เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ธันวาคม 25, 2025, 03:16:07 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2 3 4 5
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: 10 กันยายน โลกใกล้ถึงจุดจบหรือเปล่า เซิร์น เดินเครื่องสร้างหลุมดำ ?  (อ่าน 7624 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
peemut
Jr. Member
**

คะแนน 8
ออฟไลน์

กระทู้: 29



« เมื่อ: กันยายน 10, 2008, 01:39:46 AM »



ในวันที่ 10 กันยายนนี้ องค์กรวิจัยนิวเคลียร์ (European Organization for Nuclear Research) แห่งยุโรป หรือ CERN จะเดินเครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่ Large Haldron Collider (LHC) เพื่อค้นหาคำตอบว่า จักรวาลเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ซึ่งการทดลองนี้เปรียบเหมือนกับการทดลองสร้างจักรวาลในหลอดแก้ว
บันทึกการเข้า

peemut
Jr. Member
**

คะแนน 8
ออฟไลน์

กระทู้: 29



« ตอบ #1 เมื่อ: กันยายน 10, 2008, 01:41:11 AM »

การทดลองเดินเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี นับเป็นการทดลองครั้งใหญ่ที่สุด ใช้งบประมาณมากที่สุดของประวัติศาสตร์มนุษยชาติ เพราะเป็นการทดลองเพื่อไขความลับของเอกภพ ใช้นักฟิสิกส์กว่า 2,000 คน จาก 30 กว่าประเทศ และใช้เงินกว่า 4,000 ล้านปอนด์ หรือ 260,000 ล้านบาท สร้างอุโมงค์ขนาดยักษ์ขดเป็นวงกลมยาว 18 ไมล์ ลึก 300 ฟุต ที่พรมแดนประเทศสวิตเซอร์แลนด์และฝรั่งเศส แถบนครเจนีวา

การไขความลับเอกภพนี้ ยังเป็นการพิสูจน์ ทฤษฎีอนุภาคพระเจ้า หรือ "God Particle" หรือ "Higgs Boson" ของ ศ.ปีเตอร์ ฮิกส์ นักฟิสิกส์ชาวอังกฤษ จากมหาวิทยาลัยเอดินเบอร์กระบุว่า อนุภาคนี้มีอยู่จริง

แม้ แอลเอชซี จะได้ชื่อว่า เป็นเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่น่าทึ่งที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยสร้างมา แต่กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่นำโดย นายออตโต รอสเลอร์ นักเคมีชาวเยอรมัน กลับเห็นว่า มันมีโอกาสสร้างหลุมดำ ที่จะกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไป ส่งผลกระทบต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ไปยังอวกาศและเวลา

กลุ่มของ รอสเลอร์ ยื่นคำร้องต่อที่ประชุมด้านสิทธิมนุษยชนยุโรป เพื่อขอระงับการทดลอง โดยให้เหตุผลว่า "เป็นการละเมิดต่อสิทธิ์การดำรงชีวิตและละเมิดสิทธิ์ในการมีครอบ ครัว" เนื่องจากหวั่นว่า เมื่อเดินเครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่แล้ว จุดจบของโลกจะมาถึง ซึ่งภาพจินตนา การฝันร้ายที่สุดของมนุษย์ มี 2 แบบ

แบบแรก มีการเตือนภัยถึงหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้น อาจเป็นช่วงเวลา 1 เดือน โลกจะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงอย่างคาดไม่ถึง ไม่มีเหตุผลใดๆ ประกอบ เพราะแผ่นดินไหวไม่ได้เกิดขึ้นจากรอยเลื่อนอีกแล้ว แต่จู่ๆ มันก็ไหว และไหวในทุกๆ พื้นที่ แม้ไม่ได้ตั้งอยู่ในแนวรอยเลื่อน

แรงสั่นสะเทือนทำให้อาคารบ้านเรือนจะถล่มราบเป็นหน้ากลอง น้ำทะเลเพิ่มระดับอย่างรวดเร็ว เกิดมหันตภัยสึนามิขนาดยักษ์ พัดถล่มพื้นที่ตามชายฝั่งทะเล ฆ่าผู้คนนับล้าน จากนั้นจุดจบของโลกที่แท้จริงจึงมาถึง

