เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
มิถุนายน 15, 2025, 01:06:18 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 3 [4]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: คนตกงานเป็นล้าน..เศรษฐกิจแย่อย่างนี้..ควรทำตัวอย่างไร  (อ่าน 6581 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
BIGFISH
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 94
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1174


กระบี่หวั่นไหว คนใช้ไร้คม


« ตอบ #45 เมื่อ: มีนาคม 04, 2009, 05:26:40 PM »

คิดถึงเรื่องช้าง ฟังเล่ามาให้ฟังต่อ

วิธีสอนช้างให้เชื่อง จับลูกช้างมัดโซ่ไว้กับต้นไม้ใหญ่ ไปไหนไม่ได้ ทำอะไรเองไม่ได้ ต้องรออาหาร น้ำที่ควาญหาให้ นานไป ช้างคิดว่าตนเองอยู่ไม่ได้ หากไม่มีควาญช้าง

เมื่อโตขึ้นเป็นช้างใหญ่ มีกำลังมหาศาล ควาญผูกโซ่ไว้กับต้นไม้เล็ก ๆ ช้างจะไม่ไปไหน เพราะเชื่อว่าตนเองถูกล่ามไว้ ไม่มีทางไปไหนได้

ระบบการศึกษาบ้านเรา เชื่อว่าเหมือนสอนคนเหมือนควาญเลี้ยงช้างใหญ่  เรียนรู้วิชามากมาย แต่นำมาใช้ไม่เป็น ข่าววิศวะจากสถาบันมีชื่อ ยิงตัวตายเพราะไม่ได้งานถูกใจ พ่อไม่ให้ไปต่อโทเมืองนอก  เป็นเพราะเราไม่ได้สอนลูกให้พึ่งตนเองได้หรือเปล่า  เยาวชนไม่ยอมลำบากก่อน หวังรวยทางลัด ค้ายาบ้า หาเงินง่าย คิดสั้นที่ไม่รอด

ระบบงานส่วนใหญ่เหมือนโซ่ที่ผูกเราให้เชื่อว่าไปไหนไม่ได้ 

ยกตัวอย่างดีๆ
ในเมือง  เห็นน้องๆ ฝ่ายบัญชี  หลังเลิกงาน ไปเลือกเสื้อผ้ามือสอง สภาพดี แบบสวย ไปขาย ยอดขายเดือนหนึ่งแตะสามหมื่นกว่าบาท กำไรอย่างน้อย 10 -30%

ฝ่ายช่าง ทำงานเป็นกะ วันไหนกะกลางคืน กลางวันไปช่วยเพื่อนยกเครื่องมือสอง

ในทะเล มีปลา มีหมึก มากมาย ต้องเรียนรู้วิถีหามากิน มาขาย พออยู่ได้ไม่อด

ในน้ำจืด ปลานิลกินไม่หวาดไม่ไหว ตำน้ำพริกเผาป่าคลุก  เด็ดยอดมะกอกโรย ในชามข้าว ไข่ต้ม ปลาย่าง ชีวิตมีความสุขได้เหมือนๆเสมอภาคกัน  เมื่อคำข้าวคลุกน้ำพริกผักสด เปรี้ยวเค็มหวานเจือเผ็ด เข้าปาก

การปิดสนามบิน คนไม่เห็นด้วยมีเยอะ แต่ไม่ใช่ว่าเสียงส่วนใหญ่จะถูกไปทั้งหมด  แต่ผลกระทบเชื่อว่ามีมาถึงปัจจุบันจริง  แต่อย่าไปกล่าวอ้างเลย ปัญหาเฉพาะหน้าต้องมองว่าจะรับมือกับปัจุบันอย่างไรก่อน  ส่วนการเมือง จะกระทบกับชีวิตข้างหน้าอย่างไร จะไปต่ออย่างไรเดี่ยวค่อยมอง เอาตัวให้รอดวันนี้ก่อน ปล่อยให้คนที่วันนี้ไม่เดือดร้อนคิดไป    หากบรรทัดฐานของสังคมไทยยังแยกได้ยากว่าอะไรถูกผิด หวังพึ่งรัฐสวัสดิการคงต้องทำใจ เงินจะเอามาจากไหน หาเงินกู้ ภาษีคนรวย เจริญแน่ แต่ช้าหน่อย

