คำว่าประชาธิปไตย คือการที่ผู้ที่ใช้อำนาจปกครอง ต้องฟังความเห็นของคนกลุ่มต่างๆแล้วมาหาข้อยุติร่วมกันด้วยเหตุผล ไม่เกี่ยวกับว่าเป็นคนส่วนใหญ่หรือคนส่วนน้อย
แต่ประชาธิปไตยที่เราใช้ๆกันอยู้มันจะคล้ายๆกับของอเมริกัน คือพรรคการเมืองได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มทุน โดยที่การตัดสินใจต่างๆ มีหลายเรื่องที่เป็นการตัดสินใจของเจ้าของทุน ไม่ใช่เป็นการตัดสินใจ และรับฟังข้อคิดเห็นของผู้ที่ไม่เห็นด้วย โดยอ้างความชอบธรรมว่าเป็นรัฐบาลเสียงส่วนใหญ่ เช่นการไปมีบทบาท ทำสงครามในประเทศคนอื่น ซึ่งนำไปสู่ความเสื่อม นำไปสู่ความขัดแย้ง ทั้งๆที่ทำไปเพราะรักษาผลประโยชน์ของเจ้าของทุน ที่ทำหน้าที่เป็นล๊อบบี้ยิสต์ (ที่อดีตนักการเมืองบางคน เตยจ้าง เพื่อโจมตีแผ่นดินเกิดของตัวเอง) เป็นคนตัดสินใจ ทำสงครามเพื่อผลประโยชน์ เช่น น้ำมันและทรัพยากรธรรมชาติ
การเมืองไทยก็ดำเนินไปคล้ายๆกับของอเมริกา คือเจ้าของทุนจะมีบทบาทในแทบทุกเรื่อง (ผมเกลียดมากที่ รมต ต่างประเทศของอเมริกา ที่เป็นผู้หญิงผิวสี มาด่าประเทศไทยต่างๆนาๆ ตอนที่เราปฏิวัติ ๑๙ กันยา ที่เป็นการปฏิวัติที่แสดงความมีวัฒนะธรรม ไม่มีเสียงปืนแม้แต่นัดเดียว ไม่รู้อะไรแล้วยังมาประณาม ไม่สวยแล้วยังเสือ..ก อีก.. ถือว่าตัวเองเป็นด๊อกเตอร์

)
ระบบการเมืองแบบเลือกตั้งเข้ามาทั้งหมดคงไม่ใช่วิถีทางที่เหมาะสมของประเทศไทยแน่ๆ เพราะคนไทยถือเกี่ยวกับระบบบุญคุณ ใครให้เงิน ต้องตอบแทน ทุกอย่างก็จะดำเนินไปในแบบเดิมๆ ที่อ้างจำนวนเสียง เท่านั้นเท่านี้เสียง อ้างว่ามาจาการเลือกตั้ง แต่....ทำตามบัญชาของนายทุนพรรค
ผมเห็นว่ารัฐบาลที่มาจาการเลือกตั้ง ไม่ได้ทำอะไร ไปมากกว่าการเอาใจเฉพาะคนกลุ่มที่ตัวเองไปหาเสียง กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากตนเอง ส่วนกลุ่มอื่นเป็นพลเมืองชั้นสอง เช่นการเลือกปฏิบัติกับจังหวัดที่พรรคตัวเองไม่ได้รับเลือก ทุกอย่างที่ทำให้ประเทศเดินไปได้ล้วนมาจากข้าราชการประจำเกือบทั้งสิ้น
แต่ได้มีการพยายามเข้ามาแทรกแทรงระบบราชการ กลั่นแกล้งคนที่ตัวเองสั่งไม่ได้ หรือนำระบบBenchmarkของเอกชนมาใช้กับ บุคลากรทางการศึกษา ทำให้ครูซึ่งเดิมมีหน้าที่สอนนักเรียน ต้องมาทำผลงาน(กระดาษ) เพื่อ ความก้าวหน้าของครู แต่นักเรียนโง่ลงไปเรื่อยๆ เพราะครูมัวแต่ทำผลงานตัวเอง ไม่เอาใจใส่สอนนักเรียน แต่ตัวของรัฐมณตรีที่มันมอบนโยบายมันเอาเงินกะความนอบน้อม ซื้อตำแหน่งมาเป็น รมต. มันโง่เกินกว่าที่จะไปเลือก Benchmark ที่นักเรียน
ระบบทุนที่มาตัดสินใจการบริหารประเทศ จะนำมาซึ่งความเสื่อมของสังคม และสร้างความขัดแย้งในสังคม
ยังดีที่ความขัดแย้งทางสังคมของอเมริกา มาขัดแย้งกันนอกประเทศ เช่น อิรัก และอาฟกัน ผมชักพอเข้าใจว่าทำไมจึงเกิดคนแบบบินลาเดน
แต่ความขัดแย้งทางสังคมของไทยมาขัดแย้งในบ้านเราเอง ทำให้ ลูกกับแม่ พี่กะน้อง เพื่อนสนิท ต้องมาขัดแย้งกันเพราะนักการเมือง ที่มันแทบไม่ได้เข้ามาช่วย หรือเสียสละตนเพื่อพวกเราที่ทะเลาะกันอยู่เลย

เห็นด้วยครับ ส่วนเรื่องการขายเสียงนั้นผมคิดว่า ต้องแก้ที่ความรู้ความเข้าใจของประชาชนและผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ควรจะเริ่มเรียนรู้ไปพร้อมกับการหัดท่องก.ไก่ของเด็ก
