
ครม."อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" กับ "ความจริงวันนี้" ที่หายไป
ค่อนข้างแน่นอนว่าพรรคประชาธิปัตย์ขอดูแลกระทรวงเศรษฐกิจ การศึกษา และความมั่นคง โดยจะยังคงให้ตำแหน่งรัฐมนตรีแก่พรรคร่วมในสัดส่วนเดิม คือ "พรรคชาติไทยพัฒนา" น่าจะได้ 4 ตำแหน่ง คือ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีการท่องเที่ยวและกีฬา และรัฐมนตรีช่วยคมนาคม (พรรคชาติไทยพัฒนาอาจจะยุ่งยากกว่าพรรคอื่น เนื่องจากต้องหาคนใหม่หมดมาเป็นรัฐมนตรี เนื่องจากคนเดิมถูกตัดสิทธิหมด)
"พรรคเพื่อแผ่นดิน" ที่ยังปั่นป่วนในเอกภาพมากที่สุดในเวลานี้ เนื่อง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก หัวหน้าพรรคคนใหม่ เจ้าของฉายาอินทรีย์อิสาน ยังนอนซมอยู่ในโรงพยาบาลด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ น่าจะได้ 4 ตำแหน่ง มีรองนายกรัฐมนตรี (พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก) รัฐมนตรีอุตสาหกรรม รัฐมนตรีช่วยคลัง (ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี) และรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย (ประสงค์ โฆษิตานนท์)
ส่วนกระทรวงสาธารณสุข ที่เคยเป็นโควต้าของพลังประชาชน และมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เคยนั่งอยู่นั้น ยังอยู่ระหว่างการต่อรอง โดยพรรคเพื่อแผ่นดิน ยื่นข้อเสนอมาว่า ถ้าเข้าร่วมรัฐบาลจะขอเก้าอี้เพิ่มให้ "นพ.วัลลภ ไทยเหนือ" อดีตรัฐมนตรีช่วยสาธารณสุข สมัย คมช.
"พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา" แม้ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรค จะเห็นต่างจากฝ่ายบริหารพรรคคนอื่นๆ ที่อยากไปร่วมกับพรรคเพื่อไทย เผื่อได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี แต่เสียงไม่ดังพอ ก็น่าจะได้ 2 ตำแหน่งเหมือนเดิม และเก้าอี้เดิม คือรัฐมนตรีพลังงาน ที่ พล.ท.หญิง พูนพิรมณ์ ลิปตพัลลภ นั่งอยู่ และรัฐมนตรีช่วยคลัง ของประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์
กลุ่มเพื่อนเนวินและกลุ่มนาย สุชาติ ตันเจริญ ได้โควตารัฐมนตรี 6 ตำแหน่ง วางตัวนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.คมนาคม โดยตำแหน่งอื่นๆ มีการวางตัวนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ นายศุภชัย โพธิ์สุ นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ นายโสภณ ซารัมย์ นายพิเชษฐ์ ตันเจริญ
ส่วนโควต้าเดิมของ "พรรคพลังประชาชน" 18 ตำแหน่ง ก็จะเป็นสัดส่วนทาง "พรรคประชาธิปัตย์" ซึ่งยังไม่สามารถจัดวางคนลงตำแหน่งได้ลงตัว เนื่องจากมีส.ส.อวุโสจำนวนมาก...แต่สำหรับการจัดสรรตำแหน่งนั้น ประชาธิปัตย์มีบทเรียนความแตกแยกอันเกิดจากการจัดสรรตำแหน่งมาแล้ว จึงไม่น่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นอีก
"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ"จะนั่งควบ"นายกรัฐมนตรี"และ รัฐมนตรี ว่าการศึกษาธิการ โดยมี"ชินวรณ์ บุณยเกียรติ" เป็นรัฐมนตรีช่วยศึกษาธิการ
"สุเทพ เทือกสุบรรณ" ในฐานะแม่บ้านเป็นรัฐมนตรีมหาดไทย โดยมี"ถาวร เสนเนียม" เป็นรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย ส่วนกระทรวงการต่างประเทศมี "กษิต ภิรมย์" อดีตเอกอัครราชทูตหลายประเทศ คาดนั่ง "รมว.ต่างประเทศ" โดยให้ "ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ" รองหัวหน้าพรรค นั่งเป็นรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศ
ด้านคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ถูกวางให้นั่งตำแหน่งรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
กระทรวงสำคัญ อย่าง"กระทรวงการคลัง" เดิมทางพรรคประชาธิปัตย์ได้วางตัว "กรณ์ จาติกวณิช" รองหัวหน้าพรรคเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แต่กลัวว่า ถึงแม้จะเป็นผู้รู้เรื่องเศรษฐกิจ แต่ทางการบริหารกลัวว่าจะเป็นมือใหม่เกินไป จึงจะให้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการคลัง และดึงคนนอกที่มีความรู้ความสามารถมาเรียกความเชื่อมั่นจากทุกส่วนได้มานั่งแทน โดยได้ทาบทาม "ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล" อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มานั่งดู แต่หากได้รับการปฏิเสธ ก็จะให้ "ประสาร ไตรรัตน์วรกุล" กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกสิกรไทย มานั่งแทน
ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ คาดว่าจะเป็น "เกียรติ สิทธีอมร" ส่วนรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ เป็นโควตาเดิมของพรรคมัชฌิมาธิปไตย ของ "พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์" แต่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง จึงคาดว่าพรรคจะส่ง "มานิตย์ นพอมรบดี" ส.ส.ราชบุรี มาแทน ส่วนเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์อีกตำแหน่งให้พรรคร่วมรัฐบาลไปจัดสรรกันเอง
ส่วน"รัฐมนตรีกลาโหม" ได้วางไว้ 3 ตัวเลือก คือ "พล.อ.พิชาญเมธ ม่วงมณี" ส.ส.สัดส่วน รมว.กลาโหม (เงา) "พล.อ.วินัย ภัททิยกุล" อดีตเลขานุการ คมช. ซึ่งล่าสุดออกมาปฏิเสธว่ายังไม่มีใครมาทาบทาม และ "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ"
ส่วนกระทรวงยุติธรรม คาดว่าเป็นของ "พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค" คณะทำงานด้านกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์
ส่วน "รองนายกรัฐมนตรี"ขณะนี้ยังไม่ลงตัว โดยทางพรรคได้มอบหมายให้ "สุเทพ เทือกสุบรรณ" เป็นคนดูแล จากเดิมมี 5 คน อยู่ในระหว่างการทาบทามคนนอกเข้ามาร่วมทีมด้วย ที่มีความชัดเจนแล้วคือ "พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก" หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน "มั่น พัธโนทัย" สัดส่วนของพรรคเพื่อแผ่นดิน และ "พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์" ซึ่งนั่งควบตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี กับรัฐมนตรีว่าการเกษตรและสหกรณ์ หรือมอบหมายให้พรรคชาติไทยพัฒนาไปหาบุคคลที่เหมาะสมมานั่งแทนสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล และอีกตำแหน่งเป็นโควตาของ "กลุ่มเพื่อนเนวิน"
สำหรับตำแหน่งอื่นๆ ที่น่าสนใจคือ "รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี" คาดว่าทางพรรคประชาธิปัตย์จะให้ "สาทิตย์ วงศ์หนองเตย" ประธานวิปฝ่ายค้าน มาดูแลเรื่องสื่อโดยตั้งเป้ายกเครื่อง "เอ็นบีที" ใหม่
ยกเครื่องเพราะที่ผ่านมาเอ็นบีทีถูกการเมืองแทรกแซงอย่างหนักจนไม่เป็นตัวของตัวเอง โดยเบื้องต้นต้องรื้อ "ความจริงวันนี้"ก่อน ซึ่งล่าสุด ความจริงวันนี้เริ่มหายไปจากจอแล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา และยังไม่มีกำหนดคืนจอ....