เมื่อเจอเหตุการณ์ที่ซับซ้อน ผมชอบกลับไปตั้งหลักที่พื้นฐาน

ว่า วิชาเศรษฐศาสตร์เป็นการศึกษาถึงวิธีการจัดสรรทรัพยากรอันมีอยู่อย่างจำกัดเพื่อผลิตสินค้าและบริการต่างๆสนองความต้องการของมนุษย์ซึ่งโดยทั่วไปมีความต้องการไม่จำกัด ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

มองว่ามันผิด ตั้งแต่ต้น และคิดย้อนศรไปตามหลักเศรษฐกิจ พอเพียง  ไหว้ ใช้ทรัพยากรทีมีอย่างจำกัดให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด วิชาเศรษฐศาสตร์จำเป็นต้องว่าด้วยการจัดการความต้องการในระดับที่เหมาะสมด้วย
ที่ผ่านมา ตลาดทุน ตลาดเงิน ตลาดการอุปโภค บริโภค ถูกกระตุ้น สร้างค่านิยมให้เกินระดับความต้องการพื้นฐานและรางวัลชีวิตที่เหมาะสมจริงๆครับ  ดุอัตราการผลิตอุตสาหกรรมรถยนต์ที่สูงกว่ามากเมื่อเทียบกับอายุใช้งานของรถและความต้องการรถที่เพิ่มขึ้นเป็นตัวอย่างที่ชัดครับ

มีเรื่องราวที่แย้งกับแนวคิดข้างต้นอีกด้านหนึ่งสุดโต่ง บ้านเรามีอยู่เยอะเหมือนกัน
ความต้องการ บางเรื่องเป็นเรื่องธรรมชาติที่ควบคุมไม่ได้ เช่นนักเที่ยวต้องการเที่ยวหาความสำราญแบบไม่จำกัดเวลา ผู้ประกอบกิจการร้านบันเทิง อยากเปิดเพื่อความอยู่รอดของกิจการ ทีมงานและกำไรที่มากที่สุด
แต่มีข้อห้ามต้องปิดร้านในเวลาที่จำกัด เจ้าของร้านเป็นช้างแตกปลอก มีกำลังมหาศาล รู้กำลังของตน มีวิธีพิเศษให้ตนเองเปิดร้านเลยเวลา โดยการจัดทรัพยากรไปสนองความต้องการของควาญช้างผู้ดูแลกฎ ได้ประโยชน์ร่วมกันอย่างสมดุล เกิดเป็นธรรมเนียมปฏิบัติซึ่งจะยกเลิกข้อจำกัดที่ห้ามไว้เดิมนั้น ก้อไม่ได้ ขำก๊าก แบร่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 04, 2009, 05:29:50 PM โดย BIGFISH » บันทึกการเข้า

ดาบของชาติเล่มนี้   คือชีวิตเรา
ถึงจะคมอยู่ดี            ลับไว้
C.J. - รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 314
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5383


ขอ...นัดเดียว


เว็บไซต์
« ตอบ #46 เมื่อ: มีนาคม 04, 2009, 07:30:52 PM »

ครับ... ต้องพอเพียง

-----------------------------------
พระราชบัญญัติประกันสังคม

พ.ศ. ๒๕๓๓

หมวด ๘

ประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน

มาตรา ๗๘  ลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานต่อเมื่อผู้ประกันตนได้จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่าหกเดือนและต้องอยู่ภายในระยะเวลาสิบห้าเดือนก่อนการว่างงานและจะต้องเป็นผู้ที่อยู่ในเงื่อนไขดังต่อไปนี้

(๑) เป็นผู้มีความสามารถในการทำงาน พร้อมที่จะทำงานที่เหมาะสมตามที่จัดหาให้หรือต้องไม่ปฏิเสธการฝึกงานและได้ขึ้นทะเบียนไว้ที่สำนักจัดหางานของรัฐ โดยต้องไปรายงานตัวไม่น้อยกว่าเดือนละหนึ่งครั้ง

(๒) การที่ผู้ประกันตนว่างงานต้องมิใช่ถูกเลิกจ้างเนื่องจากทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้างหรือจงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหายหรือฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงาน หรือคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายในกรณีร้ายแรง หรือละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาเจ็ดวันทำงานติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันสมควรหรือประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงหรือได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทความผิดลหุโทษ

