ความรู้เรื่องรถถัง-ยานเกราะ จรวด อาวุธทางบกครับ

[~ Sitthipong - รักในหลวง ~]

ผมได้อ่านบทวิเคราะห์มา อาจเป็นสงครามหวังล้างหนี้  ที่บางคนตั้งใจบีบคั้นให้เกิดก็เป็นได้... ครับ 

[บูรพา - รักในหลวง]

   ประธานาธิบดีฝรั่งเศสน่าจะรู้ดี เพราะแวะจอดเครื่องคุยกับ ประธานาธิบดีรัสเซีย หลังจากนั้น รัสเซียสั่งประจำการ S 400 รอบๆ กรุงมอสโคทันที่   (ปล เพจวิเคราะห์บ้างเพจ หาข้อมูลมาแล้วสรุปว่า เหตุก่อการร้ายที่ฝรั่งเศส อาจเป็นการสั่งสอนว่าห้ามเอาใจออกห่างกูน่ะ คล้อยหลังจากที่ให้สัมภาษณ์เรียกร้องให้ยุโรปยกเลิกการคว่ำบาตรัสเซียเพียงวันเดียว)   อ่านผ่านๆตามาครับ จริงเท็จ ไม่ทราบ  

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

https://www.youtube.com/watch?v=6z9y-FtskzY#t=73

Mr.President นาย โอลอง ได้กล่าวระหว่างออกแถลงการณ์ผ่านทางทีวีของฝรั่งเศสระบุชัดเจนว่า  " ผู้อยู่เบื้องเหตุการณ์ เฮบโด คือผู้ที่ตั้งใจจะให้ร้ายมุสลิมและอิสลาม "

[R2D2]

S-400 สามารถสกัดกั้นจรวด ICBM.ติดหัวรบนิวเคลียร์ได้ไหม ?..จรวดร่อนด้วย  หรือไว้รับมือเครื่องบินอย่างเดียว ?

[rambo1th]

 ประธานาธิบดีฝรั่งเศสน่าจะรู้ดี เพราะแวะจอดเครื่องคุยกับ ประธานาธิบดีรัสเซีย หลังจากนั้น รัสเซียสั่งประจำการ S 400 รอบๆ กรุงมอสโคทันที่   (ปล เพจวิเคราะห์บ้างเพจ หาข้อมูลมาแล้วสรุปว่า เหตุก่อการร้ายที่ฝรั่งเศส อาจเป็นการสั่งสอนว่าห้ามเอาใจออกห่างกูน่ะ คล้อยหลังจากที่ให้สัมภาษณ์เรียกร้องให้ยุโรปยกเลิกการคว่ำบาตรัสเซียเพียงวันเดียว)   อ่านผ่านๆตามาครับ จริงเท็จ ไม่ทราบ  

   เล่าสู่กันฟังบ้างสิครับ ผมไม่รุ้เรื่องกับเขาเลยอยากทราบด้วยคนครับ

[R2D2]

S-400 จะป้องกันจรวดร่อนโทมาฮอก ได้ไหมครับ..จรวดร่อนมันบินไม่สูงนิ

[~ Sitthipong - รักในหลวง ~]

รัสเซียยังมีแซมอีกหลายประเภทครับ  ก่อนจะถึง S-300 ,S-400   

[~ Sitthipong - รักในหลวง ~]

อดีตประธาน ST Marine สิงคโปร์ถูกจับกุมในข้อหาทุจริต



Former ST Marine boss charged over corruption
http://www.janes.com/article/47534/former-st-marine-boss-charged-over-corruption

ST Engineering ซึ่งเป็นผู้ผลิตอาวุธยุทโธปรกรณ์ทางทหารและความมั่นคงของสิงคโปร์ได้มีการแถลงเมื่อ

วันที่ 30 ธันวาคม 2014 ว่า นาย See Leong Teck อดีตประธานบริษัท ST Marine ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ

ส่วนผลิตภัณฑ์ด้านทางทะเลเช่นเรือรบ ถูกจับกุมในข้อหาทุจริตตามคำสั่งศาลแห่งรัฐสิงคโปร์แล้ว

