เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 14, 2025, 01:42:18 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: กำเนิดสุดสาคร (บทประพันธ์บรมครู..สุนทรภู่ครับ)  (อ่าน 24544 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
todsagun
Sr. Member
****

คะแนน 57
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 983


« เมื่อ: ธันวาคม 04, 2008, 10:25:07 PM »

ย้อนกลับไปนึกถึง..."วัยที่เพื่อนๆ..เป็นเด็กชั้นประถมกันครับ.."(จำกันได้มั๊ย..ไม่รู้..?)
และอีกอย่าง...
เรามาดู..สำนวนภาษาเขียนในรูปแบบ.."ร้อยกรอง"..สวยๆร่วมกัน..
เผื่อจะ..ลดอุณหภูมิทางความคิด..อันร้อนแรงของเพื่อนๆบางท่าน..ได้บ้าง..!


• • กำเนิดสุดสาคร

เมื่อพระอภัยมณีได้นางเงือกแล้ว..
โถ! ...หม้อข้าวยังไม่ทันดำ....ก็จำต้องพรากจากกันไป..
เพราะบังเอิญนางสุวรรณมาลี..
ธิดาพระเจ้ากรุงผลึก....ได้ล่องเรือตามหาดวงแก้วในฝัน..
จนมาถึงเกาะแก้วพิสดาร ...
พระอภัยมณีและสินสมุทร...จึงขอโดยสารเรือกลับไปด้วย...

  ๏ จะกล่าวถึงเงือกน้อยกลอยสวาท      ซึ่งรองบาทพระอภัยไกลสถาน 
อยู่วลวังหลังเกาะแก้วพิสดาร                ประมาณกาลสิบเดือนไม่เคลื่อนคลา ๚ 
๏ ให้เจ็บครรภ์ปั่นป่วนจวนจะคลอด       ระทวยทอดลงกับแท่นที่แผ่นผา 
จะแลเหลียวเปลี่ยวใจไนยนา                ไม่เห็นหน้าผู้ใดที่ไหนเลย ๚ 


หมายเหตุ : ตัวสะกดต่างๆ คัดลอกมาจากต้นฉบับของสุนทรภู่ ดังนั้นบางคำอาจต่างไปจากปัจจุบัน
เช่นคำว่า “ไนยนา” สมัยนี้เขียนว่า “นัยนา” ก็ร่วมสองร้อยปีแล้วนะครับ วิวัฒนาการของภาษาก็เปลี่ยนไปบ้าง

จากนั้นนางเงือก..ก็คลอดบุตรชายมาหนึ่งคน..
ชื่อว่า “สุดสาคร” ...มีม้า “นิลมังกร” เป็นม้าคู่ใจ..
สุดสาครได้เล่าเรียนวิชาต่างๆ..
จากพระโยคีจนเก่ง..
ถูกใจพระโยคี..จึงได้มอบไม้เท้ากายสิทธิ์ให้ ..
พอสามขวบก็มาลาแม่..
เพื่อไปตามหาพระอภัยมณีผู้เป็นพ่อ..
นางเงือกก็แสนห่วงใยแต่ก็จำยอม..

  ๏ เคยกินนมชมชื่นระรื่นรส          พ่อจะอดนมหมองลอองสี 
ทั้งย่อมเยาว์เบาความได้สามปี       เล็กเท่านี้จะไปกระไรเลย ๚ 


ลืมบอกไปว่า...สุดสาครนั้นได้บรรพชาเป็นมุนีน้อย..
เมื่อลาแม่แล้ว...ก็ออกเดินทางไปตามหาพ่อ...
และแล้วก็มาพบกับชีเปลือย..."ไอ้เฒ่าเจ้าเล่ห์"..
หลอกเอาวิชา...และหลอกให้นั่งภาวนาบนปากเหว..
พอเผลอ...ก็ถูกถีบตกเหวจนสลบไสล..
แล้วเอา...ม้านิลมังกรและไม้เท้ากายสิทธิ์หนีไป..
เมื่อฟื้นขึ้นมาก็ร้องไห้โฮ...
นึกถึงพระเจ้าตา...ให้มาช่วยหนูด้วย..!

" ฮือๆ หนูคิดถึงแม่ .. แง้! "

  ๏ โอ้เจ้าตาอาจารย์ของหลานเอ๋ย        พระองค์เคยค่ำเช้าเฝ้าสั่งสอน 
มาครั้งนี้ชีวาตม์แทบขาดรอน               พระอาจารย์มารดรไม่เห็นใจ 
เมื่อต่อตีผีดิบสักสิบโกฏิ                       พระมาโปรดหลานรักไม่ตักไษย 
โอ้ครั้งนี้มิรู้ด้วยอยู่ไกล                         ไม่มีใครบอกเล่าพระเจ้าตา ๚ 


ม้ามังกรหนีชีเปลือยมาได้..
ก็กลับมาหาสุดสาคร..
แล้วก็ช่วยแหกปากร้อง ..จ๊าก! เอ๊ย! ฮี้ๆๆๆๆ..
เพื่อให้คนมาช่วย..
ทั้งคนทั้งม้าร้องจนป่าลั่น ......!