(๓) ต้องมิใช่ผู้มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพตามหมวด ๗ ในลักษณะนี้

มาตรา ๗๙  ให้ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนการว่างงานตั้งแต่วันที่แปดนับแต่วันว่างงานจากการทำงานกับนายจ้างรายสุดท้าย ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง
--------------------------------------------------------------------------------

กฎกระทรวง

กำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน

พ.ศ. ๒๕๔๗
           

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๗๙  แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๕ และมาตรา ๔๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้

 ข้อ ๑  ให้ลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานตามมาตรา ๗๘ มีสิทธิได้รับเงินทดแทนในกรณีว่างงานในอัตราดังต่อไปนี้

(๑) ร้อยละห้าสิบของค่าจ้างรายวันสำหรับการว่างงานเพราะเหตุถูกเลิกจ้างโดยให้ได้รับครั้งละไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน

(๒) ร้อยละสามสิบของค่าจ้างรายวันสำหรับการว่างงานเพราะเหตุลาออกจากงานหรือเหตุสิ้นสุดสัญญาจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาการจ้างไว้แน่นอนและเลิกจ้างตามกำหนดระยะเวลานั้น โดยให้ได้รับครั้งละไม่เกินเก้าสิบวัน

ในกรณีที่ผู้ขอรับประโยชน์ทดแทนยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเพราะเหตุตาม (๑) หรือเหตุตาม (๑) และ (๒) เกินกว่าหนึ่งครั้งภายในระยะเวลาหนึ่งปีปฏิทินให้มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานทุกครั้งรวมกันได้ไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน แต่ในกรณีที่ผู้ขอรับประโยชน์ทดแทนยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเพราะเหตุตาม (๒) เกินกว่าหนึ่งครั้งภายในระยะเวลาหนึ่งปีปฏิทิน ให้มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานทุกครั้งรวมกันได้ไม่เกินเก้าสิบวัน

ในกรณีที่ผู้ขอรับประโยชน์ทดแทนได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานในระยะเวลาหนึ่งปีปฏิทินใดไม่ครบกำหนดเวลาตามวรรคสอง ให้มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนโดยการนับระยะเวลาต่อเนื่องไปยังปีปฏิทินถัดไปได้

การจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานให้จ่ายเป็นรายเดือน สำหรับเศษของเดือนให้คำนวณจ่ายเป็นรายวัน

ให้นำบทบัญญัติมาตรา ๕๗ มาใช้บังคับกับการคำนวณค่าจ้างรายวันเพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน โดยอนุโลม

 ข้อ ๒  ให้ลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานตามมาตรา ๗๘ ได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานตามข้อ ๑ ตั้งแต่วันที่แปดนับแต่วันว่างงานจาการทำงานกับนายจ้างรายสุดท้าย เว้นแต่ลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนผู้ใดไม่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ที่สำนักจัดหางานของรัฐภายในสามสิบวันนับแต่วันว่างงาน ให้มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานนับตั้งแต่วันที่ลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนผู้นั้นได้ขึ้นทะเบียนไว้ที่สำนักจัดหางานของรัฐ

 ข้อ ๓  ให้สำนักงานงดการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานแก่ผู้ขอรับประโยชน์ทดแทนเมื่อ

(๑) ผู้ขอรับประโยชน์ทดแทนกลับเข้าทำงานเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๓ อีก โดยให้สิ้นสุดการรับประโยชน์ทดแทนตั้งแต่วันที่กลับเข้าทำงานเป็นผู้ประกันตน

(๒) ผู้ขอรับประโยชน์ทดแทนได้ปฏิเสธการทำงานหรือปฏิเสธการฝึกงานที่เหมาะสมตามที่จัดหาให้โดยไม่มีเหตุอันสมควร ให้งดการจ่ายประโยชน์ทดแทนตั้งแต่วันที่ปฏิเสธ

(๓) ผู้ขอรับประโยชน์ทดแทนไม่ไปรายงานตัวที่สำนักจัดหางานของรัฐโดยไม่มีเหตุอันสมควรให้งดการจ่ายประโยชน์ทดแทนในเดือนที่ไม่ไปรายงานตัวนั้น

