SENIOR CROWN SR-71SR-71 มีนามเรียกขานอย่างไม่เป็นทางการว่า Blackbird (นกดำ) เพราะ ทุกลำจะทาด้วยสีดำ เป็นเครื่องบินที่ประจำการในกองทัพอากาศ อเมริกา มานานกว่า 30 ปี และ ยังครองสถิติโลกอีกหลายรายการที่ยังไม่มีเครื่องบินลำใดทำลายได้
การพัฒนา SR-71 เริ่มต้นเมื่อ กุมภาพันธ์ 2506 หรือ เมื่อ42 ปีที่แล้ว จากแผนแบบ A11 มาเป็นเครื่องบินขับไล่สกัดกั้นระยะไกล YF-12 และเริ่มบินครั้งแรกเมื่อ ธันวาคม 1964 (เพียงไม่ถึง 2 ปี)
Primary Function: Strategic Reconnaissance
Contractor: Lockheed-Martin Skunkworks
Power Plant: 2 Pratt and Whitney J-58 axial-flow turbojets with afterburners
each produces 32,500 pounds of thrust
Length: 107.4 feet (32.73 m)
Height: l8.5 feet (5.63 m)
Weight: 140,000 pounds (52,250 kg)
Gross takeoff weight 80,000 pounds (30,000 kg) JP-7 fuel weight
Wingspan: 55.6 feet (16.94 m)
Speed: over Mach 3.2 / 2,000 mph (3,200 kph)
Range: over 2000 miles (3200 km) unrefueled
Altitude: over 85,000 feet (26,000 m)
Unit Cost:
Crew 2
เจ้านกดำ จอมเขมือบใช้เครื่องยนต์ Pratt and Whitney
J-58 axial-flow turbojets with afterburners โดยใช้เชื้อเพลิงพิเศษ JP-7 ตัวเครื่องบินเองหนัก 34 ตัน แต่สามารถบรรทุกเชื้อเพลิงได้ถึง 20 ตัน เพื่อให้เจ้านกดำนี้บินได้เพียง 2 ชั่วโมง (10 ตัน/ชั่วโมง

)
โครงสร้างลำตัวส่วนใหญ่ ทำด้วย ไทเทเนี่ยม และโลหะผสม ไทเทเนี่ยม เพื่อให้ทนความร้อนที่เกิดขึ้นเมื่อบินด้วยความเร็ว 3 เท่าเสียงโดยที่ลำตัวเครื่องบินจะขยายตัวเพิ่มความยาวอีกหลายนิ้ว โดยถ้าจอดบนพื้นดิน ถังน้ำมันจะรั่วออกมาด้วย แต่เมื่อบินด้วยความเร็วสูง น้ำมันที่รั่วก็จะหยุดไหล
มีเรื่องแปลกอยู่ 2 เรื่องสำหรับ SR-71 ครับ

เรื่องแรกคือ อเมริกา ไม่มี ไทเทเนี่ยม พอสำหรับสร้างเจ้า นกดำ แต่ รัสเซีย มีอย่างเหลือเฟือ ในช่วงสงครามเย็น อเมริกา ไม่สามารถซื้อ ไทเทเนี่ยมได้โดยตรง เลยต้องให้บริษัทเอกชนหลายบริษัทแยกย้ายกันซื้อ ไทเทเนี่ยม จาก รัสเซีย
อีกเรื่องคือ ผิวด้านนอกของ Blackbird เคลือบด้วยสารดูดกลืนเรด้า แต่ กลับเป็นว่า SR71 เป็นเป้าที่ใหญ่ที่สุดบนเรด้า

เป็นเพราะ เรด้าจะจับ แกสร้อนที่ออกมาจากเจ้านกดำนี้ได้เป็นระยะทางนับร้อยไมล์เลยทีเดียว
ภาพข้างล่างเป็น YF12 กับ SR71 รุ่นนักบิน 2 นาย
[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]
[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]