โลกเริ่มมีรอยแยกขนาดใหญ่ ลาวาร้อนจัดใต้พื้นปฐพีไหลขึ้นมานองเต็มพื้นดิน มหาสมุทร จนท้องทะเลเดือดพล่าน เกิดเฮอริเคนขนาดยักษ์หลายลูกกระหน่ำโลก สิ่งก่อสร้างทุกชนิดพังทลาย ต้นไม้หักโค่น ภูเขาสูงถล่มลงมา เพราะแผ่นเปลือกโลกแตก

ทุกอย่างบนโลก ไม่ว่าจะเป็นหินนับล้านๆ ตัน น้ำ อากาศ ชีวิตทุกชีวิต ถูกดูดเข้าไปในแรงดูดที่มองไม่เห็นแต่มีพละกำลังมหาศาล ถ้ามองลงมาจากอวกาศเบื้องบนจะเห็นว่า โลกสีฟ้าขาวไหลลงไปในหลุมดำด้วยความเร็วเพียงพริบตาเดียว

จินตนาการ แบบที่ 2 คือ ไม่มีเวลาสำหรับการเตือนภัยใดๆ และเป็นหายนะที่รุนแรงกว่าแบบแรก โดยภายในเวลา 1 ใน 20 ของวินาที โลกทั้งใบจะหายไปจากจักรวาล จากนั้นอีกไม่ถึง 2 วินาที ดวงจันทร์จะหายไปด้วย 8 นาทีต่อมา ดวงอาทิตย์จะแตกเป็นเสี่ยง ตามด้วยดวงดาวทั้งหมดในระบบสุริยจักรวาล

การทำลายล้างขยายวงจากโลกของเราไปด้วยความเร็วแสง ทำให้มนุษย์ต่างดาวที่อยู่ในจักรวาลอื่นตายไปด้วย และไม่มีเทคโนโลยีใดๆ ที่จะหยุดยั้งหายนะนี้

อย่างไรก็ตาม เซิร์น โต้ว่า ไม่มีทางที่หายนะจะเกิดขึ้นกับโลก เพราะเห็นว่า เมื่อการเดินเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี เป็นการเร่งให้อนุภาคชนกันก็จริง แต่การชนกันของอนุภาคโปรตอน ชนกันที่ระดับใกล้ความเร็วแสงนี้ มีพลังน้อยกว่าอนุภาคที่ชนกันในธรรมชาติเป็นอย่างมาก

เซิร์น เห็นว่า ถ้าการชนกันของอนุภาคทำให้โลกหายนะแล้ว การชนกันของอนุภาคในธรรมชาติของโลก ที่เกิดขึ้นยาวนานกว่าหมื่นล้านปี นับตั้งแต่เกิดบิ๊กแบงก์เมื่อ 13,700 ล้านปีก่อน ก็จะทำให้โลกวินาศไปนานแล้ว นอกจากนี้ รังสีคอสมิกที่มาจากนอกโลก อันเกิดจากการชนกันของอนุภาค จนเกิดพลังงานที่สูงกว่าเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซีมาก ถึงอย่างนั้นก็ไม่ทำให้เกิดผลร้ายแก่โลกแต่อย่างใด

ส่วนข้อวิตกที่ว่า จะเกิดหลุมดำกลืนกินโลก ก็ชี้แจงว่า หลุมดำขนาดเล็กที่เกิดจากการชนกันของอนุภาคจะหายไปในเวลาอันสั้น เพราะหลุมดำที่ว่านี้เกิดขึ้นจากการชนกันของ ควาร์ก และ กลูออน ซึ่งอยู่ในอนุภาคโปรตรอน ดังนั้น จึงสลายไปอยู่ในรูปของอนุภาคที่สร้างหลุมดำนั้นขึ้นมาได้ ช่วงอายุของหลุมดำเล็กจึงสั้นมากๆ


