เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ธันวาคม 26, 2025, 05:27:04 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: --- สาระความรู้ : ตอน ตำนานดาบปลายปืน ---  (อ่าน 12960 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Siri_Pat รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 124
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 410



« เมื่อ: มีนาคม 28, 2009, 04:48:13 PM »

เครดิต ภาพและความรู้จากคุณ "เจไดหนุ่ม" แห่ง Pantip ครับ Grin


หลายคนคงเคยสงสัยกันอยู่ว่า ดาบปลายปืน มีที่มาอย่างไร ใครเป็นต้นคิด และปัจจุบัน ยังมีความจำเป็นอยู่หรือไม่ วันนี้เรามาดูกัน

เจ้าดาบปลายปืนหรือว่า "Bayonet" นั้นมีการริเริ่มใช้กันมาในยุโรปตั้งแต่สมัยศตวรรษที่17 โดยนักประวัติศาสตร์หลายคนเชื่อว่าความจริงแล้วเจ้าดาบปลายปืนที่ทหารยุโรปใช้นั้นมีต้นกำเนิดมาจากเมือง "Bayonne" ที่อยู่ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส 

โดยผู้คนในเมืองซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อย "Basques" ในสมัยนั้นได้ขาดแคลนดินปืนแลกระสุนดินดำที่จะนำมาใช้กับปืนคาบศิลาของตนเอง  พวกเขาจึงได้ดัดแปลงเอาอาวุธมีคมจำพวกมีดล่าสัตว์มาติดเอาไว้กับกระบอกปืนเพื่อการรบในระยะประชิด  จนต่อมาวัฒนธรรมการติดดาบไว้ที่ปลายปืนจึงแพร่หลายไปทั่วกองทัพของประเทศในแถบยุโรปนั่นเอง....

จากภาพ รูปดาบปลายปืนของทหารฝรั่งเศสในยุคแรกๆ (ประมาณปลายศตวรรษที่17)


บันทึกการเข้า

พลี..กายปกป้อง แดนดิน

ชีพ..สิ้น...ก็ไม่นึกหวั่น..

เพื่อ..รักษาเอกราช..ให้คงมั่น..

ชาติ..ย่อมสำคัญ..กว่าตนเอง..
Siri_Pat รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 124
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 410



« ตอบ #1 เมื่อ: มีนาคม 28, 2009, 04:52:47 PM »

โดยเหตุผลหนึ่งที่ทำให้วัฒนธรรมการติดดาบปลายปืนนี้แพร่หลายไปอย่างรวดเร็วก็เพราะว่าในสมัยก่อนปืนที่ทหารเขาใช้กันจะเป็นปืนคาบศิลา

ซึ่งเจ้าปืนคาบศิลาจะมีกลไกการทำงานไม่เหมือนปืนสมัยนี้  เพราะการจะยิงได้แต่ละนัดนั้นจำเป็นต้องใช้เวลาในการบรรจุนานพอสมควร  ยิ่งสมัยที่พวกทหารยุโรปยังใช้ระบบ "ฟรินทซ์ล็อค" หรือ "วิลล็อค" ซึ่งทหารจำต้องเทดินปืนกรอกลงไปที่ปลายกระบอกแล้วนำกระสุนพร้อมกระดาษใส่ก่อนจะนำเหล็กมากระทุ้งอัดจึงจะยิงได้
 
แม้ต่อมาจะได้มีการพัฒนามาใช้แก๊ปซึ่งบรรจุทุกอย่างไว้ในซองเดียวกันครบเซ็ททหารเพียงกัดฉีกตรงปากซองแล้วยัดๆๆแยงๆๆก็ใช้ยิงได้  แต่ยังไงทุกรูปแบบก็ล้วนต้องเสียเวลาในการบรรจุลูกเพื่อเตรียมยิงในแต่ละครั้งนานพอสมควร 

นั่นจึงเป็นช่องให้ทหารม้าของข้าศึกมีโอกาสพุ่งเข้าชาร์จใส่แถวทหารปืนคาบศิลาจนแตกกระบวน  เลยทำให้สมัยก่อนเวลารบกันด้วยปืนในยุคแรกๆ นั้นกองพลปืนจึงจำเป็นต้องมีทหารราบติดอาวุธยาวจำพวกหอกคอยคุ้มกันไปด้วยเพื่อปกป้องกำลังพลของฝ่ายตนเองจากทหารม้าข้าศึกนั่นเอง....


รูปดาบปลายปืนที่นิยมใช้กันในช่วงปลายยุคศตรวรรษที่19




บันทึกการเข้า

พลี..กายปกป้อง แดนดิน

ชีพ..สิ้น...ก็ไม่นึกหวั่น..