การจับกุมอดีตประธาน ST Marine เกิดขึ้นหลังจากมีการเเปิดเผยรายงานตรวจสอบการทุจริตของบริษัท

โดยสำนักงานการสอบสวนการกระทำทุจริตของสิงค์โปร์เมื่อเดือนกันยายนปี 2011 ซึ่ง ST Engineering

ได้ย้ำถึงการสนับสนุนสืบสวนนี้โดยให้ความเห็นเพิ่มเติมว่าไม่ได้คาดดหวังว่าการจับกุมในครั้งนี้จะมีผล

เป็นรูปธรรมกับการเงินของบริษัทในปี 2014  อย่างไรก็ตามการจับกุมอดีตประธาน ST Marine ครั้งนี้

ไม่ได้มีรายละเอียดเผยแพร่ผ่านสื่อครับ

http://aagth1.blogspot.com/2015/01/st-marine.html

[Yut64]

ล่าสุดเราต่อเรือกะเขานี่

[พญาจงอาง +รักในหลวง+]

ขออนุญาตแทรกบทความเกี่ยวกับพลซุ่มยิงของหน่วยนาวิกโยธินสหรัฐอีกคน คือ Chris Kyle; ซึ่งเป็นตำนานสไนเปอร์ที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในประวัติศาสตร์กองทัพสหรัฐฯอีกคน น่าจะต่อจากจ่าคาร์ลอส แฮนคอร์ค หรือไอ้ขนนกขาวในสงครามเวียตนาม(ท่าน อ.ผณิศวรได้ตั้งกระทู้เกี่ยวกับเหตุที่ Chris Kyle ถูกยิงเสียชีวิต ในหน้า"สนทนาภาษาปืน" ก่อนหน้านานแล้ว)
 
ในยามรุ่งเช้าที่หนาวเย็นของเดือนมกราคมปี 2010 ขณะที่ Chris กำลังแวะเข้าปั๊มน้ำมันบนถนนสาย 67 ด้านใต้ของเมือง Dallas เขาขับรถ Ford F350 สีดำ ที่ใช้ยางขนาดใหญ่สำหรับลุยโคลน โลโก้ของรถปิคอัพ Ford นั้นถูกถอดออกและแทนที่ด้วยเครื่องหมายหัวกระโหลกสีเงินขนาดเล็ก ในเวลานั้น Chris เพิ่งลาออกจากกองทัพเรือและกำลังเดินทางกลับบ้านในรัฐ Texas
ชาย2คนเข้าประชิดเขาทางด้านหลัง ทั้งสองคนมีปืนสั้นอยู่ในมือและสั่งให้เขามอบเงินและกุญแจรถ ชายทั้งสองดูมั่นใจด้วยความที่ทั้งสองมีอาวุธ และแขนทั้งสองข้างของ Chris กำลังยกค้างอยู่กลางอากาศ
Chris รู้ดีว่าความมั่นใจจากการที่มีอาวุธอยู่ในมือนั้นเป็นอย่างไร เพราะเค้าคือพลซุ่มยิงที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา ด้วยยอดสังหารที่ยืนยันแล้วโดยเพนตากอนอย่างน้อย160ศพ(ไม่เป็นทางการประมาณ 255-320 ศพ)จากการเข้าประจำการเป็นจำนวน4ครั้งในอิรัก Chris ได้รับเหรียญกล้าหาญ Silver Star จำนวน2ครั้ง และ Bronze Star อีก5ครั้ง เค้ารอดชีวิตจากการโจมตีด้วยระเบิดแสวงเครื่องเป็นจำนวน6ครั้ง ถูกยิงอีก3ครั้ง และเฮลิคอปเตอร์ตกอีก2ครั้ง โดยทั้งตัวของเค้านั้นเต็มไปด้วยแผลจากการผ่าตัดที่มีมากเกินกว่าเค้าจะจำได้
Chris ได้รับการขนานนามจากเพื่อนร่วมทีมในหน่วยซีลและจากศัตรูของเค้าว่า"al-Shaitan"หรือ"ปิศาจ"
เขาได้บอกกับโจรทั้ง2คนว่าเขาต้องการไปข้างหลังรถเพื่อที่จะหยิบกุญแจรถมาให้ แต่ขณะที่เค้ากำลังหมุนตัวกลับนั้น มือข้างขวาของเค้าได้เอื้อมเข้าไปใต้เสื้อคลุมสำหรับหน้าหนาวที่เขาใส่อยู่ มือข้างนั้นได้คว้าเข้าที่ปืนสั้น Colt 1911 ของเขา Chris ได้ยิงปืนออกไปสองนัดขณะที่ปืนอยู่ใต้แขนข้างซ้ายของเค้า(คาดว่าใช้เสื้อคลุมบังสายตาโจร)กระสุนทั้งสองนั้นได้กระทบเข้าที่หน้าอกของโจรคนแรก หลังจากนั้นเขาได้หมุนตัวอีกเล็กน้อยและส่งกระสุนอีก2นัดเข้าที่หน้าอกของโจรคนที่สองเช่นกัน โจรทั้งสองคนเสียชีวิตคาที่
หลังจากเสร็จการต่อสู้ Chris เอนหลังพิงเข้ากับรถกระบะของเค้าและรอให้ตำรวจมาถึง

