เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
สิงหาคม 22, 2025, 01:39:55 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 [2] 3 4 5 ... 12
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องที่น่าพิศวง....(ขออภัยนอกเรื่องปืนครับ)  (อ่าน 37816 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #15 เมื่อ: สิงหาคม 31, 2005, 09:46:26 AM »

Smiley..ผมเป็นคนเฉย เฉย กับเรื่อง ผี ผี วิญญาณ.. แต่มีแบบ ขนลุก..บ่อย เหมือนกัน..
 จากการที่เป็นคนที่ชอบเดินทาง ตามลำพัง ด้วยเรื่องการงาน หรือกับการท่องเที่ยว.
 นอกจากจะมี ๙ มม. ติดไปด้วย.. ยังมีม้วนเทป เป็นบทสวดมนต์.๖๐ นาที..เจริญพระพุทธมนต์.. ชินบัญชร มงคลจักรวาลใหญ่ ฯลฯ.. มีเสียงพระท่านสวดเบาบ้าง ดังบ้าง..เป็นที่พึงทางใจ. ถึงไหนถึงกัน..ครับ. Cheesy


ผมก็สไตล์เดียวกับพี่ Ro@d เช่นกันครับ โดยเฉพาะเรื่องบทสวดมนต์
Write CD เก็บไว้หลายแผ่นทั้งเปิดในบ้าน ติดรถ แจกเพื่อนๆ และคนที่สนใจจริงๆ  Wink Wink
บันทึกการเข้า

                
Nattapol
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #16 เมื่อ: สิงหาคม 31, 2005, 10:05:14 AM »

          "แสนแค้น"

เรื่องราวของความแค้นของหญิงชาวนาที่ต้องมาตายเพราะความใจแคบ
ของมนุษย์ที่เห็นแก่ตัว

ในเดือนสิบเอ็ดน้ำเหนือไหลนองหลากเข้าท่วมท้องทุ่งเจิ่งนองไปทั่ว
บ้านเรือนทุกหลังคาเรือนก็จ่อมจมแช่อยู่ในน้ำ วัวควายถูกต้อน
ให้ขึ้นไปอยู่ในที่ดอน นอนเคี้ยวเอื้องอยู่บนโคกสูงพ้นน้ำ

เวลานั้น ราว 4-5 ทุ่ม ไปแล้ว แต่แสงไฟจากตะเกียงหลายดวง
ในบ้านหลังนี้ยังส่องสว่างราวกลางวัน เนื่องจากสะใภ้ท้องแก่
ท้องแรกของบ้านนี้ ร้องครวญครางบอกอาการใกล้คลอด
แต่จนแล้ว จนรอด หมอตำแยก็ไม่สามารถนำเด็กให้คลอดออกมาได้
สามี ของ หญิงสาวจึงจำต้องนำเธอลงเรือพายไปสู่ถนนหลวงสายใหญ่
เพื่อขอความช่วยเหลือจากรถที่ผ่านไป ผ่านมา ในระแวกนั้น
เพื่อพาเธอไปสู่โรงพยาบาล ที่อยู่ในตัวเมือง

เมือมาถึงถนนใหญ่ก็ไม่ได้รอช้า รีบ อุ้มหญิงสาวที่กำลังร้องครวญคราง
ด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ขึ้นมาวางไว้ริมถนนใหญ่แห่งนั้น
ตัวเองก็ลนลาน มายืนคอยท่ารถที่จะผ่านไปมาด้วยความกระวนกระวายใจอย่างยิ่ง
เมื่อก่อนนั้น ถนนสายเอเซีย ยังไม่ได้ปรับปรุงขยายให้มีช่องทางเดินรถ
หลายช่องเหมือนในปัจจุบัน ความกว้างของถนนก็เพียงรถวิ่งสวนไปมาได้เท่านั้น
แต่ก็มีรถวิ่งอยู่ตลอดเวลา ส่วนใหญ่ก็จะเป็นรถบรรทุกสิบล้อเกือบทั้งหมด

สามีของเธอใช้ ผ้าขาวม้าโบกรถคันแล้ว คันเล่า แต่ก็ไม่มีคันไหนหยุดให้
หรือแบบจะชลอความเร็วให้ก็ยังแทบจะไม่มี ที่เป็นเช่นนี้จะว่าคนขับรถ
ใจจืดใจดำ เสียทีเดียวก็ไม่ได้ เพราะในยามค่ำคืนอย่างนั้น แถมยังเป็นเส้นทางสายเปลี่ยว
สองฝากทางมีแต่ทุ่งนา ป่าละเมาะไม้รกครึ้ม แล้วจู่ๆมีคนมาโบกผ้า โบกมือ
ให้รถจอดในยามวิกาลอย่างนี้ คนขับรถอาจจะคิดว่าเป็น
โจรผู้ร้ายพวกปล้น มาดักรอชิงทรัพย์ก็ได้ ดังนั้นจึงรีบเหยียบ
ตะบึงรถผ่านไปเลยในทันที

มีรถบางคันชะลอ ความเร็วเข้ามาจอดเมื่อเห็นคนโบกผ้าอยู่ข้างทาง
แต่พอรู้ว่าต้องเป็นภาระช่วยรับคนเจ็บท้องไปส่งโรงพยาบาล
ก็รีบขับหนีไปเสียดื้อๆ เพราะไม่อยากรับภาระโดยใช่ที่
ฝ่ายสามีก็ได้แต่ตะโกน กร่น ด่าด้วยความเจ็บแค้นแน่นอก

เวลาล่วงไปยังไม่พ้นเที่ยงคืน สาวท้องแก่ก็ไม่สามารถทน
ความเจ็บปวดต่อไปได้อีกก็ขาดใจตาย ณ.ริมถนนแห่งนั้นนั่นเอง
ส่วนสามีของเธอก็ได้แต่ร่ำไห้เสียใจในการจากไปของ
ภรรยาและบุตรที่ต้องมาตาย โดยไม่มีโอกาศได้ลืมตามาดูโลก

