาในตอนเช้ามืด
น้องชายของฉันได้ออกจากบ้านไปพร้อมทั้งเสื้อผ้าติดตัวเพียงไม่กี่ชิ้น
และถั่วเพียงเล็กน้อยเพื่อประทังความหิว
ก่อนไปเขาได้ทิ้งข้อความไว้ใต้หมอนของฉัน ขณะฉันกำลังหลับ

"พี่ครับ การจะเข้ามหาวิทยาลัยได้ ไม่ใช่ง่ายๆ นะ ... ผมจะไปหางานทำ
แล้วจะส่งเงินมาให้พี่"

ฉันนั่งอยู่บนเตียง อ่านข้อความของน้องชายด้วยน้ำตานองหน้า ...
ฉันร้องไห้จนเสียงแหบแห้งไป

ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 17 ปี ส่วนฉันอายุ 20 ปี ...

ด้วยเงินที่พ่อยืมมาจากคนในหมู่บ้าน
รวมกับเงินที่น้องชายของฉันได้รับเป็นค่าจ้างมาจากการทำงานเป็นกรรมกรแบกหาม
ที่ไซท์ก่อสร้าง ... ฉันจึงสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้จนถึงปี 3

วันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องพัก
เพื่อนร่วมห้องของฉันได้เข้ามาบอกว่า "มีชาวบ้านมาหาเธอ อยู่ข้างนอกแน่ะ"

ทำไมชาวบ้านถึงมาหาฉันล่ะ Huh ฉันเดินออกไปแล้วมองเห็นน้องชายของฉันยืนอยู่
ตัวของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นปูนและทรายจากงานก่อสร้าง ... ฉันถามเขาว่า
"ทำไมไม่บอกเพื่อนพี่ไปว่าเป็นน้องชายพี่ล่ะ"

น้องชายของฉันตอบยิ้มๆ ว่า "ก็ดูผมสิ สกปรกมอมแมมออกอย่างนี้
ขืนบอกว่าเป็นน้องพี่ เพื่อนๆ ก้อได้หัวเราะเยาะพี่กันพอดี"

ฉันน้ำตานองหน้า ค่อยๆ เอื้อมมืออันสั่นเทาไปปัดฝุ่นให้น้อง
และพยายามพูดด้วยเสียงเครือๆในลำคอ "พี่ไม่สนใจว่าใครจะพูดยังไง
เธอเป็นน้องของพี่ ไม่ว่าเธอจะดูเป็นอย่างไรก็ตาม"

จากนั้น น้องของฉันได้ล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง
เป็นกิ๊บหนีบผมรูปผีเสื้อ ... เขาติดกิ๊บให้ฉัน แล้วพูดว่า "ผมเห็นสาวๆ
ในเมืองเค้าติดกัน ผมเลยอยากให้พี่ติดบ้าง"

ฉันหมดเรี่ยวแรงลงในทันใด
ดึงน้องชายเข้ามาสวมกอดและร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลานาน

ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 20 ปี ส่วนฉันอายุ 23 ปี ...
วันที่ฉันพาแฟนหนุ่มของฉันมาที่บ้านเป็นครั้งแรก ฉันสังเกตเห็นว่า
หน้าต่างบ้านที่เคยแตกไป ได้ถูกซ่อมเรียบร้อยแล้ว

เมื่อเข้าไปในบ้านก็เห็นว่าบ้านสะอาดขึ้นมาก

หลังจากที่แฟนของฉันกลับไป ฉันพูดกับแม่ว่า
"แม่ไม่ต้องเสียเงินเพื่อทำความสะอาดบ้านกับซ่อมกระจก
เพียงเพราะหนูจะพาแฟนมาที่บ้านหรอกนะคะ"

แม่ยิ้ม แล้วพูดว่า "แม่ไม่ได้จ้างหรอก น้องชายลูกต่างหาก
วันนี้เค้าขอเลิกงานเร็วเพื่อกลับมาทำความสะอาดบ้าน
ลูกยังไม่เห็นมือน้องหรอกเหรอ
น้องโดนกระจกบาดตอนกำลังเปลี่ยนกระจกบานใหม่น่ะ"

ฉันรีบเข้าไปหาน้องที่ห้องนอนของเขา
ฉันรู้สึกเหมือนถูกเข็มนับร้อยเล่มทิ่มลงกลางใจเมื่อได้เห็นบาดแผลบนมือ

ฉันจับมือน้องเอาไว้อย่างเบามือที่สุด "เจ็บมากไหม" ฉันถาม

"ไม่เจ็บสักหน่อย พี่ก็รู้นี่ผมทำงานก่อสร้างนะ วันๆ
มีหินตกมาใส่เท้าผมเต็มไปหมด แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมคิดเลิกทำงานหรอกนะ
และ..."

