Beretta 92 fs + กระสุนซ้อมไทยอาร์มอายุประมาณ 10 ปี

[modtanoy_pol]

ที่ระยะ 25 หลา 16 นัด ยิงฉับพลัน 30 วินาที.......วิจารณ์ได้เต็มที่เลยครับ...กระสุนซ้อมไทยอาร์มอายุประมาณ 10 ปีครับ
......เหตุเกิดเพราะคนร้ายปล้นร้านทอง....เลยไปยิงเพิ่มกำลังใจหน่อย...หลังไม่ได้ซ้อมมาเกือบปีครับ
......ทำไมหลวงไม่แจกกระสุน 9 ม.ม.มาให้ซ้อมมือนะ...เวลามีโครงการซ้อมยิงได้ยิงแต่.38.....
......แล้วมันจะคุ้นเคยกับปืนตัวเองได้ยังไง....กระสุนซ้อมไทยอาร์มที่บ้านผมขายนัดละ 25 บาท..
......กระสุนจริงของไทยอาร์มนัดละ 33 บาท...กระสุนหัวรูbulletนัดละ 45บาท...คิคิ

[modtanoy_pol]

...ยิงกับberetta 92 fs กระบอกนี้....ทำอาร์ดโครมที่ร้านสุพลเมื่อ 9 ปี ที่แล้วครับ
...ซื้อปืนสวัสดิการมาเมื่อปี 39......ราคา 29,000 บาทครับ...............................

[c.tong - รักในหลวง]

ดูจากเป้าแล้วคนร้ายไม่น่ารอดครับ 

[ป้อมทอง พรานชุมไพร]

หลวงไม่แจกกระสุนมาให้   เนื่องจากปืนหลวงให้ใช้เป็นปืนขนาด  .๓๘  นะซิ

เสียดายปืนเดิม   ไม่น่าไปชุบฮาร์ดโครมเลย    แต่ต่างคนต่างชอบ    ยิงพอใช้ได้ครับ  ตายแน่นอน

[น้าพงษ์...รักในหลวง]

..ว่าตามทุกท่าน..ไม่เหลือครับ..

[JOKER48111 **รักเมืองไทย_รักในหลวง**]

เห็นเป้าแล้วรับรองครับโจรไม่เหลือแน่ครับพี่

[matoomy รักในหลวง]

โจรไม่รอดแน่ครับพี่

[kon tung kru 91]

ขนาดนี้ นับว่าหายห่วงครับ ได้กลุ่มขนาดนี้ดีมากแล้วครับ 

[TOSSAPORN-รักในหลวง]

หากระสุนจริงมาติดปืนนะครับปลอดภัยกว่า

กลุ่มอย่างนี้โจรไม่รอดครับ

ย้ายไปหน้าทดสอบปืน ดีกว่านะครับ

[modtanoy_pol]

......ที่คุณป้อมทองบอกว่า"เสียดายปืนเดิม   ไม่น่าไปชุบฮาร์ดโครมเลย "จะเล่าย้อนหลังให้ฟังนะครับ
...ปี 2542 ผมดวลกับผู้ต้องหาคดียาเสพติด ตัวผมโดนยิงสามนัด ส่วนผู้ต้องหาคาที่ครับ.................
...ทีนี้ปืนของผมถือว่าเป็นของกลางในคดี ต้องเก็บไว้ที่ห้องคดี...ส่วนตัวผมต้องลากลับไปรักษาตัวที่บ้าน
ประมาณ 3 เดือน...หลังจากสามเดือนกลับมา..ไปขอปืนมารักษาของกลางไว้ เพราะตัวผมเองไม่มีปืน
ไปเข้าสายตรวจ...พอเห็นปืนน้ำตาตกในเลยครับ...จากรมดำกลายเป็นรมแดง(สนิม)ทั้งกระบอก....
ก็เลยไปกรุงเทพ คุยกับคุณสุพลได้ความว่าถ้าจะรมดำใหม่ผิวปืนก็ไม่เหมือนเดิมเพราะเบเร็ตต้า
ไม่ใช่รมดำ....ผมเลยตัดสินใจทำอาร์ดโครมครับ......ส่วนกระสุน ปกติก็ใช้ลูกหัวรูอยู่ไม่เคยมีปัญหาครับ
กระบอกนี้ตั้งแต่ซื้อมาปี 39 ยังยิงไม่เกิน 5 กล่องครับ...ส่วนมากจะซ้อม .38 ของหลวง หลายๆปีต่อครั้งครับ
ไม่ใช่หลายๆครั้งต่อปี.....ตามงบประมาณที่เขาทำโครงการ........เหอๆ....