........................................................... ....
เหตุการณ์ผ่านไป หลายคนคนได้รับรู้และเสียใจ และอีกหลายคน
ไม่เคยได้รับรู้ความเป็นไปจากเหตุการณ์นี้ และทุกอย่างคงจบลง
อย่างง่ายดาย เพราะมันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร
และทุกคนคงจะลืมเลือนมันไปตามระยะเวลาที่ผ่านไป

แต่.............ยังมีอีก 2 ชีวิตที่ไม่สามารถลืมเรื่องราวในวันนั้นได้
นั้นคือ สาวชาวนา ที่ตายทั้งกลม
แม้ชีวิตร่างกายจะดับสูญไปแล้วแต่จิตวิญญานอันเครียดแค้น
และความรู้สึกที่ปวดร้าว ต่อบุคคลรอบด้านที่ไร้น้ำใจกับเธอ
จึงทำให้เหตุการณ์ต่างๆ กับสถานที่ตรงนั้นใช่หรือไม่นั้น
คุณๆ ลองอ่านต่อไปก็แล้วกันนะครับ

บริเวณที่สาวชาวนาได้ขาดใจตายนั้นอยู่ใกล้ๆกับทางโค้ง
ไม่ห่างจากทางแยกเข้าตัวจังหวัด สิงห์บุรีเท่าไหร่นัก
หลังจากที่เธอตายไป ก็เกิดอุบัติเหตุ รถชนประสานงากันบ้าง
รถแฉลบลงข้างทางพลิกคว่ำ บ้าง  หรือแล่น ทับคนตายบ้าง
แต่อุบัติเหตุทุกครั้งต้องมีคนตาย จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความรุนแรง

แต่ที่น่าสังเกตุคือจะเกิดขึ้นกับ รถบรรทุกสิบล้อเป็นส่วนใหญ่
และส่วนมากคนขับจะตายคาที่แทบทุกราย

อุบัติเหตุเกิดขึ้นถี่ยิบอย่างไม่น่าเชื่อ และบางครั้งแทบไม่น่าเป็นไปได้
ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องมาประจำพื้นที่ตรงนั้น เพื่อดูแลการจราจร
เพื่อที่จะลดสถิติอุบัติเหตุให้เกิดขึ้นน้อยลง
ชาวบ้านแถวนั้นจึงเรี่ยไรกันสร้างป้อมตำรวจไว้ตรงนั้นอีกด้วย
ปรากฎว่า แม้แต่ตำรวจก็ต้องเอาชีวิต มาสังเวยกับวิญญานพยาบาท
ไปเสียอีกหลาย ศพ มาอ่านกันสิครับว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร

คราวหนึ่ง เป็นเวลากลางวันแสกๆ ตำรวจจราจรสองนาย
มายืนให้ความสะดวกการจราจรอยู่ตรงหน้าป้อม
มีรถบรรทุกคันหนึ่งวิ่งลงสะพานมา ทัศนวิสัยของเส้นทางช่วงนี้
ไม่มีอะไรกีดขวางในการมองเห็นแม้แต่น้อย แทบจะเรียกได้ว่า
ปลอดโปร่งโล่งตลอดสายตาเลยทีเดียว แต่สิบล้อคันนั้น
กลับห้อตะบึงพุ่งทื่อเข้าตำรวจจราจรทั้งสองนายนั้น
และไม่ทันที่ตำรวจทั้งสองนายจะตั้งตัวทัน สิบล้อมหาภัยคันนั้น
ก็ ชนอัดเข้าให้เต็มเหนี่ยว แล้วทับร่างกายของทั้งสองจนแหลกเล่ะ
ตายคาที่ทันทีทั้งสองนาย คนขับรถได้แต่นั่งตะลึงสั่นเทาไปทั้งตัว
หลังจากที่เหยียบเบรค หยุดรถได้แล้ว คนขับรถก็ถูกจับกุมตัว
ได้ก่อนที่จะหลบหนีไปตามฟอร์ม

จากคำของคนขับให้การ ว่า เขาเห็นเป็นทางโล่งๆ ไม่เห็นตำรวจหรือใครทั้งนั้น
แต่แล่นรถไปตามปกติ แต่พอชนตำรวจไปแล้วถึงได้เห็น
ว่ารถที่ตนขับอยู่นั้นแฉลบเข้ามาวิ่งบนไหล่ทาง และชนคน
แบบชนิดที่เรียกว่าไม่ได้แต่ะเบรคเลยแม้แต่นิดเดียว
.....................................

ทางโค้งซึ้งเกิดอุบัติเหตุซ้ำซาก และ ทำลายชีวิตผู้คนนับสิบศพแห่งนี้
จึงถูกขนานนามให้เป็น "โค้งผีสิง"  "โค้งมรณะ" หรือที่เรียกกันจน
ติดปากชาวบ้านแถวนั้นว่า "โค้งร้อยศพ"
จนเป็นที่ขยาดขลาดกลัวของสิงห์รถบรรทุกทั้งหลายที่ต้องใช้เส้นทางนี้ประจำ
แม้กระนั้นสถิติอุบัติเหตุ ก็ไม่มีท่าทีที่จะลดน้อยลงแต่อย่างใด

ยิ่งไปกว่านั้น ... ก่อนเกิดอุบัติเหตุแต่ล่ะครั้ง มักจะมีคนเห็น
สาวท้องแก่แต่งตัวแบบชาวนามาเดินวนเวียนอยู่ตรงจุดที่จะเกิดเหตุ
ก่อนหน้าสัก 2-3 วัน ก็จะเกิดอุบัติเหตุสยองแทบทุกครั้งไป