[พญาจงอาง +รักในหลวง+]

Chris เป็นชาวเท็กซัสโดยกำเนิด เขาคุ้นเคยกับปืนมาตั้งแต่เด็กและเติบโตมาด้วยการล่าสัตว์เป็นกิจวัตร เขารู้ดีถึงวิธีการยิงปืนและการย่องเข้าหาเหยื่อ แต่กระนั้นเมื่อเขาสมัครเข้ามายังหน่วยซีล เขาได้ถูกปฏิเสธเนื่องจากอุบัติเหตุร้ายแรงสมัยวัยรุ่นที่เกิดจากการขี่วัวกระทิงผาดโผน ซึ่งทำให้เค้าต้องฝังหมุดโลหะไว้ในแขน ในเวลาต่อมากองทัพได้ยอมอ่อนข้อและรับเค้าเข้าประจำการ ซึ่งนับว่าเป็นโชคดีของทางกองทัพเอง
หลังจากที่เข้าประจำการ Chris ได้แสดงความสามารถอันโดดเด่นขึ้นมาเหนือเพื่อนร่วมรุ่นคนอื่น เขามีบุคลิคที่เหมาะสมกับการเป็นหน่วยรบพิเศษ ซึ่งจุดนี้นับว่าแตกต่างกับรูปลักษณ์ภายนอกของเขา Chris เป็นคนเงียบๆ มีความอ่อนน้อมถ่อมตน ขและมักจะพูดเสียงเบาๆ เขาเป็นคนชนิดที่ว่าคุณอาจจะเดินสวนกับเค้าที่สี่แยกหน้าบ้าน โดยไม่ได้เอะใจเลยซักนิดว่าคุณเพิ่งสวนกับพลซุ่มยิงที่ร้ายกาจที่สุดในอเมริกา
Chris ได้เข้าร่วมกับทีมซีลที่3 และนับเป็นกำลังพลชุดแรกที่บุกเข้าไปยังอิรักในปฏิบัติการปลดปล่อยอิรักเมื่อปี 2003 โดยเป้าหมายแรกที่เค้าสังหารจากการซุ่มยิงนั้นคือผู้หญิงคนนึงซึ่งกำลังลอบโจมตีกลุ่มนาวิกโยธินสหรัฐฯด้วยระเบิดมือ ตอนแรกเขาลังเลที่จะลั่นไก ขณะที่กำลังลังเลนั้นหัวหน้าของเค้าได้สั่งให้เขายิง Chris ก็ยังคงไม่สามารถลั่นไก ทำให้หัวหน้าของเค้าต้องตะโกนลั่นสั่งให้เขายิง เมื่อเขาลั่นไกออกไป ผู้หญิงคนนั้นได้ปล่อยระเบิดออกไปจากมือของเธอแล้ว เาจึงตัดสินใจยิงเธออีกครั้ง แต่มันก็สายเกินไป เพราะระเบิดได้เกิดระเบิดขึ้นเสียแล้ว .หลังจากการประจำการ4ครั้งในอิรัก Chris ไม่เหลือความลังเลอีกต่อไป เขาเรียนรู้ที่จะลั่นไกเมื่อต้องยิง
ภรรยาของ Chris ให้คำนิยามว่าเค้าเป็นบุคคลที่มีหลายบุคลิค เขาเป็นนักรบที่โหดร้าย แต่เขาก็เป็นสามีที่สุภาพและพ่อที่ดีของลูกๆ Chris มีความสามารถในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นอย่างมาก โดยเขาจะจำรายละเอียดต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวเขาได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ Chris ยังสามารถคำนวณทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนขณะที่เขากำลังจะลั่นไก โดยเขาต้องคำนวณความเร็วลม,การหมุนของลูกกระสุน,ความโค้งและการหมุนของโลก ภายใต้สภาวะที่กดดันเป็นอย่างมาก และต้องการผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว จุดเด่นข้อนี้ทำให้เขาโดดเด่นอย่างมากในฐานะพลซุ่มยิง
Chris มักจะถูกถามด้วยคำถามซ้ำๆว่า เขาคิดยังไงกับการที่ต้องยิงฝั่งตรงข้ามที่ไม่ใช่ผู้ชาย เขาตอบกลับมาง่ายๆว่า เขาไม่เคยเสียใจที่ต้องสังหารฝั่งตรงข้ามที่ไม่ใช่ผู้ชาย แต่เขาเสียใจที่เขาไม่สามารถสังหารคนพวกนั้นก่อนที่จะเข้าถึงตัวทหารอเมริกันได้