  ๏ บัดเดี๋ยวดังหง่างเหง่งวังเวงแว่ว       สดุ้งแล้วเหลียวแลชะแง้หา 
เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา                         ประคองพาขึ้นจนบนบรรพต 
แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์                    มันสิ้นสุดฦกล้ำเหลือกำหนด 
ถึงเถาวัลิพันเกี่ยวที่เลี้ยวลด                  ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน ๚ 


แค้นนี้ต้องชำระ ! 
สุดสาครเข้าไปตามหา..ชีเปลือยที่เมืองการเวก..
ไปแย่งไม้เท้าคืนมาได้ ..
เฒ่าชีเปลือย..ตกใจกระโดดผลุงหนีไป..
ชาวเมืองวิ่งตามกันอลหม่าน..
เสียงดังเข้าไปในวัง ..
กษัตริย์เมืองการเวกออกมาเจอสุดสาคร..
ในชุดมุนีน้อย..ก็รู้สึกรักใคร่เอ็นดูยิ่ง จึงตรัสถามว่า ...

  ๏ เป็นพงศ์เผ่าท้าวพระยาหรือพาณิช          กะจิริดรู้ศรัทธาจะหาไหน 
พระมุนีมีนามกรใด                                     ธุระไรจึงจะมาถึงธานี ๚ 
๏ พระหน่อไทได้ฟังรับสั่งถาม                      จึงตอบความตามจริตกิจฤๅษี 
อาตมาอายุได้สามปี                                    พระชนนีชื่อมัจฉาวิลาวรรณ์ ๚ 



อืมมม์ .... เพิ่งรู้เหมือนกันว่านางเงือกชื่อเพราะซะด้วย!..

สุดสาครก็เลยเล่าเรื่อง...ชีเปลือยไอ้เฒ่าเจ้าเล่ห์ให้ฟัง..
 หลังจากนั้น..ก็ตามจับตัวมาไต่สวน..
กว่าจะจับได้ก็เหนื่อยนัก..

 “พวกข้าเฝ้าเข้ากลุ้มรุมกันฉุด แกดิ้นหลุดแพลงพลิกเข้าจิกหัว”

เมื่อโดนจับได้..แล้วแทนที่จะรับสารภาพ..
เฒ่าเจ้าเล่ห์กับทำปากแข็ง ..แถมยังกวนโอ๊ยอีก..!

  ๏ ฝ่ายชีเปลือยเหนื่อยอ่อนลงนอนนิ่ง               ครั้นรับจริงกลัวจะสั่งให้สังหาร 
แกล้งบิดเบือนเหมือนเป็นไข้ไม่ให้การ              ทำสะท้านเทิ้มเทิ้มระเริ้มริก 
เขาเตือนตีสีข้างผางถนัด                                 ทำจุกอัดอั้นใจไม่กระดิก 
เขาจี้จิ้มทิ่มพุงสดุ้งพลิก                                   หัวเราะริกรื้อกลับนั่งหลับตา ๚ 


พระเจ้ากรุงการเวกจึงสั่งให้นำไป..ผ่าอก..!
แต่สุดสาคร ก็สงสาร.. “จึงทัดทานทูลท้าวเจ้ากรุงศรี” ..
เมื่อสุดสาคร..ร้องขอชีวิตเจ้าชีเปลือย..
 เจ้าเฒ่าเจ้าเล่ห์นั่น..จึงรอดตายอย่างหวุดหวิด!!!..

พระเจ้ากรุงการเวก..มีธิดาน้อยองค์หนึ่ง..
ชื่อว่า เสาวคนธ์ ..แต่ไม่มีโอรส..
 จึงโปรดสุดสาครนัก..
ทั้งกษัตริย์และมเหสี..ได้เรียก...พระธิดาเสาวคนธ์..
ให้มารู้จักสุดสาคร ...ให้เป็นพี่เป็นน้องกัน ...

  ๏ พระตรัสพลางทางเรียกธิดาราช                   มาร่วมอาสน์เนาวรัตน์แล้วตรัสสอน 
ให้อัญชลีพี่ยาสุดสาคร                                      นางโอนอ่อนอภิวันท์จำนรรจา 
พี่จ๋าพี่พระแกลตุ๊กแกร้อง                                  ทำบ่วงคล้องมันเสียทีเถิดพี่จ๋า 
กุมารอุ้มจุมพิตพระธิดา                                    แล้วว่าอย่ากลัวตุ๊กแกเลยแม่น้อง 
ฉันจะตีที่หลังให้ดังผลุง                                     น้องสดุ้งสรวลสันต์กันทั้งสอง 
น่าสงสารมารดรกรประคอง                                อุ้มให้สองทรามเชยเสวยนม 
สุดสาครนอนทับพระเพลาซ้าย                            แล้วดื่มสายโลหิตสนิทสนม 
จนอิ่มหนำฉ่ำชื่นรื่นอารมณ์                                 นางจูบเกล้าเผ้าผมเฝ้าชมเชย ๚ 


ชีวิตในวัยเด็กของสุดสาครก็น่ารักอย่างนี้แหละ..
 มีขึ้นมีลง แต่ก็วาสนาดี .... "เพราะมีเมตตาธรรม"..