โดย ข่าวสด วัน อังคาร ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2551 00:00 น.
บันทึกการเข้า

peemut
Jr. Member
**

คะแนน 8
ออฟไลน์

กระทู้: 29



« ตอบ #2 เมื่อ: กันยายน 10, 2008, 01:43:42 AM »



เจ้าหน้าที่กำลังติดตั้งชิ้นส่วนปลีกย่อยในเครื่องตรวจจับอนุภาคอลิซ (ALICE)



ภาพการติดตั้งท่อลำเลียงอนุภาคชิ้นสุดท้าย
บันทึกการเข้า

peemut
Jr. Member
**

คะแนน 8
ออฟไลน์

กระทู้: 29



« ตอบ #3 เมื่อ: กันยายน 10, 2008, 01:45:38 AM »



"กังหันยักษ์" (Big Wheel) ของเครื่องตรวจจับอนุภาคแอตลาส (ATLAS)



พื้นที่ของเขตทดลอง
บันทึกการเข้า

โจ ™
สมาชิกลำดับที่: 41
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 219
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8187


รวมเวลาที่อยู่ในระบบ: 555 วัน 5 ชั่วโมง 55 นาที


เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: กันยายน 10, 2008, 06:52:12 AM »

ติดตามดูกันต่อไป ทดลองเสร็จ พี่เอาผลมาให้ติดตามด้วยนะครับ
บันทึกการเข้า

บางโพ 5
จอยฮันเตอร์
พระรามเก้า 15-28 E23 LLL
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 10195
ออฟไลน์

กระทู้: 47057


M85.ss


« ตอบ #5 เมื่อ: กันยายน 10, 2008, 08:21:50 AM »

อ่านผลเสียแล้วน่ากลัวครับ แล้วผลดีหละครับเห็นไม่บอกให้ดีใจ ว่าแต่เขาจะทดลองกันเมื่อไหร่ ตกใจ ตกใจ ตกใจ
บันทึกการเข้า

dig5712
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 119
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1801



« ตอบ #6 เมื่อ: กันยายน 10, 2008, 08:30:22 AM »

เมื่อคืนเปิดทีวี เห็นพูดเรื่องนี้แว๊บๆ อ่อ..อย่างนี้นี่เอง.... ขอบคุณที่นำมาให้ชมครับ

บันทึกการเข้า
godsira รักในหลวง
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 46
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 459



« ตอบ #7 เมื่อ: กันยายน 10, 2008, 08:34:51 AM »

เมื่อวานตามข่าวการเมือง  Grin วันนี้ขอตามข่าววิทยาศาสตร์ เป็นนักวิทยาศาสตร์ครับ  Grin
(บ่าย 2 เวลาเดียวกันเลยกำหนดการเดินเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี ในวันที่ 10 ก.ย. นี้จะเป็นการยิงลำอนุภาคที่ระดับพลังงาน 450 กิกะอิเล็กตรอนโวลต์ (GeV) ให้เคลื่อนที่ในอุโมงค์ รอบเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี และมีการถ่ายทอดผ่านอินเทอร์เน็ตตั้งแต่เวลา 09.00 - 18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือตามเวลาประเทศไทย 14.00 น. เป็นต้นไป ที่ http://webcast.cern.ch )

อย่าห่วง ! โลกไม่สลายแน่ "เซิร์น" แค่อุ่นเครื่อง ยังเร่งไม่เต็มพิกัด
 โดย ผู้จัดการออนไลน์ 9 กันยายน 2551 23:04 น.
 