[พญาจงอาง +รักในหลวง+]

Chris เข้าประจำการถึง4ครั้งในอิรัก ครั้งแรกเมื่อการบุกอิรักในปี 2003, เมือง Fallujah ในปี2004, เมือง Ramadi ในปี2006 และ ครั้งสุดท้ายที่กรุง Baghdad ในปี2008 ซึ่งเค้าถูกเรียกให้ไปคุ้มกันจุด Green Zone ในเมือง Sadr
ในการประจำการครั้งที่2 ที่เมือง Fallujah ปี2004 Chris ถูกส่งให้ไปคุ้มกันนาวิกโยธินในภารกิจกวาดล้างกลุ่มต่อต้าน ซึ่งภารกิจครั้งนี้นับเป็นจุดเริ่มในตำนานของเขา ตามหน้าที่แล้ว Chris ควรจะคุ้มกันนาวิกโยธินจากระยะที่ปลอดภัย แต่เขาคิดว่าเค้าสามารถให้การคุ้มครองได้มากกว่าถ้าเขาลงไปอยู่ในถนนและเข้าตรวจค้นบ้านแต่ละหลังร่วมกับนาวิกโยธินคนอื่นๆ หลังจบภารกิจได้มีรายงานว่า Chris ได้วิ่งผ่าดงกระสุนเพื่อเข้าไปช่วยลากตัวนาวิโยธินที่บาดเจ็บออกไปยังที่ปลอดภัย เพื่อนร่วมทีมของเค้าได้ยินถึงเหตุการณ์นี้และเริ่มกล่าวถึงเค้าในฐานะตำนาน
ในสนามรบที่เมือง Fallujah ระหว่างที่นาวิกโยธินสหรัฐฯสู้กับกลุ่มต่อต้าน Chris สามารถเด็ดหัวฝั่งตรงข้ามไปได้กว่า40ศพ เมื่อรวมสถิติของทั้ง2สมรภูมิ(ปี 2003 และ 2004)Chris สังหารไปแล้วเกือบ100ศพ
ในเวลาต่อมาเมื่อ Chris เข้าร่วมสมรภูมิที่เมือง Ramadi ข้าศึกถึงกับมอบฉายานาม Al-Shaitan Ramad หรือ "ปิศาจแห่ง Ramadi" ให้กับเขา และตั้งค่าหัว Chris เป็นเงินถึง $20,000 (เกือบ7แสนบาท)ซึ่งเวลาต่อมาเขาได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Texas Monthly ว่า"เขารู้สึกว่ามันสุดยอดไปเลยนับเป็นเกียรติจริงๆที่มีคนตั้งค่าหัวเขาสูงขนาดนั้น"
