มีข้อดี/ข้อเสียอย่างไรบ้างครับ ผมยังไม่ค่อยเข้าใจ

ขออธิบายแบบคนไม่ค่อยจะมีความรู้ซักนิดนะครับ
ข้าราชการแบบเดิมนั้น เราจะมีตำแหน่งต่าง ๆ รวม ๆ กันแล้วก็ประมาณ 400 กว่าสายงาน(ตำแหน่ง,อาชีพ) ซึ่งจะมีสายงานที่เริ่มจาก ซี 1 สำหรับผู้ที่จบ ม.ปลาย หรือเทียบเท่า ซี 2 สำหรับผู้ที่จบในระดับอนุปริญาหรือเทียบเท่า และ ซี 3 สำหรับผู้ที่จะในระดับ ป.ตรี
ผู้ที่เริ่มสายงานในระดับ 1 จะไปได้ถึงระดับ ซี 3
ผู้ที่เริ่มสายงานในระดับ 2 จะไปได้ถึงระดับ ซี 5
ผู้ที่เริ่มสายงานในระดับ 3 จะไปได้ถึงระดับ ซี 6 (จะมี 6 บริหาร กับ 6 ว. )
ในสายบริหาร
ระดับ 6-8 จะเป็นหัวหน้าของหน่วยงานนั้น ๆ (โดยที่ลูกน้องไม่มีสิทธิที่จะได้ซีมากกว่าหัวหน้า เช่นถ้านายอำเภอเป็นระดับ 8 เกษตรอำเภอก็จะได้แค่ 7 )
ในสาย ว.
จะเลื่อนไหลไปเรื่อย ๆ เช่นไป 6 ว. 7 ว. 8 ว. และมีสิทธิที่จะกลับไปเป็นสายบริหารภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดไว้
ไม่ว่าคุณจะจบอะไรมา คุณจะทำในตำแหน่งใด เงินเดือนในตอนเริ่มต้น และการขึ้นเงินเดือนเงินเดือนที่จะได้ รวมถึงเงื่อนไขในความก้าวหน้าก็จะเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้ง 400 กว่าตำแหน่ง(อาชีพ หรือสายงาน)
ขั่นเงินเดือน จะมีอยู่ 1 ขั่น 1 ขั่นครึ่ง และ 2 ขั่น คิดเป็นร้อยละของผู้ที่ได้ในระดับ 2 ขั่นคือ 15% ของประชากรข้าราชการทั้งหมด อีก 80% จะเป็น 1 ขั่นครึ่ง(คือพวกความชั่วไม่มีความดีไม่ปรากฏทำงานไปเรื่อย ๆ ) ส่วนที่เหลือจะเป็นพวกมาสาย ทำงานไม่ค่อยจะเสร็จ เป็นนิจ พวกนี้จะได้ แค่ 1 ขั่น
เงินที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี 1 ขั่นจะประมาณ 3% 1ขั่นครึ่งจะอยู่ที่ 4.5% และ 2ขั่นจะอยู่ที่ประมาณ 6 %
แม้ว่าเงินที่จะเพิ่มในแต่ละปีนั้นแทบจะไม่ต่างกันเลยในระดับเดียวกัน แต่ก็จะมีผลในเรื่อง การขยับไปข้างหน้า เช่น
ในระดับ 1 2 หรือ 3 จะขึ้นเป็นระดับ 2 3 และ 4 จะต้องทำงาน 2 ปี ก็จะได้เพิ่มซีอีก 1 ซี
แต่พอจะขยับเป็น 3 4 และ 5 มีเงื่อนไขวางอยู่ว่า จะต้องครองตำแหน่งในซีก่อนหน้านั้นอย่างน้อย 2 ปี และมีเงินเดือนไม่น้อยกว่าซีที่จะขยับขึ้นไป (ซึ่งจะห่างกันอยู่ 4 ขั่นเงินเดือน) ดังนั้นในทางทฤฎีคนที่ขยันจะได้ 2 ขั่นติดต่อกัน 2 ปี ก็จะไปครองตำแหน่งที่สูงกว่าคนที่ได้ 1ขั่นครึ่งก่อนอยู่ประมาณ 1 ปี และจะอยู่ก่อนพวกไม่เอาไหนอยู่ 2 ปี เขาก็มีสิทธิที่จะได้ตำแหน่งนอกระดับควบ(คือซีมากกว่าในสายงานเริ่มต้น) ก่อน และอาจจะเป็นผู้บริหารก่อน
ในระบบเดิมจึงมี 6 บริหาร และ 6 ว.