ที่นางสุวรรณมาลี.....ล่องเรือมาจนถึงเกาะแก้วพิสดารนั้น..
 เพราะนางเป็นคู่หมั้นของอุศเรน..เจ้ากรุงลังกา..
แต่นางไม่สนใจ..
ตอนหลังอุศเรน..โดนสินสมุทรฆ่าตาย (ถ้าจำไม่ผิดนะครับ) ..
นางลเวงน้องสาวอุศเรนจึงแค้นใจ ..ยกทัพมาแก้แค้น ..
แต่เห็นว่า...พระอภัยมณีหล่อ..ก็เลยแย่งซะเลย..
คือแย่งไปจากนางสุวรรณมาลี..ด้วยเสน่ห์ยาแฝด พระอภัยก็สมยอม..
ครั้นถึงรุ่นลูกเป็นวัยรุ่น..
 สุดสาครไปตามหาพ่อ..
นางละเวงก็เลยแนะลูกสาว..ให้ทำกิจกรรมที่แม่ถนัด ..คือการจับผู้ชาย ..

*** คงจำกันได้นะว่า...นางผีเสื้อสมุทรนั้นตายตอนไหน..?
 
ตอนพระอภัยฯ อยู่บนเกาะแก้วพิสดารนั้น....นางผีเสื้อมารบกวนไม่ได้..
เพราะเกรงอิทธิฤทธิ์ของพระโยคี..

 แต่เมื่อพระอภัยโดยสารสำเภาของนางสุวรรณมาลี..ออกมาจากเกาะแล้ว..
แม่ผีเสื้อก็โผล่มา ..
แล้วท้ายที่สุด...ก็ตายเพราะเสียงปี่ของพระอภัยฯ..
ด้วยเพลง The End of The World  รึเปล่าก็ไม่รู้นะ..

ระหว่างที่พระอภัยและสินสมุทร..กำลังติดหญิงอยู่ในกรุงลงกา เอ๊ย กรุงลังกานั้น..
นางสุวรรณมาลี พร้อมด้วยสุดสาคร เสาวคนธ์ (ธิดาเจ้าเมืองการเวก) ..
และหัสไชย (น้องชายเสาวคนธ์ ซึ่งเกิดทีหลังที่เจ้าเมืองการเวกชุบเลี้ยงสุดสาคร)..
ทั้งหมดนี้.....ก็ได้ยกทัพไปบุกเมืองลังกา..ของนางลเวงวัณฬาราช เพื่อจะชิงตัวพระอภัยฯ ..

สุดสาครและหัสไชย (น้องชาย)..
ก็ได้อาสานางสุวรรณมาลี.....เข้าไปดูพระอภัยในวังของนางลเวง.
นางลเวงแสร้งทำยินดี..เตรียมต้อนรับสุดสาครและอนุชา..
 แล้วก็แอบยุลูกสาว..ให้เผด็จศึกสุดสาครให้ได้..
แต่นางสุลาลีวัน ลูกสาวนางลเวง..
ไม่มีประสบการณ์..ก็เลยทำอิดออดอิดเอื้อนกระมิดกระเมี้ยน..!

  ๏ ด้วยไม่เคยเลยหม่อมฉันประทานโทษ                 อย่ากริ้วโกรธกึ่งตรึกนึกไฉน 
นางฟังคำร่ำปลอบให้ชอบใจ                                    กลัวทำไมมีผัวอย่ากลัวเลย 
ไม่ลำบากยากเย็นเป็นแต่เขา                                   เข้าคลึงเคล้าต้องถูกดอกลูกเอ๋ย 
ชื่นอะไรนั้นไม่รื่นเหมือนชื่นเชย                                กลัวจะเคยเสียหนักอีกอย่าหลีกตัว ๚ 


จากนั้นก็ปลุกเสกเลขยันต์กันขนานใหญ่..
 แล้วก็อาบน้ำ..แต่งองค์ทรงเครื่อง..ออกไปต้อนรับสุดสาคร..
สุดสาครถึงจะรุ่นหนุ่มแล้ว..
แต่ก็ยังเป็นนักพรตรูปงาม..
สวมใส่หนังเสือเป็นอาภรณ์ดังเดิม..

  ๏ สุดสาครค้อนเคืองชำเลืองพิศ                       ระรื่นฤทธิ์รสสุคนธ์ด้วยมนต์ขลัง 
ให้เสียวซาบปลาบปลื้มจนลืมชัง                          เห็นเปล่งปลั่งพรั่งพร้อมลม่อมลไม ๚ 


เมื่อรู้ว่า..สุดสาครต้องมนต์หลงเสน่ห์ตนแล้ว..
 เมื่อได้โอกาส..นางสุลาลีวันจึงให้..สุดสาครปลดเครื่องนักพรต..
เพื่อมาถือเพศฝรั่ง..เมืองลังกาดูบ้าง..

“จึงว่าพี่นี้ไม่ขัดหัทยา อยากเป็นฝาหรั่งเล่นเย็นเย็นใจ”..
 
ทีนี้แหละ..นางสุลาลีวันก็ทำกระแดะเล่นตัว..
 ก็ยิ่งทำให้สุดสาคร ฟืดฟาด! ฟืดฟาด!...