   นักฟิสิกส์ไทยระบุ "เซิร์น" ยิงลำอนุภาคแรก ยังไม่น่าตื่นเต้น เพราะเดินเครื่องไม่เต็มที่ และยังต้องเก็บข้อมูลอีกเป็นเดือน ถือเป็นการอุ่นเครื่อง เหมือนเครื่องยนต์ทั่วไป คาดอีก 3-5 ปีถึงจะได้เห็นผล ที่ฟันธงได้ว่ามี "ฮิกก์ส" หรือไม่ ส่วน "หลุมดำ" ที่อาจจะเกิดขึ้น เล็กกว่าระดับ "นาโน" ซ้ำก่อนเดินหน้าทดลองได้ทดสอบความเสี่ยงอันตรายเรียบร้อยแล้ว
      
       ตามเวลาประเทศไทยประมาณ 14.15 น. ของวันที่ 10 ก.ย.51 เซิร์น (CERN) หรือ องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศในทวีปยุโรปเพื่อวิจัยและพัฒนาทางด้านนิวเคลียร์ (European Center for Nuclear Research) กำหนดเดินเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี (Large Hadron Collider) เป็นครั้งแรก ทั้งนี้เครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี นับเป็นเครื่องเร่งอนุภาคอันทรงพลังที่สุดในโลก โดยมีพลังงานมากกว่าเครื่องเร่งอนุภาคที่เคยมีมาก่อนหน้านี้ถึง 7 เท่า
      
       ขณะที่ความน่าตื่นเต้นของการทดลองทางฟิสิกส์กำลังจะเริ่มขึ้น ผู้จัดการวิทยาศาสตร์ได้สอบถามไปยัง ดร.อรรถกฤต ฉัตรภูติ อาจารย์ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้ให้ความเห็นว่า การทดลองเดินเครื่องครั้งแรกของเซิร์นนั้น ยังไม่น่าตื่นเต้นเท่าใด เพราะยังเดินเครื่องไม่เต็มที่ โดยเดินเครื่องที่ระดับพลังงาน 0.4 เทราอิเล็กตรอนโวลต์ (TeV) เท่านั้น ซึ่งเซิร์นสามารถเดินเครื่องไปได้ถึง 14 เทราอิเล็กตรอนโวลต์
      
       "ครั้งแรกนี้ยังต้องเก็บข้อมูลอีกเป็นเดือน การทดลองวันที่ 10 (ก.ย.) ระดับพลังงานอยู่ที่ 0.4 เทราอิเล็กตรอนโวลต์เท่านั้น แล้วจะเพิ่มเป็น 14 เทราอิเล็กตรอนโวลต์ในปีหน้า ระหว่างนี้ก็ต้องเก็บข้อมูลอยู่พอสมควร ประมาณปีละ 15 ล้านกิกะไบต์ ซึ่งคงมีข้อมูลออกมาพอสมควร แต่คงยังไม่เจออะไรใหม่ ถือเป็นการอุ่นเครื่อง เหมือนเครื่องยนต์ทั่วไป" ดร.อรรถกฤตกล่าว
      
       ทั้งนี้นักฟิสิกส์ทฤษฎีจากรั้วจามจุรี อธิบายว่า ตามทฤษฎีแล้วจะเกิดอะไรใหม่ ที่ระดับพลังงานขนาดเทราอิเล็กตรอนโวลต์ขึ้นไป ซึ่งคงต้องค่อยๆ เดินเครื่อง และคาดว่าต้องใช้เวลาเป็นเดือน โดยต้องใช้เวลาอีก 3-5 ปี จึงจะมีผลการทดลองที่ฟันธงได้ว่ามีอนุภาค "ฮิกก์ส" (Higgs) หรือหลุมดำหรือไม่ ขณะเดียวกันคาดว่าจะมีการพิสูจน์ทฤษฎีอีกหลายๆ ทฤษฎี
      
       ด้าน นายนรพัทธ์ ศรีมโนภาษ นิสิตปริญญาเอก ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเคยได้รับทุนระหว่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและเซิร์น วิจัยเกี่ยวกับการวิเคราะห์ข้อมูลของเซิร์น อธิบายกับผู้จัดการวิทยาศาสตร์ว่า หลักการทำงานของเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซีนั้น คล้ายกับเครื่องซินโครตรอน แต่มีความแตกต่างคือ เครื่องซินโครตรอนจะส่งอนุภาคให้เคลื่อนที่เป็นวงกลม และนำคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ออกมาไปใช้ประโยชน์ ขณะที่เซิร์นสนใจที่ตัวอนุภาค และการจับอนุภาคชนกันหรือชนเป้า
      
