เเต่ผมกลับไม่เห็นด้วยเลยครับ ผมคิดว่าเป็นการเเก้ปัญหาที่กำปั้นทุบดินมากไปหน่อย การที่คิดเเค่ว่ารับคนที่จบสูงๆมา จะได้มีเเต่คนดีเเละเก่งผมว่ามันคนละเรื่องกันเลย กลายเป็นว่าคนนึงจบป.ตรีจากมหาลัยได้เป็นนายสิบ อีกคนจบสามพรานวุฒิระดับเดียวกันเเต่ได้เป็นนายร้อย มันหมายความว่าหลักสูตรป.ตรีจากสามพรานมีคุณภาพกว่าของมหาลัยภายนอกหรือ?? คนอยากเป้นนายร้อยที่บ้านฐานะดีสอบเตรียมทหารติดได้เป็นว่าที่นายร้อยตั้งเเต่อายุ14 มีเงินเดือน เสื้อผ้าฟรี อุปกรณ์การเรียนฟรี คนอยากเป็นนายสิบต้องขวนขวายเรียนเอง(ยากจนไม่มีปัญญาเรียนก็ไม่ต้องมาเป็นตำรวจ) จนจบป.ตรี เเล้วถึงจะมีสิทธิมาเป็นลูกน้องคนจบนายร้อยอีกทีเวรกรรมนายสิบบางคนกับเชี่ยวชาญกฏหมายหว่านายร้อยซะอีก เเต่ต้องเป็นเเค่นายสิบ เเล้ววุคิดดูว่างานของชั้นประทวนต่างๆ ให้พวกนายร้อยมานั่งทำเขาจะทำกันไหม นั่งเฝ้าห้องขัง พิมพ์ลายนิ้วมือ ยืนโบกรถตามสี่เเยก พวกนี่ต้องใช้ความรู้ถึงวุฒิปริญญาตรีหรือ ค่าเเรงค่าตอบเเทนสวัสดิการคุ้มหรือไม่ เเล้วนักเรียนนายสิบวุฒิปริญญาตรีที่ผ่านมาถือว่ามีคุณภาพหรือไม่ ผมเห้นเเต่พวกอยากเป้นนายร้อย โดนหลอกขายฝันมาตอนสมัครว่า สอบมาเป็นนายสิบชั่วคราว เดี๋ยวมีสอบภายในก็ได้เป็นนายร้อย วันๆไม่คิดอะไรมากทำงานเเบบถนอมตัว อะไรเสี่ยงอะไรลำบากไม่ทำ คิดว่าจบตั้งป.ตรีทำไมต้องมาลำบากเเบบพวกรุ่นพี่วุฒิม.6 วันๆจะรอสอบเป็นนายร้อยอย่างเดียว ไม่มีความเคารพรุ่นพี่เลย ถือว่าตัวเองจบมาสูงกว่าฉลาดกว่า อนาคตนายร้อย เเล้วงานมันจะไปมีคุณภาพได้ยังไง นี่หรือคนเเบบที่สตช.ต้องการ เเล้วคนที่เขาอาจจะตั้งใจเป้นตำรวจจริงๆ เเต่ฐานะลำบากจบเเค่ม.6กลับไม่มีโอกาศเป็นตำรวจเลย ผมเห็นตำรวจเยอะเเยะ จบม.6มาสอบนายสิบ พอเป็นตำรวจมีการมีงานไม่ลำบากที่บ้าน เขาก็กระตือรือล้นที่จะขวนขวายเรียนต่อป.ตรี จนได้เป็นนายร้อย เเต่ต่อไปคนเหล่านี้จะไม่ได้รับโอกาศได้เป็นตำรวจอีกเเล้ว โดยวัดคุณค่าของคนเพียงเเค่กระดาษเเผ่นเดียว ที่บอกว่าผู้บังคับบัญชาหวังดีอะผมถามคำเดียวท่านทำอะไรเคยถามความเห็นลูกน้องบ้างหรือเปล่า
หรือท่านคิดว่าท่านเองเก่งอยู่เเล้วทำอะไรไปก็ต้องถูกเสมอ(ลูกน้องมีหน้าที่เเค่ปฏิ
บัติตาม) นายพลนายพันประชุมกัน100กว่าคนถือว่าเป็นความเห็นของทั้งสตช.ทั้ง200,000คนใช่หรือไม่
ขอแสดงความเห็นด้วยคนนะครับ .............. ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้มีเส้นทางการเรียนและอาชีพ ตามที่เจ้าของกระทู้กล่าว แต่ออกแนวคล้ายๆกัน