ในเวลานั้นฝ่ายต่อต้านก็มีทีมพลซุ่มยิงฝีมือดีเหมือนกัน โดยเป็นถึงนักกีฬาโอลิมปิกยิงปืนระยะไกลของอิรัก ซึ่งใช้ชุดปืนซุ่มยิงอย่างดีของอังกฤษมูลค่ากว่า $10,000 (320,000 บาท) แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ถูกลอบยิงโดย Chris ซึ่งก็ได้หยิบเอาไรเฟิลของเขาไปใช้อีกเสียด้วย(เสียทั้งคนเสียทั้งของ เหมือนจ่าคาร์ลอส แฮนคอร์คที่ยิงพลซุ่มยิงของเวียตกงทะลุกล้องเล็งเข้าเบ้าตายังไงอย่างงั้น)
การซุ่มยิงที่เป็นตำนานของ Chris เกิดขึ้นในสมรภูมิสุดท้ายของเค้าที่เมือง Sadr ในปี2008 การซุ่มยิงครั้งนี้ถือเป็นการยิงที่ไกลที่สุดของเขา ขณะนั้น Chris กำลังอยู่บนชั้นสองของบ้านหลังนึงบริเวณชายขอบของหมู่บ้าน เขาใช้ปืนไรเฟิล .338 Lapua Magnum ติดกล้องเล็ง ขณะที่เขากำลังมองค้นหาข้าศึกไปในระยะที่ไกลออกไป ข้ามไปถึงชายขอบของอีกหมู่บ้านซึ่งห่างออกไปเป็นไมล์ Chris เห็นชายคนนึงอยู่บนบ้านชั้นเดียว ชายคนนั้นยืนอยู่เฉยๆ และดูเหมือนไม่มีอาวุธ แต่ในเวลาต่อมาขณะที่ขบวนรถของทหารสหรัฐฯกำลังเคลื่อนที่ผ่านบริเวณนั้น Chris ได้ตรวจสอบบ้านหลังนั้นอีกครั้ง และพบว่าชายคนดังกล่าวคล้ายกับกำลังถืออาวุธต่อต้านยานเกราะ RPG ซึ่งด้วยระยะที่ห่างมากขนาดนั้น Chris ได้แต่ประมาณการยิงของเค้า ขณะที่เค้าลั่นไกชายคนนั้นที่อยู่ห่างไป 2,100 หลา (1,920 เมตร) ก็ถูกกระสุนร่วงลงมาจากหลังคาที่เค้ายืนอยู่
การยิงในครั้งนั้นถือเป็นการยิงที่ไกลเป็นอันดับ8ของโลกโดยพลซุ่มยิงเท่าที่เคยมีการบันทึกไว้ ซึ่งในเวลาต่อมา Chris ได้กล่าวถึงการยิงครั้งนั้นว่า "นัดนั้นถือว่าโชคดีเอามากๆ"

[พญาจงอาง +รักในหลวง+]