  ๏ ห้ามเท่าไรไม่ยั้งไม่ฟังห้าม                       ตามเถิดตามบุญกรรมแกล้งทำเฉย 
พระกอดช้อนกรต้องประคองเชย                     ต่างไม่เคยขามเขินเผอิญเป็น 
กระดี้กระดิกพลิกเพลี่ยงเบือนเบี่ยงบิด             เหมือนเรือติดตมตื้นจะขืนเข็น 
แต่สาวหนุ่มชุ่มชื่นระรื่นเย็น                            บังเกิดเป็นอัศจรรย์ไม่ทันรู้ 
ด้วยรวดเร็วเปลวไฟประไลยราค                      เหมือนขึ้นปากนกหินดินใส่หู 
พอลั่นฉับสับไกก็ไฟพรู                                    เสียงฟุบฟู่ฟุ้งฟูมดังตูมตึง 
ต่างละเลิงเชิงชมภิรมย์รื่น                               อันรสอื่นหรือจะเปรียบประเทียบถึง 
นางเมียยั่วผัวเย้าเฝ้าเคล้าคลึง                         จนเหนื่อยจึงเคลิ้มหลับระงับไป ๚ 


โถ! ... สุดสาครจะมา “รบทัพจับศึก” กลับมาโดน “ล้มทับจับสึก” ซะแล้ว..

ต่ อ จ า ก นั้ น ก็ มี ก า ร ร บ พุ่ ง กั น อ ยู่ อี ก ห ล า ย ต ล บ ! ! ! ..

จนกระทั่งพระฤๅษีจากเกาะแก้วพิสดาร
มาเทศนาโปรดทัพทั้งสองให้เลิกแล้วต่อกัน
จึงสงบศึกปรองดองกันได้ 
โดยนางลเวงได้เชิญนางสุวรรณมาลีและทัพกษัตริย์ทั้งหมดเข้าเมือง
นอกจากนี้นางลเวงยังยอมให้นางเสาวคนธ์ขุดโคตรเพชรในระหว่างชมสวนอีกด้วย

ต่อมานางเสาวคนธ์..
ที่เคยเล่นตุ๊กแกที่พระแกล(หน้าต่าง)กับสุดสาครในวัยเด็ก..
 ก็งอนเช้งหนีกลับไป ..
สุดสาครรู้เข้า..ก็ชวนหัสไชย(อนุชาเสาวคนธ์)..
 ติดตามนางเสาวคนธ์..ไปง้องอนอย่างกระชั้นชิด
แต่ก็ไม่เป็นผล..
จึงได้แต่พร่ำรำพึงเป็นบทกลอน..
ที่คุ้นหูและโดนใจคนหนุ่มในกลุ่มแห้วมาทุกยุคสมัยว่า ....

“จะเรียนร่ำทำอะไรไม่ลำบาก .... ให้ยอดยากอย่างเดียวเกี้ยวผู้หญิง”

แต่ถ้าเนื้อคู่แล้วย่อมไม่แคล้วคู่กัน..
หนีได้ก็หนีไป ..หนีอย่างไรก็ไม่พ้น..
เสาวคนธ์เดินหน้าต่อไป..หลายบทหลายตอน..
ทั้งแปลงกายเป็นฤๅษี...จนกระทั่งไปตีได้เมืองวาหุโลม..
แต่สุดสาคร...ก็ตามไปพบจนได้ ..แล้วก็ได้สุขสมอารมณ์หมาย..

  ๏ ฝ่ายนารีพี่เลี้ยงแว่วเสียงตรัส                  กลับสงัดเงียบระงับหรือหลับไหล 
ค่อยแหวกม่านคลานแลอยู่แต่ไกล                เห็นเนาในแท่นทองทั้งสององค์ 
นึกเอะใจใครหนอนอนคลอเคล้า                   พลางเคียงเข้าพินิจพิศวง 
สังเกตจำสำคัญได้มั่นคง                              รู้ว่าองค์เชษฐาสุดสาคร ๚ 


ครับ! เรื่องสุดสาครก็ขอจบลงเพียงตรงนี้ ..
แต่ก็ขอสรุปเรื่องพระอภัยมณีลงไปด้วยเลยว่า..
ตอนจบนั้นพระอภัยมณีไปบวชเป็นฤๅษี..
โดยมีนางสุวรรณมาลีและนางลเวงตามไปบวชเป็นชีด้วย..
ส่วนศรีสุวรรณอนุชาของพระอภัยมณี..ก็กลับไป..
ครองเมืองรมจักร..ของนางเกษราผู้เป็นมเหสี..

  ๏ สินสมุทรไปบำรุงกรุงผลึก                        ได้ปราบศึกสืบวงศ์เหล่าพงศา 
สุดสาครเสาวคนธ์สุมณฑา                              ครองลังกาผาสุกสนุกสบาย ๚ 

มีอีกหลายตอนครับ..
ถ้าเพื่อนๆ..ชอบ..
ไว้ผมจะ..นำมาลง..ในโอกาสต่อไปครับ..