นายดาบตรี สฤษฎิ์ สายนาค 
เป็นลูกศิษย์คนหนึ่งของ พระเดชพระคุณ หลวงพ่อจรัญ ธิตธมฺโม
มักมาทำบุญที่วัดอัมพวัน เสมอๆ วันหนึ่ง นายดาบท่านได้ไปนมัสการหลวงพ่อ
ด้วยสีหน้าท่าทางดูมีความวิตกกังวล เป็นอย่างหนัก
หลวงพ่อท่านจึงถามว่ามีอะไรไม่สบายใจ เห็นดูสีหน้าไม่ใคร่ดีนัก
นายดาบท่านนั้นจึงได้บอกหลวงพ่อไปว่า
ตนเองได้ถูกสั่งย้ายไปประจำป้อมตำรวจ ที่โค้งมรณะแห่งนั้น
เป็นกังวลว่าจะมีอันเป็นไปอย่างตำรวจที่ไปประจำป้อมคนก่อนๆ
จึงอยากจะขอของดีจากหลวงพ่อไปไว้คุ้มภัยตนเอง
หลวงพ่อท่านก็ว่าของดีนะไม่มีให้หรอกแต่จะแน่ะทางให้ทำ
หลวงพ่อจึงแน่ะให้ทำบุญสังฆทาน กรวดน้ำไปให้กับ
วิญญานร้ายที่อยู่ ณ.ที่โค้งแห่งนั้น แล้วเวลาไปอยู่ที่ป้อมยาม
ก็จุดธูปเทียน สวดมนต์ อิติปิโสฯ แผ่เมตตา ให้กับวิญญานที่อยู่ที่ตรงนั้น
บอกเค้าว่าอย่ามารบกวน ก็จะผ่อนหนักให้เป็นเบาได้
นายดาบท่านนี้ก็ปฎิบัติตามคำแน่ะนำของหลวงพ่อทุกประการ
ปรากฎว่าตลอดเวลาที่ปฎิบัติหน้าที่อยู่ที่ป้อมแห่งนั้น
ไม่เคยมีสิ่งใดมารบกวน หรือมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเลย

ต่อมา ได้มีนายตำรวจชั้นประทวน สองนายได้มานมัสการหลวงพ่อ
โดยบอกว่าได้ถูกมอบหมายให้ไปประจำการอยู่ที่ป้อมแห่งนั้น
แทนนายดาบคนเดิมที่รักษาการณ์อยู่ ได้รู้ว่าก่อนนายดาบจะไป
ปฎิบัติหน้าที่ ที่โค้งแห่งนั้นได้มาขอของดีจากหลวงพ่อไว้คุ้มภัย
จึงได้เดินทางมาหาหลวงพ่อเพื่อขอของดีไว้ป้องกันตัวบ้าง

หลวงพ่อท่านก็ได้ชี้ทางให้แก่ สองนายตำรวจ เช่นเดียวกับ
นายดาบท่าเดิม แต่ทั้ง สองนายตำรวจทำท่าเหมือนไม่เชื่อว่า
หลวงพ่อไม่มีของดี หรือมีแล้วไม่ยอมให้แก่เค้าทั้งสอง
ทั้งสองนายตำรวจจึงได้ลากลับด้วยท่าทางไม่ค่อยพอใจ
...............................................
สองตำรวจไปประจำอยู่ที่ป้อมยามได้ไม่นานเท่าไหร่
ปรากฎว่า ถูกรถ ชนตาย ทั้งคู่

สำหรับเรื่องนี้ หลวงพ่อ จรัญ ฐิตธฺมโม ได้กล่าวสรุปว่า
" ถ้าตำรวจทั้งสองคนนั้นเชื่ออาตมา บางทีอาจจะไม่โดนเคราะห์กรรม
ถึงขั้นเสียชีวิต แต่คนเราคราวจะถึงที่ตาย จะบอกจะสอนอย่างไร
ก็มักจะไม่เชื่อไม่ฟัง ยิ่งจิตใจแข็งกระด้าง ไม่น้อมมาทาง
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็ยากที่จะผ่อนหนักให้เป็นเบาได้
เรื่องวิญญาน ร้ายที่โค้งนั้นก็เช่นกัน ถ้ายิ่งไปขับไล่เค้า
ไปทำร้ายเค้าด้วยเวทมนตร์ คาถา จะยิ่งไปกันใหญ่
เหมือนเทไฟไปราดบนกองเพลิงที่กำลังลุกไหม้
ทางที่ดีที่สุดก็คือแผ่เมตตาจิตไปให้เค้า อุทิศส่วนกุศลไปให้เค้า
ความดุร้ายก็จะอ่อนลงไป เฉกเช่น เราเอาน้ำไปดับไฟ  ฉันนั้นฯ

เรื่องจริงเรื่องนี้ได้ชีชัดให้เห็นว่า
จิตวิญญานที่มีแต่โทษะจริตนั้น เมื่อดับภพ สิ้นภูมิ มนุษย์ไปแล้ว
ก็จะยังเวียนว่าย ทนทุกข์ทรมาน อยู่ในโลกของวิญญาน
หน่ำซ้ำยังสร้างบาปกรรม พอกพูน มากขึ้น
และคงส่งผลผลักดันให้ วิญญาน จมดิ่งลงสู่ภพภูมิอันมืดมนลงไปทุกที

หากท่านมีความคิดเห็นและมุมมองว่า วิญญานสาวชาวนาผู้นี้
ไม่ควรที่จะติดยึดกับอารมณ์โทษะชนิดที่ไม่ยอมเลิกลา
ลองมองย้อนกลับไปที่คนที่มีชีวิตอยู่รอบๆตัวคุณบ้างสิครับ
ท่านอาจจะพบเห็นคนอีกหลายคน ที่ยังยึดเหนี่ยวกับอารมณ์โทษะนี้
ยิ่งกว่าดวงวิญญานดังกล่าวนี้เสียด้วยซ้ำ......