เพื่อ..รักษาเอกราช..ให้คงมั่น..

ชาติ..ย่อมสำคัญ..กว่าตนเอง..
Siri_Pat รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 124
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 410



« ตอบ #2 เมื่อ: มีนาคม 28, 2009, 05:01:36 PM »

ช่วงยุคนี้ดาบปลายปืนจะเริ่มมีด้ามจับแบบมีดแล้วและใช้วิธีล็อคติดกับแกนด้านล่างของปืน  ต่างกับสมัยก่อนหน้าที่มักจะทำเป็นรูกลวงไว้ตรงปลายเพื่อเอาไว้สอดล็อคตรงลำกล้องปืน


ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าพวกทหารหอกนั้นถึงจะสามารถต่อกรกับทหารม้าได้ดีแค่ไหน  แต่สุดท้ายแล้วพลทหารราบติดหอกก็เปรียบเสมือนเป้าชิ้นโตให้พลปืนข้าศึกสอยร่วงดีๆนั่นเอง เพราะยุคนั้นเสื้อเกราะที่สามารถทนทานต่ออำนาจการทะลุทะลวงของปืนคาบศิลาได้นั่นยังไม่ค่อย
แพร่หลายและมีต้นทุนการผลิตที่ค่อนข้างสูงมาก

 ดังนั้นแนวคิดที่จะรวมพลปืนคาบศิลาเข้ากับพลหอกเข้าด้วยกันจึงมาสำเร็จเอาด้วยเจ้าดาบปลายปืนนี่แหละครับ  ที่ทหารสามารถนำมันมาติดกับปืนคู่กายใช้เพื่อต่อกรกับม้าของข้าศึกได้  (ดาบปลาบปืนสมัยก่อนจะค่อนข้างยาวครับ  ถึงแม้จะเกะกะแต่ก็เหมาะอย่างยิ่งในการรับมือกับทหารม้าข้าศึก)


จากภาพ แสดงถึงกองทหารของยุโรปในสมัยก่อน....จะเห็นว่ามีทหารถือหอกยืนอยู่ด้วย





ดังนั้นโดยการรบด้วยปืนคาบศิลาในสมัยก่อนจึงมีแนวคิดในการจัดแถวและสับเปลี่ยนรูปขบวนมากมายหลายหลาก เหตุผลหนึ่งก็เพราะการบรรจุลูกกระสุนแต่ละครั้งนั้นค่อนข้างช้าแถมกระสุนที่ยิงออกไปก็ยังเอาแน่เอานอนหาความแม่นยำไม่ค่อยจะได้  ดังนั้นการจัดทัพการยิงให้เหมาะสมถูกจังหวะและเวลาจึงเป็นตัวชี้วัดผลการรบได้เลย  ซึ่งโดยส่วนมากแล้วประเทศในยุโรปมักใช้วิธีจัดทัพแบบทรงจัตุรัสหรือสี่เหลี่ยมผืนผ้าตอนลึก


กล่าวคือพอทหารแถวแรกยิงเสร็จปุ๊ป! ก็จะรีบวิ่งไปต่อท้ายด้านหลังสุด (ถ้ายังไม่ตายซะก่อน)  ก่อนจะเปิดโอกาสให้แถวต่อไปได้ยิงทันทีซึ่งกว่าที่แถวต่อมาจะยิงจนเสร็จทหารแถวแรกที่วิ่งไปต่อท้ายก่อนใครเพื่อนนั้นก็จะบรรจุกระสุนเสร็จและพร้อมยิงต่อทันทีโดยไม่ติดขัด เพียงแต่มันจะมีอยู่ประเทศหนึ่งที่แปลกกว่าคนอื่นเขานั่นก็คือพวกอังกฤษ ที่มักจะจัดการยิงแถวแค่สองแถว (แถวหน้านั่งยองแถวหลังยืน) เป็นแนวยาวหรือจัดแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ไม่เน้นความลึก....

นั่นก็เพราะพวกอังกฤษถือว่าทหารแต่ละคนของตนนั้นล้วนเป็นทหารอาชีพซึ่งมีฝีมือสูง  ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่แปลกที่เขาจะโอ้อวดแบบนี้ได้ เพราะทหารราบอังกฤษในสมัยก่อนนั้นจำเป็นต้องฝึกหนักมากกว่าที่จะออกรบได้จริง นั่นจึงทำให้พวกเขาสามารถทำเวลาในการบรรจุกระสุนได้รวดเร็วมาก  ดังนั้นการจัดแถวแค่สองแถวจึงเพียงพอแล้ว

แต่พอมาเจอพวกกองโจรชาวอาณานิคมอเมริกันในการรบเพื่อประกาศอิสรภาพที่อเมริกา  กองทหารเสื้อแดงของอังกฤษก็ต้องแพ้ร่นไม่เป็นท่าเหมือนกัน




บันทึกการเข้า

พลี..กายปกป้อง แดนดิน

ชีพ..สิ้น...ก็ไม่นึกหวั่น..

