http://hilight.kapook.com/view/35196 หากเอ่ยถึงไอดอลคนดังรุ่นเก่าที่เป็นตำนาน หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อราชาเพลงร็อกแอนด์โรลล์ "เอลวิส เพรสลีย์" แต่ถ้าเป็นเพลงลูกทุ่งไทย ก็ไม่มีใครทาบรัศมีราชินีลูกทุ่ง "พุ่มพวง ดวงจันทร์" และหากนึกถึงพระ-นางคู่ขวัญที่เป็นดาวค้างฟ้าก็เห็นจะมีแต่ "มิตร ชัยบัญชา" และ "เพชรา เชาวราษฎร์"....ที่ชวนมานึกย้อนวันวานกันอย่างนี้ เพราะเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่22 มีนาคมที่ผ่านมา อดีตนางเอกนัยน์ตาหยาดน้ำผึ้ง เพชรา เชาวราษฎร์ ได้ยอมให้สัมภาษณ์ทางรายการโทรทัศน์เป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี กับรายการ วู้ดดี้เกิดมาคุยจึงทำให้เรื่องราวของเธอถูกถามถึงและได้รับความสนใจขึ้นอีกครั้ง ดังนั้นวันนี้กระปุกดอทคอมจึงไม่พลาดที่จะพาไปเจาะลึกชีวิตเพชรน้ำเอกของวงการบันเทิงไทยคนนี้กันค่ะ
"เพชรา เชาวราษฎร์" หรือ "คุณอี๊ด" มีชื่อจริงนามสกุลจริงว่า "เอก เชาวราษฎร์" เกิดเมื่อวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2486 ปัจจุบันอายุ 66 ปี เป็นชาวจังหวัดระยอง มีพี่น้องทั้งหมด 7 คน โดยเพชราเป็นคนที่ 4 เธอก้าวเข้าสู่วงการภาพยนตร์หลังจากที่ชนะการประกวดธิดาเมษาฮาวาย เมื่อปี พ.ศ.2504 จากการชักชวนของ ศิริ ศิริจินดา แห่งบริษัทจินดาวรรณภาพยนตร์ และดอกดิน กัญญามาลย์ ทั้งนี้ ในปี พ.ศ.2505 เพชราได้ประเดิมภาพยนตร์เรื่องแรก "บันทึกรักของพิมพ์ฉวี" คู่กับ มิตร ชัยบัญชา ขณะอายุได้ 19 ปีจากนั้นทั้งคู่ก็กลายเป็นดาราคู่ขวัญสัญลักษณ์ของภาพยนตร์ไทยมาตลอดจนกระทั่งหยุดการแสดงในปี พ.ศ.2521 หลังจากชีวิตต้องตกอยู่ในโลกมืด!!!
"ที่มีคนพูดกันว่า ดิฉันหยอดตาเพื่อให้ตาหวานตาสวย คิดดูสิว่า เล่นหนังมากี่เรื่องล่ะ คงจะหยอดตามาตลอด...ตาจึงมีปัญหาอย่างนี้ แต่นั่นไม่เป็นความจริงเลยค่ะ สาเหตุเป็นเพราะดิฉันร้องไห้เยอะ ไม่ได้พักดวงตา และขับรถเองตลอด ประกอบกับสมัยนั้น ถ่ายหนังต้องใช้ไฟแรง หรือใช้รีเฟล็กซ์เยอะ ช่วงหลังๆ เมื่อปี 2513 ดิฉันเริ่มแสบตา ถูกแอร์รถยนต์ก็แสบ แต่ดิฉันก็ยังขับรถไปถ่ายหนังต่างจังหวัดเอง และอดทนแสดงภาพยนตร์จนถึงเรื่องสุดท้ายคือ "ไอ้ขุนทอง" เข้าฉายในปี 2520"
เมื่อดวงตาเริ่มมีปัญหา ใช่ว่าเพชราจะละเลยรักษาดูแล แต่ด้วยภาระงานที่ไม่อาจเลี่ยงได้จึงส่งผลให้การไปหาหมอไม่สม่ำเสมอ เธอเล่าว่าพออาการเริ่มหนักขึ้น ถึงกับเคยขับรถปีนเกาะกลางถนนหลายครั้ง และเมื่อเข้าขั้นวิกฤตเธอก็พยายามรักษาทุกวิถีทาง กระทั่งแพ้ยาจนตัวบวม น้ำหนักเพิ่ม จาก 47-48 กิโลกรัม มาหนัก 60 กว่ากิโลกรัม
"ต้องซื้อเสื้อผ้าคนท้องมาใส่ ผมร่วงหมดศีรษะ ฝ้าขึ้นดำไปทั้งหน้าทั้งตัว จนคนที่รู้จักจำไม่ได้ เมื่อตัวบวมมากๆ ก็หายใจไม่ออก กลืนน้ำก็ไม่ได้ ต้องเข้าไปนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล หมอบอกว่า ช่วงนั้นไตหยุดทำงาน พิษยาจึงคั่งค้างทำให้ตัวบวม ต้องรอให้พิษยาลดลง จากที่เคยสวมแว่นดำและนั่งแท็กซี่ไปไหนมาไหนได้เอง ตอนหลังก็มองไม่เห็น ออกไปไหนคนเดียวไม่ได้แล้ว!!"
แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้รุนแรงต่อจิตใจของผู้หญิงสวยคนหนึ่งจนยากเกินยอมรับและทำใจได้ เพชราตัดสินใจตัดขาดจากวงการภาพยนตร์ เพื่อมุ่งรักษาดวงตาของตัวเองกว่า 16-17 ปี แต่นั่นก็ไม่ทำให้เธอกลับมามองเห็นโลกสีสวยใบนี้ได้อีก แม้กระทั่งการให้สัมภาษณ์ครั้งล่าสุดในรายการ วู้ดดี้เกิดมา เพชราก็ยังคงไม่เปิดเผยหน้าตาออกสื่อให้ใครได้เห็น โดยบอกว่าไม่อยากให้คนอื่นเห็นเธอ ขณะที่เธอไม่สามารถมองเห็นคนอื่น
"ปัจจุบันดิฉันปิดบ้าน ไม่ออกไปไหน ไม่ให้ใครเห็น เพราะดิฉันทำใจไม่ได้ ยอมรับตัวเองไม่ได้ พอนึกถึงคำว่า "เพชราตาบอด" ขึ้นมาครั้งใด น้ำตาจะไหลพรากทุกครั้งใช้เวลาทำใจอยู่หลายปี แต่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังอยากกลับมามองเห็นเหมือนเดิม อยากดูเบอร์โทรศัพท์เอง อยากเห็นสีสัน อยากขับรถเอง อยากตัดสินใจอะไรด้วยตัวเอง" อดีตนางเอกขวัญใจผู้ชมชาวไทยเล่าถึงความทุกข์ที่ต้องผจญกับโลกมืด
ด้านชีวิตส่วนตัว เพชรา สมรสกับ ชรินทร์ นันทนาคร ศิลปินนักร้อง นักแสดง ผู้กำกับภาพยนตร์ ได้รับการยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2541 ที่ถึงแม้ตอนนี้นัยน์ตาเพชราจะบอดสนิท แต่ ชรินทร์ ก็ยังคงอยู่ดูแลเป็นคู่ชีวิตจนถึงทุกวันนี้
ด้านผลงานในวงการอาจเรียกได้ว่า "เพชราเป็นนางเอกต้นแบบของวงการหนังไทย เธอมีผลงานในฐานะเป็นนางเอกหรือผู้แสดงนำกว่า 300 เรื่อง ตลอดช่วงเวลาเกือบ 20 ปีในอาชีพนักแสดง"
"สมัยนั้นแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกได้รับค่าตัว 3 พันบาท และเคยได้ค่าตัวสูงสุด 5 หมื่นบาท ช่วงที่เข้าวงการใหม่ๆ ดิฉันอดนอนไม่เป็น พอถ่ายหนังไปถึงเที่ยงคืนก็ง่วง พูดไม่รู้เรื่องแล้ว...ช่วงที่มีงานเยอะ ดิฉันถ่ายหนังทุกวัน วันละ 2 เรื่อง ถ่ายทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่เคยเล่นตัวเลยค่ะ แต่งานเยอะมากจนไม่มีเวลาจริงๆ แม้แต่เวลาพักผ่อนยังไม่มี"
จากการให้สัมภาษณ์ในรายการวู้ดดี้เกิดมาคุยทำให้เรารู้ความจริงอีกอย่างว่า มิตร ชัยบัญชา พระเอกคู่ขวัญที่เราเห็นในจอ แท้จริงแล้วไม่ค่อยถูกคอกันกับเพชราเสียเท่าไหร่ แต่เธอก็บอกไม่เคยโกรธกันแบบจริงจังๆ แถมยังเอ่ยชมในความจริงใจและเป็นคนคบง่ายของพระเอกผู้ล่วงลับอีกด้วย
แม้วันนี้เราจะไม่ได้เห็นหน้า "เพชรา เชาวราษฎร์" แต่เชื่อว่าวันนี้เธอยังสวยสมวัย และเป็นนางเอกในดวงใจของคนไทยตลอดกาล