 ข้อ ๔  กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๗ เป็นต้นไป

 
ให้ไว้ ณ วันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๗

อุไรวรรณ  เทียนทอง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน



หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ เนื่องจากได้มีการกำหนดให้ดำเนินการจัดเก็บเงินสมทบเพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ประกอบกับมาตรา ๗๙ แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ บัญญัติให้ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานตามหลักเกณฑ์และอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 04, 2009, 07:34:54 PM โดย JongRakN » บันทึกการเข้า

ธรรมของสัตบุรุษ

๑. ธัมมัญญุตา - รู้จักเหตุ ๒. อัตตัญญุตา - รู้จักผล ๓. อัตตัญญุตา - รู้จักตน ๔. มัตตัญญุตา - รู้ประมาณ ๕. กาลัญญุตา - รู้จักกาล ๖. ปริสัญญญุตา - รู้จักประชุมชน ๗. ปุคคลปโรปรัญญุตา - รู้จักเลือกบุคคล

http://www.dopaservice.com/eservice/content.do?ctm_id=gun&function=document&gro
meethai
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 55
ออฟไลน์

กระทู้: 906


« ตอบ #47 เมื่อ: มีนาคม 04, 2009, 10:00:06 PM »

เดวนี้เวลาจะใช้เงินที่นี้คิดแล้วคิดอีกเลยครับ...ตอนนี้เลยตั้งใจเลิกเหล้าและบุหรี่เลยครับทำได้มา17วันแระครับตั้งแต่วันวาเลนไท...ประหยัดตั้งได้เยอะมาก

 Smiley เป็นกำลังใจให้เลิกได้สำเร็จครับ ดีต่อสุขภาพ และการเงิน อีกทั่งไม่เป็นที่รังเกลียดของคนรอบข้าง เราเกิดมาไม่ต้องพึ่งสิ่งเหล่านี้เราก็อยู่ได้ ทำไมต้องให้สิ่งเหล่านี้มาพรากความสุขของเรา

 Smiley "หาได้น้อยหน่อยไม่เป็นไร แต่จะทำอย่างไรให้ใช้จ่ายน้อยลง"

ขอหนับหนุนด้วยคน ผมก็คงต้องเอายังงี้บ้างละครับ ไม่งั้นต่อไปอนาคตคงต้องลำบากแน่นอน
บันทึกการเข้า
lek
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1594
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 13942


การแบ่งปัน ทำให้เราและคนอื่นมีความสุข


« ตอบ #48 เมื่อ: มีนาคม 04, 2009, 10:24:11 PM »

เอ้อ....ทำตัวเหมือนมหาจำลอง    รับรองไม่เดือดร้อน
บันทึกการเข้า

มีความสุขแบบที่เรามีก็พอhttp://www.gunsandgames.com/smf/index.php?board=29.0  (รวมพลคนอีสาน)
Mr.Sombat....ฟ่อ ฟ่อ
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 19
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 175



« ตอบ #49 เมื่อ: มีนาคม 04, 2009, 10:56:49 PM »

ช่วงนี้โดนกันถ้วนหน้าเลยครับ เศร้าจัง....ฟ่อ ฟ่อ Undecided Undecided
บันทึกการเข้า
Hang
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #50 เมื่อ: มีนาคม 05, 2009, 09:19:05 AM »

เอ้อ....ทำตัวเหมือนมหาจำลอง    รับรองไม่เดือดร้อน
เอ๊อะ .... ม่ายเอา ม่ายยึดสนามบิน  อิอิ
บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #51 เมื่อ: มีนาคม 05, 2009, 09:47:29 AM »

มีนายจ้างบางพวก ชอบคัดพนักงานที่กำลังตั้งครรภ์ออกจากงานครับ... เพราะไม่อยากจ่ายค่าจ้างช่วงลาคลอด และช่วง"ท้องแก่"จะทำงานไม่เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าไม่คุ้มค่าจ้าง...

หากโกรธแค้นใคร ควรเลือกโกรธแค้นที่ใกล้ตัวครับ... เพราะผูกเรื่องโยงเข้าหากันได้ง่ายกว่า โดยเฉพาะผูกเรื่องบนศาลแรงงาน จะได้รับการคุ้มครองฯ...