       ส่วนความน่าตื่นเต้นของการทดลองนี้ นายนรพัทธ์กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน โดยในฐานะของคนทำงานแล้ว ก็มองว่าเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นพอสมควร เพราะลงแรงไปเยอะ และไม่ได้มีความก้าวหน้าเฉพาะฟิสิกส์เท่านั้น แต่ยังมีคอมพิวเตอร์ที่พัฒนาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ และมีระบบคอมพิวเตอร์กริด (Computer grid) ซึ่งพยายามเชื่อมเครือข่ายทั่วโลก เนื่องจากเซิร์นคงไม่สามารถเก็บข้อมูลทั้งหมดได้ โดยข้อมูลที่จะออกมา เทียบเท่าซีดีประมาณ 20 ล้านแผ่น และจะส่งผ่านข้อมูลไปทั่วโลก พร้อมทั้งวิเคราะห์ผ่านเครือข่าย
      
       พร้อมกันนี้ ผู้จัดการวิทยาศาสตร์ยังได้สอบถามไปยัง รศ.ดร.วีระพงษ์ แพสุวรรณ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติวิจัยเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนแห่งชาติ ซึ่งให้ความเห็นถึงการทดลองในวันที่ 10 ก.ย.นี้ว่า ในความเป็นนักฟิสิกส์แล้ว ถือว่าเป็นการทดลองที่น่าตื่นเต้น เพราะเป็นการทดลองที่ระดับพลังงานสูง และอาจค้นพบอนุภาคที่เราไม่รู้จัก โดยในทฤษฎีได้ทำนายไว้แล้ว แต่ยังไม่มีเครื่องมือพิสูจน์ การทดลองของเซิร์นจะบอกได้ว่าอนุภาคเหล่านั้นมีจริงหรือไม่ ซึ่งหากค้นพบก็จะเป็นประโยชน์อย่างมาก
      
       สำหรับเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซีนั้น รศ.ดร.วีระพงษ์กล่าวว่า มีระดับพลังงานสูงกว่าเครื่องเร่งอนุภาคของซินโครตรอนมาก โดยการทำงานของแอลเอชซีนั้นจะเร่งอนุภาคซึ่งเปรียบเหมือนลูกปืน 2 ลูกมาชนกัน และอนุภาคเล็กๆ ซึ่งประกอบขึ้นเป็นอนุภาคใหญ่ๆ นั้นจะแตกกระดอนออกมา ต่างจากการทดลองซินโครตรอนที่ไม่ได้นำอนุภาคมาชนกัน และทดลองในระดับพลังงานต่ำกว่ามาก
      
       "สำหรับเครื่องเร่งอนุภาค ที่เซิร์นจะเร่งอนุภาคให้วิ่งในสุญญากาศหลายๆ ล้านรอบ เพื่อให้พลังงานค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนถึงระดับพลังงานที่ทำให้เกิดการแตกของอนุภาค เพราะหากระดับพลังงานไม่ถึงก็จะชนกันแล้วกระเด็นออกจากกันเท่านั้น โดยลำอนุภาค 2 ลำจะวิ่งสวนทางกัน แต่วิ่งกันคนละท่อ เมื่อถึงระดับพลังงานที่ต้องการแล้วเขาก็จะบังคับให้ลำอนุภาคชนกัน ส่วนจะอันตรายหรือไม่นั้น ไม่อันตรายเพราะทดลองในบริเวณปิดมิดชิด ไม่มีอะไรหลุดออกมา" รศ.ดร.วีระพงษ์กล่าว
      
