ถ้าไม่เกี่ยงเรื่องงาน มีงานทำแน่ครับ นายจ้างหลายรายก็ยังบ่นขาดลูกจ้าง จนเขมร ลาว พม่า ต้องเข้ามาทำงานแทน
เรื่องสภาวะการณ์ข้างหน้า อย่าไปคิดมาก ไม่งั้นจะเครียดจนทำอะไรไม่ได้เลย
นึกเรื่อง
- อาหารสามมื้อ สำหรับทุกคนในครอบครัว
- สิทธิการรักษาพยาบาล ถ้าจำเป็นต้องย้ายภูมิลำเนากลับบ้านเกิด
- การศึกษาของลูกอาจไม่ใช่โรงเรียนชื่อดังเหมือนเดิม
- ที่พักอาศัยที่ใหม่ที่จะเข้าไปอยู่
เอาแค่นี้ให้พอก่อน แล้วค่อยๆคิดหาทางขยับขยายกันต่อไป
นายสมชายหาแม่บ้านคนไทยมาทำงานบ้านที่บ้านไม่ได้ครับ... และจะไม่รับคนพม่า หรือคนต่างชาติด้วย ทุกวันนี้ก็ทำเองอยู่ทุกวันตั้งแต่กวาดบ้านถูบ้านซักผ้ารีดผ้า ฯลฯ...
เคยรับมาหนึ่งคน ให้เงินเดือน 5000 บาท กินด้วยกัน แต่แยกกันอยู่ มีห้องส่วนตัว+ห้องน้ำอยู่ พร้อมตู้เตียงเครื่องทำน้ำอุ่น พร้อม TV ใหม่เอี่ยม เริ่มงาน 06.00 น. เปิดประตูหน้าต่างบ้าน ช่วงกลางวันก็ต่างคนต่างอยู่ ไม่มีงานอะไรก็แยกไปอยู่ห้องตัวเอง เลิกงาน 17.00 น. แล้วอยากไปไหนก็ไป เข้ามาล้างจานชามวันพรุ่งนี้เช้า... ให้ถือกุญแจประตูรั้วหนึ่งชุด... มันอยู่ไม่ได้ บอกว่าเงินเดือนน้อยไป จะไปทำงานโรงงานได้เดือนละเป็นหมื่น... ฮา
นายสมชายจะไม่จ้างคนต่างชาติครับ... ตอนนี้ก็ยังหาไม่ได้ ห้องคนใช้ก็เลยกลายเป็นห้องเก็บของ... ฮา
ปัญหาเดียวกันครับพี่
ระบบการสั่งสอนบ้านเรา สอนง่ายๆเข้าว่า เช่น "เรียนสูงๆจะได้งานสบาย" , "เรียนสูงจะมีรายได้เยอะ" และผู้ใหญ๋ก็พร่ำสอนจนเป็นสูตรสำเร็จ ในโลกความจริงแล้วเราก็รู้กันอยู่ ไม่มีอะไรง่ายสบายแล้วได้เงินมาเยอะๆหรอก
พอเด็กถูกสอนฝังหัว เมื่อมาทำงานแล้วพบว่าไม่เป็นตามที่คาดหวัง ก็เริ่มเลือกงาน ....แต่สภาพความเป็นอยู่บ้านเรายังดีกว่าประเทศอื่น คือจนยังไง ก็มีข้าวกิน กล้วย ข้าว ส้มสูกลูกไม้ ยังพอหากินได้ แม้ไม่มีจริงๆ ก็ยังมีคนใจบุญทานให้เสมอ ....... คนบ้านเราถึงเลือกงาน
ผมเคยเจอฝรั่งวัยรุ่น มีการศึกษาพอสมควร พูดไทยไม่ค่อยได้ ออกรถปิ๊คอัพตอนเดียว วิ่งขายน้ำยาล้างคราบไขมัน ขายตามปั๊มน้ำมัน รอบๆกรุงเทพนี้แหละ อาศัยคุยกะลูกเถ้าแก่ ที่พอจะฟังภาษาอังกฤษได้ ดื้อขายจน ของหมดรถ

อีกเจ้า เป็นพ่อค้ารายย่อย ชาวไต้หวัน ถูกหลอกแต่งงานกะคนไทยจนหมดตัว สาวข้างบ้านนึกสงสาร เลยได้แต่งงานใหม่อีกครั้ง มีลูก เขาไม่ยอมกลับไปทำงานบ้านเกิดที่มีรายได้ดีกว่า กลับมาขายกล้วยปิ้งแถวบ้านผม ขายดีซะด้วย
ฝรั่งเยอรมัน มาขายปลาหมึกแห้งในตลาด หมอนี้ จนมากๆเพราะถูกสาวหลอก แต่เขาคิดเป็นระบบ จดๆบันทึกค่ารายรับรายจ่ายให้สมดุลอยู่เสมอ บางวัน เขาหิวข้าว เดินมาซื้อ มาม่า ..... พอเห็นนมสดเลยนึกอยากดื่ม คงไมได้กินมานาน เขาถามราคาก่อน ตอนนั้นไพน์ละ 33 บาท เขาดูเงินมันเกินงบ รีบเดินกลับเข้าไปเก็บนม แล้วซื้อ ม่าม่า เพิ่มอีกห่อ
ระยะเวลาไม่กี่ปี เขาสร้างฐานะจนอยู่ในขั้น ร่ำรวยระดับชาวบ้าน เป็นโมเดลให้ศึกษาได้ง่ายๆเลย
จุดหนึ่งที่ทุกคนเหมือนกันหมด คือเขาจะไม่พยายามสร้างหนี้เพื่อการบริโภค