จขกท. ลองหาข้อมูลครับ ว่าถูกเลิกจ้างกี่คน อายุเท่าไหร่ กำลังตั้งครรภ์กี่คน... แล้วที่ถูกเลิกจ้างน่ะได้เงินกันครบถ้วนหรือไม่ ซึ่งประกอบด้วย "เงินค่าชดเชย"จะกี่เท่าของเงินเดือนตามอายุงาน และเงินค่า"บอกกล่าวล่วงหน้า"เป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน... รวมตัวกันฟ้องศาลมั่งก็ดี การพึ่งพากฏหมาย และการฟ้องศาล ถือว่าเป็นสิ่งที่คนดีศรีสังคมสมควรกระทำครับ...

หากพบว่าถูกให้ออกด้วยสาเหตุอันไม่เป็นธรรม ก็สามารถฟ้องศาลขอค่าเสียหาย หรือให้ศาลบังคับให้จ้างต่อ จากนั้นให้ทนแรงกดดันช่วงก่อนคลอด แล้วลาคลอดบุตรเสียเลย(ได้รับเงินเดือน)... จากนั้นกลับมาทำงานแล้วค่อยลาออกอย่างเป็นทางการครับ...

การที่รับค่าจ้างเป็นรายวันติดต่อกันเป็นระยะเวลาหนึ่ง ในบางกรณีสามารถถือว่าเป็น"ลูกจ้างประจำ"ได้ครับ... ถึงแม้จะเรียกกันเองว่า"ลูกจ้างรายวัน"ก็ตาม... พวกฝ่ายบุคคลเองก็ไม่แน่ว่าจะรู้กฏหมายแรงงานจริงๆ...

ดังนั้นหากจะโกรธใคร ควรจะผูกเรื่องโยงกันให้เป็นประโยชน์แก่ชีวิตครับ... ฟาดงวงฟาดงาโดยไม่ได้ประโยชน์ เป็นเรื่องที่ไม่ได้อะไรแก่ชีวิต และสามารถทำให้ผู้อื่นมองเราเป็นอีกระดับหนึ่งครับ...
บันทึกการเข้า
MP 436
Hero Member
*****

คะแนน 186
ออฟไลน์

กระทู้: 1766



« ตอบ #52 เมื่อ: มีนาคม 05, 2009, 10:55:47 AM »

เศรษกิจก็แย่ อากาศก็ร้อน ต้องทำใจเย็นๆกันไว้ก่อน   Cheesy
บันทึกการเข้า
Nat_usp
เวลาเหลือน้อยแล้ว
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 708
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3010


กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง


« ตอบ #53 เมื่อ: มีนาคม 05, 2009, 07:28:51 PM »

ถ้าไม่มีหนี้สินที้ต้องผ่อนชำระนับว่าดีที่สุดครับ

วิธีช่วยเหลือเศรษฐกิจไทยตอนนี้ คือช่วยกันกินช่วยกันใช้ให้เป็นปรกติ
อย่าสร้างหนี้เพิ่มพยายามทำลายหนี้สินให้เร็วที่สุด เก็บเงินสดบ้าง กินสามส่วนใช้หนึ่งส่วน



เห็นด้วยครับผม
บันทึกการเข้า

รักในหลวงที่สุดที่ในโลก

เพียงดาวเบเกอรี่     http://forum.ayutthaya.go.th/index.php?topic=31931.0
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #54 เมื่อ: มีนาคม 06, 2009, 04:02:42 PM »

ยกกระทู้... ให้จขกท. ลองหาข้อมูล พึ่งศาลแรงงาน...

เผื่อ จขกท. มองไม่เห็น...

มีนายจ้างบางพวก ชอบคัดพนักงานที่กำลังตั้งครรภ์ออกจากงานครับ... เพราะไม่อยากจ่ายค่าจ้างช่วงลาคลอด และช่วง"ท้องแก่"จะทำงานไม่เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าไม่คุ้มค่าจ้าง...

หากโกรธแค้นใคร ควรเลือกโกรธแค้นที่ใกล้ตัวครับ... เพราะผูกเรื่องโยงเข้าหากันได้ง่ายกว่า โดยเฉพาะผูกเรื่องบนศาลแรงงาน จะได้รับการคุ้มครองฯ...