น้องชายของฉันยังพูดไม่จบประโยค แต่ก็ต้องหยุดพูด เพราะฉันหันหน้าหนีเขา
น้ำตาไหลอาบหน้าของฉันอีกครั้ง

ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 23 ปี ส่วนฉันอายุ 26 ปี...
หลังจากนั้น ฉันก็ได้แต่งงานและย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง
หลายครั้งที่สามีของฉันชักชวนให้พ่อแม่ของฉันย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองด้วยกัน
... แต่ท่านทั้งสองก็ปฏิเสธ

ท่านบอกว่า ท่านเคยย้ายออกจากหมู่บ้านครั้งหนึ่ง แต่เมื่อออกไปแล้ว
ท่านไม่รู้จะทำอะไรดี จึงได้ย้ายกลับเข้ามาใช้ชีวิตในหมู่บ้านตามเดิม

น้องชายของฉันก็ไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้เขาและพ่อแม่ย้ายออกไป ...
เขาบอกกับฉันว่า "พี่คอยอยู่ดูแลพ่อและแม่ของสามีพี่ทางนั้นเถอะ
ผมจะดูแลพ่อและแม่ทางนี้เอง"


สามีฉันได้ขึ้นเป็นประธานของบริษัทของครอบครัว
เราทั้งคู่อยากให้น้องชายของฉันเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการบริษัท ...
แต่น้องชายของฉันก็ไม่รับตำแหน่งนี้ เขาขอเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานธรรมดา

วันหนึ่ง น้องชายของฉันต้องปีนบันไดขึ้นไปซ่อมสายเคเบิล
และตกลงมาเพราะโดนไฟดูด ... เขาถูกรีบหามส่งโรงพยาบาล

ฉันและสามีรีบไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล
น้องชายของฉันขาหักต้องเข้าเฝือกที่ขา ... ฉันโกรธมาก จึงตวาดน้องไปว่า

"ทำไมถึงไม่ยอมรับตำแหน่งผู้จัดการ หา!!!
ถ้าเป็นผู้จัดการก็จะได้ไม่ต้องมาทำงานเสี่ยงๆ อย่างนี้ ดูตัวเองซิ
เจ็บเจียนตายอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่ยอมฟังพี่บ้าง"

คำตอบจากปากน้องของฉันรวมถึงสีหน้าเคร่งเครียด ยังยืนยันความคิดเดิมของเขา
"พี่ลองคิดถึงพี่เขยสิครับ พี่เขยเพิ่งจะได้เป็นประธาน
ส่วนผมมันการศึกษาต่ำ ถ้าผมได้เป็นผู้จัดการ
คงจะมีเสียงนินทาว่าร้ายเต็มไปหมด"

น้ำตาปริ่มดวงตาของฉัน รวมทั้งสามีของฉันด้วย ... ฉันบอกกับน้องว่า
"แต่ที่เธอไม่ได้เรียนต่อก็เพราะพี่..."

"ทำไมต้องพูดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วด้วยล่ะครับ" น้องชายของฉันจับมือฉันไว้

ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 26 ปี ส่วนฉันอายุ 29 ปี...
เมื่อน้องชายของฉันอายุได้ 30 ปี
เขาได้แต่งงานกับสาวชาวนาในหมู่บ้านเดียวกัน

ในงานแต่งงาน ประธานในงานได้ถามน้องชายของฉันว่า
"ใครคือคนที่คุณรักและเคารพที่สุดในชีวิตนี้"

น้องชายของฉันตอบอย่างไม่ลังเล "พี่สาวของผมครับ" ...
และเขาก็เล่าเรื่องราวที่แม้แต่ฉันยังจำไม่ได้