       นอกจากนี้ ผู้จัดการวิทยาศาสตร์ยังได้รับจดหมายข่าวจากศูนย์สื่อสารวิทยาศาสตร์ไทย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ซึ่งเสนอความเห็นของ ศ.ดร.สุทัศน์ ยกส้าน นักฟิสิกส์ชั้นนำของไทย ในฐานะที่ปรึกษาด้านวิชาการ ศูนย์สื่อสารวิทยาศาสตร์ไทย ต่อความวิตกในการเกิดหลุมดำที่จะกลืนกินโลกว่า โอกาสการเกิดหลุมดำจากการทดลองมีเพียง 1 ใน 50 ล้านเท่านั้น และหากเกิดหลุมดำจริง จะเป็นหลุมดำที่จะมีขนาดเล็กได้ถึงระดับพิโคเมตร หรือ 10-15 เมตรเท่านั้น (เล็กกว่าระดับนาโนเมตร คือ 10-9 เมตร)
      
       ทั้งนี้ เนื่องจากการเกิดหลุมดำขนาดใหญ่ ในเอกภพโดยทั่วไป ตามทฤษฎีนั้น เกิดจากการยุบตัวด้วยแรงโน้มถ่วงของดาวฤกษ์ กล่าวคือ โดยปกติดาวฤกษ์ในเอกภพจะอยู่ในสภาพสมดุล คือต้องมีแรงผลักออกซึ่งเกิดจากการปล่อยแสงสว่างหรือรังสีที่เกิดจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ และแรงดึงดูดที่เกิดจากแรงโน้มถ่วง ซึ่งเมื่อดาวฤกษ์ได้เผาผลาญพลังงานนิวเคลียร์ภายในตัวจนหมดจะทำให้ไม่มีแรงผลักออก เหลือเพียงแรงดึงเข้าสู่จุดศูนย์กลางจนเกิดการยุบตัวกลายเป็นหลุมดำ
      
       ขณะที่การทดลองของเซิร์นเป็นการชนกันของอนุภาคโปรตอนที่มีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับขนาดของดาวฤกษ์ ดังนั้นหากเกิดหลุมดำก็จะมีขนาดที่เล็กจิ๋ว อีกทั้งตามทฤษฎีของฮอร์กิ้ง (Hawking) นักฟิสิกส์ชาวอังกฤษ ได้มีการคำนวณไว้ว่า หลุมดำขนาดจิ๋วที่เกิดขึ้น จะมีการระเหิดหรือการสลายตัวภายในเสี้ยววินาที (10-15 วินาที) เท่านั้น
      
       ด้วยเหตุนี้อันตรายที่จะเกิดขึ้นจากหลุมดำถือว่าน้อยมากจนไม่น่ากังวลและไม่มีผลกระทบใดๆ ให้เห็นเป็นรูปธรรม ที่สำคัญการทดลองทุกรูปแบบของนักฟิสิกส์ ได้มีการคำนวณและประเมินความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายแล้ว ดังนั้นเมื่อเกิดสิ่งผิดปกติจึงหยุดการทดลองได้ทันที
      
       สำหรับการทดลองในวันที่ 10 ก.ย.นี้ ทีมงานผู้จัดการวิทยาศาสตร์จะรายงานให้ทราบต่อไป ส่วนผู้ที่ต้องการทราบรายละเอียดของสิ่งที่เซิร์นต้องการค้นหา และผลกระทบที่ชาวโลกหวาดกลัว สามารถติดตามในรายงานที่นำเสนอไปก่อนหน้านี้...ได้ที่...
      
 
 
 
 
 
 
บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #8 เมื่อ: กันยายน 10, 2008, 10:42:39 AM »

นายสมชายสรุปแบบอ่านง่ายๆ ให้ฟังดีกว่าครับ...

คือเขาสร้างหลุมดำด้วยการเร่งอนุภาคด้วยสนามพลังแม่เหล็กให้วิ่งชนกัน... เมื่อชนกันแลวมันจะแปะติดกันได้ ถึงแม้ประจุจะเหมือนกันก็ไม่ผลักกัน... โดยได้แนวคิดนี้มาจากในนิวเคลียส มีนิวตรอนและอนุภาคอื่นกับโปรตอนรวมกันได้โดยไม่แยกจากกัน...