จขกท. ลองหาข้อมูลครับ ว่าถูกเลิกจ้างกี่คน อายุเท่าไหร่ กำลังตั้งครรภ์กี่คน... แล้วที่ถูกเลิกจ้างน่ะได้เงินกันครบถ้วนหรือไม่ ซึ่งประกอบด้วย "เงินค่าชดเชย"จะกี่เท่าของเงินเดือนตามอายุงาน และเงินค่า"บอกกล่าวล่วงหน้า"เป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน... รวมตัวกันฟ้องศาลมั่งก็ดี การพึ่งพากฏหมาย และการฟ้องศาล ถือว่าเป็นสิ่งที่คนดีศรีสังคมสมควรกระทำครับ...

หากพบว่าถูกให้ออกด้วยสาเหตุอันไม่เป็นธรรม ก็สามารถฟ้องศาลขอค่าเสียหาย หรือให้ศาลบังคับให้จ้างต่อ จากนั้นให้ทนแรงกดดันช่วงก่อนคลอด แล้วลาคลอดบุตรเสียเลย(ได้รับเงินเดือน)... จากนั้นกลับมาทำงานแล้วค่อยลาออกอย่างเป็นทางการครับ...

การที่รับค่าจ้างเป็นรายวันติดต่อกันเป็นระยะเวลาหนึ่ง ในบางกรณีสามารถถือว่าเป็น"ลูกจ้างประจำ"ได้ครับ... ถึงแม้จะเรียกกันเองว่า"ลูกจ้างรายวัน"ก็ตาม... พวกฝ่ายบุคคลเองก็ไม่แน่ว่าจะรู้กฏหมายแรงงานจริงๆ...

ดังนั้นหากจะโกรธใคร ควรจะผูกเรื่องโยงกันให้เป็นประโยชน์แก่ชีวิตครับ... ฟาดงวงฟาดงาโดยไม่ได้ประโยชน์ เป็นเรื่องที่ไม่ได้อะไรแก่ชีวิต และสามารถทำให้ผู้อื่นมองเราเป็นอีกระดับหนึ่งครับ...
บันทึกการเข้า
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #55 เมื่อ: มีนาคม 06, 2009, 04:17:17 PM »

ผมยังอยากทำเกี่ยวอาหารครับ เห็นช่องทางเยอะ แต่ไม่มีคนช่วย อยากหาแฟนขยันๆจัง จะเปิดให้ทำเลย หนทางรวยมี แต่ไม่มีกำลังคน

จขกท.ลองมองดูสิครับ หลายจว.ยังมีช่องว่างอีกเยอะ ไม่จำเป็นต้องไปขายแข่งกับใคร ไปอยู่ในเมืองที่แออัด ถนนบางสาย รถเยอะ จอดรถง่าย แต่หาของกินยากมาก

ทำอาหารจานเดียว เช่นก๋วยเตี๋ยว ข้าวมันไก่ ฯลฯ ทำดีๆอร่อยๆราคาไม่แพง ป้ายใหญ่ๆ จอดรถง่ายๆ ลองดูนะครับ  หลงรัก

คนรุ่นใหม่ๆมักจะชอบทำงานเป็นลูกจ้าง ไม่อยากลำบากมาทำมาค้าขายเท่าไหร่ น่าเสียดาย  Grin
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 06, 2009, 04:19:09 PM โดย เบิ้ม » บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
Daimyo
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 924
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9042



« ตอบ #56 เมื่อ: มีนาคม 06, 2009, 05:50:10 PM »

มีนายจ้างบางพวก ชอบคัดพนักงานที่กำลังตั้งครรภ์ออกจากงานครับ... เพราะไม่อยากจ่ายค่าจ้างช่วงลาคลอด และช่วง"ท้องแก่"จะทำงานไม่เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าไม่คุ้มค่าจ้าง...

หากโกรธแค้นใคร ควรเลือกโกรธแค้นที่ใกล้ตัวครับ... เพราะผูกเรื่องโยงเข้าหากันได้ง่ายกว่า โดยเฉพาะผูกเรื่องบนศาลแรงงาน จะได้รับการคุ้มครองฯ...