[jj26621]

อยากให้พี่ช่วยเล่ารายละเอียดของเหตุการณ์การเข้าจับกุม และเกิดการปะทะกับคนร้ายว่าเป็นอย่างไรเพื่อจะได้เป็นวิทยาทานแก่ทุกท่านในที่นี้ครับ แต่ถ้าพี่ไม่สะดวกใจก็ไม่เป็นไรครับขอสดุดีในควานกล้าหาญของตำรวจไทยครับ

[modtanoy_pol]

...เล่าเป็นอุทาหรณ์...
วันที่ 19 ก.พ. 2542 ช่วงค่ำชุดไล่ล่าของโรงพักผมได้ซุ่มตัวหน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง(ขอสงวนนามครับ) ประมาณ 3 ทุ่มกลุ่มผู้ต้องสงสัยได้ขับรถยนต์มาจอดหน้าบ้าน
ชุุดไล่ล่าก็แสดงตัวจะเข้าตรวจค้น ปรากฎว่ากลุ่มผู้ต้องหาได้วิ่งหลบหนีเข้าไปในบ้าน ชุดไล่ล่าจึงตรวจค้นรถยนต์ของผู้ต้องหาเจอระเบิดเอ็ม 26 ครับ ก็เลยวิทยุขอกำลัง
ตำรวจมาล้อมบ้านที่เกิดเหตุ...ผมได้ยินวิทยุก็มาช่วยล้อมบ้านที่เกิดเหตุ ซึ่งบ้านเป็นห้องแถวชั้นเดียวอยู่ติดกันประมาณ 7 ห้อง สักพักได้ยินเสียงกลุ่มผู้ต้องสงสัยช่วยกันราดน้ำ
ลงในโถส้วม ก็คิดกันว่าผู้ต้องสงสัยคงทิ้งอะไรบางอย่างลงในโถส้วมแล้ว แต่ไม่รู้จะทำยังไงเพราะเข้าบ้านหลังดังกล่าวไม่ได้ อีกสักพักหนึ่งได้ยินเสียงคนปีนขึ้นไปใต้ฝ้าเพดาน
พวกผมเลยไปเคาะประตูให้ชาวบ้าน บ้านข้างๆออกมาเพราะกลัวว่าคนร้ายจะปีนเข้าห้องข้างๆ..และมีการจับตัวประกัน อีกอย่างเป็นการแยกแยะคนร้่ายกับชาวบ้านได้ง่ายขึ้น....
สักพักคนร้ายได้เผาที่นอนห้องข้างๆเพื่อสร้างความวุ่นวายจะได้หลบหนี ทางผู้บังคับบัญชาจึงได้ประสานรถดับเพลิง รถไฟฟ้ามาที่เกิดเหตุ แต่ยังไม่ให้ตำรวจเข้าตรวจค้นในบ้าน
เพราะรู้ว่าคนร้ายมีอยู่ 5 คน พอประมาณตีสี่ของวันที่ 20 ก.พ. 42 (วันที่ผมต้องจดจำตลอดชีวิต) คนร้าย 4 คนได้ออกมามอบตัว สอบถามคนร้ายได้ความว่ายังมีคนร้ายอีก 1 คน หลบอยู่
แต่ไม่รู้ว่าอยู่บ้านหลังใหน ใน 7 หลังนั้น ผู้บังคับบัญขาได้จัดทีมเข้าตรวจค้นขึ้น(ผมดันติดทีมด้วยสิ)โดยมีข้อแม้ว่าต้องให้เจ้าของบ้านแต่ละหลังเดินตามตำรวจเข้าไปในบ้านด้วย
เพื่อป้องกัน ถ้ามีของหายขึ้นมาตำรวจจะได้ไม่โดนด่า ทีมผมเข้าตรวจค้นบ้าน 6 หลังโดยมีเจ้าของบ้านเข้าไปด้วยแต่ไม่เจอคนร้าย.........ที่นี้ก็ถึงหลังที่ 7 ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านคนร้าย 2 หลัง
ผมเดินนำหน้า ในมือถือปืน เจ้าของบ้านเดินคนที่ 2 (มือเปล่า) แล้วมีพี่ตำรวจตามหลังมาอีก 2 คน ตรวจค้นห้องแรกไม่มีปัญหาอะไรครับ พอตรวจค้นห้องที่ 2 นี่สิ...................................