เพื่อ..รักษาเอกราช..ให้คงมั่น..

ชาติ..ย่อมสำคัญ..กว่าตนเอง..
Siri_Pat รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 124
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 410



« ตอบ #3 เมื่อ: มีนาคม 28, 2009, 05:04:04 PM »

ส่วนในสมัยปัจจุบันนี้เมื่อาวุธปืนได้พัฒนาไปจนถึงขั้นสามารถเชื่อใจในความแม่นยำและแน่นอนอีกทั้งยังไม่ต้องใช้เวลามากมายในการบรรจุกระสุนเหมือนเมื่อก่อน 

ดาบปลายปืนจึงค่อยๆ เลือนหายไปจากการสู้รบ โดยดาบปลายปืนสมัยนี้จะถูกลดขนาดลงมาจนกลายสภาพเป็นมีดพกของทหารที่สามารถนำมาติดไว้ที่กระบอกปืนด้วยอุปกรณ์เสริมมากกว่าครับ

รูปภาพเจ้า "OKC-3S" หรือมีดพกM9รุ่นล่าสุดของทหารอเมริกา  ที่ถูกพัฒนาโดยเหล่านาวิกโยธินเพื่อนำมาใช้ติดตั้งกับปืนไรเฟิล



บันทึกการเข้า

พลี..กายปกป้อง แดนดิน

ชีพ..สิ้น...ก็ไม่นึกหวั่น..

เพื่อ..รักษาเอกราช..ให้คงมั่น..

ชาติ..ย่อมสำคัญ..กว่าตนเอง..
Siri_Pat รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 124
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 410



« ตอบ #4 เมื่อ: มีนาคม 28, 2009, 05:06:00 PM »

ภาพการฝึกใช้ดาบปลายปืนของทหารเยอรมันในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1



บันทึกการเข้า

พลี..กายปกป้อง แดนดิน

ชีพ..สิ้น...ก็ไม่นึกหวั่น..

เพื่อ..รักษาเอกราช..ให้คงมั่น..

ชาติ..ย่อมสำคัญ..กว่าตนเอง..
Siri_Pat รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 124
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 410



« ตอบ #5 เมื่อ: มีนาคม 28, 2009, 05:08:30 PM »

ในยุคปัจจุบัน

รูปนาวิกโยธินของกองทัพไต้หวันกำลังฝึกการต่อสู้ด้วยดาบปลายปืน






บันทึกการเข้า

พลี..กายปกป้อง แดนดิน

ชีพ..สิ้น...ก็ไม่นึกหวั่น..

เพื่อ..รักษาเอกราช..ให้คงมั่น..

ชาติ..ย่อมสำคัญ..กว่าตนเอง..
Siri_Pat รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 124
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 410



« ตอบ #6 เมื่อ: มีนาคม 28, 2009, 05:11:14 PM »

คราวนี้ มาดูเมืองต้นกำเนิดของดาบปลายปืนกันบ้าง....

รูปเมือง "Bayonne" ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสในปัจจุบัน  ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นต้นกำเนิดของเจ้าดาบปลายปืน "Bayonet" นั่นเอง

บันทึกการเข้า

พลี..กายปกป้อง แดนดิน

ชีพ..สิ้น...ก็ไม่นึกหวั่น..

เพื่อ..รักษาเอกราช..ให้คงมั่น..

ชาติ..ย่อมสำคัญ..กว่าตนเอง..
Siri_Pat รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 124
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 410



« ตอบ #7 เมื่อ: มีนาคม 28, 2009, 05:13:07 PM »

สินค้าขึ้นชื่อของเมือง "Bayonne" นี้ก็คือผลิตภัณท์จำพวก "ช็อคโกแลตโฮมเมด" ซึ่งชาวเมืองทำกันขึ้นมาขายเอง
เป็นเวลานานถึง500กว่าปีแล้ว  และสิ่งสำคัญซึ่งขาดไม่ได้เลยก็คือ "Bayonne ham"  ซึ่งเป็นหมูแฮมรมควันแห้งสูตรพิเศษที่เวลาขาย
ยกชิ้นจะต้องได้รับการประทับตราชื่อเมืองลงไปด้วยทุกครั้งว่าผลิตจากที่นี่จริงๆครับ

(รูปหมูแฮมสูตรพิเศษประจำเมืองที่ไม่ใช่หมูแฮมหงิก)

บันทึกการเข้า

พลี..กายปกป้อง แดนดิน

ชีพ..สิ้น...ก็ไม่นึกหวั่น..