อาวุธโปรดของ Chris คือปืนไรเฟิลลูกเลื่อนขนาด .300 Winchester Magnumที่สั่งทำพิเศษ เดิมทีปืนชนิดนี้ถูกออกแบบมาเพื่อล่าสัตว์ใหญ่ในอเมริกาเหนือ แต่เขาก็นำมาใช้สำหรับวัตถุประสงค์อื่นนั่นก็คือการซุ่มยิงที่แม่นยำจากระยะไกล โดยเขากล่าวว่า"ผมสามารถยิงเป้าหมายที่อยู่ห่างไป1,800 หลา(1,645 เมตร)และเชื่อสิมันแม่นราวกับแสงเลเซอร์เชียวล่ะ"
Chris นั้นถึงจะได้ชื่อว่าเป็นพลซุ่มยิงระดับตำนาน แต่การแต่งกายและบุคลิคของเขานั้น ช่างห่างไกลกับการเป็นทหารตัวอย่าง โดยเขาแทบจะไม่ใส่ชุดยูนิฟอร์มของทหารเลย เพื่อนร่วมทีมของเค้าเล่าว่า Chris มักจะพ่นสีเป็นรูป Punisher skull บริเวณชุดเกราะ, หมวกเกราะ และ แม้กระทั่งไรเฟิลคู่มือของเขา นอกจากนั้นเขายังตัดแขนเสื้อทิ้ง ทำให้เหมือนกับว่าใส่เสื้อแขนกุดตลอดเวลา Chris ไม่สวมรองเท้าคอมแบทโดยเขาเลือกที่จะสวมรองเท้าบู๊ตล่าสัตว์แทน และแทนที่เขาจะสวมหมวกเกราะ Kevlar คริสกลับเลือกที่จะสวมหมวกเบสบอลของมหาวิทยาลัย Texas Longhorn ที่เขารักแทน โดยให้เหตุผลว่าเมื่อข้าศึกเห็นหมวกนี้จะได้รู้ว่าชาวเท็กซัสนั้นยิงปืนแม่นแค่ไหน(Chris เกิดในรัฐ Texas)
Chris ไม่ค่อยสนใจเกี่ยวกับจำนวนข้าศึกที่เขาสังหารได้ ซึ่งจำนวนนั้นค่อนข้างมากกว่าที่เพนตากอนเคยยืนยันไว้ โดยเขากล่าวว่าที่เค้าสนใจจริงๆคือจำนวนของคนที่เขาช่วยได้จากการที่เขาสังหารข้าศึกต่างหาก
ในปี 2009 Chris ตัดสินใจลาออกจากหน่วยซีล หลังจากที่รับใช้กองทัพสหรัฐฯมาเป็นเวลานานกว่า10ปี เนื่องจากเขาต้องการที่จะรักษาครอบครัวของเขาไว้ การเป็นหน่วยซีลหมายถึงการต้องไปสู้รบตลอดเวลา การประจำการแต่ละครั้งกินเวลานานหลายเดือน บางครั้งก็เป็นปีทำให้อัตราหย่าร้างของสมาชิกหน่วยซีลสูงถึง90% การลาออกทำให้ Chris มีเวลาให้กับภรรยาและลูกทั้ง2คนของเขามากขึ้น ภรรยาของเขากล่าวถึง Chris ว่า เขามีความสุขกับการที่เป็นพ่อที่ดีของลูก มากกว่าการเป็นนักรบในตำนานหรือพลซุ่มยิงที่มีชื่อเสียง
ภายหลังออกจากกองทัพ Chris ได้เขียนหนังสือ American Sniper เล่าถึงประวัติการเป็นพลซุ่มยิงของเขา และเขายังได้ตั้งบริษัททางทหารที่มีสัญญากับกองทัพ โดยทำหน้าที่ช่วยฝึกพลซุ่มยิงสำหรับกองทัพ และหน่วยงานควบคุมกฏหมายต่างๆนอกจากนี้ยังให้บริการคุ้มครองส่วนบุคคลอีกด้วย
ในวันเสาร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2013 Chrisและเพื่อนของเขา Chad Littlefield ถูกยิงจนถึงแก่ชีวิตโดย Eddie Ray Routh อดีตนาวิกโยธินผ่านศึกวัย25ปี ที่สนามยิงปืนในโรงแรม Rough Creek Ranch-Lodge-Resort รัฐ Texas ขณะที่ Chris และเพื่อนของเขาพา Eddie ไปที่สนามยิงปืนเพื่อช่วยเยียวยาโรค PTSD ของ Eddie
Eddie ถูกจับกุมตัวภายในวันเดียวกัน หลังจากที่ขับรถปิคอัพ F 350 ของ Chris ชนเข้ากับรถตำรวจขณะกำลังหลบหนี นับเป็นจุดจบของตำนานพลซุ่มยิงที่ร้ายกาจที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา
หนังสือ American Sniper ซึ่งเล่าถึงอัตชีวประวัติของ Chris ได้ถูกนำไปสร้างเป็นหนังโดยใช้ชื่อเดียวกัน ซึ่งมีกำหนดฉายเร็วๆนี้ (ที่อเมริกาหนังเข้า16เดือนนี้)//จบครับผม ขอขอบคุณ
http://www.dailymail.co.uk/…/255-confirmed-kills-Meet-Navy-…
http://www.dmagazine.com/…/apr…/the-legend-of-chris-kyle-01…
http://www.dmagazine.com/…/apr…/the-legend-of-chris-kyle-01…
และเว็บเพจ  Military Technology Lover Forum