ข้อมูลจาก หลวงพ่อจรัญ ฐิตธฺมโม
บันทึกการเข้า
Ro@d - รักในหลวง
รักเธอ.. ประเทศไทย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4088
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20186


1 คัน 1 ชีวิตที่อิสระ มี G23 กาแฟอีก 1 เป็นเพื่อน


« ตอบ #17 เมื่อ: สิงหาคม 31, 2005, 10:07:17 AM »

Smiley..มีแต่เป็นม้วนเทป ครับพี่แก้ว จะทำเป็น CD ..ทำได้ไหม ผมทำไม่เป็นครับ.. Cheesy.
     เรื่อง..น่าพิศวง.. เกี่ยวกับชีวิตที่ผ่าน..เรื่องเฉียด ตาย แบบเส้นยาแดงผ่าแปด.. นึกย้อนรอดมาได้ สิบกว่าครั้ง..เหมือนมีบางสิ่งมาช่วยบัง มาช่วยชลอ..มาเปลี่ยนใจ.. มาสกิดให้ระวัง.. นึกย้อนแล้ว ถ้ามีอีกครั้ง คงไม่รอด.. Smiley
บันทึกการเข้า

Nattapol
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #18 เมื่อ: สิงหาคม 31, 2005, 10:07:37 AM »

   "ตายอย่างไก่"
 
เรื่องนี้เพื่อนผมเล่าให้ฟังครับ
สมัยก่อนบ้านเพื่อนผมมันอยู่ใกล้กับบ้านคนจีนคนหนึ่ง แกมีอาชีพเลี้ยงไก่ส่งไก่ไปขายในตลาดวันละเป็นร้อยตัว
เพื่อนผมเองยังเคยไปหารายได้พิเศษ โดยการเอาไก่ที่แกฆ่าไปส่งให้พ่อค้าแม่ค้าในตลาด
แล้วเพื่อนผมก็ได้เห็นการทารุณไก่ ซึ่งไม่คิดว่าจะได้เจอ
จริง ๆ แล้ว การฆ่าไก่ที่เราเคยเห็น ก็จะเป็นการเชือดคอเพื่อให้เลือกมันไหลรินออกมา แล้วเอาไปทำเป็นเลือดไก่
เป็นก้อน ส่งขายได้อีก
แต่ที่เพื่อนผมเห็นและเอามาเล่าให้ฟังนั้น มันไม่ธรรมดาเพราะเจ้าของบ้านที่เป็นคนฆ่าไก่นั้น แกมีอารมณ์ไม่ค่อยปรกติ เป็นคนอารมณ์ร้อนมาก แกตบตีลูกเมียเป็นประจำเรียกได้ว่าลูกเมียของแกนั้น เป็นกระสอบทรายให้แกตบเตะเล่นเป็นไม่ว่างเว้นบางทีเมียแกไม่กล้าออกจากบ้านไปหลายวัน แต่เพื่อนผมมันรู้ เพราะมันไปที่บ้าน เห็นหน้าเมียแกบวมช้ำ และแตกหลายแห่งเมียแกเล่าให้ฟังว่าถูกซ้อม
บ่อยเข้า ๆ เพื่อนผมก็เลยเห็นภาพที่บอบช้ำของเมียแกเป็นเรื่องปรกติไม่เห็นเลยนี่ซิ เพื่อนมันว่าเป็นเรื่องแปลก
และ...มันได้เห็นสิ่งที่โหดเหี้ยมขึ้นไปอีกแกมักจะมีอารมณ์โหดร้ายกับไก่ที่แกเชือดพอแกซ้อมลูกเมียมาก ๆ ทุกวัน บ่อย ๆ เมียแกก็เลยหอบลูกไปอยู่ที่อื่นคราวนี้ พอไม่มีคู่ซ้อมให้ แกก็เลยหงุดหงิด หันมาระบายกับไก่ที่แกเลี้ยง
บางทีแกก็เชือดไก่แบบทรมาน คือเชือดแบบไม่ให้ตายทีเดียว
เวลาที่แกเชือดคอไก่ แกไม่ทำให้ตายในทันที เชือดไปที่คอให้เป็นแผล แล้วปล่อยให้ไก่ดิ้นพราด ๆ เป็นสิบ ๆ ตัว ดิ้นกันเต็มลานบ้านไปหมดเลือดไก่สาดกระจาย เหม็นคละคลุ้ง กลิ่นเลือดคาวไปทั่วบางตัวดิ้นเป็นชั่วโมงกว่าจะตายแกทำอย่างนี้มาเป็นเวลานาน ไก่เป็นพันตัวตายลักษณะทรมานอย่างนี้ทุกตัว
จากวัน เป็นเดือน เป็นปี แกทำอย่างสะใจ ปากก็ต้องตะโกนไปด้วย ว่ามันต้องเป็นอย่างนี้ ๆ อยากหนีกูไป (คงหมายความถึงลูกเมียที่หนีแกไป)
เพื่อนผมมันก็แปลก กลับชอบดูภาพนั้น ไม่ได้ว่า ไม่ได้รู้สึกสงสารไก่ที่ดิ้นพราดไปด้วยดีที่ว่ามันไม่ได้ลงมือช่วยทำทารุณไก่ด้วย