ตามที่อ่านๆมา .............. จะบอกให้เป็นข้อมูลพิจารณาแนวทางในการกำหนดเส้นทาง (ต้องขออภัยไว้ก่อนถ้า"ตรง"เกินไป)
รร.นายร้อยตำรวจ (รร.นรต.) คือสถาบันที่ ตำรวจเขาตั้งมาเพื่อผลิต นายตำรวจ"หลัก" ของ สตช. ซึ่งการหล่อหลอมและเล่าเรียน สตช.เป็นคนกำหนด สำหรับการทำงานใน สตช. ที่สถาบันอื่นไม่ได้หล่อหลอมและเล่าเรียน ตามที่ สตช.กำหนด............... อย่างแรก ถ้าอยากเรียน ต้อง"สอบให้ได้" สอบได้ก็เข้าไป"เรียนให้จบ" ................. ถ้าสอบไม่ได้ ก็ช่วยไม่ได้ และไม่ควรไปวิจารณ์การคัดเลือก การเรียนการสอน และ แนวทางการรับราชการของบุคลากรเหล่านี้ ......................ส่วนใครจบมา ทำตัวดี หรือเลว อย่างไร เป็นเรื่องของแต่ละบุคคลๆไป .................
ไม่ใช่สอบเข้าไปเรียนไม่ได้ แล้วมากล่าวประชดว่า เรียนฟรี มีอนาคต ............. ถ้าอยากเป็นแบบเขา "ต้องสอบให้ได้" ถ้าสอบไม่ได้ ก็ไปหาทางอื่น .........
ทางเลือกอีกทางหนึ่ง คือ จบ ป.ตรีแล้วเข้ารับราชการเป็นนายตำรวจสัญญาบัตร .................. ก็สอบเข้าให้ได้ เมื่อเข้าไปแล้ว ก็ทำงานไปตามระบบ จะดี จะเลว อยู่ที่ตัวบุคคล .................... แต่ถ้าจะหวังว่าตัวเองไปเทียบกับ นายร้อยหลัก ก็คิดได้ และต้องทำงานให้ดีกว่า โอกาสก้าวหน้ามีแน่นอน .................... แต่บอกไว้ให้อย่างหนึ่งว่า สตช.เขามีแหล่งผลิต นายตำรวจหลัก ของหน่วยงานอยู่................
งานของนายสิบ ที่กล่าวมา............. ก็ถูกต้องแล้วนี่ครับ เขาจะให้นายร้อยไปทำได้ยังไง คนที่เป็นนายสิบ มีใครบังคับ ............. สอบบรรจุเป็นพลตำรวจตอนแรกเจ้าตัวเลือกเองไม่ใช่หรือ .................... มีใครไปบังคับว่า สอบนายร้อยไม่ได้ ต้องไปสอบพลตำรวจเท่านั้น ........
ที่กล่าวว่างานนายร้อย นายสิบบางคนทำได้ดีกว่าเสียอีก ................ ก็ใช่ เพราะความเก๋า กับความใส่ใจในหน้าที่การงานที่พัฒนาตัวเองขึ้น .............. เขาถึงกำหนดให้มีการสอบเลื่อนฐานะจากนายตำรวจชั้นประทวน เป็นชั้นสัญญาบัตรไงครับ ................... อยากเลื่อนฐานะก็ต้องมีวุฒิตามที่กำหนด และ"ต้องสอบให้ได้" ........................ไม่เห็นมีอะไรแปลก แต่งานระดับนายพัน หานายสิบยาก ที่จะทำงานระดับนี้ได้ ............ ถ้าไม่ผ่านงานระดับนายร้อยมาก่อน ...........