"ตอนผมอยู่โรงเรียนประถม โรงเรียนอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง
เราสองคนพี่น้องต้องใช้เวลาถึง 2 ชม. เพื่อเดินไปเรียน และเดินกลับบ้าน
วันหนึ่งผมทำถุงมือหายไปข้างหนึ่ง พี่สาวผมจึงได้ให้ถุงมือของเธอข้างหนึ่ง
และเธอก็ใส่ถุงมือเพียงข้างเดียวเดินเป็นระยะทางไกล
เมื่อเรากลับถึงบ้านมือเธอบวมแดงเพราะอากาศหนาว
เธอไม่สามารถจับช้อนทานข้าวได้ด้วยซ้ำ ... นับจากวันนั้น ผมสาบานกับตัวเอง
ว่าตลอดชีวิตของผม ผมจะดูแลพี่สาวของผมให้ดี และจะทำดีกับเธอ"

เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่ว สายตาทุกคู่ของแขกเหรื่อหันมาจับจ้องที่ฉัน

คำพูดจากปากฉันออกมาอย่างยากลำบาก ... "ในโลกใบนี้
คนเดียวที่ฉันรู้สึกขอบคุณที่สุด คือน้องชายของฉันค่ะ"

ในวาระที่มีความสุขที่สุดเช่นนี้
น้ำตาได้รินไหลออกมาจากสองตาของฉันอีกครั้ง...
จงรัก และห่วงใยคนที่คุณรักในทุกๆ วันในชีวิตของคุณและเขา
คุณอาจจะคิดว่าสิ่งที่คุณทำให้ใครสักคนเป็นเพียงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ
แต่สำหรับคนคนนั้น อาจจะมีความหมายมากอย่างคาดไม่ถึง
...ไม่ว่าเขาคนนั้นจะคือ พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ คนรัก เพื่อน
หรือแม้คนที่คุณไม่รู้จัก ก็ตาม
*************************************************
เครดิต:จากที่เดิมครับ  Cool
บันทึกการเข้า
Ninja 19 + รักในหลวง +
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 333
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5262


" อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี "


« ตอบ #12 เมื่อ: สิงหาคม 09, 2005, 07:40:32 PM »



............... Grin..5555555555555...ตรงดีครับ..แต่ข้อที่ 10.กฎของไซเมอร์กี้ ถ้าคุณรื้อชิ้นส่วนออกมาประกอบใหม่จะมีน็อตเหลือเสมอ    ข้อนี้ไม่เคยเกิดกับผมครับ ... Grin


กฎข้อที่ 24 ของๆ คนอื่นมักจะดูสวยกว่าของๆ เรา


...... Grin..โดยเฉพาะเมีย.... ตกใจ..

บันทึกการเข้า

BLUE ZONE " สิ่งเดียวที่ทำให้คนชั่วได้ชัยชนะ นั้นก็เพราะคนดีๆ นิ่งดูดาย " http://www.youtube.com/watch?v=EfCsNdSTNdQ
G. BKK
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 12
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3100


T: 081-44-22-833


« ตอบ #13 เมื่อ: สิงหาคม 09, 2005, 07:57:02 PM »

  หลงรัก หลงรัก หลงรัก ยิงยังไงให้เป้าช้ำ ปรกติแผ่นนึง ผมยิงเป็น เดือน  หัวเราะร่าน้ำตาริน หัวเราะร่าน้ำตาริน หัวเราะร่าน้ำตาริน:

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]
บันทึกการเข้า

         เป็น คนดี ให้เค้า เกรง            ดีกว่า เป็น นักเลง ให้เค้า กลัว             F*ck Off    I'm    Mixing !
นายจร-รักในหลวง
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 3
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 110


« ตอบ #14 เมื่อ: สิงหาคม 09, 2005, 10:04:43 PM »