แล้วในที่สุด "กรรม" ก็ตามทัน

แกล้มในห้องน้ำ เส้นเลือดในสมองแตก เป็นอัมพฤกษ์ แล้วแกก็เป็นลมบ้าหมูด้วย
เวลาที่แกชักนั้น เพื่อมันเห็นมันก็ตกใจมากเพราะมันเหมือนไก่ที่แกเชือดด้วยความทารุณ
ดิ้นไป ชักไป ตาเหลือกตาตั้ง ดิ้นทุรนทุราย เห็นแล้วน่าสมเพชที่สุดเพื่อนผมเห็นบ่อยครับ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรกลับสมน้ำหน้าด้วยซ้ำ(เพื่อนคนนี้ ท่ามันจะเป็นโรคจิตนะครับ เห็นอะไรก็นิ่งเฉยลูกเดียว) แกชักแล้วชักอีก ชักจากวันละครั้ง เป็นวันละหลายครั้งบางทีวันหยุดยังมีชักรอบพิเศษด้วยแกรักษาเนื้อรักษาตัว เวียนเข้าเวียนออกที่โรงพยาบาล จนหมอและพยาบาลจำหน้าได้ดีแต่ที่พวกหมอและพยาบาลจำได้แม่นก็เพราะ....โรคที่แกเป็นอยู่นั้นไม่มีทางแก้ไขให้ดีขึ้นได้และที่แปลกยิ่งไปกว่านั้น.....ไม่มีใครหาสาเหตุที่แกเป็นอย่างนั้นได้ขนาดหมอใหญ่บอกเลยว่า หมดทางแก้ และไม่ใช่สาเหตุมาจากโรคลมชัก ลมบ้าหมูด้วยเมื่อไปชักที่โรงพยาบาลแล้วไม่มีใครสนใจ แกก็เลยต้องกลับมาชักที่บ้านคนเดียวและสุดท้าย แกก็ชักอย่างน่ากลัว เป็นการชักครั้งสุดท้ายของแก
เพราะแกชักจนหน้าตาน่ากลัว ตาเหลือกโปนจนเห็นแค่ตาขาวอย่างเดียว
มีเลือดออกจากปาก ออกจากจมูก ไหลเลอะเปรอะเปื้อนไปทั้งใบหน้ามือแกกำแน่น ป่ายไปป่ายมาบริเวณลำคอ ด้วยความที่เล็บแกยาว (ก็มัวแต่ชัก ไม่ได้ตัดเล็บ) จึงข่วนเอาที่หน้าที่ลำคอจนมีเลือดออกมา จากน้อยจนกระทั่งเป็นแผลใหญ่ เลือดยิ่งออกมากเพื่อนผมไปพอดี มันก็ตกใจ แต่ด้วยนิสัย (หรือสันดาน) มันก็ยืนดูเฉย ๆ
ไม่กล้าเข้าไปช่วยอะไร มันคงกลัว ๆ ด้วยได้แต่โทรไปบอกที่โรงพยาบาลให้ส่งรถมารับตัวแต่แกก็ยังคงชัก ๆๆๆ และดิ้นไปเรื่อย ๆ เลือดก็ยิ่งออกมากขึ้น จนเลอะไปทั่วใบหน้า ลำคอ และตามร่างกายเพื่อนมันบอกว่า เหมือนไก่ที่แกเชือด แล้วปล่อยให้มันดิ้นทรมานจนมันตายแกก็เหมือนอย่างนั้นแถมยังร้องเหมือนเสียงไก่ที่แกเคยเชือด
เพื่อนมันบอกว่า ถ้าหลับตา ไม่มองดูแก จะไม่รู้เลยว่าคนที่กำลังดิ้นพราด ๆ นั้นน่ะ เป็นคน เพราะเสียงร้องเหมือนไก่กำลังถูกเชือดจริง ๆ ส่วนเพื่อนมันก็ยืนดู จนกระทั่งแกดิ้นพราด ๆ แล้วแน่นิ่งไปเพื่อนผมยืนดูจนกระทั่งรถพยาบาลมา พยาบาลบอกว่าขาดใจตายไปแล้วตายเหมือนไก่ที่แกเชือดด้วยความโหดเหี้ยม
นี่คือผลของ "กรรม" ที่แกทำเอาไว้
พอจะจบเรื่องนี้ หลายคนอาจสงสัยว่าแล้วเพื่อนผลล่ะ
ได้รับ "กรรม" หรือเปล่าที่ได้แต่ยืนดู ไม่ช่วยเหลือ ทั้งไก่ที่ถูกเชือด
หรือทั้งเจ้าของไก่ที่ดิ้นพราด ๆ
มันเล่าให้ฟังว่า เวลาที่มันเดือดร้อนเรื่องอะไร ไม่มีใครเคยช่วยเหลือมันเลย
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อย ก็ไม่มีใครสนใจ
ที่จะดูแล เป็นธุระให้ หรือช่วยเหลืออะไรเลย
ขอความช่วยเหลือใครก็ไม่เคยได้รับความช่วยเหลือเลยสักครั้ง
ขนาดโดนรถชนกลิ้งกระดอนไปนอนชักกลางถนน เลือดท่วมตัวก็ไม่มีคนสนใจ
ดีที่ตำรวจผ่านมาเอาตัวไปโรงพยาบาลได้ทัน ปากก็ร้องตะโกน
ไปตลอดทางในรถพยาบาลว่า
"ผมไม่ดี ผมน่าจะช่วยไก่ ช่วยเถ้าแก่ ผมไม่ดี ๆๆๆ"
ตอนหลังเพื่อนมันเล่าให้ฟังว่า ตอนที่ถูกรถชนนั้น หลับ ๆ ตื่น ๆ
มองเห็นไก่ที่เถ้าแก่เคยเชือด และเห็นเถ้าแก่ชัก
ปนไปปนมา เลยเพ้อออกมาอย่างนั้น
(พยาบาลเล่าให้ฟังตอนหลัง เพราะตอนนั้นมันไม่มีสติแล้ว)
นี่เล่าเรื่องของ "กรรม" ให้ฟังทีเดียว 2 เรื่องซ้อนเลย
บันทึกการเข้า
Don Quixote
Only God delivers the judgement, we only deliver the suspects.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 987
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16169


,=,"--- X Santiago... !!


เว็บไซต์
« ตอบ #19 เมื่อ: สิงหาคม 31, 2005, 10:11:24 AM »

โอ้ ดีที่ผมไม่มีประสาทสัมผัส........ ผมไปเที่ยวบ้านพี่ Sundance ไม่เห็นอะไรเลยครับ เอ้อ ทุกครั้งผมไปคนเดียวนะครับ หวังว่าพี่ไม่เห็น "เพื่อน" นั่งมาด้วย

เพื่อนผมนายปีเตอร์ พ่อ/แม่ อยู่เมืองกาญฯ เขาอยู่ กทม. คนเดียว สมัยเรียนมหาลัยเลยไปเป็นอาสาสมัคร ปอเต็กตึ้ง ช่วยแต่งรถให้เขาด้วย ผมก็เคยไปด้วย ไม่เจออะไรแปลกครับ

ถ้าผมเห็นขนาดพี่ Sundance สงสัยชักปืนยิงบ้านพรุน ไม่ทราบว่าที่เมกาเจอเรื่องอย่างนี้หรือเปล่าครับ?