ทั้งนายสิบ และนายร้อยบางคน ใน"ภาพรวม" เวลาเกเร เกตุง .............. เห็น"ดับ"ทุกราย ไม่ก้าวหน้ากันสักคน ............. ถ้าทำงานดี ก็เห็น"ได้ดี"กันทุกคน ................
สตช.เป็นหน่วยงานที่"มีสายการบังคับบัญชา" เช่นเดียวกับหน่วยงานอื่นๆของรัฐ แม้แต่บริษัท ก็มีสายการบังคับบัญชา .................การที่กล่าวว่า
"นายพลนายพันประชุมกัน100กว่าคนถือว่าเป็นความเห็นของทั้งสตช.ทั้ง200,000คนใช่หรือไม่ " นั้น ............. ถ้าตอบตรงๆตามหลักการ"บังคับบัญชา" ก็ถือว่าใช่ เพราะว่าเป็นผู้รับผิดและรับชอบ ในการกระทำหรือตกลงใจทั้งสิ้น เป็นขอบเขตอำนาจหน้าที่ ตามที่ กฎหมายกำหนด ..................ถ้าเอาคนสามแสนกว่าคนใน สตช. มากระทำหรือตกลงใจพร้อมๆกัน คงพิลึก................ บริษัทเอกชน มีใครเขาให้พนักงานเป็นพันเป็นหมื่นคนมาตกลงใจในเรื่องกิจการบ้าง................เขามี Boss กันทั้งนั้น
ตราบใดที่เข้ามาอยู่ในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นของรัฐ หรือเอกชน ................ ต้องดำเนินวิถีทางการทำงานไปตามระบบ .............ถ้าอยากจะตัดสินใจเอง ทำเอง ........... ก็ต้องเป็นเจ้าของกิจการเอง แบบหลงจู๊..............
การทำงานในองค์กรต่างๆนั้น .................ไม่เหมือนกับการเรียนหนังสือหรอกครับ
เรียนหนังสือ รับผิดชอบแค่ตัวเอง ............. เป็นไอดีลล้วนๆ ตามหลักวิชาการ ตามประสบการณืของผู้สอนที่จะถ่ายทอดให้ฟัง ให้คิด แต่ยังไม่ได้เจอกับตัว ...............
ทำงานเจอทั้งลูกน้องเจอทั้งนาย ................. ซ้ำยังต้องรับผิดชอบงานในหน้าที่ ไหนจะต้องกันตัวเองไม่ให้เข้าไปอยู่ในวังวนความชั่วร้าย ................. ไหนจะระวังไม่ให้ไปขัดขาใคร ................... ไหนจะต้องพัฒนาตนเอง บุคลากร รวมถึงหน่วยงาน(ถ้าสำนึก) ............... ไหนจะต้องอึดอัดใจ ท้อใจ ลำบากใจ ในสิ่งที่ตนเองคิดว่าถูกแต่นโยบายเบื้องสูงไม่ทำ ตามที่เราคิด .................. ไหนจะระวังตัวว่า ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้นาย ให้หน่วยงานเห็น แต่ต้องไม่เชื่อมั่นขนาด"ดื้อ" (เราคิดว่าเจ๋ง แต่คนอื่นว่าไอ้บ้านี่ดื้อ)....................... ฯลฯ
เลือกทางเองครับ ................ คนเรามีทางเลือกไม่มากนัก บางคนอาจจะแค่ทางเดียว (ถ้าไม่เปลี่ยนวิถีชีวิตกลางคัน) ...............
สอบเข้าไม่ได้ ก็อย่าบ่น .............. เลือกทางใหม่เอา ถ้าทุกคนเลือกได้ตามที่ใจนึก ทำตามที่ตนเองต้องการได้เสียทั้งหมด โลกใบนี้คงแปลกๆ