จขกท. ลองหาข้อมูลครับ ว่าถูกเลิกจ้างกี่คน อายุเท่าไหร่ กำลังตั้งครรภ์กี่คน... แล้วที่ถูกเลิกจ้างน่ะได้เงินกันครบถ้วนหรือไม่ ซึ่งประกอบด้วย "เงินค่าชดเชย"จะกี่เท่าของเงินเดือนตามอายุงาน และเงินค่า"บอกกล่าวล่วงหน้า"เป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน... รวมตัวกันฟ้องศาลมั่งก็ดี การพึ่งพากฏหมาย และการฟ้องศาล ถือว่าเป็นสิ่งที่คนดีศรีสังคมสมควรกระทำครับ...

หากพบว่าถูกให้ออกด้วยสาเหตุอันไม่เป็นธรรม ก็สามารถฟ้องศาลขอค่าเสียหาย หรือให้ศาลบังคับให้จ้างต่อ จากนั้นให้ทนแรงกดดันช่วงก่อนคลอด แล้วลาคลอดบุตรเสียเลย(ได้รับเงินเดือน)... จากนั้นกลับมาทำงานแล้วค่อยลาออกอย่างเป็นทางการครับ...

การที่รับค่าจ้างเป็นรายวันติดต่อกันเป็นระยะเวลาหนึ่ง ในบางกรณีสามารถถือว่าเป็น"ลูกจ้างประจำ"ได้ครับ... ถึงแม้จะเรียกกันเองว่า"ลูกจ้างรายวัน"ก็ตาม... พวกฝ่ายบุคคลเองก็ไม่แน่ว่าจะรู้กฏหมายแรงงานจริงๆ...

ดังนั้นหากจะโกรธใคร ควรจะผูกเรื่องโยงกันให้เป็นประโยชน์แก่ชีวิตครับ... ฟาดงวงฟาดงาโดยไม่ได้ประโยชน์ เป็นเรื่องที่ไม่ได้อะไรแก่ชีวิต และสามารถทำให้ผู้อื่นมองเราเป็นอีกระดับหนึ่งครับ...

ศาลแรงงานเป็นที่พึ่งของลูกจ้างได้เสมอครับ....

ผมเคยขึ้นศาลแรงงานอยู่บ้าง.....แตในฐานะตัวแทนนายจ้าง......แพ้เรียบ

ในมุมที่เป็นลูกจ้างเหมือนกัน....แม้จะแพ้คดีก็ตาม.....แต่ก็ซาบซึ้งเสมอว่า.....ศาลแรงงานเป็นที่พึ่งของลูกจ้างได้...

และเสมอๆ...ที่ศาลท่านจะตัดสินให้เป็นคุณกับลูกจ้าง.....
บันทึกการเข้า

ดังสายลมที่พัดผ่านลานป่า..พาใบไม้พลัดถิ่น..ดั่งสายน้ำที่ไหลรินพัดพา..นำดวงใจฉันมาใกล้เธอ..
"ความหวังดีที่เธอให้สังคม ฉันชื่นชมเธอเสมอ"
pong1
Full Member
***

คะแนน 9
ออฟไลน์

กระทู้: 131



« ตอบ #57 เมื่อ: มีนาคม 06, 2009, 05:51:01 PM »

ขอบพระคุณทุกคำตอบครับ

ตอนนี้หลานได้งานแล้ว ทำงานภาดพื้นดินของสายการบินแห่งหนึ่งที่สุวรรณภูมิ

เห็นบอกว่าเขาเอาคะแนนสอบ TOEIC ต้องไม่ต่ำกว่า 900 คะแนน ขึ้นไป..

ตอนที่ผมขอนายไปเรียนต่อโท..ตอนนั้นจำได้ผมทำได้แค่ 700 กว่าๆเท่านั้นเอง

ธรรมดางานหายาก เขาต้องเลือกคนให้ถึงที่สุด
บันทึกการเข้า
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #58 เมื่อ: มีนาคม 06, 2009, 06:26:52 PM »


      ว้าววววว  โทอิค 900 +  ...... เจี๊ยกกกก  เจ้าของภาษายังทำได้ยากเลย ..... สุดยอดจริงๆ  เจ็ดร้อยก็ยอดมนุษย์แล้ว   เก่งจัง

บันทึกการเข้า

                
หน้า: 1 2 3 [4]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.148 วินาที กับ 17 คำสั่ง