(ปล.ทุกตัวอักษรที่เพื่อนได้อ่าน..
มีผู้ได้ร้อยเรียงไว้อยู่แล้ว..
ผู้โพล็ท..ทำหน้าที่เพียงแค่..
มาจัดตำแหน่งวรรคตอนของอักษรใหม่
และนำเสนอต่อ..
เพื่อให้..ง่ายต่อการอ่านและทำความเข้าใจ...ของเพื่อนๆครับ..)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 05, 2008, 07:04:27 PM โดย todsagun » บันทึกการเข้า

คุยเล่น เน้นฮา สาระไม่มี..ครับผม..
KCK
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: ธันวาคม 05, 2008, 12:32:38 AM »

ผมจำได้คร่าวๆแค่บทเดียว
                               บัดเดี๋ยวดังง่างเง้งวังเวงแว่ว                สะดุ้งแล้วเหลียวแลชะแง้หา
                   เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา                                     ประคองพาขึ้นจนบนบรรพต
                   แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์                               มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
                   ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด                            ก็ไม่คตเหมือนหนึ่งน้ำใจคน
                   มนุษย์นี้มีรักสองสถาน                                      บิดามารดารักมักเห็นผล
                   ที่พึ่งหนึ่งพึ่งได้แก่กายตน                                 เกิดเป็นคนเห็นด้วยจึ่งเจรจา
                   ใครรักรักมั๊งชังชังตอบ                                      ให้รอบคอบเรียนรู้นะหลานตา
                   รู้สิ่งใดไม่สู้รู้วิชา                                               รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี
บันทึกการเข้า
todsagun
Sr. Member
****

คะแนน 57
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 983


« ตอบ #2 เมื่อ: ธันวาคม 05, 2008, 12:57:28 AM »

เยี่ยมมากครับผม..
ที่จำบทนี้ได้..

บทนี้..เป็น..เป็นเหมือนแก่นในการระวัง..
และ..เตือนสติ..ให้ทุกคนที่อ่านและตีความหมายออก..
สามารถมาประยุกค์เพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน..

เป็นกุสโลบายของท่านผู้ประพันธ์..
ในการฝากข้อคิด..ลงมา..
ผ่านทางบทประพันธ์ของตัวผู้ประพันธ์เอง..

ซึ่งก็ไม่น่าเชืออีกเหมือนกันว่า..
ถึงเวลาจะผ่านมา..สองร้อยกว่าปีแล้ว..
บทประพันธ์บทนี้..
ก็ยังสามารถ..
นำมาเป็นเป็นแนวคิดหรือหลักยึดถือปฏิบัติในปัจจุบันได้..เป็นอย่างดี..!


บันทึกการเข้า

คุยเล่น เน้นฮา สาระไม่มี..ครับผม..
KCK
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: ธันวาคม 05, 2008, 01:14:27 AM »

คุณtodsagun ครับ มีเรื่องรบกวนครับไม่ทราบพอจะรู้ไหมว่า กลอนบทนี้เต็มๆว่าอย่างไร ผมจำได้สั้นๆว่า
                            เจ็บเพราะลิ่มตอกต้นมันเอง

ผมอ่านเจอนานแล้วจำทั้งบทไม่ได้ ได้แค่นี้แหละครับ ขอบคุณครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 05, 2008, 06:32:09 AM โดย SP168 » บันทึกการเข้า
todsagun
Sr. Member
****

คะแนน 57
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 983


« ตอบ #4 เมื่อ: ธันวาคม 05, 2008, 01:32:57 AM »

คุณtodsagun ครับ มีเรื่องรบกวนครับไม่ทราบพอจะรู้ไหมว่า กลอนบทนี้เต็มๆว่าอย่างไร ผมจำได้สั้นๆว่า
                            เจ็บเพราะลิ่มตอกตนมันเอง

ผมอ่านเจอนานแล้วจำทั้งบทไม่ได้ ได้แค่นี้แหละครับ ขอบคุณครับ

ไม่คุ้นเลยครับ..
ต้องรบกวนเพื่อนๆ..ที่พอรู้..
ช่วยอธิบาย..เพิ่มเติมให้ที..
ผมก็..อยากรู้เหมือนกันครับ..

เดาว่า..น่าจะ..(ไม่ขอยืนยันในความเห็นครับ)
เป็นข้อคิดในการให้อภัย..
หรือปล่อยวางในเรื่องความแค้นหรืออิจฉาริษยาหรือเปล่า..

สำนวนเหมือนของพระภิกษุ...ฝากเป็นกลอนธรรมมะเตือนใจมากกว่า..
บันทึกการเข้า

คุยเล่น เน้นฮา สาระไม่มี..ครับผม..
~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23210



« ตอบ #5 เมื่อ: ธันวาคม 05, 2008, 10:37:53 AM »

ผมชอบรามเกียรติ์ มากกว่าครับ  สอนให้รู้ว่าคนชั่วยังไงก็แพ้คนดี  ถึงจะมี 20 มือ ก็สู้คนดีไม่ได้  Grin
บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
todsagun
Sr. Member
****

คะแนน 57
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 983


« ตอบ #6 เมื่อ: ธันวาคม 05, 2008, 11:09:49 AM »

ก็หน้ายักษ์..นี่ครับ..
ใครเห็น..เขาก็รู้ว่าเป็นฝ่ายไม่ดีแน่นอน..