เมื่อรวมอนุภาคเข้าด้วยกันจนกันได้ ก็จะเอาวัสดุอื่นยิงเข้าไปอีก... ผลที่ได้คือวัตถุขนาดเล็กมาก แต่มีมวลมหาศาล ตัวอย่างเช่นวัตถุขนาดไม่กี่ไมครอน (10 ยกกำลัง - 6) แต่มวลหนักหลายพันเมตตริกตัน...

พอถึงจุดนี้... ไอ้เจ้าวัตถุบ้านี่ จะมีน้ำหนักมหาศาล ไม่มีภาชนะอะไรรองรับได้ จะต้องอาศัยสนามพลังเข้มข้นสูงมากยึดเหนี่ยวมันเอาไว้...

ทีนี้เกิดข้อผิดพลาดนิดเดียว หากสนามพลังรั่ว... ไอ้เจ้าวัตถุบ้านี่ ก็จะถูกแรงดึงดูดโลกดูดให้หล่นลงพื้น...

พอไอ้เจ้าวัตถุบ้านี่หล่นลงพื้น... มันไม่นอนอยู่บนพื้นโลก แต่จากน้ำหนักมหาศาลของมัน จะมุดดินมุดซีเม็นต์ทะลุลงไปในแก่นโลก โดยที่ไม่มีอะไรขวางมันได้อีกต่อไป...

ทำไมไม่มีอะไรขวางไอ้เจ้าวัตถุบ้านี่... เกิดจากทฤษฎีของนิวตั้น ที่ว่ามวลจะดึงดูดมวล...

ดังนั้นไอ้เจ้าวัตถุบ้านี่มีมวลมหาศาล... แล้วมันวิ่งผ่านอะไร ก็จะดึงดูดมวลของสิ่งที่มันผ่าน แบบเดียวกับเราเอาเหล็กร้อนๆ จิ้มเข้ากับโฟมก้อนกระทงสีขาวๆ... คือไอ้เจ้าวัตถุบ้านี่จะละลายทุกอย่างที่ขวางหน้ามัน และดึงดูดมวลที่ว่านั้นรวมเข้ากับตัวมัน...

ทุกเมื่อที่วิ่งผ่านอะไร จะแรงยิ่งขึ้น เพราะมวลของมันจะมากขึ้น... แต่ขนาดไม่โตขึ้น ยิ่งมา ยิ่งมาก็มวลยิ่งมากขึ้น...

จากนั้นไอ้เจ้าวัตถุบ้านี่ จะวิ่งทะลุโลกจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง ทะลุซ้ายที ทะลุขวาที แผ่นหินเปลือกโลกก็ต้านไม่อยู่... จนในที่สุดโลกพรุนหมด สิ่งมีชีวิตก็ไม่เหลือ... สุดท้ายโลกเองจะถูกไอ้เจ้าวัตถุบ้านี่รวมเอาไว้ข้างใน...

พอถึงตอนนั้น... ทั้งโลกอาจเหลือแค่หัวเข็มหมุดครับ...

ระยะเริ่มต้น อาจเกิดปรากฏการณ์... รถถังเกราะหนาๆ จอดอยู่ดีๆ มีเสียงวิ๊ด สั้น แว่บเดียว แล้วรถถังทั้งคันร้อนแดงไฟลุกท่วม พร้อมมีรูเจาะทะลุจากท้องรถถังทะลุหลังคาป้อมปืน...

เพราะไอ้เจ้าวัตถุบ้านี่ทะลุโลกทั้งใบมากจากอีกซีกโลกหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามครับ... ทะลุโลกทั้งใบแล้วมาโผล่พอดีรถถังจอดอยู่...
 
กึ๋ยส์...
บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #9 เมื่อ: กันยายน 10, 2008, 10:47:46 AM »

ลืมบอกครับ...

ว่าทำไมทะลุโลกแล้วไม่วิ่งต่อไปที่อื่น... เป็นพราะมวลที่ยังเหลืออยู่ของโลกจะดึงดูดไอ้เจ้าวัตถุบ้านี่วิ่งเข้ามาหา มันจึงวิ่งไปแล้ววิ่งกลับแบบเดียวกัยอิเลกตรอนวิ่งวนรอบนิวเคลียส แต่ขนาดของมันเล็กกว่าโลก มันเลยวิ่งชน ไม่ได้วิ่งวนๆ...

