ได้อ่านกระทู้นี้แล้วทำให้ผมมองไปอีกมุมหนึ่ง คงไม่ผิดนะครับ บางครั้งสัตว์มันก็มีสิทธิ์ที่จะปกป้องตัวเองและบ้านของมัน ได้อ่านแล้วผมนึกภาพออกสภาพภูมิประเทศแบบนั้นมีสัตว์ป่ามากมายหลายชนิดแบบนั้น มันควรจะเป็นป่าบ้านของสัตว์มากกว่าเทือกสวนไร่นาของคนนะครับ ขอโทษด้วยครับถ้าไม่พอใจหรือไม่สบายใจ ความจริงผมก็ไม่ใช่นักอนุรักษ์อะไรมากมายหรอกออกจะคันไม้คันมือด้วยซ้ำไป
ผมเห็นด้วยกับความคิดนี้นะครับ แต่ที่ไร่ผมมันเป็นของบรรพบุรุษ ที่ทำกินมา และหางจากป่าพอสมควร และผมก็ไม่คิดจะไปล่า แต่เนื่องจากสัตว์ป่า สามารถเดินได้ไกล ออกมานอกป่า ซึ่งก็เจอหมูป่าหลงเข้ามาแล้ว เราก็พยายามปกป้องเขา แต่ชาวบ้านที่เป็นพรานไม่ยอมฟังเรา ถึงกับจะปะทะกับเราด้วยซ้ำครับ
สวนผมอยู่ในเขตเทศบาล น้ำปะปา ไฟฟ้าเข้าถึงครับ ในส่วนที่เป็นเขตของสัตว์ป่า ยังมีคนบุกรุกเข้าไปทำพืชไร่เลยครับ (ในเขตวนอุทยาน ) ก็คือมีการลุกล้ำเข้าไปในป่า ในขณะเดียวกัน สัตว์ป่าก็จะลงมากินพืชที่ชาวไร่ไปปลูก ทำให้ประจันหน้ากัน เหมือนกรณีช้างป่าที่กุยบุรี แต่ที่นี้เท่าที่ทราบ ชาวบ้านยังเห็นความสำคัญของกระทิง ที่จะดึงนักท่องเที่ยวมาเที่ยว จึงช่วยกันปกป้อง ทำให้ชาวไร่ไม่กล้าทำร้ายสัตว์ ได้แต่จุดปะทัดไล่ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่สบายใจก็คือ มีคนปล่อยข่าว ว่า หัวกระทิงพร้อมเขา ราคาขายได้เป็นแสน ทำให้มีคนแอบไปล่าจนได้ ผมได้แต่บอกว่า จริงๆแล้ว ถ้าแอบซื้อขายกันนั้น เท่าที่ผมทราบมา ราคา ไม่เกิน 2,000 บาท ดังนั้นไม่คุ้มกับการแอบล่า ไม่รู้ชาวบ้านจะเชื่อหรือเปล่า
ผมทราบว่ากระทิง หรือสัตว์ป่าใดใด ย่อมกลัวมนุษย์มากกว่าที่คิดจะทำร้ายมนุษย์ครับ
แต่บางคราวในยามจำเป็น มีสิ่งที่สามารถใช้ได้ ยังดีกว่าไม่มีครับ ผมว่าชีวิตเรา ครอบครัวเรา บางครั้งเรายอมทำผิด เพื่อปกป้องตัวเราและคนที่เรารัก เมื่อมีความจำเป็นครับ ใครจะคิดต่างไปก็แล้วแต่ครับ
ในความเป็นจริงแล้วแล้ว ผมว่าโอกาศที่ผมจะปะทะกับสัตว์ป่า มีน้อยกว่าที่จะปะทะกับคนที่จะมาล่าสัตว์ป่าครับ