สำหรับรามเกียรติ์..
ท่านลองทบทวน..ถึงตัวแสดงแต่ละตัว..ดูใหม่..
แล้วลอง..เขามาแสดงความเห็นอีกทีนะครับ..

ว่าตัวแสดง..ที่สวมหัวโขนหน้ายักษ์ในเรื่อง..
เป็นคนชั่วจริงหรือ..?
บันทึกการเข้า

คุยเล่น เน้นฮา สาระไม่มี..ครับผม..
todsagun
Sr. Member
****

คะแนน 57
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 983


« ตอบ #7 เมื่อ: ธันวาคม 05, 2008, 11:51:41 AM »

ตอน พระอภัยมณีและศรีสุวรรณออกจากวัง


   แต่ปางหลังยังมีกรุงกษัตริย์         
 สมมุติวงศ์ทรงนามท้าวสุทัศน์        ผ่านสมบัติรัตนานามธานี


         อันกรุงไกรใหญ่ยาวเก้าสิบโยชน์         ภูเขาโขดเป็นกำแพงบูรีศรี                   
 สพรึบพร้อมไพร่ฟ้าประชาชี                        ชาวบูรีหรรษาสถาวร
มีเอกองค์นงลักษณ์อรรครราช                     พระนางนาฏนามประทุมเกสร
สนมนางแสนสุรางคนิกร                              ดังกินนรน่ารักลักขณา
มีโอรสสององค์ล้วนทรงลักษณ์                      ประไพพักตรเพียงเทพเลขา
ชื่ออภัยมณีเป็นพี่ยา                                    พึ่งแรกรุ่นชัณษาสิบห้าปี
อันกุมารศรีสุวรรณนั้นเป็นน้อง                    เนื้อดังทองนพคุณจำรุญศรี
พึ่งโสกันต์ชัณษาสิบสามปี                           พระชนนีรักใคร่ดังไนยนา ๚


พระอภัยมณีเป็นโอรสองค์ใหญ่ของท้าวสุทัศน์.....(กษัตริย์เมืองรัตนา)
มีพระอนุชาชื่อศรีสุวรรณ..
ทั้งสองเป็นเจ้าชาย..รูปงามน่ารักใคร่ ..
ทั้งสองจากบ้านเมืองไป...เรียนวิชาจากทิศาปาโมกข์...
เยี่ยงลูกกษัตริย์ทั้งหลาย ..
พระอภัยมณีเรียนวิชาเป่าปี่ได้เป็นเอก..

อานุภาพของปี่นั้นพระอาจารย์บอกว่า..
 
  ๏ ถ้าแม้นว่าข้าศึกมันโจมจับ                 จะรบรับสารพัดให้ขัดสน
เอาปี่ป่าเล้าโลมน้ำใจคน                          ด้วยเล่ห์กลโลกาห้าประการ
คือรูปรสกลิ่นเสียงเคียงสัมผัส                    เกิดกำหนัดลุ่มหลงในสงสาร
ให้ใจอ่อนนอนหลับดังวายปราณ                จึงคิดอ่านเอาไชยเหมือนใจจง ๚


ส่วนศรีสุวรรณเลือกเรียนวิชากระบี่กระบอง.........จนเป็นเลิศเช่นกัน..
ท้าวสุทัศน์ทราบเรื่อง..ก็โกรธมาก..
ขับไล่พี่น้องทั้งสองออกจากเมืองไป..
เจ้าชายทั้งสองตกใจมาก..จนสลบต่อหน้าพระที่นั่ง..

 เมื่อฟื้นมาก็รีบออกจากเมือง..
 
  ๏ เผื่อพบพานบ้านเมืองที่ไหนมั่ง                     พอประทังกายาอยู่อาไศรย
มีความรู้อยู่กับตัวกลัวอะไร                                ชีวิตไม่ปลดลงคงได้ดี ๚

แล้วจะมาต่อให้ใหม่.....นะครับ... (โปรดติดตามตอนต่อไป..)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 05, 2008, 07:06:21 PM โดย todsagun » บันทึกการเข้า

คุยเล่น เน้นฮา สาระไม่มี..ครับผม..
~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23210



« ตอบ #8 เมื่อ: ธันวาคม 05, 2008, 12:35:14 PM »

ก็หน้ายักษ์..นี่ครับ..
ใครเห็น..เขาก็รู้ว่าเป็นฝ่ายไม่ดีแน่นอน..

สำหรับรามเกียรติ์..
ท่านลองทบทวน..ถึงตัวแสดงแต่ละตัว..ดูใหม่..
แล้วลอง..เขามาแสดงความเห็นอีกทีนะครับ..

ว่าตัวแสดง..ที่สวมหัวโขนหน้ายักษ์ในเรื่อง..
เป็นคนชั่วจริงหรือ..?
ยักษ์ชั่วไม่หมดทุกตน ครับ  แต่มีหัวหน้าที่ชั่วเลย ทำให้เมืองยักษ์ ต้องรับกับพระราม  เลยเป็นเหตุให้ยักษ์ตายเป็นจำนวนมาก  Grin
บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
todsagun
Sr. Member
****

คะแนน 57
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 983


« ตอบ #9 เมื่อ: ธันวาคม 05, 2008, 02:35:03 PM »

โห...อาการนี้..มีนัยยะในข้อความแอบแฝงนะเนี่ย..!