เพื่อ..รักษาเอกราช..ให้คงมั่น..

ชาติ..ย่อมสำคัญ..กว่าตนเอง..
Siri_Pat รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 124
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 410



« ตอบ #8 เมื่อ: มีนาคม 28, 2009, 05:15:49 PM »

ยังไม่หมดครับของกินอีกอย่างที่ทำให้เมืองนี้มีชื่อเสียงมากก็คือเจ้าซอส "Bayonnaise" หรือที่คนไทยบ้านเราเรียกติดปากกันว่า "มายองเนส" นั่นเองครับ

โดยต้นกำเนิดของเจ้าซอสสัญชาติฝรั่งเศสมายองเนสนั้นล้วนมีมากมายหลากหลายอย่างครับ 

แต่นาย "Carame" ซึ่งเป็นพ่อครัวมือหนึ่งผู้เป็นต้นกำเนิดตำราศิลปะการทำอาหารของฝรั่งเศสกลับแย้งว่า เจ้าซอสมายองเนสนั้นความจริงแล้วมันมีต้นกำเนิดในเมือง "Bayonne" นี่เอง  ซึ่งเขาเชื่อว่าตอนแรกชาวเมืองจะเรียกเจ้าซอสสีครีมนี้ว่า "Bayonnaise" ตามชื่อเมืองแต่ต่อมาได้เพี้ยนกลายเป็น "Mayonnaise"(มายองเนส)นั่นเอง



บันทึกการเข้า

พลี..กายปกป้อง แดนดิน

ชีพ..สิ้น...ก็ไม่นึกหวั่น..

เพื่อ..รักษาเอกราช..ให้คงมั่น..

ชาติ..ย่อมสำคัญ..กว่าตนเอง..
rute - รักในหลวง
Forgive , But not Forget .
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1960
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 22591


"ผลิดอกงามแตกกิ่งใบ..."


« ตอบ #9 เมื่อ: มีนาคม 28, 2009, 05:34:27 PM »

ขอบคุณครับ...Cheesy
บันทึกการเข้า
IQ zeroรักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 9
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 114



« ตอบ #10 เมื่อ: มีนาคม 29, 2009, 12:11:54 AM »

ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆครับ
บันทึกการเข้า
สีอำพัน-รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 258
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4432



« ตอบ #11 เมื่อ: มีนาคม 29, 2009, 12:22:48 PM »

ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า

อันวันใดไม่สำคัญเท่าวันนี้ เป็นวันที่สำคัญกว่าวันไหน
อันวันนี้สำคัญกว่าวันใด  วันไหนไหนไม่สำคัญเท่าวันนี้
Don Quixote
Only God delivers the judgement, we only deliver the suspects.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 987
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16169


,=,"--- X Santiago... !!


เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: มีนาคม 29, 2009, 01:15:55 PM »

ช่วงยุคนี้ดาบปลายปืนจะเริ่มมีด้ามจับแบบมีดแล้วและใช้วิธีล็อคติดกับแกนด้านล่างของปืน  ต่างกับสมัยก่อนหน้าที่มักจะทำเป็นรูกลวงไว้ตรงปลายเพื่อเอาไว้สอดล็อคตรงลำกล้องปืน


ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าพวกทหารหอกนั้นถึงจะสามารถต่อกรกับทหารม้าได้ดีแค่ไหน  แต่สุดท้ายแล้วพลทหารราบติดหอกก็เปรียบเสมือนเป้าชิ้นโตให้พลปืนข้าศึกสอยร่วงดีๆนั่นเอง เพราะยุคนั้นเสื้อเกราะที่สามารถทนทานต่ออำนาจการทะลุทะลวงของปืนคาบศิลาได้นั่นยังไม่ค่อย
แพร่หลายและมีต้นทุนการผลิตที่ค่อนข้างสูงมาก

 ดังนั้นแนวคิดที่จะรวมพลปืนคาบศิลาเข้ากับพลหอกเข้าด้วยกันจึงมาสำเร็จเอาด้วยเจ้าดาบปลายปืนนี่แหละครับ  ที่ทหารสามารถนำมันมาติดกับปืนคู่กายใช้เพื่อต่อกรกับม้าของข้าศึกได้  (ดาบปลาบปืนสมัยก่อนจะค่อนข้างยาวครับ  ถึงแม้จะเกะกะแต่ก็เหมาะอย่างยิ่งในการรับมือกับทหารม้าข้าศึก)