[~ Sitthipong - รักในหลวง ~]

กองทัพบกสหรัฐฯปฏิเสธข้อเสนอปืนพก M9A3 โดยจะจัดหาปืนพกแบบใหม่แทน

Army Rejects M9A3 Proposal, Opts for New Pistol
http://www.military.com/daily-news/2015/01/09/army-rejects-m9a3-proposal-opts-for-new-pistol.html





กองทัพบกสหรัฐฯปฏิเสธที่จะรับข้อเสนอของ Beretta USA ในการทดสอบประเมินผลปืนพก M9A3 รุ่นปรับปรุง

โดยจะดำเนินโครงการจัดหาปืนพกแบบใหม่  เมื่อเดือนธันวาคมปี 2014 Beretta USA ผู้ผลิตปืนพก M9

(Beretta 92FS) ซึ่งเป็นปืนพกประจำกายของกองทัพบกสหรัฐฯมานานกว่า 30 ปี ได้เสนอแบบปืนพก M9A3

ซึ่งเป็นรุ่นปรับปรุงใหม่ของปืน M9 ที่ใช้ศูนย์เล็งแบบใหม่ มีรางติดอุปกรณ์เสริมเช่นไฟฉาย และปรับปรุงทรงปืนใหม่

เหมาะกับร่างกายผู้ใช้และมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น  ทั้งนี้ทาง Beretta USA ได้ไม่ได้รับการแจ้งอย่างเป็นทางการ

จากกองทัพบกสหรัฐฯถึงการปฏิเสธข้อเสนอในการทดสอบประเมิน M9A3 ทางด้าน Gabriele De Plano

รองประธานฝ่ายการตลาดและการขายผลิตภัณฑ์ทางทหารของ Beretta USA ได้แสดงความเห็นตอบโต้ในเรื่องนี้ว่า

"M9A3 อาจจะไม่ใช่ปืนที่ดีเลิศ แต่อย่างน้อยกองทัพบกก็ควรจะประเมินมัน" แต่อย่างไรก็ตามกองทัพบกสหรัฐฯ

ได้ปฏิเสธข้อเสนอทางเลือกนี้และมุ่งเน้นว่าโครงการ Modular Handgun System ซึ่งเป็นการจัดหาปืนพกแบบใหม่

แทน M9 จะเป็นปืนแบบใหม่  โครงการ MHS นั้นได้เริ่มขึ้นในช่วงต้นปี 2013 โดยมีบริษัทผู้ผลิตปืนชั้นนำยื่นข้อเสนอ

แบบปืนเข้าแข่งขั้นในโครงการจัดหาปืนพกใหม่จำนวน 500,000 กระบอก ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เฉพาะในส่วน

ของกองทัพบกสหรัฐฯนั้นต้องการปืนพกใหม่ขนาดมาตรฐานมากกว่า 280,000 กระบอก ภายในปี 2017 ซึ่งอาจจะ

รวมถึงรุ่น Sub-Compact อีก 7,000 กระบอก  และอาจจะจัดหาเพิ่มเติมอีก 212,000 กระบอก ซึ่งโครงการ MHS

ใช้งบประมาณไม่ต่ำกว่า $350 million ครับ

http://aagth1.blogspot.com/2015/01/m9a3.html


ออเดอร์ ๕๐๐,๐๐๐ กระบอก  บริษัทไหนจะได้ไปนะ   

[Nero Angel01]

เมื่อคืนดูFBของSig thailandบอกว่าทางSigส่ง P320เข้าประกวดครับ คิดว่าถ้าเป็นModelอื่นคงสู้ราคาเสนอกล๊อกไม่ไหวมั้ง

[Yut64]

รุ่นไหนได้รับรองตลาดเมืองไทยแห่ซื้อแน่นอนเหมือ M9 ไง