แถวบ้านผม..เขาเรียกว่า..
สกูรไซด์..สโล่ห์..ฟาดชิ่ง..ครับ
 คิก คิก คิก คิก คิก คิก
บันทึกการเข้า

คุยเล่น เน้นฮา สาระไม่มี..ครับผม..
~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23210



« ตอบ #10 เมื่อ: ธันวาคม 05, 2008, 03:26:49 PM »

โห...อาการนี้..มีนัยยะในข้อความแอบแฝงนะเนี่ย..!

แถวบ้านผม..เขาเรียกว่า..
สกูรไซด์..สโล่ห์..ฟาดชิ่ง..ครับ
 คิก คิก คิก คิก คิก คิก
ผมพูดถึงทศกัณฑ์  ยักษ์ชั่วครับ  คิก คิก
บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
todsagun
Sr. Member
****

คะแนน 57
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 983


« ตอบ #11 เมื่อ: ธันวาคม 05, 2008, 06:04:30 PM »

งั๊นเดี๋ยว..เรามารอชมภาคต่อไปดีกว่า..
หลังจากโดนหนุมาณ..เผากรุงไปแล้ว..
จะมาไม้ไหนอีก..

แต่ที่แน่ๆ...
เรื่องนี้..ยาว..ชัวร์
เดื่อดร้อนกันทั้งยักษ์ทั้งลิงแหล่ะ..งานเนี๊ย..!
บันทึกการเข้า

คุยเล่น เน้นฮา สาระไม่มี..ครับผม..
todsagun
Sr. Member
****

คะแนน 57
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 983


« ตอบ #12 เมื่อ: ธันวาคม 05, 2008, 06:46:09 PM »

ตอน : พบสามพราหมณ์และนางผีเสื้อสมุทร


พระอภัยมณีและศรีสุวรรณ....
เดินทางมาจนถึงชายฝั่งทะเล.....
 ได้พบกับพราหมณ์หนุ่มสามคน........
เมื่อพราหมณ์ทั้งสาม   ทราบว่าเป็น.......ลูกกษัตริย์.....
 ก็แสดงความนอบน้อม......

  ๏ ดรุณพราหมณ์สามคนได้แจ้งอรรถ                     ว่ากษัตริย์สุริยวงศ์ไม่สงสัย
ประณตนั่งบังคมขออภัย                                          พระอย่าได้ถือความข้าสามคน
ซึ่งพระองค์สงสัยจึงไต่ถาม                                      จะทูลความให้แจ้งแห่งนุสนธิ์
ข้าชื่อ วิเชียร โมรา เจ้าสานน                                  ทั้งสามคนคู่ชีวิตเป็นมิตรกัน
แสวงหาตั้งเพียรเพื่อเรียนรู้                                    ได้เป็นคู่ศึกษาวิชาขยัน
ได้รู้เรียกลมฝนคือคนนั้น                                        ข้าแข็ง ขันยิงธนู สู้ไพริน
ยิงออกไป ได้ทีละเจ็ดลูก                                         จะให้ถูกตรงไหน ก็ได้สิ้น
คนนั้นผูกเรือยนต์แล่นบนดิน                                   อยู่บ้าน อินทคาม ทั้งสามคน ๚


พราหมณ์ทั้งสามพอจะเข้าใจถึงประโยชน์...
ของในวิชากระบี่กระบองที่ศรีสุวรรณร่ำเรียนมา....
แต่ยังสงสัยว่า.........เหตุใดพระอภัยมณีจึงไปเรียนการเป่าปี่..?
พระอภัยมณีจึงตอบไปว่า.......
 
  อันดนตรีมีคุณทุกอย่างไป                             ย่อมใช้ได้ดังจินดาค่าบุรินทร์
๏ ถึงมนุษย์ครุฑาเทวราช                               จตุบาทกลางป่าพณาสิณฑ์
แม้นปี่เราเป่าไปให้ได้ยิน                                ก็สุดสิ้นโทโสที่โกรธา
๏ ให้ใจอ่อนนอนหลับลืมสติ                             อันลัทธิดนตรีดีหนักหนา
ซึ่งสงสัยไม่สิ้นในวิญญา                                   จงนิทราเถิดจะเป่าให้เจ้าฟัง ๚


จากนั้นพระอภัยมณีก็หยิบปี่ขึ้นมาเป่าให้พราหมณ์ทั้งสามฟัง.........!
 