จากภาพ แสดงถึงกองทหารของยุโรปในสมัยก่อน....จะเห็นว่ามีทหารถือหอกยืนอยู่ด้วย





ดังนั้นโดยการรบด้วยปืนคาบศิลาในสมัยก่อนจึงมีแนวคิดในการจัดแถวและสับเปลี่ยนรูปขบวนมากมายหลายหลาก เหตุผลหนึ่งก็เพราะการบรรจุลูกกระสุนแต่ละครั้งนั้นค่อนข้างช้าแถมกระสุนที่ยิงออกไปก็ยังเอาแน่เอานอนหาความแม่นยำไม่ค่อยจะได้  ดังนั้นการจัดทัพการยิงให้เหมาะสมถูกจังหวะและเวลาจึงเป็นตัวชี้วัดผลการรบได้เลย  ซึ่งโดยส่วนมากแล้วประเทศในยุโรปมักใช้วิธีจัดทัพแบบทรงจัตุรัสหรือสี่เหลี่ยมผืนผ้าตอนลึก


กล่าวคือพอทหารแถวแรกยิงเสร็จปุ๊ป! ก็จะรีบวิ่งไปต่อท้ายด้านหลังสุด (ถ้ายังไม่ตายซะก่อน)  ก่อนจะเปิดโอกาสให้แถวต่อไปได้ยิงทันทีซึ่งกว่าที่แถวต่อมาจะยิงจนเสร็จทหารแถวแรกที่วิ่งไปต่อท้ายก่อนใครเพื่อนนั้นก็จะบรรจุกระสุนเสร็จและพร้อมยิงต่อทันทีโดยไม่ติดขัด เพียงแต่มันจะมีอยู่ประเทศหนึ่งที่แปลกกว่าคนอื่นเขานั่นก็คือพวกอังกฤษ ที่มักจะจัดการยิงแถวแค่สองแถว (แถวหน้านั่งยองแถวหลังยืน) เป็นแนวยาวหรือจัดแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ไม่เน้นความลึก....

นั่นก็เพราะพวกอังกฤษถือว่าทหารแต่ละคนของตนนั้นล้วนเป็นทหารอาชีพซึ่งมีฝีมือสูง  ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่แปลกที่เขาจะโอ้อวดแบบนี้ได้ เพราะทหารราบอังกฤษในสมัยก่อนนั้นจำเป็นต้องฝึกหนักมากกว่าที่จะออกรบได้จริง นั่นจึงทำให้พวกเขาสามารถทำเวลาในการบรรจุกระสุนได้รวดเร็วมาก  ดังนั้นการจัดแถวแค่สองแถวจึงเพียงพอแล้ว

แต่พอมาเจอพวกกองโจรชาวอาณานิคมอเมริกันในการรบเพื่อประกาศอิสรภาพที่อเมริกา  กองทหารเสื้อแดงของอังกฤษก็ต้องแพ้ร่นไม่เป็นท่าเหมือนกัน






ขอบคุณมากครับ

ขออนุญาติเสริมครับ คือในรูปวาดนี้ไม่ได้เป็นตัวอย่างของกองทัพมาตรฐาน แต่เป็นรูปกองกำลังในเหตุการณ์เรียกร้องทางการเมิองของฝรั่งเศส ป้ายที่ถืออยู่เขียนว่า Live free or die สังเกตุได้ว่าไม่ได้แต่งเครื่องแบบกัน และโดยเฉพาะคนที่ถือหอก เสื้อผ้าตามสบายที่สุด จากแฟชั่นควรจะเป็นเหตุการณ์ในปี 1789 ช่วงปฏิวัติพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 มากกว่าเหตุการณ์ปฏิวัติในปี 1830

เหตุผลอย่างหนึ่งที่ไม่ได้นำดาบมาติดปืนก่อนสมัยปืนคาบศิลาคือก่อนหน้านั้นเป็นปืนคาบชุด และ Wheel lock ซึ่งมีน้ำหนักมาก ขนาดเวลายิงต้องมีขาตั้ง คิดดาบไปจึงเทอทะเกิน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 29, 2009, 01:19:49 PM โดย Wilhelm Tell -(-- » บันทึกการเข้า

Thou shalt have guns.
Thou shalt have tons of ammo.
Thou shalt shoot well.
Thou shalt not rely on help from the stranger.
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.081 วินาที กับ 20 คำสั่ง