ในที่สุดเมื่อมวลโลกถูกไอ้เจ้าวัตถุบ้านี่ดูดไปจนมวลใกล้เคียงกัน... ไอ้เจ้าวัตถุบ้านี่จะดูดโลกเข้าไปรวมด้วย เหลือเท่าหัวเข็มหมุด...

จากนั้นไอ้เจ้าวัตถุบ้านี่ก็กลายเป็นหลุมดำ... ให้โลกอื่นส่องกล้องมาดูด้วยความสงสัยอีกต่อไปครับ...
บันทึกการเข้า
babor
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #10 เมื่อ: กันยายน 10, 2008, 10:58:36 AM »


แค่อยากสอดรู้สอดเห็น พวกฝรั่งเหล่านั้นถึงกับต้องการที่เสิ่ยงเชียวเหรอ (ในกรณีที่มีผลเสียดังกล่าว)  พวกนี้แหละตัวต้นเหตุความวุ่นวายต่าง ๆ ในโลกใบนี้  ชอบทำพี่เก่ง  ชอบทำพี่เจ๋ง  ถ้าอยู่กับธรรมชาติพวกเหล่านี้จะอยู่ไม่ได้ เพราะว่าไม่คุ้นเคย จึงเลยเอาด้านวัตถุเข้ามาแพร่หลาย...




พูดแล้วแค้น เห็นทีต้องทำอะไรคืนบ้างแล้ว  เดี๋ยวเย็นนี้เห็นแล้วเป้าหมายอยู่ไม่ไกล  จะสอยมากินซะให้หายแค้น  ในเมื่อทำอะไรมันไม่ได้
บันทึกการเข้า
godsira รักในหลวง
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 46
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 459



« ตอบ #11 เมื่อ: กันยายน 10, 2008, 11:07:42 AM »

 หัวเราะร่าน้ำตาริน เห็นภาพครับพี่ นายสมชาย(ฮา)  หัวเราะร่าน้ำตาริน

บันทึกการเข้า
Major
ก็แค่.....?
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 255
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1636


ดวงชีวัน นั้นเรายอม พร้อมจะพลี


« ตอบ #12 เมื่อ: กันยายน 10, 2008, 11:12:39 AM »

ท่านนายสมชาย (ฮา) อธิบายเสียยืดยาว แต่ก็เข้าใจง่ายกว่าของนักวิชาการที่ผมอ่านพบ และได้ยิน

ขอบคุณครับ

หวังว่าคงจะไม่เกิดปฏิกิริยาและผลกระทบอย่างท่านว่านะครับ เสียวแทน

ด้วยความเคารพครับ
บันทึกการเข้า

ผิดหวังแล้วหวังใหม่ไม่ลดละ            หวังเพื่อจะผิดหวังในครั้งใหม่
แล้วเราก็ผิดหวังสมดังใจ                 เราจึงไม่ผิดหวังสักครั้งเดียว
ธำรง
Hero Member
*****

คะแนน 1727
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8568


.....รักในหลวง.....


« ตอบ #13 เมื่อ: กันยายน 10, 2008, 11:12:55 AM »

ขอบคุณคุณสมชาย(ฮา) อธิบายได้เห็นภาพ
ถ้าเป็นได้จริง ก็ ดีจัง  Grin
บันทึกการเข้า
coda
None of us is as smart as all of us.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1081
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20779



เว็บไซต์
« ตอบ #14 เมื่อ: กันยายน 10, 2008, 11:19:50 AM »

...ขอบคุึณครับ  อ่านแล้วไม่ค่อยเก็ทเท่าไร  เป็นห่วงการเมืองไทยตอนนี้มากกว่าหลุมดำครับ
บันทึกการเข้า

Check your monitor:

https://www.facebook.com/StudioCoda

"ยึดปืนคนดี  อัปรีย์จะครองเมือง"
หน้า: [1] 2 3 4 5
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.073 วินาที กับ 21 คำสั่ง