  ๏ ในเพลงปี่ว่าสามพี่พราหมณ์เอ๋ย                             ยังไม่เคยชมชิดพิสมัย
ถึงร้อยรสบุบผาสุมาลัย                                                จะชื่นใจเหมือนสตรีไม่เลย ๚
๏ พระจันทรจรสว่างกลางโพยม                                   ไม่เทียบโฉมนางงามเจ้าพราหมณ์เอ๋ย
แม้นได้แก้วแล้วจะค่อยประคองเคย                             ถนอมเชยชมโฉมประโลมลาน ๚
๏ เจ้าพราหมณ์ฟังวังเวงวะแว่วเสียง                            สำเนียงเพียงการเวกกังวานหวาน
หวาดประหวัดสตรีฤดีดาล                                           ให้ซาบซ่านเสียงสดับจนหลับไป ๚
๏ ศรีสุวรรณนั้นนั่งอยู่ข้างพี่                                          ฟังเสียงปี่วาววับก็หลับไหล
พระแกล้งเป่าแปลงเพลงวังเวงใจ                                เป็นความบวงสรวงพระไทรที่เนินทราย ๚


บริเวณใกล้เนินทรายใต้ต้นไทรนั้น      มีผีเสื้อยักษ์อาศัยอยู่ใต้สมุทร....!
 
 ซึ่งนางกำลังออกหาอาหารในยามเย็น.....
ได้ฟังเสียงปี่ก็ตามเสียงปี่มา...
จนพบพระอภัยมณีเข้า...ก็หลงทันที...
 นางรำพันถึงถึงพระอภัยมณีว่า .... 

  ๏ ทั้งทรวดทรงองค์เอวก็อ้อนแอ้น                             เป็นหนุ่มแน่นน่าชมประสมสอง
ถ้าแม้นได้กับกูเป็นคู่ครอง                                         จะตระกองกอดแอบไว้แนบเนื้อ
น้อยหรือแก้มซ้ายขวาก็น่าจูบ                                      ช่างสมรูปนี่กระไรวิไลเหลือ
ทั้งลมปากเป่าปี่ไม่มีเครือ                                          นางผีเสื้อตาดูทั้งหูฟัง
ยิ่งปั่นป่วนรวนเรเสน่ห์รัก                                            สุดจะหักวิญญาณ์เหมือนบ้าหลัง
อุตลุดผุดทะลึ่งขึ้นตึงตัง                                             โดยกำลังโลดโผนกระโจนโจม


แล้วนางก็สะกดพระอภัยมณี.......แล้วลักพาไปไว้ในถ้ำใต้สมุทร.....
 จากนั้นก็แปลงกาย...........เป็นสาวสวยคอยรับใช้....คอยนวดเฟ้นอยู่....
 
เมื่อพระอภัยมณีฟื้นขึ้นมา....ก็รู้ว่านางไม่ใช่มนุษย์...
 เพราะนัยตาไม่มีแวว...!
 จึงบอกนางว่า......เรานั้นต่างเผ่าพันธุ์กันจะอยู่กันได้อย่างไร..?
นางผีเสื้อได้ฟังน้ำเสียงของพระอภัยฯ...
 ก็เกิดหลงรักขึ้นมาอีก...จึงกล่าวว่า...
 
  ๏ อันน้องนี้ไร้คู่ที่สู่สม                                   เป็นสาวพรหมจารีไม่มีผัว
ถึงเป็นยักษ์ยังไม่มีราคีมัว                               พระมากลัวผู้หญิงด้วยสิ่งใด
แม่เจ้าเอยคิดมาน่าหัวร่อ                                 เห็นเค้าง้อแล้วยิ่งว่าไม่ปราศรัย
พลางแกล้งทำสะบัดสะบิ้งทิ้งสไบ                     ร้อนเหมือนใจจะขาดประหลาดนัก
แล้วแกล้งทำสำออยพูดอ้อยอิ่ง                         เข้าแอบอิงเอนทับลงกับตัก
ยิ่งถอยหนีก็ยิ่งตามด้วยความรัก                       ยิ่งพลิกผลักก็ยิ่งแอบแนบอุรา ๚


พระอภัยมณีก็ตกใจและรำคาญเป็นอย่างมาก...
 จึงถีบนางยักษ์ตกจากแท่น....
แต่นางยักษ์ก็ไม่ยอมละความพยายาม........ตามตื้อจนถึงที่สุด...
 
  ๏ เกิดกุลาคว้าว่าวปักเป้าติด                              กระแซะชิดขากบกระทบเหนียง
กุลาส่ายย้ายหนีตีแก้เอียง                                      ปักเป้าเหวี่ยงยักแผละกระแชะชิด
กุลาโคลงไม่สู้คล่องกระพร่องกระแพร่ง                 ปักเป้าแทงตะละทีไม่มีผิด
จะแก้ไขก็ไม่หลุดสุดความคิด                                 ประกบติดตกผางลงกลางดิน ๚


 พระอภัยมณีจำต้องทนอยู่กินกับนางผีเสื้อ......จนมีลูกชายชื่อ...."สินสมุทร"
ซึ่งต่อมาสินสมุทรก็จับเงือกมาให้พ่อเล่น....
แล้วพวกเงือกเหล่านั้น........ก็พาพระอภัยมณีและสินสมุทร์หนีนางผีเสื้อยักษ์ไปตั้งหลักที่ ..."เกาะแก้วพิสดาร" 


                                                    (โปรดติดตามตอนต่อไป...)
บันทึกการเข้า

คุยเล่น เน้นฮา สาระไม่มี..ครับผม..
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.113 วินาที กับ 17 คำสั่ง