ปล. บ้านผมมีห้องพระแต่หลายปีกว่าผมจะเข้าไปทีนึง ของเสกหรือพระผมไม่มีห้อย คุณแม่ผมเคยจะให้ข้าวสารเสกมาใส่ในรถ ผมบอกว่า "ผมขับคนเดียวดีกว่าเดี๋ยวเสียความมั่นใจ" ห้องนอนตอนนี้เป็นห้องที่คุณทวดนอนเสียชีวิต ไม่เจอใครครับ
บันทึกการเข้า

Thou shalt have guns.
Thou shalt have tons of ammo.
Thou shalt shoot well.
Thou shalt not rely on help from the stranger.
berm
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 14
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1196



« ตอบ #20 เมื่อ: สิงหาคม 31, 2005, 10:18:43 AM »

ผมมีประสพการณ์เหลือเชื่อกับตัวเองครับ ประมาณสองปีที่แล้วผมเคยทำกระเป๋าเงินหล่นบนแท็กซี่ เสียดายมากที่สุดคือรูปพ่อผมใบเล็กๆ (ท่านเสียชีวิตไปประมาณ1 ปีก่อนกระเป๋าหายครับ ) อีกเดือนกว่าๆถัดมา มีอยู่วันหนึ่งผมขับรถไปแถวรามอินทรา และแวะเบิกเงิน (ATM) ก่อนเดินเข้าตู้ เจอรูปพ่อผมหล่นอยู่หน้าตู้ (ตอนนั้นขนลุกซู้เลย)เป็นรูปเดียวกับรูปที่อยู่ในกระเป๋าที่หายไป โทรหาพี่ๆน้องๆ และแม่ว่ามีใครมาเบิกเงินที่ธนาคารนี้หรือเปล่า เผื่อจะมีรูปเดียวกับผมและมาทำหล่นไว้ ปรากฏว่าไม่มีใครมาเลยในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา และไม่มีใครพกรูปพ่อผมแบบเดียวกัน ไม่มีคำอธิบายครับ
บันทึกการเข้า
Dhong
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #21 เมื่อ: สิงหาคม 31, 2005, 10:25:32 AM »

..............ตั้งแต่เกิดจนอายุรว่ม 30 ปีมานี้ ยังไม่เคยเจออะไรตรงๆจังๆเลยครับ แค่เฉียดๆเวลามีใครเล่าเรื่องทำนองนี้ หรือไปตามสถานที่ ทึ่เค้าว่ามีอะไรแปลกๆ ผมจะขนลุกครับ ตกใจ แต่ที่บ้านผมมีคนเคยเจอสองครั้งครับ ตกใจ
บันทึกการเข้า
Ro@d - รักในหลวง
รักเธอ.. ประเทศไทย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4088
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20186


1 คัน 1 ชีวิตที่อิสระ มี G23 กาแฟอีก 1 เป็นเพื่อน


« ตอบ #22 เมื่อ: สิงหาคม 31, 2005, 10:38:54 AM »

 Smiley.. เมื่อกลางปี ๒๕๒๖ .. ผมไปอยู่ที่พิจิตรเข้าปีที่ ๒..
      ต้องย้ายที่อยู่.มาเช่าบ้านของ ผู้ใหญ่ที่นับถือท่านหนึ่ง.(ท่านเคยเป็นนายกเมืองพิจิตร.อยู่หลายปี). บ้านท่านเป็นพื้นสูง หลังเดียวปลูกอยู่ในสวนมะลิ ..
      ที่ดินในอดีตเคยอยูในเขตบึงสีไฟแต่ถูกเพิกถอน และออกโฉนดแล้ว.. บ้านเป็นแบบรื้อไม้เก่ามาปลูกอีกที
      วันแรกที่ย้ายเข้า ของไม่มาก แต่ก็เหนื่อยอยากนอน แต่เย็น เย็น.. ก็ ราว ๑๘.๐๐-๑๙.๐๐ น.
      กำลังเคลิ้ม แสงผ่านหน้าต่าง สลัว สลัว .. อยู่ อยู่ ก็มี หญิงแต่งชุดไทย สไบเฉียง สีฟ้า ชมพู เหลือง เป็นหญิงสาวสวยมาก
      ๑ นาง อีก  ๒ เป็นเด็ก ยืนเรียงอยู่ ด้านขวา ก้มหน้ามองดูผม..
      ผมเองมีอาการ อึกอัก พยายามจ้อง พอเริ่มมีสติ ภาพก็ค่อย ค่อย เลือน หายไปเอง ครับ..
      ผมยังจดจำไว้เสมอ เพราะถือว่าเป็นภาพที่ดีที่สุดที่ได้เห็น ไม่ใช่ฝัน..
      และนับแต่นั้น โดยมองย้อนจากวันหลัง หลัง.. ชีวิตเปลี่ยนไปในทางที่ดีตลอด . เป็นไปในแบบก้าวกระโดด...
                 
                     
บันทึกการเข้า

ธำรง
Hero Member
*****

คะแนน 1727
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8568


.....รักในหลวง.....


« ตอบ #23 เมื่อ: สิงหาคม 31, 2005, 10:56:07 AM »

ผมเป็นหลานมอญ คุ้นกับผีครับ  Cheesy
บ้านมอญจะเชิญวิญญาณบรรพชนให้มาอยู่ด้วยกันในบ้าน

ถ้าพบวิญญาณอื่นที่ไหนก็แผ่เมตตา แล้วทำบุญกรวดน้ำไปให้
เรื่อง(น่าจะ)ร้ายๆ หลายเรื่อง ก็มีบางสิ่งดึงให้พ้นจุดอับ ไม่เข้าตาจนครับ Wink
บันทึกการเข้า
Ro@d - รักในหลวง
รักเธอ.. ประเทศไทย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4088
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20186


1 คัน 1 ชีวิตที่อิสระ มี G23 กาแฟอีก 1 เป็นเพื่อน


« ตอบ #24 เมื่อ: สิงหาคม 31, 2005, 10:58:57 AM »

Smiley. เหมือนมีบางอย่างมาช่วย..และรับเอาบางชีวิตไป..
      ราวปี ๓๕-๓๖  บนถนนเพชรเกษม สามแยกทางเข้าหมู่บ้านเศรษฐกิจ (หมู่บ้านจัดสรรแห่งแรกของไทย)
      ราว ตีสอง ผมนอนไม่หลับ ก็ขับรถออกมาจากหมู่บ้านเลี้ยวซ้ายเข้าเพชรเกษม มาทางบางแค แล้วย้อนกลับ ไปติดไฟแดง
     รอเลี้ยวขวาเข้าหมู่บ้าน..
     อยู่ อยู่ ก็มีรถปิพอัพ (ทราบภายหลังมากัน ๓ คนเมาทั้งคัน) มาจากด้านหมู่บ้านเศรษฐกิจ บังคับเลี้ยวซ้ายเข้าเพชรเกษม. แต่เพราะเมาเขาจึงขับผ่าทางตรง รถตรงมาจะต้องชนรถผมที่จอดรอเลี้ยวขวา.. แล้ว สิบล้อ ที่มาจากตรงขวามือของเขา ก็มาเก็บเขาไปต่อหน้าต่อตาเลยครับ.. คนขับปิกอัพเสียชีวิต ..