ขอแจมด้วยครับ
ขาวกับดำ
-1- ยี่สิบกว่าปีก่อน ผมเคยได้ยินนิทานเรื่องนี้ :
เศรษฐีคนหนึ่งชอบใจลูกสาวชาวนายากไร้ผู้หนึ่ง
เขาเชิญชาวนากับลูกสาวไปที่สวนในคฤหาสน์ของเขา
เป็นสวนกรวดกว้างใหญ่ที่มีแต่กรวดสีดำกับสีขาว
เศรษฐีบอกชาวนาว่า "ท่านเป็นหนี้สินข้าจำนวนหนึ่ง แต่หากท่านยกลูกสาวให้ข้าจะ
ยกเลิกหนี้สินทั้งหมดให้"
ชาวนาไม่ตกลง
เศรษฐีบอกว่า "ถ้าเช่นนั้นเรามาพนันกันดีไหม
ข้าจะหยิบกรวดสองก้อนขึ้นมาจากสวนกรวดใส่ในถุงผ้านี้
ก้อนหนึ่งสีดำ ก้อนหนึ่งสีขาว ให้ลูกสาวของท่านหยิบก้อนกรวดจากถุงนี้ หากนาง
หยิบได้ก้อนสีขาว ข้าจะยกหนี้สินให้ท่าน และนางไม่ต้องแต่งงานกับข้า แต่หากนางหยิบได้ก้อนสีดำ
นางต้องแต่งงานกับข้า และแน่นอน ข้าจะยกหนี้ให้ท่านด้วย"
ชาวนาตกลง
เศรษฐีหยิบกรวดสองก้อนใส่ในถุงผ้า หญิงสาวเหลือบไปเห็นว่ากรวดทั้งสองก้อนนั้นเป็นสีดำ

เธอจะทำอย่างไร?
หากเธอไม่เปิดโปงความจริง ก็ต้องแต่งงานกับเศรษฐีขี้โกง
หากเธอเปิดโปงความจริง เศรษฐีย่อมเสียหน้า และยกเลิกเกมนี้ แต่บิดาของเธอก็ยังคงเป็นหนี้เศรษฐีต่อไปอีกนาน

-2- เราส่วนใหญ่ถูกสอนมาให้มองปัญหาแบบขาวกับดำ แต่ไม่ใช่ทุกปัญหาสามารถแก้ไขได้
อย่างขาวกับดำเสมอไป ในทางตรงข้าม หากเราลองมองต่างมุม จะพบว่าหนทางการแก้ปัญหามีมากกว่า
หนึ่งสายเสมอ และการยืดหยุ่นพลิกแพลงไปตามสถานการณ์เป็นวิธีการหนึ่ง
บางครั้งในการแก้ปัญหา เราอาจต้องสร้างเครื่องมือในการแก้ปัญหาขึ้นมาใหม่
ในยุคสงครามเย็นที่กินเวลานานหลายสิบปี สูญเสียชีวิตและทรัพยากรโลกมหาศาล ไม่
มีใครกล้าเชื่อว่า
สงครามเย็นสามารถยุติลงได้ หรือเร็วเช่นนี้ ในยุคของ มิคาอิล กอร์บาชอฟ
กอร์บาชอฟ กล่าวว่า "เป็นเรื่องเขลาที่คิดว่า ปัญหาที่รุมเร้ามนุษยชาติใน
วันนี้ สามารถแก้ไขได้ด้วย เครื่องมือและวิธีการที่เคยใช้ได้ผลในอดีต"
หากเขาไม่ได้คิดเช่นนี้ บางทีวันนี้สังคมนิยมโซเวียตยังไม่เปิดประเทศและ
สันติภาพระหว่างฝ่าย ขาว- ฝ่ายแดงคงล้าหลังไปอีกหลายปี
โลกไม่มีสีขาวกับดำ

-1- ลูกสาวชาวนาเอื้อมมือลงไปในถุงผ้า หยิบกรวดขึ้นมาหนึ่งก้อน
พลันเธอปล่อยกรวดในมือร่วงลงสู่พื้น
กลืนหายไปในสีดำและขาวของสวนกรวด
เธอมองหน้าเศรษฐี เอ่ยว่า "ขออภัยที่ข้าพลั้งเผลอปล่อยหินร่วงหล่น แต่ไม่เป็นไร ในเมื่อท่านใส่กรวด
สีขาวกับสีดำอย่างละหนึ่งก้อนลงไปในถุงนี้ ดังนั้นเมื่อเราเปิดถุงออกดูสีกรวด
ก้อนที่เหลือ ก็ย่อมรู้ทันทีว่า กรวดที่ข้าหยิบไปเมื่อครู่เป็นสีอะไร"
ที่ก้นถุงเป็นกรวดสีดำ
"...ดังนั้นกรวดก้อนที่ข้าทำตกย่อมเป็นสีขาว"
ชาวนาพ้นสภาพลูกหนี้ และลูกสาวไม่ต้องแต่งงานกับเศรษฐีขี้โกงคนนั้น

29-11-2004

วินทร์ เลียววาริณ
บันทึกการเข้า

หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.105 วินาที กับ 21 คำสั่ง