ตามยุทธวิธีต้องถีบเปิดแล้วถีบประตูห้องเข้าไปเพราะถ้ามีคนร้ายที่หลังประตู เราจะได้รู้ แต่การที่มีเจ้าของบ้านเดินตามหลังทำให้ผมไม่กล้าถีบประตู(ถ้าไม่มีคนร้ายกลัวโดนเจ้าของบ้านด่าเอาครับ)
ก็เลยผลักประตูจนสุด...(รู้ทีหลังว่าคนร้ายตัวเล็กผอมมาก..ผลักประตูจนสุดก็ยังหลบอยู่ได้) ผมกำลังจะเดินเข้าตรวจค้นตู้เสื้อผ้า ก็ได้ยินเสียงประตู จึงหันกลับเห็นคนร้ายผลักประตูออกมา......
กำลังจะเอาปืนจ่อหัวเจ้าของบ้าน เมื่อคนร้ายเห็นผม คนร้ายก็หันปืน(ลูกโม่ .32)ยิงมาที่ผม กระสุนโดนที่ใต้ราวนมขวาของผม ผมเลยหงายหลังทิ้งตัวนอนยิงสวนไปที่คนร้าย คนร้ายหลังติดฝาบ้านทรุด
ตัวลงนั่งพร้อมทั้งผลักประตูปิด(คุณเจ้าของบ้านพร้อมพี่ๆกระโจนออกจากห้องตั้งแต่ได้ยินเสียงปืนนัดแรกแล้วละครับ...)ผมไม่ต้องเล็งเลยครับจี้ปืนยิงพร้อมทั้งพยายามถีบปืนคนร้าย(ระยะห่างไม่เกินเมตรครึ่ง) ผมยิงโดนคนร้ายที่ลำตัว 6 นัด ด้วย 9 ม.ม. ปรากฎว่ากระสุนจริงหัวธรรมดาไม่มีแรงปะทะ กระสุนทะลุหมด คนร้ายยังยิงผมถูกอีก 2 นัด นัดหนึ่งเข้าข้างขาด้านขวาทะลุหน้าขา อีกนัดเข้าฝ่าเท้าทะลุหลังเท้า เพราะผมพยายามเอาเท้าและขาบังทางปืนคนร้ายไว้ คนร้ายโดนจังๆกับนัดที่ 7 ของผม เข้าที่ขมับขวา....................สรุป 9 ม.ม ลูกธรรมดาไม่มีแรงพอหยุดคนร้ายได้ใน 1 นัด คนร้ายยังสามารถยิงผมถูกอีก 2 นัด หลังจากโดนผมยิงแล้ว......การยิงกัน น่าจะไม่เกิน 15 วินาที ระยะห่าง ไม่เกิน 1.5 เมตร ผมยิง 7 นัด คนร้ายยิง 5 นัด.........หลังจากวันนั้น ผมก็ใช้ลูกหัวรูตลอดและเบเร็ตต้าก็เป็นปืนที่ยังน่าเชื่อถืออยู่.........................................................

[naisomchai]

ขอบพระคุณครับ... นายสมชายถือว่าท่านคือผู้มีพระคุณต่อประชาชน...

ได้ความรู้ว่ากระสุนหัวบอล 9 พาราฯ ไม่สมอย่างที่สถิติอีวานฯบอกเอาไว้ว่า 66 เปอร์เซ็นต์ สูงกว่าหัวบอล .45 แค่ 58 เปอร์เซ็นต์...

[naisomchai]

ตัวเลขสถิติ...

[werasak]

น่าสนใจครับ เพราะตอนนี้ตำรวจส่วนใหญ่ที่เห็นๆกันจะใช้ 9 ม.ม. กับ .38
ในกรณีนี้ถ้าเป็นลูกโม่ 5 นัดขนาด 2 นิ้ว กับอีกกรณีเป็นขนาด .45 เรื่องจะเป็นอย่างไรน่าสนใจครับ
และระยะยิงนี่สุดยอดครับ จ่อยิงกันเลย ใจถึงทั้งคู่ครับ