      ที่เดียวกัน ๒-๓ เดือนต่อมา.. ขณะที่รอเลี้ยวขวาเป็นคันที่ ๕-๖  มีรถผ่าไฟแดง ชนกันที่ สามแยก.
      .รถทางตรงเสียหลักชนคันหน้า ยับ ยับ รูด และมาหยุด  เอาคันชนมาเกย คนชนรถผม..
        คนอื่นเจ็บ ผมยังคงไม่เป็นอะไร..
บันทึกการเข้า

boon
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #25 เมื่อ: สิงหาคม 31, 2005, 11:00:18 AM »

ผมเองก็พอมีประสพการณ์เหมือนกันครับ ตอนนั้นผมพึ่งแต่งงานใหม่ๆ
เช่าบ้านเขาอยู่  บ้านที่เช่าก็ไม่ใหม่มากเท่าไร อายุบ้านคง20-30ปีได้ แต่เจ้าของดูแลตกแต่งบ้านใว้อย่างดี สวยงาม
น่าอยู่มาก ห้องที่ผมนอนมีห้องน้ำในตัว ไม่ต้องออกไปนอกห้อง ต่อจากห้องนอนเป็นห้องครัว
คืนแรกๆก็นอนหลับสบายไม่ค่อยรู้สึกอะไร มีอยู่คืนหนึ่งกำลังเคริ้มๆครึ่งหลับครึ่งตื่น ได้ยินเสียงปืนใหญ่ปืนกลยิงดังสนั่นหวั่นไหว
เตียงที่ผมนอนก็สั่นสะเทือนจนรู้สึกได้ ด้วยความง่วงผมก็ไม่ได้รู้สึกลัวอะไร ตอนเช้าตื่นขึ้นมาตอนประมาณตี5 ผมตกใจมากครับ
พึ่งรู้ตัวว่าเมื่อคืนนี้ผมนอนอยู่ข้างๆรถถังปืนใหญ่ทั้งคืน   หลงรัก
บันทึกการเข้า
coda
None of us is as smart as all of us.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1081
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20779



เว็บไซต์
« ตอบ #26 เมื่อ: สิงหาคม 31, 2005, 11:09:00 AM »

ผมเองก็พอมีประสพการณ์เหมือนกันครับ ตอนนั้นผมพึ่งแต่งงานใหม่ๆ
เช่าบ้านเขาอยู่  บ้านที่เช่าก็ไม่ใหม่มากเท่าไร อายุบ้านคง20-30ปีได้ แต่เจ้าของดูแลตกแต่งบ้านใว้อย่างดี สวยงาม
น่าอยู่มาก ห้องที่ผมนอนมีห้องน้ำในตัว ไม่ต้องออกไปนอกห้อง ต่อจากห้องนอนเป็นห้องครัว
คืนแรกๆก็นอนหลับสบายไม่ค่อยรู้สึกอะไร มีอยู่คืนหนึ่งกำลังเคริ้มๆครึ่งหลับครึ่งตื่น ได้ยินเสียงปืนใหญ่ปืนกลยิงดังสนั่นหวั่นไหว
เตียงที่ผมนอนก็สั่นสะเทือนจนรู้สึกได้ ด้วยความง่วงผมก็ไม่ได้รู้สึกลัวอะไร ตอนเช้าตื่นขึ้นมาตอนประมาณตี5 ผมตกใจมากครับ
พึ่งรู้ตัวว่าเมื่อคืนนี้ผมนอนอยู่ข้างๆรถถังปืนใหญ่ทั้งคืน   หลงรัก

...สรุปว่าโดนอะไรครับนั่น  :Smiley Grin
บันทึกการเข้า

Check your monitor:

https://www.facebook.com/StudioCoda

"ยึดปืนคนดี  อัปรีย์จะครองเมือง"
สีอำพัน-รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 258
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4432



« ตอบ #27 เมื่อ: สิงหาคม 31, 2005, 11:21:52 AM »

สมัยเรียนประถมห้า หน้าฝนชาวบ้านปลูกข้าวเสร็จหมดแล้ว หลังเลิกเรียน ผมไปวางเบ็ดคันตามทุ่งนากับพี่ชาย
สมัยนั้นยังไม่ห้ามหากินบนที่นาคนอื่น ปกติวางเบ็ดจะวางยาวเป็นเส้นตรงตามคันนา เพื่อตอนมาดูเบ็ดนกลางคืนจะได้ไม่หลงลืม
จำได้ว่าวันนั้น ผมกับพี่ชายยึดคันนาได้ทำเลดี  ถัดไปมีพี่ชื่อตุ้ยมาวางเบ็ดด้วย ผมกับพี่เริ่มปักเบ็ด ห้าโมงกว่า เหยื่อที่ใช้
เป็นไส้เดือน กว่าจะเสร็จเกือบทุ่ม วันนั้นวางเบ็นเยอะเกือบสองร้อยหลัง พอเสร็จก็มืด ขากลับสำรวจเบ็ดมาด้วย ได้ปลาติด
มือกับบ้าน สี่ห้าตัว   สักสี่ทุ่มออกมาดูเบ็ดอีกทีกับพี่มีไฟส่องแบบใช้ถ่านหินเป็นตัวให้แก๊ซจุดไฟ หนึ่งชุด คืนนั้น ดวงจันทร์
ส่องแสงสว่าง ฝนไม่ตก พอมองเห็นได้ ตอนนั้นผมกำลังปลดปลาและเปลี่ยนเหยื่อ พี่ชายส่องไฟได้ยินเสียงปลาดิ้นตีน้ำจากข้างหน้าสงสัยปลาตัวใหญ่ติดเบ็ดข้างหน้า พี่บอกให้ผมคอยก่อน พี่รีบเดินไปดูเบ็ดข้างหน้าห่างไปประมาณสามสิบเมตร ผมเปลี่ยนเหยื่อเบ็ดเสร็จ ลุกขึ้นมองไปข้างๆ ตัวชาดิกคนลุกซู่ เห็นเหมือนเงาคนสีออกเทาๆ กำลังก้มดูเบ็ดพี่ตุ้ยห่างไปไม่ถึงสิบเมตร ผมจะเรียกชื่อก็เรียกไม่ออก พักหนึ่งพี่ผมส่องไฟมาแล้วถามเป็นอะไร ผมบอกให้พี่ส่องไฟไปดูตรงที่ผมเห็นเมื่อครู่ก็ไม่มีอะไรอีก แต่ไม่ได้บอกพี่แล้วก็ไปดูเบ็ดกันต่อ ตอนเช้าไปเก็บกู้เบ็ดเจอพี่ตุ้ยเลยถามว่าเมื่อคืนไปดูเบ็ดกี่โมง กี่บอกสองทุ่มถึงสามทุ่มก็กลับแล้ว 
เลยเป็นงงเท่าทุกวันนี้ครับ   จบเรื่องที่1 
บันทึกการเข้า