ในระบบใหม่ จะรวมเอางานที่คล้าย ๆ กันมาเป็นตำแหน่งเดียวกันจาก 400กว่า สายงาน(ตำแหน่ง,อาชีพ) จะเหลือประมาณ 200 กว่า โดยจับไปใส่ไว้ในพวกใหญ่ ๆ เช่นกลุ่มทั่วไป กลุ่มอาชีพ กลุ่มบริหาร และกลุ่มอำนวยการ เป็นต้น โดยสามารถใช้บัญชีเงินเดือนที่ต่างกันได้ใน 200 กว่าสายงาน(ตำแหน่ง,อาชีพ) เช่น หมอ กับนิติกร แต่ก่อนจะต้องใช้ฐานเงินเดือนเดียวกัน แต่เมื่อเปลี่ยนระบบ เงินเดือนในการเริ่มต้นอาจจะไม่เท่ากันก็ได้ เพื่อเป็นการป้องกันเหตุสมองไหล
เงินที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี จะเลิกจากระบบขั่นเงินเดือน เป็นระบบร้อยละ คือคนที่ทำงานดี ทุ่มเทให้กับงาน อาจจะได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 10 ส่วนพวกไม่เอาถ่านอาจจะได้แค่ร้อยละ 3 เท่าเดิมเป็นต้น
เงินเพิ่มในแต่ละปี จะแบ่งเป็นย่อย ๆ ได้อีก 3 ระดับ ในระดับที่เลยระดับปฏิบัติงานจะแบ่งย่อยได้อีก 2 ระดับ โดยกำหนดเงื่อนไขว่าการที่คุณจะก้าวขึ้นมาอีกแท่ง (ระดับ) จะต้องมีอัตราเงินเดือนไม่น้อยกว่าที่กำหนด และมีระยะเวลาการทำงานไม่น้อยกว่าที่กำหนด ดังนั้นจึงหมายความว่าพวกที่ขยันทุ่มเทให้กับงานจะมีโอกาศที่จะก้าวหน้าเร็วขึ้น
ข้อดีอีกประการคือบางครั้งผู้ที่อยู่ในสายวิชาการ อาจจะไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้บริหาร แต่ในระบบเดิมบีบให้ทุก ๆ คนมุ่งไปที่สายบริหาร แต่ในระบบใหม่สายวิชาการ สายปฏิบัตงาน อาจจะมีเงินเดือนเท่า ๆ กับสายบริหารเลยก็เป็นไปได้
ความก้าวหน้า ผู้ที่ขยันทุ่มเทให้กับงานจะมีโอกาศไปได้เร็วกว่าแต่ก่อน ส่วนผู้ที่ไม่ค่อยจะเอาถ่าน อาจจะต้องใช้เวลานานขึ้นในการที่จะก้าวหน้า
ในระบบความเป็นธรรมในการพิจารณา แต่เดิมทุก ๆ เรื่องจะมีคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (เรียกถูกหรือเปล่าหว่า) หรือ กพ. เพียงคณะเดียว แต่ในระบบใหม่จะมีคณะกรรมการที่เป็นหน่วยงานอิสระ มาช่วยให้ความเป็นธรรมต่อข้าราชการที่อาจจะถูกนักการเมือง ผู้บังคับบัญชา กลั่นแกล้งในการพิจารณาความดีความชอบในแต่ละปี และมีวิธีประเมินที่หลากหลายและเป็นธรรมมากขึ้น จากที่มีแค่วิธีประเมินแค่แบบเดียว
สิ่งที่ประชาชนจะได้รับคือ การบริหารที่อาจจะดีขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น ข้าราชการมีความเป็นมืออาชีพในสายงานของต้นมากขึ้น ได้ข้าราชการที่เก่ง (แทนที่จะไปเจอคนเก่งในเอกชน)
สรุปจากความเข้าใจก็ได้ประมาณนี้ครับ แฮ่ ๆ เหนื่อย

ปล.กว่าทุกอย่างจะเข้าที่ กว่าจะเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ผมว่าอย่างน้อย ๆ ก็ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 4 ปีขึ้นไป ส่วนผมปีหน้าโน้นครับถึงจะเป็นแท่งกับเขา นี่ยังไม่ได้อธิบายเรื่องการยุบรวม ซีไปเป็นแท่งนะครับ
ลืมบอกไปอีกอย่าง สมัยก่อนผมเกิด เรามีข้าราชการชั่นตรี(1-2) โท(3-4) เอก(5-6) และพิเศส(7-11) ครับ ปู่แท้ ๆ ของผมเป็นข้าราชการชั่นโทครับ โรงพักระดับอำเภอมีรองสารวัต เป็นหัวหน้า สภอ. ดาบมีแค่ไม่กี่คน จ่านับหัวได้ หมู่กับพลตำรวจจะแยะครับ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยคือสมัยนั้นนายร้อยเวลาเป็นเหมือนคนเป็นฝีที่รักแร้เวลาเดิน ไม่งั้นไม่สมศักดิ์ศรีนายร้อยครับ อันนี้ปู่ผมอีกคนที่เป็นทหารท่านว่าอย่างนั้น
