จากความคิดเห็นส่วนตัวผม..

สาระสำคัญอยู่ที่ใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ที่ถูกต้องครบถ้วนของผู้มีคุณสมบัติครอบครองอาวุธปืน ส่วนประเภทการใช้งานเป็นอีกหนึ่งเรื่อง
ส่วนชนิดประเภทใบอนุญาตเพื่อการกีฬา ผมมองว่า หากต้องการให้มองตามเจตนาของประเภทใบอนุญาตจริงๆ ปืนกระบอกนั้นผมคิดเสมอว่า เป็นอุปกรณ์กีฬา มีสมรรถนะและส่วนประกอบ หรือรูปทรง ซึ่งดูแล้วพิจารณาได้ว่าเป็นอุปกรณ์กีฬา ยกตัวอย่างเช่น ปืนสั้นหรือปืนยาวเพื่อใช้ในการแข่งขันในกีฬายิงปืนลักษณะของศูนย์เล็งประเภทปรับได้ใบศูนย์ใหญ่ ลำกล้องยาว เป็นต้น ซึ่งหากใช้งานอย่างการพก เป็นเรื่องที่ไม่สบายนัก และที่สำคัญคือจะต้องมีคุณสมบัติ ตามที่ระบุไว้ในชนิดหรือกติกาเทคนิค ของกติกาการแข่งขันกีฬายิงปืนสากล (ยกเว้นกติกา IPSC รุ่นที่ระบุชนิดของปืนต้อง Standard จากโรงงาน) ขอบ่นนิดนึง ตรงที่นำพาถึงแม้จะเก็บตามบทอนุโลมก็ยังมีเรื่องเหนื่อยหน่ายในการต้องอธิบายกับเจ้าหน้าที่บางท่านเวลาถูกตรวจค้น
มองในบ้านเราปัจจุบัน ผมยกตัวอย่าง ปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติขนาด .45 นิ้ว หรือ ปืนพกสั้นขนาด .357 หรือปืนไรเฟิลบางประเภทก็ดี ซึ่งสภาพของปืน Standard เป็นลักษณะ Production Mass ไม่ใช่ Custom สำหรับการใช้งานตามปกติ เป็นเรื่องวัตถุประสงค์หรือข้อหลบเลี่ยงของเจ้าหน้าที่ในการที่จะออกใบอนุญาตให้โดยที่จะไม่ขัดต่อกระบวนการทำงานซึ่งระบุไว้ของฝ่ายเขา.. และให้ผู้ขอนั้น สามารถที่จะครอบครองได้ตามความต้องการ ประมาณว่าเป็นเรื่องพบกันครึ่งทาง สบายใจทั้งสองฝ่าย
ส่วนเรื่องการใช้งานป้องกันตัวนั้น ถึงแม้ว่าหัวใบอนุญาตจะประทับชนิดการใช้งานต่างกัน แต่เมื่อใดที่มีเหตุภยันอันตรายมาถึงตัวแล้ว ปืนนั้นเป็นอาวุธโดยสภาพของมัน ดังนั้นหากคุณใช้เพื่อป้องกันภยันอันตรายโดยสุจริต มันก็ไม่ขัดตามเจตนารมณ์เรื่องการป้องกันตัวที่เขียนไว้ตามกฎหมาย ดังนั้นศักดิ์และศรีตามที่ท่าน จขกท. ถาม ผมมองว่าไม่ต่างกัน
อีกเรื่องหนึ่งคือ.. ไหนๆ ถ้าได้ใบอนุญาตเพื่อการกีฬาแล้ว ฝึกฝนเยอะๆครับ นำไปสู่ชัยชนะบนพื้นฐานที่ถูกต้องและมีสปิริตเฉกเช่นนักกีฬา คือ รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย

(รู้สึกพูดยาวครับวันนี้....)