อันวันใดไม่สำคัญเท่าวันนี้ เป็นวันที่สำคัญกว่าวันไหน
อันวันนี้สำคัญกว่าวันใด  วันไหนไหนไม่สำคัญเท่าวันนี้
paisit
ไม่แม่น
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 5
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 628


ยิงไปเรื่อยๆ งงๆ


« ตอบ #28 เมื่อ: สิงหาคม 31, 2005, 11:28:37 AM »

ผม เคยเจออยู่ครั้งเดียวในชีวิตตอนที่ ไปเที่ยวพัทยา ผมไปตอนลองวีคเอนโดยที่ไม่ได้จอง จึงต้องวนเวียนหาบ้านกับโรงเรมจนบ่าย แล้วผมก็ไปได้ที่ หาดจอมเทียนชื่อ.........วิลล่า เป็นบ้าน สามห้องนอน หลังสุดท้ายสุดซอยเลยครับ

พอเล่นเพ้นท์บอลเสร็จผมกับเพื่อนๆและแฟนก็กลับมาทานอาหารและตั้งวงดื่มต่อที่บังกาโลว์ พอดึกหน่อยบรรดาเมียๆทั้งหลายก็ขึ้นนอน พวกผมก้อ นั่งซดน้ำสุขภาพกันอย่างออกรส สักพักภรรยาผมและภรรยาเพื่อนๆอีกสองคนเดินลงมากันหมด บอกนอนไม่หลับ พอเคลิ๊มๆก็รู้สึกมีคนมายืนจ้องแต่พอลืมตามาก้อไม่มีใครเป็นเหมือนกันหมดทั้งสามคน พวกผมก็อบอกคิดมากน่าถ้านอนไม่หลับก้อลงมานั่งกินกับแกล้มเล่น 

จนประมาณเที่ยงคืน  พวกผู้หญิงก้อบอกไม่ไหวจะไปนอนละแต่พอลุกจะขึ้นไปนอนเท่านั้นละครับ เห็นขาคนยืนอยู่ตรงบันไดขั้นสุดท้ายก่อนถึงชั้นบน ลืมบอกไปมันเป็นบันไดไม้แบบโล่งนะครับ เห็นแต่ขาตั้งแต่เท้าถึงหน้าแข้งตรงช่องบันได แฟนผมอ้าปากค้างแล้วเยกทุกคนดู ทุกคนตะลึงกันหมด พวกผู้หญิงร้องกันลั่น พวกผมก็ตกใจนึกว่าขโมย พอตั้งสติได้ ก็ตะโกนถามว่า "เฮ๊ย ใครวะ" พอตะโกนเสร็จ ก็เห๊นขาก้าวขึ้นข้างบนไป พวกผู้ชายก็วิ่งตามปรากฎไม่มีใคร หน้าต่างก็ล๊อค หมด มีเหล็กดัดอีก เท่านั้นแหละครับ ลงมานอน ห้องรับแขกกันทั้ง 6 คนเรย เช้า เช็คเอ๊าท์ทันที

ขอโทษที่ไม่บอกชื่อวิลล่า แต่ถ้าคนอายุเกินสามสิบต้องรู้จัก เมื่อก่อนดังมากที่จอมเทียน ชื่อเหมือนหมู่บ้านในกรุงเทพฯครับ
บันทึกการเข้า

ยิงจนปืนหลวม ยังไม่แม่นซักที เฮ้อ
จอยฮันเตอร์
พระรามเก้า 15-28 E23 LLL
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 10195
ออฟไลน์

กระทู้: 47057


M85.ss


« ตอบ #29 เมื่อ: สิงหาคม 31, 2005, 11:28:51 AM »

เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องแปลกประหลาดมาก ช่วงสมัยเรียน ม.ศ.3 ไปเล่นฟุตบอล ปกติผมจะห้อยพระหลวงปู่ทวด แล้วใช้สายร่ม ทำเป็นสร้อย ช่วงกำลังเล่นๆกันอยู่รูสึกตัวว่าถูกเพื่อนดึงจนสายล่มขาด ก็เลยช่วยกันหาสายล่มและพระ หาจนมืดเจอเพียงสายล่ม ไม่เจอพระ กลับบ้านกินข้าวอาบน้ำนอน ช่วงกำลังนอนๆมีความรู้สึกว่ามีอะไรดิ้นๆอยู่ใต้หมอน ตกใจเปิดหมอนดู หลวงปู่ทวดอยู่ใต้หมอน งง Huhครับว่ามาได้ยังงัย Shocked Grin
บันทึกการเข้า

หน้า: 1 [2] 3 4 5 ... 12
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.075 วินาที กับ 20 คำสั่ง